ถาม : ดร.ทักษิณมีเคล็ดลับในการบริหารธุรกิจอย่างไร จึงประสบความสำเร็จอย่างสูง และอย่างรวดเร็ว?
ตอบ : ความสำเร็จในการบริหารธุรกิจนั้น คงต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างรวมกัน สิ่งที่คนทำธุรกิจ ทุกคนต้องมีคือ ต้องกล้าฝันและทะเยอทะยาน ต้องมีวิสัยทัศน์ และรู้ข้อจำกัดของตัวเรา ต้องมองธุรกิจออก กล้าทำธุรกิจในเชิงรุกธุรกิจเป็นเรื่องต้องแข่งขัน ผมชอบคิดอะไรไม่เหมือน
คนอื่น ทำให้ได้มุมมองที่เหนือกว่า ธุรกิจอยู่ที่ฐานข้อมูล ข้อมูลมาก ข้อมูลทันสมัย ก็สามารถตัดสินใจได้เร็ว และ แม่นยำ การที่เคยรับราชการทำให้ผมได้เปรียบ คือ รู้เรื่องระเบียบกฎหมาย รู้เรื่องเทคโนโลยี และกล้าตัดสินใจด้วยองค์ประกอบหลายอย่างดังกล่าวผมถึงมีวันนี้ได้
ที่ห้องทำงานของผมมีสโลแกน
"WINNER-LOSER"
ติดอยู่ ผมถือว่านี่คือปรัชญาที่ดี คือ
คนเป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ มีทัศนคติของทั้งผู้ชนะและผู้แพ้แต่บางครั้งคนคนเดียวมีความเป็นผู้ชนะอยู่ในตัวตลอดเวลา
ในขณะที่บางคนไม่มีโอกาสชนะเลย เพราะเขามีความเป็นผู้แพ้อยู่ในตัวตลอดเวลา
อย่าลืมว่า ผู้แพ้เห็นปัญหาทุกครั้งที่มีโอกาส ส่วนผู้ชนะเห็นโอกาสทุกครั้งที่มีปัญหา
ถาม : วันนี้ดร.ทักษิณยังคงมีบทบาทในธุรกิจเครือชินวัตรหรือไม่มากน้อยแค่ไหน?
ตอบ : ผมลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจในเครือชินวัตรทุกตำแหน่ง ก่อนที่ผมจะเข้ารับตำแหน่งทางการเมืองครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฐานะของผมและครอบครัวคือผู้ถือหุ้นของบริษัทต่างๆของธุรกิจในเครือชินวัตร การบริหารการจัดการทางธุรกิจ ของกลุ่มบริษัทชินวัตรอยู่ภายใต้การดำเนินงานของนักบริหารนักจัดการมืออาชีพอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามในฐานะผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัท และผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจการสื่อสารผู้บริหารกลุ่มบริษัทชินวัตรได้มาขอคำปรึกษาบ้าง เมื่อมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจหรือสภาพทางธุรกิจที่แปรเปลี่ยนไป แต่การตัดสินใจจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ยังคงเป็นของผู้บริหารมืออาชีพเสมอ
ธุรกิจที่พัฒนาเร็วอย่างการสื่อสารนั้น ผู้บริหารต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
กำหนดนโยบายอย่างฉับไว ดูแลการปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด
ไม่มีที่ว่างสำหรับนักบริหารสมัครเล่น หรือ Part Time หรอก
ถาม : ดร.ทักษิณ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยอยู่แล้วเหตุใดจึงสนใจการเมือง?
ตอบ : ผมเห็นว่าต้นตอของความล้มเหลวในการพัฒนาประเทศ
เกิดจากการเมืองที่ไม่ดีไม่พัฒนา ที่สนใจการเมืองเพราะมีความตั้งใจว่าอยากเห็นการเมืองดีขึ้น เพราะว่าถ้าการเมืองดีขึ้น
เราได้นักการเมืองที่ดี สังคมก็จะดีขึ้น
ความสนใจการเมืองของผมไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น พ่อผมเป็นนักการเมือง เคยเป็นส.ส.เชียงใหม่ ผมเคยติดตามพ่อไปหาเสียง ไปประชุมทางการเมือง พอมาเป็นตำรวจ มีอยู่ระยะหนึ่งเคยเป็นนายตำรวจติดตามรัฐมนตรีปรีดา พัฒนถาบุตรความสนใจการเมืองอยากให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้าจึงมีมานานแล้ว
ผมดีใจมากที่ประเทศไทยของเราได้รัฐธรรมนูญใหม่
บางคนเห็นว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มีรายละเอียดมาก บางคนว่ายาวเกินไปตั้ง 336 มาตรา
ผมเห็นว่าจะสั้นจะยาวไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมเห็นว่าสาระสำคัญหรือเจตนารมย์ที่ร้อยรัดอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต่างหากที่สำคัญ
คือระบบการเมืองต้องโปร่งใส ระบบการเมืองที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เป็นระบบที่มีการตรวจสอบและถ่วงดุลย์ และที่สำคัญคือเป็นการสร้างระบบการเมืองที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นหลัก
ผมมีความมั่นใจว่า
หลักการในรัฐธรรมนูญ โครงสร้างของระบบการเมืองที่ระบุไว้ในกฎหมายหลักรวมทั้งรายละเอียดของกฎหมายประกอบ จะกระตุ้นให้คนที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมืองเข้าสู่วงการเมืองมากขึ้น
ใครก็ตามที่ไม่พร้อมจะรับการตรวจสอบจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนพอมีพอกิน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ หรือข้าราชการ ไม่ว่าเป็นเจ้าของกิจการหรือนักบริหารอาชีพ ถ้าไม่พร้อมจะถูกตรวจสอบ ก็คงไม่กล้าเดินเข้าสู่วงการทางการเมือง
จากคุณ :
นวรรณรุจน์
- [
16 ม.ค. 50 11:26:36
A:58.8.50.186 X:
]