ความคิดเห็นที่ 1 ปีที่ผ่านมามีปริมาณฝนเฉลี่ย ที่ จ. สมุทรปราการ เดือนที่ฝนตกมากที่สุดคือ เดือนกันยายน เดือนที่มีการรัฐประหาร 350 มม. (ดูรูปจากกรมอุตุ)  เดือนสิงหาคม (ก่อนหน้าปฏิวัติ)150 มม และเดือนหลังปฏิวัติ (ตุลาคม)  150 มม) เดือน พย. มีฝนน้อยมากไม่เกิน 25 มม. (ภาพจากกรมอุตุนิยมวิทยา) จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:19:25 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ภาพปริมาณฝนเดือนสิงหาคม ก่อนการปฏิวัติ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:20:21 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ภาพปริมาณฝนเดือนตุลาคม หลังการปฏิวัติ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:21:18 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เดือนพฤศจิกายน มีฝนน้อยมากๆ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:22:25 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิด ปริมาณน้ำฝนที่ลงมาในช่วงปฏิวัติรวมกัน (สิงหาคม-ตุลาคม) ประมาณ 675 มม. คิดเป็นปริมาณน้ำตรงพื้นที่ที่ไม่ได้ปูลาดด้วยซีเมนต์ 5.9 ล้าน ลบม. ภาพพื้นที่ที่ไม่ได้ปูลาดด้วยซีเมนต์ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 13:26:19 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:24:56 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 นักวิชาการลุ่มน้ำได้ศึกษาลักษณะน้ำในป่าแถวภาคตะวันออกพบว่าฝนที่ตกลงมา 100 ส่วน จะระเหยกลายเป็นไอถึง 75% เป็นน้ำที่ไหลไปตามลำห้วย 23% และซึมลงดินเพียง 2% เท่านั้น เมื่อเอาข้อมูลเดียวกันมาใช้กับพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่โล่งแจ้ง (อัตราการระเหยย่อมมากกว่า) โดยมีน้ำไหลไปตามพื้นผิวดิน 15% คิดเป็นปริมาณน้ำ 0.89 ล้าน ลบ.ม. และให้มีการซึมลงดินมากถึง 10% ก็จะมีน้ำซึมลงดิน 0.59 ล้าน ลบ.ม. เท่านั้น ปริมาณน้ำแค่นี้จะไหลไปทางด้านข้างซึมเข้าสู่ผ้าห่มทรายยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะ 1) น้ำมีปริมาณน้อยมาก 2) มีคลองขวางกันอยู่  (ดูภาพศรชี้) จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:29:55 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปัญหาน่าจะมากจากการระบายน้ำที่ไม่เป็นไปตามคู่มือ เพราะพื้นที่ที่เทปูน เมื่อฝนตกปริมาณน้ำไหลผิวดินจะสูงมากเพราะไม่มีการซึมลงพื้น ถ้าให้มีอัตราการระเหย 75% จะมีน้ำไหลตามผิวพื้นดินไปลงคลองมากถึง 25% (อย่างไรก็ตามการระเหยอาจน้อยกว่านี้เนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง) คิดเป็นปริมาณน้ำมากถึง 3.2 ล้าน ลบ. ม. จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:31:05 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าคลองรอบสนามบินยาว 25 กม. (วัดโดยรอบสนามบินโดยประมาณ) และคลองกว้าง 18 เมตร (วัดจากแผนที่) และคลองลึก 2 เมตร จะรับน้ำได้เพียง 0.9 ล้าน ลบ.ม. (ภาพของคุณหนูเอง) ดังนั้นลองคิดดูว่าปริมาณน้ำฝนที่ไหลไปตามพื้นจากสนามบินทั้งหมด ถึง 4 ล้าน ลบ.ม.(0.89 + 3.2) ถ้าการระบายน้ำทำได้ไม่เป็นไปตามคู่มือ รับรองว่าน้ำ 4 ล้านคิวนี่ ไหลเข้าพื้นทรายแหงๆ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:32:37 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 คลองกว้าง 18 เมตรนั้นไม่ได้โมเมเอานะครับ ดูจากภาพ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:34:49 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องไปถาม ลุงป๋องแป๋ง จอมแถ ครับ เห็นแกว่าที่พังเพราะเจาะไปเจอตาน้ำ เอากะแกดิ จากคุณ : BlueRanger - [ 23 ก.พ. 50 13:36:44 A:124.121.5.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 บริเวณที่เกิดปัญหา จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:37:04 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอโทษ..ลืมใส่ภาพบริเวณที่เกิดปัญหา ๖ภาพจากคุณหนูเอง) จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:39:35 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณค้างคาว ช่วยวิเคราะห์ช่วงที่ยังไม่ปิดด้วยซีเมนต์ด้วยครับ หมายถึงช่วงหลังจากทำ PVD มาจนกระทั่งปิดด้วยคอนกรีตครับ เข้าใจว่าประมาณ 2-3 ปีครับ ลองถอยไปช่วง 2003-2005 จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:39:52 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปัจจุบัน จากข้อสันนิษฐาน 4 ข้อ เขาตัดทิ้งไปแล้วเหลือ 2 ข้อแล้ว คือ ข้อ (1) กับ ข้อ (4) จากที่สันนิษฐาน 4 ข้อคือ (1) น้ำที่ล้นจากคลอง ซึมจากด้านบนผิวทาง ลงผ้าห่มทรายตรงๆ (2) เป็นน้ำ water content ในดินที่ยังคายออกมาผ่านทาง PVD ขึ้นมาถึงชั้นผ้าห่มทราย (คุณ soco เชื่อข้อนี้) (3) น้ำใต้ดิน หรือ น้ำในตาน้ำ ในคลองเดิมที่พาดผ่านดินใต้พื้นทาง และน้ำไหลไปออกที่ PVD (คุณไทเมือง เชื่อข้อนี้) (4) น้ำฝนที่ซึมลงพื้นที่ไม่ได้ pave และสะสมอยู่ในผ้าห่มทราย ในลักษณะเข้าได้ออกไม่ได้ ( คุณ Pom.Com เชื่อข้อนี้) ตอนนี้ในวงการวิศวกร เชื่อว่า เป็นส่วนผสมระหว่าง (1) กับ (4) ข้อ (3) อาจจะเป็นไปได้เหมือนกัน แต่ประเด็นคือ ถ้าเกิดในกรณีนี้ พื้นทางจะเสียหายเฉพาะจุด และไม่ควรลามมากขนาดนี้ และพื้นทางที่ไม่มีคลองเดิมผ่านก็เกิด ส่วนเดิมที่หลายคน เชื่อว่า เป็นน้ำใต้ดินแบบที่มาจากนอกสนามบินแล้วผุดขึ้นมา วิศวกร คิดว่า เป็นไปไม่ได้ ยิ่งเมื่อขุดบ่อแล้ว พบว่าไม่มีน้ำเลยและเมื่อปล่อยไว้ ถ้าน้ำที่ขังไว้ต่อเนื่องกับน้ำใต้ดิน ก็น่าจะไหลออกมาที่หลุมที่ขุดไว้ ก็ไม่ปรากฏ แสดงว่า น้ำที่ขังอยู่ อยู่ในระบบปิดของมัน ไม่ได้ต่อเนื่องกับระบบน้ำใต้ดินใดๆ ส่วนข้อ (2) ก็เป็นไปได้ยาก เพราะผลมันขัดแย้งกันเอง คือ ถ้ามีน้ำออกจากเนื้อดินเมื่อไร ดินก็จะอัดต้วแน่นเข้า ผิวดินก็จะยุบตัวลง CTB ก็จะยุบตัวด้วย แต่ที่พบ CTB ยังอยู่ระดับไม่เปลี่ยนแปลงเลย อยากให้เพื่อนๆที่สนใจอ่านดูในความเห็นถัดไปนะคะ พยายามเขียนให้คนเข้าใจง่ายๆ แต่ไม่เสียนัยทางเทคนิคคะ จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 20 ก.พ. 50 19:10:41 A:67.15.183.3 X: ] http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5156012/P5156012.html ดูที่ผมขีดเส้นใต้ให้ดู และที่ถามคือ น้ำฝนซึมลงได้หลังจากก่อสร้างเสร็จจริงหรือ...ถ้าซึมลงได้ ใครต้องรับผิดชอบ... จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:42:16 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 คำถามทิ้งไว้ในกระทู้ก่อน... ใครคือกรรมการตรวจรับ... คนพวกนี้ต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่ การบริหารจัดการน้ำ ใครต้องรับผิดชอบ จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:44:51 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 อีกคำถามคือต้องใช้ปริมาณน้ำจำนวนและระยะเวลาเท่าใด ถึงจะสร้างความเสียหายให้ พื้นผิวจราจร จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:47:23 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 จุดเกิดปัญหากับสาเหตุที่น่าจะเกิดขึ้นว่ามาจากคลอง หรือมาจากน้ำซึมลงดินกันแน่?....ให้พิจารณาเอาเอง แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 13:49:19 จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:48:27 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วทำไม ทอท.ถึงไม่ระบายน้ำ พอจะบอกสาเหตุได้ไหม...ครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ 23 ก.พ. 50 13:55:34 A:58.8.100.115 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : ค้างคาวเถื่อน ลองชี้จุดที่เสียหายและปิดซ่อมบางเวลาหน่อยครับ ช่องใหนบ้าง จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:57:42 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 16   อีกคำถามคือต้องใช้ปริมาณน้ำจำนวนและระยะเวลาเท่าใด ถึงจะสร้างความเสียหายให้ พื้นผิวจราจร จากคุณ : ไทเมือง ลุงแคนปริมาณที่ขังต้องอยู่ในช่วงเดือน กันยายน และ ตุลาคมเท่านั้น (ข้อมูลจากกรมอุตุมันฟ้อง) ความเสียหายที่เกิดขึ้นตามมานั้นคงใช้เวลาไม่นาน (เพราะไม่เชี่ยวชาญ) แต่เคยสังเกตเห็นว่าหลังน้ำท่วมใหม่ๆ ตรงถนนริมคลองรังสิต ถนนยางมะตอยพังเป็นแถบๆ ดังนั้นคงใช้เวลาไม่นัก...วิศวกรช่วยตอบที จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 13:58:13 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 18      แล้วทำไม ทอท.ถึงไม่ระบายน้ำ พอจะบอกสาเหตุได้ไหม...ครับ      จากคุณ : สุทธิสาร - [ 23 ก.พ. 50 13:55:34 A:58.8.100.115 X: ] นี่คือคำถามที่อยากถามเหมือนกัน และเกิดขึ้นในช่วงเวลาใหน เพราะดูรูปคุณหนูเอง ก็มาจากวันเวลาก่อนปฏิวัติซะอีก ( หากปัญหามาจากการกักเก็บน้ำ ไม่ยอมระบายออก ) จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 13:59:15 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 แล้วทำไมรันเวย์มันถึงพังเละเทะเหมือนทุ่งนาอย่างนี้ล่ะครับ... (ขอขอบคุณคุณไทเมืองที่นำภาพนี้มาเผยแพร่)... จากคุณ : กระบี่ไร้พ่าย - [ 23 ก.พ. 50 14:01:36 A:125.25.150.5 X:202.175.95.171 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ : ค้างคาวเถื่อน น้ำที่ขึ้นมาทำความเสียหาย มิใช้น้ำตกฝนเดี๋ยวนั้นนะครับ แต่เค้าใช้คำว่า "น้ำใต้ดิน" ซึ่งซึมขึ้นมาตามช่องรอยต่อของชั้นคอนกรีต ยิ่งถ้าบอกปริมาณฝนหรือการซึมลงเป็นไปได้ยาก ประชาชนยิ่งงงหนักไปอีก แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 14:04:57 จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 14:01:51 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ : กระบี่ไร้พ่าย รูปในหนังสือพิมพ์ ไม่ได้ทำให้ความเสียหายที่พื้นผิวมากขึ้นหรอกครับ แค่ความเห็นของคนๆ หนึ่ง จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 14:03:31 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 นับเฉพาะปริมาณฝนแล้วไม่ต้องรวมปริมาณน้ำที่ไหลมาจากทางเหนือด้วยเหร๋อคับ ที่เรากั้นไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ สงสัยจัง จากคุณ : sin (sin_b) - [ 23 ก.พ. 50 14:11:40 A:202.44.7.67 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 น้ำที่ขึ้นมาทำความเสียหาย มิใช้น้ำตกฝนเดี๋ยวนั้นนะครับ แต่เค้าใช้คำว่า "น้ำใต้ดิน" ซึ่งซึมขึ้นมาตามช่องรอยต่อของชั้นคอนกรีต ยิ่งถ้าบอกปริมาณฝนหรือการซึมลงเป็นไปได้ยาก ประชาชนยิ่งงงหนักไปอีก แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 14:04:57 จากคุณ : ไทเมือง   - [ 23 ก.พ. 50 14:01:51 A:58.8.99.65 X: ********* น้ำจากใต้ดินมาจากไหนครับ? ผมพยายามวิเคราะห์และชี้ให้เห็นว่าน้ำที่จะซึมเข้าผ้าห่มทรายนั้นไม่ได้มาจากน้ำที่ซึมลงดิน..น้ำจะซึมไปด้านข้างดินและไหลเข้าสู่ผ้าห่มทรายได้มากมายขนาดนั้นเหรอ? ในเมื่อนำซึมลงดินมีกระจ๊อยเดียว? มันก็ต้องมาจากแหล่งใหญ่ที่สุด คือการระบายน้ำ 4 ล้าน ลบม. นั้นไม่เป็นไปตามคู่มือ จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่... จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 14:14:15 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 นับเฉพาะปริมาณฝนแล้วไม่ต้องรวมปริมาณน้ำที่ไหลมาจากทางเหนือด้วยเหร๋อคับ ที่เรากั้นไม่ให้เข้ากรุงเทพฯ สงสัยจัง จากคุณ : sin (sin_b)  - [ 23 ก.พ. 50 14:11:40 A:202.44.7.67 X: ] ****************** คือมีคนพยายามบอกว่าน้ำที่ไหลเข้าไปในผ้าห่มทรายนั้นมาจากน้ำที่ซึมลงใต้ดิน...โดยเหตุผลแล้วไม่น่าเป็นไปได้...ดังนั้นน้ำต้องมาจากคลองนั่นแหละครับ คือการระบายน้ำ 4 ล้าน ลบ.ม. จากสนามบิน นี่ยังไม่รวมน้ำจากข้างนอกนะครับ จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 14:17:57 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 http://www.angkor.com/2bangkok/2bangkok/sbia/feb04/feb04.shtml http://www.angkor.com/2bangkok/2bangkok/sbia/aug04/aug04.shtml ******** ช่วยบรรยาย น้ำตอนปี 2004 ให้ด้วยครับ ขอบคุณกั๊บ จากคุณ : soco - [ 23 ก.พ. 50 14:27:40 A:222.123.6.217 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 สวัสดีครับคุณ ค้างคาวเถื่อน จากที่ได้อ่าน ๆ มาหลาย ๆ กระทู้ประเด็นเรื่องน้ำฝนก็ยังน่าจะเป็นไปได้นะครับ... คือพื้นที่ในสุวรรณภูมิมันเป็นดินที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว คุณสมบัติต่าง ๆ อาจจะไม่เหมือนกับดินทั่วไปในภาคตะวันออกที่อ้างถึง... อีกอย่างถ้ามีจุดทำให้น้ำบนดินสามารถไหลลงชั้นทรายโดยตรงได้ (มีรูรั่ว) น้ำฝนก็อาจมีส่วนสำคัญก็ได้... ความเห็นส่วนตัวซึ่งก็ไม่ได้จบโยธานะครับ... ความเป็นจริงคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไปหล่ะครับ... จากคุณ : อั้ม. - [ 23 ก.พ. 50 14:36:48 A:202.28.93.183 X:202.12.97.114 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไปหาไส้เดือนที่หนองงูเห่า เจอภาพแบบนี้อ่ะ จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 14:36:59 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ช่วงก่อสร้าง ไส้เดือนอยู่แถว ๆ ขอบบ่อทราย จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 14:39:22 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 โอ๊ย ๆ ข้อยบรรยายบ่ถืดเด้อค่ะเด้อ... http://www.angkor.com/2bangkok/2bangkok/sbia/feb04/feb04.shtml จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 14:42:56 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 งง น้ำต้องไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ น้ำในผ้าห่มทรายจะซึมขึ้นมาชั้นยางมะตอยได้ ระดับน้ำต้องอยู่สูงกว่าระดับคอนกรีต เขื่อนคอนกรีตกั้นน้ำแช่อยู่ในน้ำเขื่อนยิ่งแข็ง คอนกรีตปริมาณมหาศาลจะปล่อยความร้อนออกมาจนการแข็งตัวสมบูรณ์ มีทางเดียวที่เป็นไปได้ "ล้นจากคลองเข้าไปนั่นแหละ" จากคุณ : จอมจักร - [ 23 ก.พ. 50 15:01:13 A:124.120.70.16 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 เห็นด้วยกับ คุณไทเมืองครับ จากคุณ : หนอนข้าวโพดอ่อน - [ 23 ก.พ. 50 15:05:17 A:210.213.5.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ทราบคุณไทเมือง เคยไปดูเขาก่อสร้าง ถนนหลวงไหมครับ ตอนยังไม่ราดพื้น กำลังปรับพื้นอยู่ พอฝนตกลงมา น้ำนองยิ่งกว่า รูปที่ คุณ ไทเมือง เอามาให้ดูอีก จะหลอกเด็กหรือยังไง คุณลุง เด็กสมัยนี้ ไม่ได้โง่แล้วนะจ๊ะ ลุงจ๋า จากคุณ : klx-wut - [ 23 ก.พ. 50 15:09:32 A:203.114.117.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ : จอมจักร น่าจะไปดูรูปที่คณะกรรมการเอามาให้ดู ของคุณหนูเองก็นำมาให้ดูครับ น้ำซึมขึ้นมาตามรอยแยก( ช่วงรอยต่อ ) ของคอนกรีต ครับ .......................................... หลุมน้ำพวกนั้นรองรับน้ำฝน เมื่อสูบออก ดินก็แห้ง เทพื้นได้ เสร็จแล้วก็กลบ แต่เราไม่ทราบว่า น้ำที่ขังอยู่นั้นซึมไปในชั้น "ผ้าห่มทราย" มากหรือน้อยเท่าใด เมื่อเทพื้นแล้วก็จบกันไป "ขี้แล้วกลบคือแมว ขี้แล้วแจวคือหมา" จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 15:12:06 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 ลอง ๆ ไปถามวิศแวะดูนะครับ คนงานเพื่อนผมบอกว่า ตกปลาช่อน หาไส้เดือนเป็นเหยื่อแถว ๆนั้นแหละครับ วิธีการคือ ขุดบ่อรองรับน้ำ สูบออกให้ระดับต่ำ ๆ พื้นที่ ๆ จะดำเนินการก็แห้ง ทำการก่อสร้างได้ครับ ทำเป็นจุด ๆ ไป เสร็จแล้วก็กลบ...แต่ไม่รู้ว่า "น้ำซึม" เข้าไปใน ชั้น"ผ้าห่มทราย" หรือไม่ เพราะเทปิดและกลบหลุมไปแล้ว ที่น่าสงสัยคือ ทำไม พังเป็นจุด ๆ ลอง ๆ ไปไล่เรียงเอาครับ พิกัดใหนบ้าง งานนี้ต้องใช้ "นิติวิศวกรรม" ครับผม...แบบสืบจากศพ อะไรเทือกนั้น จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 15:15:51 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 งานนี้ต้องใช้ "นิติวิศวกรรม" ครับผม...แบบสืบจากศพ อะไรเทือกนั้น จากคุณ : ไทเมือง ฮา ครับฮา ได้คำศัพท์ ใหม่อีกแล้ววววววววว แต่ผมไม่ต้องการ ผมต้องการ ความถูกต้อง ไม่ใช่ถูกต้มนะครับคุณลุง จากคุณ : klx-wut - [ 23 ก.พ. 50 15:38:38 A:203.114.117.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 ดูจากรูปที่ไทเมือง ให้ดู แสดงว่า การควบคุมงานทำได้ เรียบร้อยมาก การก่อสร้างก็เนี๊ยบ สวยงามมาก ขนาดยังไม่เสร็จนะเนี่ย .......... อ้อ แล้วคุณเป็นใครเนี่ย ทำไมเข้าในหน้างานได้ เจตนาเก็บรวบรวมข้อมูลหรือเปล่าเนีย ขบวนการที่อดทนมากเลย จากคุณ : tigeryear - [ 23 ก.พ. 50 15:45:14 A:203.146.186.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 ผมก็ไปตามดูลูกหลาน ที่เป็นคนงานแถว ๆ นั้นอะครับ ว่าง ๆ ก็หากบ..หาแย้ ขุดไส้เดือน จิ๊หล่อ จิ๊โป่ม ไปตามเรื่องตามราว ตรงใหนมีน้ำ..ก็..ใส่เบ็ดปลาดุกปลาช่อนไปตามเรื่องตามราวอะครับ พวกเฮา ชาวอีสาน ไปใหนก็ไดในโลกนี้ ้ขอให้มีข้าวสาร ส่วนกับข้าวหาเอาข้างหน้า อิ อิ จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 15:55:14 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ผมก็ไปตามดูลูกหลาน ที่เป็นคนงานแถว ๆ นั้นอะครับ ว่าง ๆ ก็หากบ..หาแย้ ขุดไส้เดือน จิ๊หล่อ จิ๊โป่ม ไปตามเรื่องตามราว ตรงใหนมีน้ำ..ก็..ใส่เบ็ดปลาดุกปลาช่อนไปตามเรื่องตามราวอะครับ พวกเฮา ชาวอีสาน ไปใหนก็ไดในโลกนี้ ้ขอให้มีข้าวสาร ส่วนกับข้าวหาเอาข้างหน้า อิ อิ จากคุณ : ไทเมือง ....................... อย่าลืมหม้อต้มด้วยนะลุง ของสำคัญเลยน๊ะนะ ขาดไม่ได้เลย จะต้มทั้งที แต่ดันลืมหม้อไปเสียได้ ฮา ครับ ฮา เอ้า หมู่เฮาช่วยกันต้มหน่อย จากคุณ : klx-wut - [ 23 ก.พ. 50 16:00:19 A:203.114.117.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ต้องกลัว "แม่เด็กน่อย" จะเอาหม้อต้มตามมาเยี่ยมทีหลังอ่ะ แม่เด็กน่อย จะมาทำอาหารแซ่บ ๆ ให้กิน เดือนละครั้งจ้า ไม่อยากให้พ่อเด็กน่อยต้องลางานอะจ๊ะ ข้อยก็มากับลูก ๆ หลาน ๆ มาปลูกกระต๊อบอยู่ข้าง ๆ หนองงูเห่านั่นแหละ.. จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 16:03:26 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตอนไปเยี่ยมลูกหลาน เสียอย่างเดียว หลุมส้วมหายากจริง ๆ เลยใช้วิธีทิ้งทุ่งอ่ะ.. จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 16:06:21 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอนไปเยี่ยมลูกหลาน เสียอย่างเดียว หลุมส้วมหายากจริง ๆ เลยใช้วิธีทิ้งทุ่งอ่ะ.. จากคุณ : ไทเมือง ..................... ไม่รู้ว่าจริงอะเปล่า ต้องใช้หลัก นิติสุขา สืบครับ จากคุณ : klx-wut - [ 23 ก.พ. 50 16:44:15 A:203.114.117.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 29   สวัสดีครับคุณ ค้างคาวเถื่อน จากที่ได้อ่าน ๆ มาหลาย ๆ กระทู้ประเด็นเรื่องน้ำฝนก็ยังน่าจะเป็นไปได้นะครับ... คือพื้นที่ในสุวรรณภูมิมันเป็นดินที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว คุณสมบัติต่าง ๆ อาจจะไม่เหมือนกับดินทั่วไปในภาคตะวันออกที่อ้างถึง... อีกอย่างถ้ามีจุดทำให้น้ำบนดินสามารถไหลลงชั้นทรายโดยตรงได้ (มีรูรั่ว) น้ำฝนก็อาจมีส่วนสำคัญก็ได้... ความเห็นส่วนตัวซึ่งก็ไม่ได้จบโยธานะครับ... ความเป็นจริงคงต้องรอการพิสูจน์ต่อไปหล่ะครับ... จากคุณ : อั้ม.  - [ 23 ก.พ. 50 14:36:48 A:202.28.93.183 X:202.12.97.114 ] *************** สวัสดีครับ คุณอั้ม ที่ผมยกตัวอย่างภาคตะวันออกด้วยเหตุผล 1. พื้นที่วิจัยอยู่ในพื้นที่ป่า...การระเหยยังสูงถึง 75% แล้วสุวรรณภูมิละครับ..อาจสูงกว่าเพราะเป็นที่โล่ง ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์เต็มๆ มีลมแรง และอุณหภูมิอาจสูงกว่า 2. อัตราการซึมน้ำในป่ามีแค่ 2% เท่านั้น สุวรรณภูมิมีการปรับพื้นที่ ถมดิน ฯลฯ อัตราการซึมน้ำควรจะน้อยลง..เพราะดินอัดแน่นกว่า....แต่ผมใช้การคำนวณอัตราการซึมน้ำมากถึง 10% หรือ 5 เท่าของดินในป่า...ผลที่ออกมายังไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ว่าน้ำในผ้าห่มทรายเกิดจากน้ำฝนซึมลงดิน จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 23 ก.พ. 50 17:43:33 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณไทเมือง  หาข้อมูล มาแค่เนี้ยะ  มาทำเป้นรู้ดี  พอเขาถามรายละเอียดก็ตอบไม่ได้  ไม่ได้เกิดจาฝนแน่นอน  เพราะการตรวจขุดไปเจอนำที่มาจากข้างล่าง  อยากรู้จริงก็ ให้การบินระหว่างประเทศ  มาตรวจ ดีกว่าทหารหรือ พวกพัทธมารอย่างคุณมาอธิบาย ครึ่ง ๆๆ กลางๆๆ จากคุณ : cheth_sj - [ 23 ก.พ. 50 17:50:32 A:202.183.218.154 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ : cheth_sj อ่านความเห็นที่ 14 นะครับ รู้สึกกรรมการตรวจสอบก็บอกประเด็นน้ำฝนที่มีมาก่อนด้วยครับ ลอง ๆ ค้นดูนะครับ จากคุณ : ไทเมือง - [ 23 ก.พ. 50 18:43:16 A:58.8.99.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณค้างคาวเถื่อน ท่านเจ้าของกระทู้ ให้ข้อมูลอีกมุมมองหนึ่งที่เยี่ยมมากคะ อธิบายได้เป็นวิทยาศาสตร์ และน่าเชื่อถือ ก็เป็นข้อมูลที่น่าวิเคราะห์คะ ตัวเองกำลังลองคำนวณว่า น้ำที่อยู่ในผ้าห่มทรายส่วนที่น้ำถูกกักไม่ให้ออก จะมีปริมาตรเท่าไร เทียบกับปริมาณที่สามารถมาจากน้ำฝนได้ จะใช้เวลากี่ปีถึงได้น้ำขนาดนี้ อย่างที่หนูเองเล่าให้ฟังจาก Insider ใน 4 ข้อ ตาม คคห 14 เขาเชื่อว่า น่าเป็นส่วนผสมของ (1) กับ (4) ส่วนข้อไหนเป็นสัดส่วนมากกว่ากัน ยังตอบกันไม่ได้คะ คุณจอมจักรคะ วิศวกรเชื่อว่า การที่น้ำในผ้าห่มทรายสามารถซึมขึ้นบนตามตะเข็บ CTB ได้ เพราะพื้นทางมีน้ำหนักกด ทำให้แรงถ่ายมาถึงผ้าห่มทราย น้ำจึงถูกบีบให้ซึมขึ้นไปตามตะเข็บ (น้ำในผ้าห่มทราย เมื่อขุดดู จะขึ้นสูงกว่าผิวบนของผ้าห่มทรายถึง 20 ซม แสดงว่า hydraulic head ของน้ำในผ้าห่มทรายสูงกว่าผิวบน 20 ซม) ดังนั้น ส่วนที่ความเสียหายเกิดมาก คือ บริเวณพื้นทางที่น้ำระบายออกไม่ได้ และ มีน้ำหนักเครื่องบินกดคะ  มีหลายบริเวณของ taxiway ที่น้ำระบายออกได้ เช่น บริเวณใกล้ runway เส้นที่ 3 พื้นทางบริเวณนั้น ไม่ได้เกิดปัญหาเลย จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 19:48:55 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 เพิ่งได้รับรูปมาเพิ่ม เลยนำมาให้ดู คงไม่ต้องอธิบาย จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 20:35:27 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 นี่คือ ระดับน้ำที่ต้องควบคุมตามคู่มือ จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 20:36:41 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 ยืนยันด้วยรูปที่ถ่ายจากสภาพจริง เมื่อมีการควบคุมระดับน้ำ น้ำในคลอง secondary จะเกือบแห้งแบบนี้ จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 20:38:37 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เทียบด้วยภาพจริง ช่วงไม่ได้มีการควบคุมระดับน้ำ ให้สังเกตหญ้าเขียวๆด้วยคะ ในสนามบิน มีผิวดินอีกมากที่ไม่ได้ paved ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝน หรือ น้ำล้นจากคลอง ก็คงไหลซึมลงไปข้างล่างสู่ชั้นทรายที่อาจต่อเนื่องกับผ้าห่มทรายใต้พื้นทาง  การศึกษาปริมาณน้ำฝนที่เหลือเก็บลงใต้ดินของท่านเจ้าของกระทู้ คือ กุญแจ สำคัญคะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 20:44:17 แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 50 20:43:07 จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 20:39:54 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 ก็คงไหลซึมลงไปข้างล่างสู่ชั้นทรายที่อาจต่อเนื่องกับผ้าห่มทรายใต้พื้นทาง   ********* จะไปอาจจะได้ไงครับ จากคุณ : soco - [ 23 ก.พ. 50 20:45:09 A:222.123.197.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณคุณ ค้างคาวเถื่อน ที่มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการไหลซึมของน้ำฝนลงในดินครับ ประเด็นหนึ่งของคุณ ไทเมือง ก็น่าจะเป็นจุดสำคัญเช่นกัน ประเด็นที่ว่า ต้องอาศัยเวลาเท่าไรในการที่น้ำจะทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพตามที่เป็นปัญหานี้ ถ้ามีคำตอบในส่วนนี้ก็น่าจะจำกัดวงของการค้นหาสาเหตุของความเสียหายได้นะครับ จะได้แก้ปัญหาได้อย่างถูกจุด (ซึ่งน่าจะสำคัญมากยิ่งกวาการจะหาคนรับผิดชอบในตอนนี้) จากคุณ : Aynap - [ 23 ก.พ. 50 22:56:10 A:58.64.108.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นอะไรที่น่าคิดครับ จากรูปของคุณไทเมือง ผมมองเหมือนที่บ้านผมเลย พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ถมดินบดอัดสูงราว 2 เมตรจากพื้นปกติ เวลาฝนตกก็จะมีน้ำขังแบบนี้ แต่ที่น่าแปลก็คือ ไม่ว่าฝนจะตกติดต่อกันนานแค่ไหน หรือหนักแค่ไหน รถสิบล้อที่บ้านผมก็ยังวิ่งผ่าน หลุมน้ำพวกนี้ได้ โดนไม่ติดหล่ม ทั้งที่บรรทุกดินมาเต็มรถ (18 ล้อ) และพอน้ำแห้ง ดินก็แข็งเหมือนเดิม ผมมองว่าส่วนที่ไหลเข้าไปในดินที่บดอัดแล้วมีบริมาณน้อยมาก เพราะดินนั่นค่อนข้างแน่น แต่น้ำจะไหลซึมเข้าไปในดินตรงบริเวณขอบ มากกว่า เช่นชอบที่ดินที่ถม หรือบริเวณไหล่ เพราะบริเวณนั้น ดินจะไม่แน่น (ผมขับรถบดอัดมากับมือถึงรู้ว่า ไม่แน่น เพราะอัดยังใง มันก็ไม่แน่น) ถ้ามองจากสนามบินแล้ว ผมว่าโอกาสที่น้ำจะซึมเข้าไปใต้ดิน น่าจะมาจากตรงส่วนขอบ มากกว่า เช่น ริมคลอง มากกว่าที่จะมาจากตรงกลาง จากคุณ : เด็กนอกบ้าน - [ 23 ก.พ. 50 22:56:40 A:124.120.165.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 เบื่อป๋องจอมแถ ชอบปั่นกระทู้ จากคุณ : Dr.Anma - [ 23 ก.พ. 50 23:03:19 A:124.120.167.124 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 จขกท ทราบหรือไม่ว่า ก่อน เปิดสนามบิน 18 เดือน มีน้ำขังอยู่ท่วม taxiway ประมาณ 14 วัน หรือมากกว่า และทราบหรือไม่ว่า ทาง บริษัทรับเหมามีหนังสือ บอกผู้ว่าจ้างว่า การที่มีน้ำขัง ท่วม taxiway นานถึงเพียงนั้น จะมีผลทำให้ ความแข็งแรง ของ taxiway เสียไปได้ คงจะพอมีคำตอบ เบื้องต้นนะครับว่า น้ำใน ชั้นทราย มาจากไหน ส่วนหลังจากนั้น มันมาจากไหน นี่ยังไม่มีข้อมูลชัดว่า มาจากแหล่งใด ที่ส่งผลกระทบ ต่อระดับน้ำใน ชั้นทราย อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าเอา สมมุติฐาน เฉพาะ ปริมาณ น้ำฝน การไหลบนผิวพื้น แล้วสรุปโดยทันทีนั้น ผมเห็นว่า เร็วและง่ายเกินไป จากคุณ : น้าพร - [ 23 ก.พ. 50 23:22:01 A:124.157.202.79 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณหนูเองบอกตั้งแต่ตันแล้วว่า เป็นปัญหาทางเทคนิคด้านวิศวกรรมแท้ๆ พวกนี้ก็ไม่ยอมเชื่อ พยายามลากเข้าไปเป็นเรื่องการเมือง เช่น โกงวัสดุบ้าง ทรายขี้เป้ดบ้าง ทำทุกอย่างเพื่อจ้องจะเล่นงานทักษิณอย่างเดียว ตอนนี้ ตาสว่างแล้ว ความโกรธความหลง ทำให้ความจำสั้น จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 23 ก.พ. 50 23:54:45 A:67.15.100.252 X: ]

ความคิดเห็นที่ 59 สงครามสงบ แวะมาเก็บองค์ความรู้ - -" จากคุณ : แมวปากมัน - [ 24 ก.พ. 50 02:08:41 A:203.146.148.133 X: ]

ความคิดเห็นที่ 60 จขกท ทราบหรือไม่ว่า ก่อน เปิดสนามบิน 18 เดือน มีน้ำขังอยู่ท่วม taxiway ประมาณ 14 วัน หรือมากกว่า และทราบหรือไม่ว่า ทาง บริษัทรับเหมามีหนังสือ บอกผู้ว่าจ้างว่า การที่มีน้ำขัง ท่วม taxiway นานถึงเพียงนั้น จะมีผลทำให้ ความแข็งแรง ของ taxiway เสียไปได้ คงจะพอมีคำตอบ เบื้องต้นนะครับว่า น้ำใน ชั้นทราย มาจากไหน ส่วนหลังจากนั้น มันมาจากไหน นี่ยังไม่มีข้อมูลชัดว่า มาจากแหล่งใด ที่ส่งผลกระทบ ต่อระดับน้ำใน ชั้นทราย อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าเอา สมมุติฐาน เฉพาะ ปริมาณ น้ำฝน การไหลบนผิวพื้น แล้วสรุปโดยทันทีนั้น ผมเห็นว่า เร็วและง่ายเกินไป จากคุณ : น้าพร  - [ 23 ก.พ. 50 23:22:01 A:124.157.202.79 X: ]   *************** เรียนคุณน้าพรอย่างนี้ครับว่าผมไม่ทราบ และไม่รู้ว่าตรงแท็กซี่เวย์นั้นทำกันตอนไหน...ถ้า 1) ทำหลังจากที่มีน้ำท่วมขัง มีความเป็นไปได้ที่น้ำจะซึมลงสู่ผ้าห่มทรายได้...แต่พื้นดินถูกถมอัดแน่น...อัตราการซึมลงดินจะน้อยมากๆ เพราะดินในป่าธรรมชาติมีอัตราการซึมน้ำเพียง 2% เท่านั้น 2) ทำเสร็จแล้วและมีน้ำท่วมขัง ก็ยิ่งเป็นไปได้ที่น้ำจะซึมผ่านแท็กซี่เวย์ลงสู่ผ้าห่มทราย และไม่น่าเป็นไปได้ที่จะปล่อยให้น้ำท่วมแท็กซี่เวย์ ถ้าน้ำท่วมแท็กซี่เวย์ แสดงว่าทั่วสนามบินคือต้องท่วมหมด   ข้อสรุปจึงเป็นไปอย่างที่คุณหนูแดงว่าไว้ว้า ความยเสียหายเกิดจากน้ำในผ้าห่มทราย...แต่ข้อมูลที่ผมเอามาให้ดูก็เป็นอีกทางหนึ่งที่บอกว่าน้ำนั้นไม่น่าจะมาจากการซึมลงดินจากพื้นที่ที่ไม่ได้ paved ถ้าพิจารณาจากรูปตรงที่เกิดความเสียหาย(คห.17) สาเหตุหลักน่าจะมาจากระดับน้ำในคลอง มากกว่าจากกาซึมของน้ำฝนลงสู่ใต้ดิน จากคุณ : ค้างคาวเถื่อน - [ 24 ก.พ. 50 07:09:45 A:67.15.183.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ : เด็กนอกบ้าน ผมถามคนงานลูกหลานผม เค้าบอกว่า สมัยก่อสร้าง เค้าจะขุดหลุมทราย ระบายน้ำลง อันนี้ผมไม่แน่ใจครับ คือทำให้พื้นที่ตรงที่จะทำงานให้แห้ง ตรงนี้ผมว่าน่าจะตรวจสอบนะครับ...ข้าง ๆถนนใช้งานสมัยก่อสร้าง ต้องการให้น้ำหลุดจากถนน ก็เลยทำหลุมรับน้ำอะครับ เท็จจริงต้องไปตรวจสอบนะครับ อย่างในรูที่เห็นน้ำเป็นหย่อม ๆ เราไม่ทราบลึกเท่าไหร่นะครับ น้ำพวกนี้ซึมค้างอยู่ในชั้น "ผ้าห่มทราย" หรือไม่... จากคุณ : ไทเมือง - [ 24 ก.พ. 50 09:05:07 A:58.8.111.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ : น้าพร เป็นข้อมูลใหม่มากครับ...ขอบคุณที่นำมาบอก...ผมยังมั่นใจว่า หลายปีที่ผ่านมาขณะที่ยังไม่เทพื้น น่าจะผ่านการขังของ"น้ำฝน" เหมือนทฤษฎีคุณ soco ที่บอกว่า น้ำเข้าได้ แต่ออกไม่ได้ เพราะทำ "คันดินโดยรอบบริเวณก่อสร้าง" เท่ากับทำ "แอ่งรับน้ำฝน" เราดี ๆ นี่เอง ตรงนี้คือ นำ้ฝน ไม่มีทางไปครับ จึงต้องซึมอยู่บริเวณนั้น จะระเหยไป 75 % ( ตามที่เจ้าของกระทู้บอก )ผมไม่แน่ใจนัก จากคุณ : ไทเมือง - [ 24 ก.พ. 50 09:10:40 A:58.8.111.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณหนูเองก็น่าจะทราบ การถามหา "การแสดงความรับผิดชอบ" เป็นสิ่งที่ "ต้องมี" เพราะมี "นักการเมือง" เอาสนามบินไป"สร้างภาพสวยหรู" แอบอ้างผลงาน แบบนี้จะไม่ให้เป็น "การเมือง" ได้อย่างไร แค่ผมเห็นภาพคุณหนูเอง เอา ภาพ นายก 10 กว่าคนมาลง ผมก็รู้แล้ว การชี้แจงของคุณหนูเองมี "การเมือง" แทรกอยู่ เมื่อมีความเสียหาย มันก็ต้องไล่เรียงว่า "เป็นความผิดของใคร" ไม่ใช่จะโยนไปที่ "ธรรมชาติ" สถานเดียว ยิ่งไปโยนเข้าข้อหา กักเก็บน้ำไม่ยอมปล่อย เท่ากับโยนความผิดไปให้คนอื่นที่ไม่ใช่งานก่อสร้าง มันเลยยุ่งกันใหญ่...ใครต้องรับผิดชอบตรงนั้น ก่อนมี  "รัฐประหาร" หรือไม่ ถ้าจะเล่น"วิชาการหรือเทคนิค" ล้วนๆ ก็ควรไปห้องเทค ไม่ใช่ห้องการเมือง แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 09:17:03 จากคุณ : ไทเมือง - [ 24 ก.พ. 50 09:14:20 A:58.8.111.107 X: ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าเป็นอย่างที่คุณไทยเมืองว่าแบบนั้น ก็ต้องไปไล่เรียงว่า ไครทำ ไครสั่ง มันอยู่ในเทคนิคหรือไม่ครับ ถ้าผิดก็ต้องไล่กันไปตามความผิดครับ ผมก็เลยตั้งข้อสังเกตุว่า แม้แต่ที่บ้านผม ดิน มีหลายแบบ ทั้ง ทราย ทั้ง หินคลุก และดินธรรมดา น้ำยังซึมผ่านได้ยาก ถ้าดินนั้นอัดแน่นดีแล้ว จากคุณ : เด็กนอกบ้าน - [ 24 ก.พ. 50 11:06:50 A:124.120.165.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณไทเมืองคะ คุณน่าจะเมา หนูเองไม่เคยบอกว่า จะไม่มีใครรับผิดชอบ วิศวกรคนใดคนหนึ่งนั่นแหละต้องรับผิดชอบ หนูเองบอกว่า พวกนักการเมืองทั้งตัวจริง ตัวปลอมและสื่อเลวๆ ยังไม่ทันรู้สาเหตุว่าเกิดอะไรกับทางขับ (ก่อนที่หนูเองจะเอาความจริงเรื่องน้ำค้างในผ้าห่มทรายเสียอีก) ก็พากันร่วมมือกันโหมกระพือข่าว จนนานาประเทศเข้าใจว่า ทางวิ่งแตกร้าว แถมสื่อชั่วๆบางคนยังออกมาข่มขู่ให้รัฐบาลปิดสนามบิน แล้วตอนนี้คนที่เคยสรุปไปก่อนหน้านี้แล้วว่าโกงกิน กลับมาทำเป็นมาสนใจเรื่องเทคนิค ทั้งที่ตัวเป็นคนคอยดิสเครดิตคนที่เพียงพยายามทำให้ข้อเท็จจริงปรากฎ ส่วนที่คุณเข้าใจว่า soco บอกว่า น้ำเข้าได้ แต่ออกไม่ได้ เพราะทำ "คันดินโดยรอบบริเวณก่อสร้าง" เท่ากับทำ "แอ่งรับน้ำฝน" เราดี ๆ นี่เอง นั่นไม่ใช่ความเห็นของ soco อย่าไปให้เครดิตผิดคน เป็นของคุณ pom.com ทฤษฎีของ soco คือ secondary consolidation หมายความว่า น้ำถูกคายจาก water content ที่อยู่ในเนื้อดิน เขลาสิ้นดี ถ้าเป็นอย่างนั้นถามว่า ทำไมดินที่เสียน้ำไม่ยุบตัว เพราะ CTB ยังมีระดับเท่าเดิม แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 22:38:59 จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 24 ก.พ. 50 22:35:45 A:67.15.183.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องแอ่งรับน้ำ ชาวนา soco บอกมานานแล้วนิ...ไม่ใช่เพิ่งมาพูด เข้าได้ออกไม่ได้ ก็คือน้ำติดคุก ตกลงน้ำซึมจากสนามหญ้าลงผ้าห่มทรายได้แน่นะครับ ไม่เจอ "ทรายซีเมนต์หรือ หินคลุกซีเมนต์" แน่นะครับ จากคุณ : Can (ไทเมือง) - [ 24 ก.พ. 50 23:15:13 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณไทแคนลองนึกภาพตอนทำขบวนการเร่งรีดน้ำออก ดินก็จะยุบไปราว 1.2-1.8 m. เมื่อเอาหินคลุกที่เป็น surcharge ออก เหลือผ้าห่มทราย เขาก็จะเท CTB เฉพาะส่วนที่เป็นพิ้นทาง ไม่ได้มี CTB ที่บริเวณติดกัน ผิวดินเดิมของบริเวณติดกัน จะมีส่วนถูกยุบไปด้วย ใกล้มากก็ยุบมาก ห่างออกไปก็ยุบน้อยลง เขาก็ต้องลงทรายถมส่วนที่ยุบพร้อมๆกับการปรับผ้าห่มทราย ดังนั้น บริเวณขอบๆพื้นทางนะ เป็นทรายที่ต่อเนื่องจากผ้าห่มทรายออกมา และค่อยๆมาจรดกับดินเหนียวที่ไม่ได้ยุบตัว มันจึงเป็นแอ่งกระทะทรายอย่างที่ว่า จะไม่เถียงกับคุณไทเมืองว่า น้ำมาจากไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่า เป็นน้ำบนดิน (surface water) ไม่ใช่น้ำใต้ดิน น้ำบนดินอาจสะสมในผ้าห่มทรายตลอดเวลา 2 ปี หรือจากน้ำล้นจากคลอง หรือทั้งสองประการ ไม่ว่าน้ำมาจากไหน วิศวกรฝ่ายใดคนหนึ่ง หรือ หลายฝ่ายคงต้องยอมรับความผิดพลาด กรณีนี้ คนออกแบบพื้นทางอาจคิดว่า น้ำไม่มีทางเข้าไปในผ้าห่มทรายได้ หรือคิดว่า คนออกแบบระบายน้ำคงออกแบบใหผ้าห่มทรายระบายน้ำได้ แต่วิศวกรที่ปรึกษา คือ PMC มีหน้าที่ต้อง integrate แบบพื้นทางและแบบระบายน้ำ ควรจะตรวจพบจุดอ่อนนี้ได้ ส่วนผู้รับเหมาทำตามแบบหรือไม่ ตรวจสอบได้อยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 23:38:56 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 23:37:31 จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 24 ก.พ. 50 23:36:26 A:67.15.183.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 นี่คือ รูปช่วงก่อสร้าง CTB คุณไทเมืองลองสังเกตุทรายทางขอบขวาของ CTB ดูสิคะ อย่างที่อธิบายใน คคห ก่อน จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 25 ก.พ. 50 00:08:36 A:67.15.183.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 นี่คือ สิ่งที่หนูเอ็งพยายามจะสื่อคะ ตรงใจมาก สำหรับคุณหมัดเหล็กจากไทยรัฐ จาก http://www.thairath.co.th/news.php?section=society06&content=37973 -------------------------- ไม่สร้างสรรค์ [24 ก.พ. 50 - 18:04] ความจริงจะเป็นบทพิสูจน์ สนามบินสุวรรณภูมิ ว่าย่ำแย่ อย่างที่กล่าวหากันมาเป็นแรมเดือนหรือไม่ หรือก็ แค่ละครฉากหนึ่ง เพื่อโฆษณาชวนเชื่อถล่ม ระบอบทักษิณ เท่านั้น ผมว่าคนที่ออกมาพูดเรื่องสุวรรณภูมิปาวๆ ก็ไม่ใช่คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงซะหน่อย ศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นอย่างไรมีความปลอดภัยแค่ไหน คนที่รู้ดีที่สุดก็คือเจ้าของสายการบิน เครื่องบินแต่ละลำมีมูลค่าเป็นพันล้าน เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไม่คุ้ม เสียทั้งชื่อเสียงและทรัพย์สิน ไม่ได้มาตรฐานจริงคงไม่มีใครกล้าเสี่ยงอยู่แล้ว ผมได้ข่าวว่า ความพยายามที่จะให้ สายการบินมาใช้ สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ เท่าที่มีการตอบรับมีแค่เพียง 4 บริษัทการบิน ซึ่งก็เป็นสายการบินในประเทศ ผมไม่รู้ว่า ถูกขอร้องแกมบังคับ ให้ย้ายกลับมาดอนเมืองหรือไม่ แต่สายการบินอีก 60-70 บริษัท ยังสมัครใจที่จะใช้ สนามบินสุวรรณภูมิอยู่ ก็แสดงว่าเขายัง ให้ความเชื่อมั่น แล้วคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะเข้าไปโวยวายอะไรกันนักหนา นอกเสียจากว่า จะตั้งใจใช้เป็นสุสานระบอบทักษิณอย่างที่ว่ากัน หรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงวันนี้ผมว่าต้องตั้งสติกันใหม่ หันมามองโลกในแง่ดีกันบ้าง อะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ต้องช่วยกันแก้ไข เพื่อพยุงสนามบินสุวรรณภูมิเอาไว้ให้ได้ ไม่ใช่ช่วยกันทำลาย ไม่สร้างสรรค์ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ ส่วนรวมของประเทศ อันที่จริงสนามบินสุวรรณภูมิก็ไม่ใช่ขี้เหร่ อะไร ยังมีรายชื่อเป็นสนามบินที่ติดอันดับท็อปเท็นของโลกด้วยซ้ำ ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่จะต้องเรียนให้ทราบก็คือ การจัดอันดับของ สนามบินเขาจะดูที่ ความทันสมัยและได้มาตรฐานเป็นหลัก จะสังเกตว่าสนามบินเก่าๆที่สร้างมานานจะไม่มีรายชื่อติดอันดับเลย เมื่อเราได้เปรียบตรงนี้ทำไมไม่ช่วยกันจัดการบริหารให้ดี ทั้งเรื่องของความทันสมัย ร้านค้าปลอดภาษี ซึ่งขออธิบายเพิ่มเติม ตรงนี้ว่า ร้านค้าปลอดภาษีก็เป็นส่วนสำคัญของสนามบิน เพราะเป็นแหล่งดึงดูดลูกค้าเป็นอย่างดี ไม่ต้องไปดูที่ไหน ดูจาก พฤติกรรมเราเองนี่แหละ เดินทางไปไหนจะต้องปรี่เข้าไปที่ร้านค้าปลอดภาษีก่อน ต่อมาก็เป็นด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร ซึ่งถือเป็น ประตูเข้าสู่ประเทศ ถ้าได้รับความสะดวก เป็นกันเอง มีรอยยิ้มให้ ผู้ใช้บริการก็สบายใจทั้งสองฝ่าย และสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย ถ้าจะพูดถึงสนามบินดอนเมืองก็ต้องถามว่ามีความพร้อมแค่ไหน ย้อนไปดูเหตุผลที่ต้องย้ายสนามบินดอนเมืองเนื่องจากความแออัด รับผู้โดยสารแค่ 38 ล้านคนต่อปีก็แย่แล้ว ขณะที่ ปัจจุบัน สุวรรณภูมิรับผู้โดยสารถึง 45 ล้านคนอย่างต่ำ ใช้ถึง 2 รันเวย์ ขณะที่ดอนเมืองก็มีแค่รันเวย์เดียว นี่คือความจริงที่ ถูกปิดบังและบิดเบือน. หมัดเหล็ก จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 25 ก.พ. 50 00:31:33 A:67.15.183.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 70 จะไม่เถียงกับคุณไทเมืองว่า น้ำมาจากไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่า เป็นน้ำบนดิน (surface water) ไม่ใช่น้ำใต้ดิน น้ำบนดินอาจสะสมในผ้าห่มทรายตลอดเวลา 2 ปี หรือจากน้ำล้นจากคลอง หรือทั้งสองประการ ไม่ว่าน้ำมาจากไหน วิศวกรฝ่ายใดคนหนึ่ง หรือ หลายฝ่ายคงต้องยอมรับความผิดพลาด กรณีนี้ คนออกแบบพื้นทางอาจคิดว่า น้ำไม่มีทางเข้าไปในผ้าห่มทรายได้ หรือคิดว่า คนออกแบบระบายน้ำคงออกแบบใหผ้าห่มทรายระบายน้ำได้ แต่วิศวกรที่ปรึกษา คือ PMC มีหน้าที่ต้อง integrate แบบพื้นทางและแบบระบายน้ำ ควรจะตรวจพบจุดอ่อนนี้ได้ ส่วนผู้รับเหมาทำตามแบบหรือไม่ ตรวจสอบได้อยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 23:38:56 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 50 23:37:31 จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 24 ก.พ. 50 23:36:26 A:67.15.183.3 X: ] คุณหนูเอง มี 2 ประเด็นถามเป็นความรู้ 1. ยังไม่ตอบตรงๆ ว่า ระหว่างชั้นผ้าห่มทรายกับสนามหญ้าด้านบน มีทรายซีเมนต์ คั่นกลางตลอดแนวคลุมผ้าห่มทรายไปจนถึงเหนียวหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบ เค้าออกแบบไม่ให้น้ำซึมจากด้านบนลงในชั้นผ้าห่มทราย ไม่ใช่เหรอครับ...แล้วแบบนี้จะมั่นใจได้ยังไงว่าน้ำฝนจะไม่ซึมลงไปในชั้นผ้าห่มทราย ตกลงแบบก่อสร้างไม่มีในมือเหรอครับ... 2. ผู้เชี่ยวชาญรายงานที่ใครหรือยังครับเรื่องน้ำมาจากใหน... รายงานอาจารย์ต่อยังให้ความเห็นเรื่องน้ำขังเก่าและน้ำใต้ดินอยู่นะครับ ตกลงเรื่องรางระบายน้ำ "การกักน้ำ" ไม่ใช่สาเหตุแล้วใช่หรือไม่ น้ำสามารถซึมผ่านคอนกรีตที่ดาดตลอดคลองหรือไม่ ( หรือยังคิดว่าน้ำล้นคลองระบายน้ำอยู่อีก รูปเก่า ๆ ของคุณหนูเองยังอยู่นะครับ ผมเก็บทุกรูป...) แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 01:00:24 จากคุณ : ไทเมือง - [ 25 ก.พ. 50 00:37:31 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 71 อิ อิ ไปเอาหมัดเหล็กมา...ตกลง "สื่อ" เป็นคนดีแล้วใช่มั๊ยครับ ฮ่า ฮ่า จากคุณ : ไทเมือง - [ 25 ก.พ. 50 00:38:57 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 72 ความคิดเห็นที่ 68 นี่คือ รูปช่วงก่อสร้าง CTB คุณไทเมืองลองสังเกตุทรายทางขอบขวาของ CTB ดูสิคะ อย่างที่อธิบายใน คคห ก่อน .................................... ทรายมองไม่ออก แต่สงสัย ทำ CTB ไม่ตั้งแบบเหล็กด้านข้าง แล้วมันจะได้แรงอัดเหรอครับ ตอนผมทำถนน อบต. ยังตั้งแบบเหล็กเลยคุณ อิ อิ จากคุณ : ไทเมือง - [ 25 ก.พ. 50 00:54:29 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 73 มี 2 ประเด็นถามเป็นความรู้ 1a. ยังไม่ตอบตรงๆ ว่า ระหว่างชั้นผ้าห่มทรายกับสนามหญ้าด้านบน มีทรายซีเมนต์ คั่นกลางตลอดแนวคลุมผ้าห่มทรายไปจนถึงเหนียวหรือไม่ ตอบว่า ผ้าห่มทราย จริงๆแล้ว เดิมมีไว้ระหว่างดินที่จะรีดน้ำ กับ หินคลุกที่เป็น surcharge คะ มีระบบ drain เพื่อระบายน้ำที่ถกรีดขึ้นมา ออกไปทิ้งด้านข้าง เมื่อขบวนดารเร่งน้ำเสร็จสิ้น ดินยุบแล้ว ก็จะนำหินคลุกออกแล้ว จากนั้น ก็เกลี่ยทราย ให้ไดระดับก่อนปู CTB ผ้าห่มทรายจึงมีเฉพาะใต้พื้นทาง ยกเว้นบริเวณขอบที่ติดกับพื้นทาง ที่ดินพลอยยุบลาดไปด้วย ตอนเกลี่ยผ้าห่มทราย ก็จะต่อเนื่องถึงบริเวณนี้ด้วย ส่วนที่เห็นปลุกหญ้าเป็นดินธรรมชาติด้านล่างและหน้าดินเป็นดินที่นำมาถมให้ได้ระดับ คำตอบคือ ตามแบบไม่มีทรายซีเมนต์ คั่นกลางตลอดแนวคลุมผ้าห่มทรายไปจนถีงดินเหนียว 1b. เพราะเท่าที่ทราบ เค้าออกแบบไม่ให้น้ำซึมจากด้านบนลงในชั้นผ้าห่มทราย ไม่ใช่เหรอครับ...แล้วแบบนี้จะมั่นใจได้ยังไงว่าน้ำฝนจะไม่ซึมลงไป ถ้าเป็นฝน ถ้าเป็นอย่างท่านเจ้าของกระทู้ว่า น้ำคงซึมลงไปน้อย ยกเว้นถ้าน้ำท่วมขัง น้ำกํจะซึมลงไปได้มาก 2. ผู้เชี่ยวชาญรายงานที่ใครหรือยังครับเรื่องน้ำมาจากใหน... ตอบว่า เป็นส่วนผสมระหว่างน้ำที่สะสมไว้และน้ำที"อาจ" ล้นจากคลอง แต่ยังสรุปไม่ได้ว่า ส่วนไหนมากกว่ากัน หนูเองใช้คำว่า "อาจ"ล้นจากคลอง เพราะยังหาหลักฐานไม่มี ได้ยินแต่คนงานเขาพูดกัน มีแต่รูปที่น้ำเต็มคลอง สูงกว่าที่กำหนดไว้ในคู่มือ และเป็นความจริงที่สูงมาก่อนวันทำรัฐประหาร ดังเห็นวันที่ในรูป แต่ยังไม่เห็นรูปที่น้ำล้นคลองว่ามีจริงหรือไม่และเมื่อไร 3. ตกลงเรื่องรางระบายนำ "การกักน้ำ" ไม่ใช่สาเหตุแล้วใช่หรือไม่ ถ้าน้ำไม่ล้น การมีน้ำในคลองที่ดาดด้วยคอนกรีต ไม่ควรมีผลต่อการซึมของน้ำเข้าสู่ผ้าห่มทราย แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 01:23:33 แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 01:18:11 จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 25 ก.พ. 50 01:04:44 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นลุงแคนบอกทำถนน อบต.ต้องตั้งแบบ แล้วหนามบินทำไงล่ะทีนี้ จากคุณ : soco - [ 25 ก.พ. 50 01:10:07 A:58.147.75.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 คงต้องรอสรุปสุดท้ายอีกที่ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ไทเมือง - [ 25 ก.พ. 50 01:33:02 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 ลุงแคน ขอเป็นความรู้บ้าง เป็นไปได้อย่างไรที่หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกัน คอลัมณ์สองคอลัมท์แสดงความเห็นต่างกันราวฟ้ากะดิน หรือ นสพ.แทงกั๊กคะ หมัดเหล็กเป็นใครคะ จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 25 ก.พ. 50 01:34:44 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 77 ไปตอบที่นี่ก็ได้คะ คนอื่นเขาก็สงสัย http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5169603/P5169603.html จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 25 ก.พ. 50 01:37:05 A:67.15.151.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 78 ไทยรัฐ ให้อิสระคนเขียนคอลัมน์ทุกคนตั้งแต่ผมทำเมื่อ 30 ปีที่แล้ว.. แต่ละคนมีแฟนของตัวเอง ไม่เกี่ยวข้องกันหรอกครับ ต่างคนต่างเขียน อ้อ...ผมมีลิ้งมาฝาก ดูนิดนะครับ http://72.14.235.104/search?q=cache:XjNlL2kcQEYJ:www.maathai.com/project_infrastructure.html+%22sand+cement%22+bangkok+maa&hl=th&ct=clnk&cd=2&gl=th จากคุณ : ไทเมือง - [ 25 ก.พ. 50 01:38:32 A:58.8.111.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 79 ผมว่างานนี้นักนิเวศวิทยามั่วมากไปหน่อย คงอยู่แต่ในป่าในเขา 2 เปอร์เซนต์ที่ว่าฝนจะซึมลงดิน ผมว่านั่นมันพื้นที่ลาดชัน ไม่มีหญ้า สภาพดินข้างแท็กซี่เวย์เป็นดินเหนียวปลูกหญ้า เรียบๆ เวลาฝนตกหนักๆ จะซึมลงดินกี่เปอร์เซนต์ ผมว่าไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซนต์แน่นอน ถ้าดินแห้ง ยังไม่ฉ่ำน้ำ แล้ววิธีคิดปริมาณน้ำฝนต้องคิดปริมาณน้ำฝนเสมือน สมมุติพื้นที่แท็กซี่เวย์ต่อสนามข้างแท็กซี่เวย์เป็นอัตรา 2 ต่อ 1 น้ำฝนตกบนแท็กซี่เวย์เท่าไรก็ต้องไหลผ่านสนามไปลงคลอง ปีที่แล้วฝนตก 70 ซม. หมายความว่าเสมือนฝนตกลงสนามข้างแท็กซี่เวย์ 210 ซม. (2+1 = 3 เท่า) ฝนซึมลงใต้สนาม 210 X 0.3 =   63 ซม. ประมาณว่าซึมลงไป กระจายไปในชั้นทรายใต้แท็กซี่เวย์ ให้ระดับลึกเท่ากัน ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/3  = 21 ซม. แต่ถ้าน้ำซึมลงไปในชั้นทรายทั้งหมด เพราะระดับชั้นทรายต่ำกว่า hard pan ของดินสนาม ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/2  = 31.5 ซม. นี่คิดแค่ปีเดียวนะครับ ไม่รู้มีสะสมอยู่จากเดิมหรือเปล่า และที่ผมกลัวที่สุดก็คือแน่ใจหรือว่ามีแต่น้ำฝน กลัวว่าจะออกแบบทะเล่อทะล่า ติดสปริงเกอร์รดน้ำสนามหญ้าไว้ แล้วไม่ฝังท่อ drainage คราวนี้ละครับ เอาน้ำรดน้ำไปรวมด้วย น้ำลึกในชั้นทรายไม่ต่ำกว่า 40 ซม. แน่นอน จากคุณ : Pom.com - [ 26 ก.พ. 50 12:53:34 A:210.1.58.8 X: ]