เกิดอะไรขึ้นกับ สนามบินแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ สมชัย สวัสดีผล ผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ จะมาชี้แจงแถลงไขเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และเพื่อหาคำตอบร่วมกันว่า ประชาชนคนไทยยังจะสามารถภาคภูมิใจ ในสนามบินใหม่ของพวกเราต่อไปได้หรือไม่
ถาม พื้นที่ใช้สอยลดน้อยลงหรือไม่
ขอออกตัวก่อนเลยว่า สนามบินสุวรรณภูมินับเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง วัสดุที่ใช้ การออกแบบก็มีความทันสมัย และได้มีการพิจารณาร่วมกันอย่างกว้างขวาง เดิมได้มีการว่าจ้างบริษัทจีอีซี ซึ่งประกอบด้วย บริษัทหลุยเบอร์เจอร์, บริษัทนาโก้ จากเนเธอร์แลนด์ เข้ามาวางแผนในสนามบินทั้งหมด รวมถึงกลุ่มบริษัทดีไซน์ 103, บริษัทเออีซี และอินเด็กซ์ และสุดท้าย ได้กลุ่ม บริษัทมอร์ฟี่จาห์น แทมป์ แอนด์ แอ็คส์ (MJTA) ที่เข้ามาดูแลในการออกแบบอาคารผู้โดยสาร และอาคารสะพานเทียบเครื่องบิน สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด
แบบที่ออกตอนแรกมี 2 แบบคือแบบปกติ และแบบร่างคร่าวๆ หรือที่เรียกว่า Forback Design ในช่วงแรกมีปัญหาว่าแบบที่ใช้ในการก่อสร้างจะใช้วงเงินก่อสร้างสูงเกินไป จนสุดท้ายสรุปราคากลางที่ 45,000 ล้านบาท แต่เมื่อเปิดประมูล ปรากฏว่ากลุ่มบริษัทไอทีโอ จอยท์เวนเจอร์ เป็นผู้ชนะการประมูลในวงเงินก่อสร้าง 36,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ราคาค่าก่อสร้างที่ลดลงนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อมาตรฐานโครงการก่อสร้าง ราคาที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงวัสดุก่อสร้างไปใช้วัสดุในประเทศมากขึ้น เช่นผ้าใบและเหล็ก จากเดิมมีขนาดหนาและหนัก ก็หันมาใช้เหล็กที่มีขนาดเบาบางลง และยังลดความสูงของอาคารและความกว้างของอาคารเทียบเครื่องบิน
สมัยนั้น สนามบินถูกออกแบบเพื่อรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคน แต่ทาง ทอท.บอกว่าผู้โดยสารที่ใช้สนามบินดอนเมืองในขณะนั้นทะลุ 35 ล้านคนเข้าไปแล้ว จึงได้มีการแก้แบบเพื่อให้รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น
แต่การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลดพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร ซึ่งยังคงเท่าเดิมที่ 560,000 ตารางเมตร และรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน ขณะนี้มีผู้โดยสารใช้บริการที่ประมาณ 41-43 ล้านคน รวมลูกค้าสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) แล้ว จึงยังไม่ถือว่าหนาแน่นเกินไป
สนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ใช้ประโยชน์ที่กว้างขวางมากกว่า 560,000 ตารางเมตร ซึ่งมากกว่าพื้นที่ใช้สอยที่สนามบินดอนเมืองถึง 5 เท่า
แต่การออกแบบนั้นทำรองรับการใช้งานในอนาคต บริเวณพื้นที่สำหรับการส่งผู้โดยสาร จึงมีไม่มากนัก เพราะเชื่อว่าต่อไป การเดินทางโดยเครื่องบินจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา ผู้โดยสารมาถึงก็เข้ายังพื้นที่เตรียมออกเดินทางทันที อาจไม่จำเป็นต้องมีญาติหรือคนรู้จักมาส่งด้วยซ้ำ
ดังนั้น สุวรรณภูมิจึงเน้นไปที่พื้นที่สำหรับผู้โดยสาร ที่เตรียมเดินทางเป็นหลัก หากก้าวเข้าไปสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารหลังผ่านเคาน์เตอร์เช็กอิน ก็เห็นได้ชัดเจนว่ากว้างขวางสะดวกสบาย
ถาม ปัญหาส้วมเขรอะ-แอร์เสีย
ปัญหาที่พูดกันไม่จบคือเรื่องจำนวนห้องน้ำที่น้อยเกินไป ทาง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ได้พยายามแก้ไขอยู่ ปัญหาหลักอยู่ที่จำนวนคนที่ไปใช้บริการ มีมากคนเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้โดยสาร แต่เป็นญาติ ผู้มาส่ง หรือในช่วงก่อนหน้านี้เป็นประชาชนที่ต้องการเข้าไปชมสนามบิน
ความจริงห้องน้ำภายในอาคารผู้โดย สาร และอาคารสะพานเทียบเครื่องบินสนามบินสุวรรณภูมิ มีทั้งสิ้น 1,455 ห้อง มากกว่าที่สนามบินดอนเมืองที่มีให้บริการอยู่ 855 ห้อง แต่ด้วยความกว้างขวางโอ่โถงของสนามบิน ทำไมคนมองว่าห้องน้ำมีน้อย หายาก
ที่สำคัญอีกประการก็คือ การออกแบบห้องน้ำของสนามบินสุวรรณภูมิส่วนใหญ่ จะอยู่บริเวณด้านปีกซ้ายและขวาสุดของอาคาร และพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นที่ทำการของสายการบินไทย ที่มีพนักงานเข้ามาร่วมใช้ด้วยเป็นจำนวนมาก ทำให้ห้องน้ำไม่พอ ผู้โดยสารจะใช้บริการก็ต้องเดินไกล
ทาง ทอท.ยอมรับว่ามีปัญหา และกำลังก่อสร้างห้องน้ำเพิ่มเติมทั้งบริเวณชั้น 1 และ บริเวณชั้น 2 และชั้น 4 ของขาออก เพิ่มอีก 208 ห้อง คิดว่าปลายเดือน มี.ค.นี้ คงได้เปิดใช้งาน รวมทั้งยังมีการเปลี่ยนชนิดของก๊อกน้ำและอ่างน้ำ ให้เหมาะสมกับการใช้งานของคนไทย เพื่อแก้ปัญหาน้ำกระเด็นออกนอกอ่าง ทำให้พื้นห้องน้ำเฉอะแฉะ สกปรก
ส่วนงานด้านรักษาความสะอาดที่ถูกร้องเรียนกันมามากเช่นกันนั้น ทอท.ว่าจ้างบริษัทภายนอกเข้ามาดำเนินงาน พนักงานส่วนมากไม่มีความชำนาญ เพราะพนักงานที่ชำนาญจากดอนเมือง ไม่ยอมมาที่สุวรรณภูมิ เพราะปัญหาเรื่องการเดินทาง
พนักงานทำความสะอาดแต่ละคนในสุวรรณภูมิ ต้องรับผิดชอบพื้นที่กว่า 400 ตารางเมตรต่อวันต่อคน ซึ่งถือว่าเกินกำลัง ห้องน้ำแต่ละโซนก็อยู่ไกลกัน เวียนไปทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเพิ่มผลัดพนักงานจาก 2 เป็น 3 ผลัด
ส่วนเรื่องเก้าอี้นั่งพักระหว่างรอขึ้นเครื่องบินนั้น มีกว่า 10,000 ตัว แต่ด้วยความที่อาคารมีขนาดใหญ่ ทำให้เก้าอี้ดูโหรงเหรง และเก้าอี้ส่วนใหญ่ จะไปอยู่ตามที่พักนั่งรอขึ้นเครื่องมากกว่าบริเวณส่งผู้โดยสารด้านนอก
ปัญหาเรื่องอุณหภูมิภายในสนามบิน ก็เป็นประเด็นที่คนต่อว่ามามากว่ามีปัญหาอบอ้าว จากการตรวจสอบสาเหตุพบว่าเกิดปัญหาบางจุดเย็น บางจุดไม่เย็น
ปกติอาคารที่พักผู้โดยสารในสุวรรณภูมิ ใช้ระบบท่อน้ำเย็น ซึ่งจะต้องมีการวางท่อน้ำเย็นไปทั่วอาคาร เพื่อให้อุณหภูมิมีความสมดุลทั่วถึงทั้งอาคาร ในช่วงที่ผ่านมามีการแก้ไขแบบไปหลายครั้ง เพราะมีปัจจัยบางอย่างทำให้พื้นที่บางจุดไม่เย็นเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการกั้นที่ทำการสายการบิน หรือการนำสติกเกอร์ต่างๆ ปิดทับตู้ระบายความเย็น ทำให้ระบบท่อน้ำเย็นไม่ทั่วถึง
ในส่วนนี้ทางบริษัทคิงเพาเวอร์จะเป็นผู้รับผิดชอบ แนวทางแก้ปัญหาคงจะต้องมีการปรับระบบท่อในพื้นที่ ตรวจสอบว่าท่อระบบน้ำเย็นมีหรือไม่ หรือมีปัญหาท่อตันหรือไม่
ถาม จะแก้ปัญหาเสร็จสิ้นได้เมื่อใด
นอกจากปัญหาข้างต้น ยังมีปัญหาอีกจิปาถะที่ต้องตามแก้ไข อย่างกรณีป้ายบอกทิศทางภายในอาคารผู้โดยสารและอาคารสะพานเทียบเครื่องบิน ได้ปรับปรุงให้มีความชัดเจน อ่านง่ายยิ่งขึ้น
ส่วนระบบไฟฟ้าแสงสว่างภายในอาคาร จากเดิมได้รับร้องเรียนว่าบรรยากาศสลัวๆ ก็ได้ ปรับปรุงจากเดิม มีรีเฟล็กซ์หันส่องขึ้นหลังคาอาคาร เปลี่ยนส่องลงพื้นแทน เพื่อให้สว่างมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของคนไทยชอบความสว่างจ้า ซึ่งส่วนนี้ก็จะเห็นผลได้หลังที่มีการปรับเปลี่ยนภายใน 2 เดือน
นอกจากนั้น กรณีที่ผู้มาใช้บริการของสายการบินไทย ซึ่งไม่ได้รับความสะดวกเพราะเครื่องบินไม่สามารถเข้ามาจอดเทียบตรงกับประตู ต้องจอดอยู่บริเวณหลุมจอดด้านนอก โดยผู้โดยสารต้องนั่งรถบัสเข้ามายังอาคารผู้โดยสารนั้น เป็นเพราะการบินไทยเปลี่ยนแปลงตารางการบินและเวลาเข้าออกตลอดเวลา จึงทำให้ไม่สามารถจัดระบบสารสนเทศในการควบคุมได้ทันกับปริมาณการเข้า-ออกของเครื่องบิน ซึ่งในเรื่องนี้การบินไทยจะหารือร่วมกับ ทอท. เพื่อแก้ปัญหาแล้ว คาดว่าน่าลุล่วงไปได้ภายใน 2 เดือน
สำหรับการจัดการพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์นั้น ที่ผ่านมามีเสียงเรียกร้องว่าการจัดวางร้านค้าและป้าย บดบังและขวางทางเดินนั้น ขณะนี้ก็ได้พยายามหาแนวทางแก้ไขแล้ว โดยจะใช้หลักวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยทั่วไปเข้ามาแก้ปัญหา เริ่มจากจะมีการตรวจสอบว่ากรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ช่องทางเดินมีความกว้างเพียงพอหรือไม่ ร้านค้าและป้ายกีดขวางทางออกหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
ส่วนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับค่าใช้บริการสนามบิน โดยค่าธรรมเนียมการจอด (แลนดิ้งฟี) ที่สุวรรณภูมิมีราคาแพงนั้น ย่อมต้องแพงกว่าดอนเมืองแน่นอน แต่เมื่อเทียบกับสนามบิน นานาชาติของประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ค่าธรรมเนียมของสุวรรณภูมิมีราคาถูกกว่าทั้งสิ้น
ในภาพรวม ทอท.กำลังปรับปรุง แก้ไขปัญหาต่างๆมาโดยตลอด เชื่อว่าจะเห็นผลชัดเจน และเป็นรูปธรรมมากขึ้นในระยะ 1 ปีจากนี้
http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic02&content=34210
จากคุณ :
หนุ่มบางปะกง
- [
22 ม.ค. 50 10:02:54
A:202.87.218.52 X:
]