ความคิดเห็นที่ 1 ต่อๆ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสรับสั่งว่าอยากให้เรียนบริหาร เราก็ยังกราบทูลถามว่าบริหารอะไร พระองค์ท่านก็รับสั่งตอบว่า บริหารทุกอย่างนั่นแหละ       ก็อย่างที่มีรับสั่ง เรียนอยู่ 2 ปี กลับมาตอนอายุ 44 ก็ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มาบริหารการเงินที่กองคลังเป็นอันดับแรก เป็นผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ในตำแหน่งหัวหน้ากองคลัง จากกองคลังก็มาเป็นผู้ช่วยบริหารการเงินแล้วก็มาเป็น รองเลขาธิการเลย กระโดดเร็วมาก อยู่ตำแหน่งเลขาธิการพระราชวังมาก็ 17-18 ปีแล้ว "       คุณแก้วขวัญ ได้ทำงานรับใช้สนองพระมหากรุณาธิคุณ อย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ สุจริต ต่อหน้าที่ที่ได้รับพระราชทานพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหน้าที่การงานที่เจริญก้าวหน้าเป็นลำดับนั้น มีหลายคนมักกล่าวว่า "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" แต่สำหรับคุณแก้วขวัญ กล่าวอย่างหนักแน่นว่า ไม่หนาวหรอกแต่ร้อนมากกว่า       "(หัวเราะ) ผมว่าไม่หนาว มันร้อนมาก ร้อนที่ก้นนะ คือ ถ้าลูกน้องทำอะไรไม่ดีมันเผาหัวใจเราด้วย ทุกอย่างเราต้องรับผิดชอบ ถ้าพลาดหัวอาจขาดได้ จะเสียชื่อ เพราะเราปฏิบัติหน้าที่ไม่ดี ในการทำงานต้องรู้จักมองในมุมกว้าง ต้องขยัน ทุกวันนี้ทำงานไม่มีวันหยุดนะ ทำตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีโทรศัพท์เรียกตัวก็ต้องไป"       ท่านเลขาธิการพระราชวัง ยังบอกอีกว่า งานที่ทำแม้จะหนักและใช้ความรับผิดชอบสูงมาก แต่ท่านก็ไม่เคยรู้สึกถึงความเหนื่อยหรือท้อแท้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานให้ ฉะนั้น จึงต้องทำงานถวายการรับใช้ที่ดีที่สุด       "พระองค์ท่านทรงเลี้ยงเรามา ทรงเห็นเราตั้งแต่อายุ 17 ตอนนี้ 76 แล้ว ไม่เห็นต้องท้อแท้ตรงไหน พระองค์ท่านมีอะไรก็รับสั่ง หากไม่เป็นที่พอพระราชหฤทัยเราก็แก้ไข เราไม่ใช่คนอื่น ไม่ใช่คนแปลกหน้า ต้องรับทั้งผิด และรับชอบ เรามีหน้าที่รับใช้ ต้องทำดีที่สุดอยู่แล้ว ตอนนี้อายุมากท่านก็ยังทรงใช้อยู่แสดงว่าทรงวางพระราชหฤทัยในตัวเรา คิดแบบนี้ก็ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ แต่ก็เตรียมตัวอยู่ที่จะมีคนมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนเรา"       ในการดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพระราชวัง ก็นับว่าเป็นงานหนักอยู่แล้ว เพราะงานส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธี ถวายการรับใช้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ นอกจากนี้ คุณแก้วขวัญยังมีงานสำคัญที่อยู่ในความรับผิดชอบอีกอย่างคือ ผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ซึ่งเกิดขึ้นจากพระราชดำริใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ที่เริ่มจากวัวเพียง 5 ตัว       "โครงการส่วนพระองค์ฯ เริ่มจากวัวตัวเมีย 5 ตัว ในหลวงท่านก็ให้เราเลี้ยงวัว เพราะเรียนด้านเกษตรกรรมมา โดยหาเงินจากการจัดพิมพ์และขายหนังสือหลักวิชาการดนตรีของพระเจนดุริยางค์ สร้างโรงเลี้ยงวัวสวนจิตรลดา ถามว่ามันจะท้องได้ไง เราก็ใช้วิธีผสมเทียม นั้นก็เป็นการเริ่มต้น โครงการสวนจิตรดา"       เมื่อมีโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดาเกิดขึ้น ในปี พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณแก้วขวัญเป็นผู้จัดการโครงการในช่วงแรก แล้วจึงเปลี่ยนเป็นผู้อำนวยการในเวลาต่อมา ซึ่งคุณแก้วขวัญ กล่าวติดตลกว่า ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าท่านเลี้ยงวัวมาก่อน ที่จะได้เป็นเลขาธิการพระราชวัง       "เมื่อทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการส่วนพระองค์ฯ ขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้อำนวยการ แล้วถึงได้มาเป็นเลขาธิการพระราชวังทีหลัง ในหลวงท่านทรงย้ำด้วยนะว่าเป็นราชเลขาธิการแล้วก็อย่าทิ้งโครงการนะ โดยวัตถุประสงค์ของโครงการส่วนพระองค์ฯ มี3 ข้อ คือ หนึ่งเป็นสถานที่ทดลองและเป็นตัวอย่าง สอง เป็นโครงการไม่หวังผลกำไร แม้จะทำแล้วไม่กำไรก็ยังทำต่อไป สาม เป็นแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ข้อมูลสำหรับเกษตรกร หรือผู้สนใจ"       ดังที่พสกนิกรชาวไทยได้ประจักษ์แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงใช้พื้นที่ภายในสวนจิตรลดา อันเป็นที่ประทับส่วนหนึ่งใช้ในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อเป็นแหล่งทดลองวิทยาการใหม่ๆ เกี่ยวกับการเกษตรมากมาย ทั้งทรงเป็นแบบอย่างในการดำรงชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาชนของพระองค์ จากคุณ : อนุบาลคอมฯแก๊งค์ (Sir'มดตะนอย) - [ 22 ม.ค. 50 02:21:45 A:125.24.158.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 อีกนิดๆ..... ปัจจุบัน การดำเนินงานของ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ โครงการที่ไม่ใช่ธุรกิจ ซึ่งได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากหน่วยราชการต่างๆ ที่สนองแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาประสิทธิภาพทางการเกษตร อาทิ โครงการป่าไม้สาธิต นาข้าวทดลอง ข้าวไร่ โครงการทดลองปลูกพืชพรรณ : งานศึกษาทดลงปลูกมะกอกโอลีฟในประเทศไทย ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา ฯลฯ และโครงการกึ่งธุรกิจ เป็นโครงการที่มีการบริหารการเงินครบวงจร มีรายได้ รายจ่าย แต่ไม่มีโบนัส อาทิ โรงโคนมสวนจิตรลดา ศูนย์รวมนมสวนจิตรลดา โรงนมเม็ดสวนดุสิต โรงอาหารปลาและสาหร่ายเกลียวทอง ฯลฯ เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วในของพื้นที่โครงการส่วนพระองค์ฯ นั้น เต็มไปด้วยโครงการทดลองมากมายที่มีประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรไทย       ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ คุณแก้วขวัญ ในฐานะผู้อำนวยการ โครงการ ได้ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท โดยการนำพื้นที่บางส่วนภายใน "สวนอุไทยธรรม" อันเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากคุณปู่ บริเวณย่านรังสิต ปทุมธานี มาใช้เพื่อการทดลองเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง และ ปลูกมะกอกโอลีฟ ซึ่งคุณแก้วขวัญ ให้เหตุผลว่า...       "สมเด็จศรีนครินทราฯ ท่านส่งโปรดให้ไปเรียนการเกษตร เพราะทรงมีพระดำริว่า เป็นเกษตรกรไม่ต้องไปง้อใคร ยังไงก็ไม่อดตาย อีกทั้งผมเป็นผู้อำนวยโครงการส่วนพระองค์ฯ อยู่ การทำเช่นนี้ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้อื่นด้วย และพื้นที่ตรงนี้ก็เหมาะสม ที่ดินก็ไม่ใช่ของคนอื่นเป็นของเราเอง ถ้าเราไปเบียดเบียนคนอื่นก็ว่าไปอย่าง รายได้ที่เกิดขึ้นก็เข้าโครงการส่วนพระองค์ฯ ไม่ได้เข้ากระเป๋าตัวเอง เพราะเราใช้เจ้าหน้าที่ของโครงการมาทำ มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเขียนไว้หมด ทั้งรายรับ รายจ่าย ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร"       คุณแก้วขวัญ เล่าว่า สวนอุไทยธรรม นี้เป็นที่ดินมรดกจากคุณปู่คือ พระยาอุทัยธรรม มีที่ดินอยู่ที่รังสิต 600 ไร่ แบ่งให้ลูก 3 คน คนละ 200 ไร่ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (ก๊าด วัชโรทัย) คุณพ่อของท่านก็แบ่งให้ลูกอีก 3 คน คนละ 65 ไร่ คุณแก้วขวัญจึงได้ตั้งชื่อว่า "สวนอุไทยธรรม" ตามชื่อของคุณปู่ ภายในสวนนี้คุณแก้วขวัญ ใช้วิชาเกษตรกรรมที่ร่ำเรียนมาลงมือบุกเบิกเองกับมือโดย จากผืนนา น้ำท่วมถึง ก็ถมดินจนสูง ส่วนหนึ่งลงปลูกต้นมะม่วง และพืชอื่นๆ รวมถึงปลูกบ้านไว้พักผ่อน       "เมื่อตามเสด็จพระราชดำเนินกลับจากสวิสเซอร์แลนด์ ได้รับพระราชทานแต่งตั้งให้เป็นข้าราชการชั้นตรี ก็ตั้งใจจะทำสวน แต่คุณพ่อไม่ยอม เพราะให้เขาเช่าทำนาอยู่ ท่านก็ว่าจะไปรังแกเบียดเบียนชาวบ้านทำไม ทำงานรับราชการมีเงินเดือนแล้วไม่ต้องไปเบียดเบียนเขา พอคุณพ่อเสียถึงได้เข้ามาทำ ใหม่ๆ ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น น้ำท่วมทุกปี ก็ซื้อดินมาถม เรามีเงินน้อย ก็ค่อยๆ ทำไป ลงมะม่วงไว้ส่วนหนึ่ง ปลูกมะกอกน้ำด้วย กว่าจะได้อย่างที่เห็นใช้เวลากว่า 30 ปี ก็ถือว่าส่วนหนึ่งเราได้ทำพระราชประสงค์สมเด็จฯ พระบรมราชชนนี ที่ทรงอยากให้ผมเป็นเกษตรกร"       ในส่วนของการเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง และ ปลูกต้นมะกอกโอลีฟ คุณแก้วขวัญ เล่าว่า กำลังไปได้สวย โดยเฉพาะสาหร่ายเกลียวทองได้ผลดีกว่าเลี้ยงที่สวนจิตรลดามาก เพราะด้วยสภาพแวดล้อม ปัจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของสาหร่าย ทำให้ผลผลิตที่ได้ดีมาก ขณะนี้สามารถขยายการเลี้ยงได้ถึง 8 บ่อ และกำลังสร้างเพิ่มอีก 12 บ่อ       "สาหร่ายเกลียวทองที่สวนอุไทยธรรมจะได้ผลดีกว่าที่สวนจิตรลดามาก เพราะอากาศดี แสงแดดส่องถึงตลอดเวลา ทำให้สาหร่ายที่ได้มีกลิ่นหอมธรรมชาติ มีการนำไปแปรรูปมีสาหร่ายอบแห้ง ข้าวเกรียบสาหร่าย เยลลี่สาหร่าย สาหร่ายเกลียวทองบรรจุแคปซูล ตอนแรกก็คิดว่า 8 บ่อนี้ ทำแล้วจะขายใคร แต่ผลที่ออกมา กลับทำไม่ทันขาย ก็ต้องขยายอีก 12 บ่อ เป็น 20 บ่อ ก็คงจะไม่ขยายอีก เพราะทำเพื่อเป็นการทดลอง เพื่อเป็นตัวอย่าง       มีช่วงหนึ่งที่เราทำไม่ทันขาย ลูกน้องก็ไปรับเอาของที่อื่นมา ซึ่งยังไม่ค่อยได้มาตรฐาน ผมก็บอกว่าไม่ได้นะ ทำอย่างนี้ใครเสียรู้ไหม เพราะเราใช้ชื่อโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ผมกล้าพูดนะ สาหร่ายเกลียวทอง โครงการส่วนพระองค์ฯ ดีที่สุดตอนนี้ที่มีในท้องตลาด"       นอกจากสาหร่ายเกลียวทองแล้ว มะกอกโอลีฟ ก็เป็นไม้ยืนต้นอีกชนิดหนึ่งที่ สวนอุไทยธรรม โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา นำเข้ามาทดลองปลูกทั้งหมด 7 แปลง จำนวน 1,033 ต้น เป็นพันธุ์จาก ประเทศอิตาลี สเปน ฝรั่งเศส โมร็อคโค แต่ขณะนี้ยังไม่ถือว่าประสบความความสำเร็จนักในเรื่องของการติดดอกออกผล แต่ในเรื่องการเจริญเติบโตนั้น คุณแก้วขวัญ บอกว่าไม่เป็นปัญหา       "เกี่ยวกับเรื่องอากาศด้วยเพราะบ้านเราเมืองร้อน มะกอกโอลีฟเป็นไม้เมืองหนาว พอไปปลูกแถวเขาใหญ่ก็ได้ผลดีเหมือนกัน แต่ลูกยังไม่ใหญ่มาก ต้องชื่นชมลูกน้องผมเขาเก่ง ตอนแรกหวังจะใช้ลูกมะกอก ทำไปทำมา เขาพบว่ามะกอกโอลีฟนี้มีประโยชน์ทุกส่วน ก็เลยมีการทดลองสกัดใบดู ผลที่ได้มหัศจรรย์มาก สารสกัดใบกอกโอลีฟ นำมาทำครีมทาบำรุงผิวได้ ลดรอยเหี่ยวย่นได้ ผมก็ใช้ ใช้ทำสบู่ก็ได้ถนอมผิวมีกลิ่นหอม ชาใบมะกอกโอลีฟก็ดี ลดความดันโลหิตได้ ตอนแรกไม่เชื่อว่าจะมีสรรพคุณดีขนาดนั้น จนมาทดลองกับตัวเองถึงได้กล้าพูด"       น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาท่านนี้ ทำงานโดยไม่รับเงินเดือนพิเศษ คุณแก้วขวัญ กล่าวว่า ไม่ใช่ในหลวงท่านไม่พระราชทานเงินเดือน แต่ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีนครินทราฯ ที่ท่านให้เรียนทางเกษตรกรรมมา ฉะนั้น จึงต้องการใช้ความรู้ความสามารถทำงานทูลเกล้าฯ ถวายท่าน เพื่อเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานมา       ท่านเลขาธิการสำนักพระราชวัง ยอมรับว่า การได้มาทำงานในโครงการส่วนพระองค์ สวนอุไทยธรรม ก็ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งของท่าน โดยส่วนใหญ่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ถ้าไม่ติดราชการสำคัญ คุณแก้วขวัญ จะขับรถด้วยตัวเอง และพาศรีภรรยา ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย มาพักผ่อนและตรวจงานที่สวนอุไทยธรรมเป็นประจำ โดยมีบ้านพักไสตล์ยุโรปโบราณ ซึ่งเป็นมรดกจากคุณชวดของท่านผู้หญิงเพ็ญศรี นำมาปลูกไว้ที่นี่ด้วย       "บ้านนี้เป็นตึกสร้างมานานแล้ว เป็นสมบัติของท่านผู้หญิงเพ็ญศรี เดิมตั้งอยู่ที่ถนนจันทร์ เคยจะใช้เป็นเรือนหอ แต่ซ่อมไม่ไหว กระทั่งผมมาบุกเบิกสวนอุไทยธรรมนี่แหละ จะทิ้งบ้านนั้นท่านผู้หญิงก็เสียดาย ผมก็รื้อมาปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ต่อเติมเป็นบ้าน 2 ชั้น โดยรักษารูปแบบเดิมของบ้านไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง ต้องจดกันอย่างละเอียดที่เดียวว่าไม้ชิ้นนี้อยู่ตรงไหน กรอบประตูหน้าต่างอยู่ตรงไหน ไม่มีของใหม่นะเป็นของเดิมทั้งหลัง" จากคุณ : อนุบาลคอมฯแก๊งค์ (Sir'มดตะนอย) - [ 22 ม.ค. 50 02:22:27 A:125.24.158.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 สุดท้ายละคะ.... คุณแก้วขวัญ กรุณาเล่าประวัติของบ้านหลังนี้ให้ฟังว่า ท่านผู้หญิงเพ็ญศรีได้รับเป็นมรดกจากคุณทวด คือ คุณนายเหลียง เชนยะวณิช มีฉายาว่า "คุณนายล้างแบงค์" ถ้าคนกรุงเทพฯ รุ่นเก่าๆ สัก 50 ปีที่แล้วจะรู้จักดี คุณนายเหลียงมีห้องแถวให้เช่า พอถึงสิ้นเดือนเก็บค่าเช่ามาได้ ท่านก็จะมานั่งล้างแบงค์ตากให้แห้งแล้วจึงพับเก็บ นี่แหละที่มาของฉายาคุณนายล้างแบงค์ เพราะคุณทวดท่านมีอุปนิสัยเป็นคนรักความสะอาดมาก       กว่าค่อนชีวิตที่ทำงานถวายการรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด จากตำแหน่งเล็กๆ จนก้าวมาสู่การเป็นข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ที่ตำแหน่งเลขาธิการพระราชวัง คุณแก้วขวัญ กล่าวว่า พระจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ท่านได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานก็คือ ความอดทน รวมทั้งการเก็บความรู้สึก       "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้ที่เก็บความรู้สึกเก่งมาก พระองค์ท่านไม่แสดงออก แต่เราก็ยังเก็บได้ไม่เท่าพระองค์ท่าน ทรงเก็บความรู้สึกได้หมด ในเรื่องพระราชกรณียกิจต่างๆ เราก็รู้อยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่ออะไร พระองค์ท่านทรงสอนผมว่า ต้องทำให้ดีที่สุด ทำให้สำเร็จด้วย อย่างไปคิดท้อแท้ ต้องมีความอดทน เหมือนดังที่ พระบรมราชชนนี ทรงมีรับสั่งสอนผมว่า ให้เรามีความอดทน และให้มีความตั้งใจดี การจะทำสิ่งใดควรจะไตร่ตรองคิดให้รอบคอบ นึกถึงข้อดีข้อเสียก่อนจะลงมือทำ ท่านให้คติอย่างนั้น เราก็จะไม่ทำผิดทั้งๆ ที่รู้ท่านไม่ชอบ เพราะจะแสดงถึงความไม่ฉลาด ไม่มีปัญญา ท่านไม่ชอบ ท่านชอบให้คนมีความเพียรพยายาม มีความอดทน"       จากเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ กระทั่งวันนี้ คุณแก้วขวัญ มีอายุล่วงมาถึงวัย 76 ปี โดยไม่มีความคิดเลยว่าจะกราบบังคมทูลลาออกจากงานที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มอบหมายให้ทำ ซึ่งคุณแก้วขวัญ ให้เหตุผลว่า ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้เลย ต้องแล้วแต่ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หยุด เมื่อใดเท่านั้น       "บอกไม่ได้จริงๆ ว่าจะหยุดเมื่อไร ก็คงต้องแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสั่งว่า แก้วขวัญหยุดได้แล้วนะ แก่แล้ว พักผ่อนเสียทีนะ เรื่องที่จะกราบบังคมทูลลาทำไม่ได้ เพราะนับแต่พระศรีนครินทราฯ ท่านทรงเลี้ยงเรามา ถ้าจะมาลาออกไปก็ไม่ถูกต้อง เหมือนกับไม่จงรักภักดี       รู้ตัวนะว่าเราเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ต้องยอมรับความจริง ทุกวันนี้ทำงานถวายการรับใช้ตลอด 24 ชั่วโมง มีรับสั่งให้ไปตายก็ได้ ตราบใดที่ยังไม่มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งมา ก็จะทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจ เพราะเราก็ทูลเกล้าฯ ถวายชีวิตให้ท่านไปแล้ว       แต่ถ้าเมื่อไรที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หยุดทำงาน ก็อยากเที่ยว อยากไปโน่นอยากไปนี่ เพราะเวลาที่ทำงานก็ทำจริงๆ ฉะนั้น เมื่อหยุดทำงานแล้วก็อยากไปเที่ยว ก็มีซื้อไร่เอาไว้18 ไร่ ทางภาคเหนือ ก็จะไปดูแลไร่ เช่น อยู่เชียงใหม่สักเดือน แล้วก็ไปเชียงราย ลงใต้บ้าง ถ้าทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หยุดทำงานเมื่อไร ก็อยากไปเที่ยว แล้วก็จะหยุดจริงๆ นะ ถ้าถึงอายุแปดเก้าสิบ จะให้มานั่งแต่งชุดเต็มยศมาร่วมงานพระราชพิธีคงไม่ไหวแล้ว"       แม้วัยจะล่วงเลยมาถึง 76 ปีแล้ว แต่ท่านเลขาธิการพระราชวัง ก็ยังมีสุขภาพแข็งแรงสังเกตได้จากที่ท่านพาเดินชมสวนอุไทยธรรม โดยมองไม่เห็นถึงอาการเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย ซึ่งท่านได้เผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยวิธีรักษาสุขภาพง่ายๆ โดยท่านจะเข้านอนสามทุ่ม ไม่ดื่ม ไม่เที่ยว ไม่เครียด ออกกำลังกาย ในวันหยุดก็ขับรถมาที่สวนอุไทยธรรมเอง เพื่อให้หัวสมองได้คิด ได้ตัดสินใจ สมองจะได้ไม่ฝ่อ       แต่เคล็ดลับสุขภาพดีที่สำคัญของท่านคือ ต้องมีความตั้งใจดีกับเจ้านาย ส่วนเรื่องครอบครัว คุณแก้วขวัญเปิดใจถึงภรรยาคู่ทุกข์ คู่สุข รวมถึงบุตร-ธิดา ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขเช่นกันว่า...       "ท่านผู้หญิงเพ็ญศรีเป็นคนที่น่ารัก ตามใจผม คือจูงใจให้เรามีกำลังใจ เป็นคนดี ไปไหนไปด้วยกัน สมมุติว่าโชคไม่ดี ชะตาตก ช่วยเสริมกำลังใจให้ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข เขาเป็นคนขยัน ชอบเข้าสังคมมาก ยิ่งพออายุมากขึ้นยิ่งชอบงานสังคม       ส่วนลูกๆ ก็เลี้ยงแบบให้อิสระ ไม่ก้าวก่ายเรื่องของเขา สอนเขาเรื่องการทำงาน ต้องตั้งใจทำให้ดี เป็นคนดี เรามีความปารถนาดีในฐานะเป็นพ่ออยู่แล้ว ก็เรียกได้ว่าลูกๆ ก็เป็นคนดีอย่างที่เราอยากให้เป็น ไม่เคยทำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจให้พ่อแม่เลย คติอย่างหนึ่งที่บอกตัวเองและสอนลูกมาตลอดคือ เกิดมาอย่าโลภ อย่าโกรธ อย่าหลง หลงมากมีทุกข์มาก"       มองดูจากภายนอกอย่างผิวเผินหลายคนคิดว่า เลขาธิการพระราชวังท่านนี้ เป็นคนดุ จริงจังกับงาน แต่เมื่อได้มาทำความรู้จักกับท่านแล้วจะรู้ว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดี มีอารมณ์ขัน เป็นที่รักและเคารพของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่สำคัญคือ มีความจงรักเทิดทูน สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้อย่างสูงสุด       ควรค่าแก่การยกย่องในฐานะ "คนดีของแผ่นดิน...แก้วขวัญ วัชโรทัย" _____________________________________ คนดีที่เราคนไทยไม่ควรลืมค่ะ!! จากคุณ : อนุบาลคอมฯแก๊งค์ (Sir'มดตะนอย) - [ 22 ม.ค. 50 02:23:07 A:125.24.158.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่มา :http://www.yingthai-mag.com/detail.asp?ytcolumnid=2501&ytissueid=694&ytcolcatid=1&ytauthorid=233 จากคุณ : อนุบาลคอมฯแก๊งค์ (Sir'มดตะนอย) - [ 22 ม.ค. 50 02:37:37 A:125.24.158.156 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านจนจบครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ชายสามโบสถ์ - [ 22 ม.ค. 50 04:39:21 A:125.24.241.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าใจว่า.. คงกำลังเตรียมจะเปลี่ยนตัวนายกฯ จากคุณ : กาลามะชน - [ 22 ม.ค. 50 08:04:31 A:57.59.8.118 X:57.59.8.118, 203.150.30.31 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กาลามะชนแหลมคมมาก จากคุณ : Great junior - [ 22 ม.ค. 50 11:38:39 A:124.120.71.183 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 เขาเป็นคนดีคนหนึ่งที่คอยรับใช้สนองเบื้องพระยุคลบาทอย่างซื่อสัตย์ จากคุณ : อนุบาลคอมแก๊งค์ (Sir'มดตะนอย) - [ 22 ม.ค. 50 13:05:09 A:125.24.132.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจว่า.... น่าจะเหมาะ....กว่า ป๋า จากคุณ : อื่ม (kit1970) - [ 22 ม.ค. 50 13:48:37 A:125.24.217.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอโทษนะคะ อายุ 76 ยังไม่เกษียณ อีกหรอคะ เขียนอายุผิดหรือเปล่าคะ จากคุณ : เอี๋ยงเอี้ยง - [ 22 ม.ค. 50 14:52:36 A:202.57.175.219 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 จำได้ที่นายกฯทักษิณเคยเล่าให้ฟังในรายการวิทยุวันเสาร์ว่า  อาคารที่ใช้เลี้ยงรับรองราชอาคันตุกะเมื่อเดือนมิ.ย. 49 นั้น คุณแก้วขวัญ  เป็นคนเชิญนายกฯทักษิณไปดูการก่อสร้างตึกนี้ที่ค้างไว้เพราะขาดงบประมาณ  ท่านนายกฯจึงอนุมัติงบให้ 500 ล้านบาท  มีใครจำได้ไหม (นึกได้เกี่ยวกับคนนี้) จากคุณ : หนูจันทร์ - [ 22 ม.ค. 50 17:18:50 A:10.10.11.203 X:203.152.14.185 ]