ความคิดเห็นที่ 1 3. เกี่ยวกับเครือบริษัทชินวัตร ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มูลค่าหุ้นกลุ่มเครือบริษัทชินวัตรที่ครอบครัวท่านถืออยู่ได้เพิ่มจาก 20000 ล้าน เป็น 70000 ล้านบาทกว่าๆ  เพราะโกงชาติถึงได้รวยขนาดนี้ (ข้อเท็จจริง)-กลุ่มเครือบริษัทชินวัตรเติบโตไปพร้อมกับตลาดหลักทรัพย์โดยรวม มิได้มีการโตอย่างผิดปกติแต่อย่างใด พิจารณาสถิติในรอบห้าปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2001 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2006 - หุ้นเครือบริษัทชินวัตร(SHIN) จากราคา 16.60 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 45.00 บาท หรือโต 2.71 เท่า - ตลาดรวม หรือ ดัชนี SET Index (SET) จาก 312.06 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 728.18 จุด หรือโต 2.33 เท่า - หุ้น ปตท. (PTT) จากราคา 35.50 เพิ่มขึ้นเป็น 244 บาท หรือโต 6.87 เท่า เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ธุรกิจพลังงานจึงเติบโตเร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ และปตท. หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้มีการลงทุนอย่างมหาศาล จึงเติบโตเร็วมากอย่างที่เห็น เครือยูคอม บริษัทแม่ของดีแทค (UCOM) จากราคา 30.75 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 50.50 บาท หรือโต 1.64 เท่า - กลุ่มธนาคาร ธ.กรุงเทพ (BBL) จากราคา 37.25 เพิ่มขึ้นเป็น 110.00 บาท หรือโต 2.9 เท่า แหล่งที่มา : เว็บตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ข้อกล่าวหา) - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แก้ พรบ. กิจการโทรคมนาคมให้ต่างชาติถือหุ้นได้เพิ่มขึ้นเป็น 49% (ข้อเท็จจริง) - การแก้กฎหมายเรื่องการถือหุ้นของต่างชาติให้เพิ่มเป็น 49% ได้ริเริ่มดำเนินการในสมัยท่านนายกฯชวน ไม่ใช่ท่านนายกฯทักษิณ และอย่างไรเสียกฎหมายฉบับนี้ ก็ต้องแก้ เพราะมีนักธุรกิจร้องเรียนเข้ามามาก จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจโดยรวม เพราะเวลานี้เราต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างชาติค่อนข้างมาก ไม่ทราบยังจำกันได้หรือเปล่า กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับที่ร่างขึ้นสมัยรัฐบาลชวน โดยดำเนินการร่วมกับ IMF (ข้อกล่าวหา)-การขายหุ้นของ SHIN ส่งผลให้ สัมปทาน ดาวเทียมไทยคม และคลื่นวิทยุ ตกอยู่ในมือของต่างชาติ สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ เท่ากับขายชาติ ขายสมบัติชาติ (ข้อเท็จจริง)สำหรับเรื่องดาวเทียม และคลื่นความถี่วิทยุ (มือถือใช้ความถี่วิทยุที่ 900MHz และ 1800MHz) เป็นสัมปทานที่ได้จากรัฐบาล ในข้อตกลงของ การให้สัมปทานแก่องค์กร เอกชนจากรัฐบาล ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ทรัพย์สินต่างๆ อันได้แก่ดาวเทียม เสาส่งสัญญาณ อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง กับการรับส่งสัญญาณ คลื่นความถี่วิทยุ ให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนจัดหา และให้โอนทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐ บริษัทเอกชนมีสิทธิ์เพียงการแสวงหากำไรจากทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้เท่านั้น รัฐบาลสามารถยกเลิกสัมปทานได้ หากเอกชนละเมิดข้อตกลงที่ได้กำหนดไว้ เพราะฉะนั้นทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้ยังเป็นของประเทศ ต่อให้เปลี่ยนผู้ถือหุ้น กฎหมายสัมปทานได้บัญญัติขึ้น อย่างรอบคอบและรัดกุมแล้ว ไม่มีช่องโหว่ให้ต่างชาติ มาครอบงำสมบัติชาติเหล่านี้แน่นอน การขายหุ้น SHIN จึงไม่เกี่ยวกับการขายชาติเลยแม้แต่น้อย และเทมาเสกเป็นเพียงกองทุนที่กระจายการลงทุนในบริษัทต่างๆ ทั่วโลก ไม่เข้ามาบริหารงานเอง ทีมบริหารเครือบริษัทชินวัตรยังคงใช้ชุดบริหารที่เป็นคนไทย (ข้อคิดเห็น) – อนาถประเทศไทย - นักศึกษาและผู้มีการศึกษา ถูกสอนในเรื่องเหตุและผล รวมกลุ่มกันประท้วง ไม่ใช่เพราะหลงผิด แต่พวกเขาแค่ต้องการความจริงจากผู้นำ - ส่วนชาวบ้านนั้น เราก็คงต้องพัฒนาอีก แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากเขาพัฒนาแล้ว เราคงไม่เจอปัญหาอย่างนี้ จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 00:55:14 A:81.169.183.122 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องการขายหุ้นเครือบริษัทชินวัตร ประเด็นนี้เป็นประเด็นใหญ่เลย ที่ผู้คนถกเถียงกันมาก เรื่องของเรื่องมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นของในเครือบริษัทชินวัตร ที่ถืออยู่ทั้งหมดให้กับกลุ่มทุนเทมาเสกของสิงคโปร์ โดยทำการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็มีหลายท่านโจมตีว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้น (ซึ่งอยู่ในชื่อลูกๆ) ได้เงินจากการขายหุ้น ทั้งหมดเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท แต่ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว รวมถึงการไปเปิดบริษัท Ample Rich Investment (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ARI) ที่หมู่เกาะ British Virgin Island (ต่อไปนี้จะเรียกว่า BVI) เพื่อดำเนินการหลบเลี่ยงภาษีในรูปแบบต่างๆ มีหลายท่านไม่พอใจมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งข้อมูลต่างๆ คนส่วนใหญ่จะรู้แค่นี้ จริงไหมครับ ก่อนอื่นต้องขออธิบายขั้นตอนทั้งหมดของการย้ายหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อน (1) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โอนหุ้นเครือบริษัทชินวัตร จำนวน 10% ไปให้บริษัท ARI และถือหุ้น ARI ไว้ 100% (ทำก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี โดยท่านได้ให้เหตุผลว่าเตรียมไว้เพื่อจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ของอเมริกา) หุ้นที่โอนๆไปในราคา par 10 บาท (2) ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โอนหุ้นตัวเองรวมถึงหุ้นใน ARI ให้อยู่ในชื่อลูกๆ ตามกฎหมายการโอนโดยเสน่หา และสามารถทำได้โดยชอบธรรม โดยไม่ต้องเสียภาษี (การเสียภาษีจะเกิดขึ้นในกรณีที่เป็นมรดก) และแบ่งส่วนการถือหุ้นให้คุณพานท้องแท้ ชินวัตรและ คุณแพรทองธาร ชินวัตร ถือคนละครึ่ง (3)หุ้นเครือบริษัทชินวัตรได้มีการแตกราคา par จาก 10 บาท เป็น 1 บาท ส่งผลให้หุ้นที่ ARI ถือไว้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 เท่า แต่มีต้นทุนเหลือหุ้นละ 1 บาท เพราะฉะนั้นมูลค่าหุ้นที่ถือครองยังคงเท่าเดิม ระหว่างนี้โครงการจะเข้าตลาด NASDAQ ล้มเลิกไป ARI จึงถือหุ้นไว้อยู่อย่างนั้นโดยไม่ได้ดำเนินการใดๆ ระหว่างที่ถืออยู่ ARI จะมีรายได้จากเงินปันผล ตามกฎหมายต้องเสียภาษี แต่ภาษีจากเงินปันผลจะถูกหัก ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ARI ไม่จำเป็นต้องเสียภาษีจำนวนนี้อีก (4) ก่อนการขายหุ้นให้เทมาเสกไม่กี่วัน ได้มีการโอนหุ้นคืนจาก ARI (ขายให้กับตัวเอง) โดยการโอน ปรากฏเป็นรายการขายจาก ARI(หุ้น ARI มีราคาหุ้นละ 1 บาท เพราะเป็นหุ้นที่ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์และไม่อยู่ในประเทศไทย ราคาจึงไม่เท่ากับราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์) คุณพานท้องแท้ ชินวัตรและ คุณแพรทองธาร ชินวัตร ได้นำหุ้นส่วนนี้ขายในตลาดหลักทรัพย์ในราคาในตลาดหลักทรัพย์คือ 49.25 บาท ทำให้มีกำไรที่เกิดจากส่วนต่างราคาหุ้น 48.25 บาทต่อหุ้น หรือที่เรียกว่า Capital Gain กฎหมายระบุชัดว่าไม่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกัน (เฉพาะกรณีของบุคคลธรรมดา ไม่ใช่นิติบุคคล) และบังคับใช้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรงนี้เป็นช่องโหว่ของกฎหมาย เนื่องจากตามกฎหมายภาษี กรณีนี้น่าจะเป็นเงินได้พึงประเมิน ที่รัฐต้องจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายภาษีอากร แม้กระทั่งเงินที่ไม่สามารถหาที่มาที่ไปได้ยังต้องเสียภาษีในฐานะเงินได้พึงประเมิน มีความผิด ในขั้นตอน การถือครองและการโอนหุ้นในข้อ (2) และ (4) เพราะไม่การรายงานต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามกฎหมายระบุว่าหากผู้ถือหุ้นใหญ่ เปลี่ยนแปรงส่วนการถือครองหุ้น ต้องรายงานต่อ ตลท. เสมอ ทำให้คุณพานทองแท้ ชินวัตร โดนปรับไปห้าล้านกว่าบาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นผู้ทำนิติกรรมใน(4) แต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีส่วนทำให้ผู้อื่นเลี่ยงภาษี คือรู้ว่ามีการโอนหุ้น ARI เข้ามาในตลาดหลักทรัพย์แต่กลับไม่บอกให้ผู้ถือหุ้น(คุณพานท้องแท้ ชินวัตรและ คุณแพรทองธาร ชินวัตร)ไปเสียภาษี ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี  และเป็นเหตุผลที่ท่านไม่กล้าที่จะดีเบสกับฝ่ายต่อต้านตรงๆ จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 00:59:12 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้ายแรงอย่างที่กลุ่มสนธิ ลิ้มทองกุล พยายามกล่าวหาไหม ? คงไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ถึงขั้นโกงชาติ และไม่เกี่ยวกับกรณีข้อกล่าวหา ที่ว่าเปิดบริษัทเพื่อใช้ประโยชน์ ด้านภาษีของ BVI เลย เพราะ บริษัท ARI ของทักษิณไม่ใช่สำนักงานใหญ่ ไม่ได้ดำเนินการทางธุรกิจใดๆ นอกจากถือหุ้นเครือบริษัทชินวัตรไว้อย่างเดียว ส่วนใหญ่คนที่มีเป้าหมายในการหลบเลี่ยงภาษีจะไปเปิดบริษัทที่เป็นสำนักงานใหญ่ BVI มีการดำเนินกิจกรรมที่มีรายได้ทางธุรกิจ ทำให้บริษัทมีสัญชาติเป็นของที่นั่น ไม่ต้องเสียภาษีให้ประเทศตัวเอง ซึ่งต่างกับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริษัทหลายๆ บริษัทเปิดในไทยแท้ๆ มีการเลี่ยงภาษีลักษณะนี้ หรือซับซ้อนกว่านี้เป็นจำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องเปิดที่ BVI ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเปิดที่ BVI น่าจะมีเหตุผลของการนำเข้าตลาด NASDAQ มากกว่า เพราะเปิดที่ BVI มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ดำเนินการง่าย และบริษัทในเครือบริษัทชินวัตร ได้มีการเสียภาษีให้รัฐอย่างถูกต้องมาทุกปี ทำรายได้ให้รัฐมหาศาลแล้ว (ข้อมูลจากเครือผู้จัดการ ศาลแพ่ง และสำนักงานป้องกันการฟอกเงิน) มีแกนนำบางคนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ประท้วงที่สนามหลวง เปิดบริษัทที่ BVI ในลักษณะเลี่ยงภาษีอย่างเต็มรูปแบบ กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง คอรัปชั่นในบริษัทตัวเอง จนบริษัทตัวเองขาดทุนมหาศาล จนต้องอยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:00:03 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. ผลงานทักษิณที่ผ่านมาของรัฐบาล : มองต่างมุม (ข้อกล่าวหา)รัฐบาลทำให้คนจนเป็นหนี้ มีแต่หาหนี้ให้ประชาชน นโยบายประชานิยมทำให้คนไทยเสียนิสัย ทำให้คนมีหนี้มากขึ้น (ข้อเท็จจริง)สภาพเศรษฐกิจก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมาบริหารประเทศถือว่าตกต่ำมาก เงินไหลเวียนน้อย คนตกงานเยอะ บริษัทต่างๆ ขาดทุน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ดีมาตรการหนึ่งในภาวะนี้ คือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ ทำให้เงินไหลเวียนในระบบมากขึ้น เมื่อเงินไหลเวียนมาก ส่งผลให้ บริษัทต่างๆ เริ่มมีผลประกอบการมีกำไร เกิดการจ้างงานมากขึ้น รัฐก็เก็บภาษีสำหรับพัฒนาประเทศได้มากขึ้น การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระดับรากหญ้าในนโยบายต่างๆ เช่น กองทุนหมู่บ้าน ได้ประโยชน์สองต่อ คือ หนึ่ง ส่งผลให้คนระดับรากหญ้า มีเงินทุนที่จะนำไปทำมาหาเลี้ยงชีพ และสองทำให้เงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น สร้างงาน สร้างรายได้ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น OTOP หรือ พักหนี้เกษตรกร ทำให้ชนชั้นรากหญ้าสร้างเนื้อสร้างตัวกันได้เยอะนะครับ เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ในที่สุดก็จะส่งผลดีกลับไปถึงคนไทยทั้งประเทศ อย่างโครงการบ้านเอื้ออาทร ถ้าเรามองลึกไปกว่านั้น จะเห็นว่าผลจากการสร้างบ้านจำนวนหลายๆ พันหน่วย ส่งผลให้ธุรกิจก่อสร้างมีกำไร เกิดการจ้างงานมหาศาล เมื่อคนเข้าไปอยู่ในบ้านแล้ว ก็จำเป็นต้องซื้อข้าวของเครื่องใช้เข้ามา ยิ่งทำให้เงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น เพราะฉะนั้นเราปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวรอบนี้ ชนชั้นรากหญ้ามีบทบาทสำคัญ (ข้อโต้แย้ง) - การเอาเงินภาษีไปจ่ายคนจน แล้วให้คนจนเอาเงินมาซื้อสินค้าในธุรกิจส่วนตัวของคณะรัฐบาล คนจนเป็นหนี้ ธุรกิจของครอบครัวคนในรัฐบาลรวยเอา ๆ ไม่เห็นเหรอแค่ท่านนายกฯคนเดียว เงินตั้งเกือบ 80,000 ล้านไปกองอยู่ มันไม่ไหลเวียนหรือเป็นอย่างว่า นี้แหละที่เขามานั่งตากแดดตากฝนขาดงานประท้วงแทนนั่งห้องแอร์ (ข้อคิดเห็น) – รัฐบาลนี้มีฝีมือด้านเศรษฐกิจ คนมีหนี้มากขึ้น แต่ก็มีรายได้-รายรับเพิ่มขึ้นด้วย รัฐบาลสร้างโอกาสให้แล้ว ถ้าเอาโอกาสนั้นไปก่อเป็นหนี้ แล้วทำให้ไม่ก่อให้เกิดรายได้นั่นอยู่ที่ตัวคุณเองแล้วครับ เพราะคนได้ประโยชน์ มีอาชีพ มีรายได้มั่นคง มีชีวิตที่ดีขึ้นจากโครงการต่างๆ เหล่านี้ก็เยอะ จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:00:58 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 (ข้อโต้แย้ง) - ชนชั้นกลาง มองว่านโยบายรัฐบาลไม่ได้ผล ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เช่นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ยาห่วย โรงพยาบาลขาดทุน หมอท้อแท้ (ข้อเท็จจริง) - ชนชั้นรากหญ้า คนจน คนด้อยโอกาสได้ประโยชน์อย่างมหาศาล หลายๆ คน มีปัญหาด้านสุขภาพ ได้มีโอกาสรักษาดีๆ เพราะโครงการ 30 บาท จากค่าใช้จ่ายเป็นแสน ก็จ่ายแค่ 30 บาท หลายๆ คน ได้มีชีวิตอยู่ มีลมหายใจต่อ เพราะโครงการนี้ มีเพื่อนคนนึง พ่อป่วยต้องผ่าตัด ไม่มีเงินค่ารักษา ได้โครงการสามสิบบาทที่ช่วยพ่อเค้าไว้ได้ ชีวิตคน ระหว่างคนจนและคนชั้นกลางมีค่าเท่ากัน รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลแรกที่เอาใจใส่ คนรากหญ้าขนาดนี้ มีนโยบายต่างๆ มากมายเพื่อคนรากหญ้า สร้างงาน สร้างรายได้ คนจนส่วนใหญ่จึงรักท่านนายกฯ (ข้อคิดเห็น) - คนชั้นกลางส่วนใหญ่ที่ติโครงการเหล่านี้ คุณไม่ควรลืมว่ารากเหง้าประเทศไทย เรามาจากอะไร คนส่วนใหญ่ของประเทศคือใคร เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ ฟื้นตัวจากไหน ถ้าคุณต้องการยาดีๆ การเอาใจใส่จากโรงพยาบาลมากๆ คุณก็ไปโรงพยาบาลเอกชนสิครับ โรงพยาบาลรัฐจะได้มี โอกาสช่วยเหลือคนจนคนด้อยโอกาสได้มากขึ้น สำหรับเรื่องโรงพยาบาลขาดทุน ผมอยากให้มองในอีกมุมนึงนะครับ ปตท. กำไรมหาศาล โดนด่าครับ ว่าคนจนเดือดร้อน รายได้เข้านายทุน แล้วการที่โรงพยาบาลรัฐยอมลดรายได ้ตัวเองลงโดยมีทุนสนับสนุนจากรัฐบาล ทำเพื่อชนชั้นรากหญ้า มันเลวร้ายเหรอครับ ถ้าโรงพยาบาลรัฐกำไรมหาศาล โดยคนรากหญ้าเดือดร้อน อย่างนี้สิ น่าตำหนิกว่า คุณหมอบางท่านที่ออกมาประท้วงครับ อาชีพคุณมองแต่ตัวเงินที่เป็นผลประโยชน์หรือครับ หรือมองว่าความสุขของคุณคือการได้ช่วยเหลือคน อย่าละทิ้งอุดมการณ์เดิมสิครับ คุณก็ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าอาชีพอื่น สามารถอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนอยู่แล้วนี่ครับ บางสิ่งบางอย่างผมว่าเราน่าจะ เสียสละให้คนที่ด้อยโอกาสก่อน เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:01:58 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 (ข้อโต้แย้ง) - การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เช่น แปรรูป กฟผ. เป็นการเอาใจนายทุน แต่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ค่าไฟจะแพงขึ้น ต่างชาติมีโอกาสมาครอบงำ รัฐวิสาหกิจไทย ขายชาติอีกแล้ว จะทำให้ประเทศไทยล่มจมเหมือนอาเจนติน่า และจะเอาเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น เพื่อดันดัชนีให้สูงขึ้นโดยไม่สนใจว่า ประชาชนจะติดเหล้าแค่ไหน (ข้อเท็จจริง) - การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทำให้ประเทศล่มจมเหมือนอาเจนติน่าเป็นการมองอย่างอคติเกินไป มีประเทศกว่า 80 ประเทศทั่วโลกแปรรูป ไม่ใช่แค่อาร์เจนติน่า ประเทศกำลังพัฒนาอย่างแม๊กซิโก ชิลี ก็ยังได้รับการชื่นชมว่าประสบความสำเร็จในการทำ privatisation อย่างมาก อาเจนติน่ายังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่ทำให้ประเทศล้มละลาย และการแปรรูปไม่เกี่ยวกับราคาค่าไฟเลย การแปรรูปทำให้ระบบการจัดการภายในองค์กรดีขึ้น บริหารงานคล่องตัวขึ้น มีการตรวจสอบบัญชี โปร่งใสกว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ การนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ ทำให้กิจการใหญ่โตขึ้น ราคาค่าไฟจะเพิ่มหรือไม่อยู่ที่มติของคณะกรรมการ ถ้าหากรัฐบาลยังถือหุ้นในส่วนที่เกินครึ่งอยู่ นายทุนไม่สามารถกำหนดราคาค่าไฟตามใจชอบได้ (ข้อคิดเห็น)- กฟผ. ควรแปรรูป แต่ให้รัฐบาลถือส่วนหุ้น 75% และอีก 25% กระจายในตลาดหลักทรัพย์ กฟผ. ใครๆ ก็รู้ แต่เดิมมาข้างในองค์กรไม่โปร่งใสนัก ผู้บริหารระดับสูงมีสิทธิพิเศษหลายๆ อย่าง เงินเดือนกับหน้าที่ไม่สมเหตุสมผล การบริหารงานขาดประสิทธิภาพ พนักงานข้างในเอะอะก็ขู่ประท้วงหยุดงาน การแปรรูปจะช่วยให้องค์กรทำงานอย่างโปร่งใสมากขึ้น เงินกำไรสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาได้เต็มที่ ไม่ใช่ตกอยู่กับผู้ใหญ่ คนใหญ่คนโตบางกลุ่มใน องค์กร เมื่อเข้าตลาดหุ้น กฟผ. จะได้เงินทุนอีกมหาศาลสำหรับพัฒนาโรงไฟฟ้า เพื่อสร้าง supply ให้มากขึ้น รองรับ demand ที่จะเพิ่มในอนาคต (หลักของ demand-supply ที่มีผลต่อราคาขาย คนที่เรียนเศรษฐศาสตร์มาก็คงรู้กันดี) จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:02:38 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 (ข้อโต้แย้ง) – "กรณี กฟผ. เข้าตลาดหุ้น ทุกอย่างจะเป็นธุรกิจ ค่าไฟจะแพงขึ้น ประชาชนจะเดือดร้อน เบียร์ช้าง เข้าตลาดหุ้น จะทำให้เหล้าเบียร์ถูกลง มอมเมาประชาชน" (ข้อคิดเห็น)- กรณีเบียร์ช้าง การระดมทุนทางธุรกิจ กับเรื่องทางสังคม การติดเหล้าเบียร์ คนละเรื่องกัน เบียร์ช้างต้องการระดมทุนเนื่องจากจะรุกตลาดต่างประเทศ หารายได้ให้ประเทศไทยมากขึ้น ถ้าจะให้คนเลิกเบียร์ก็ควรทำอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ เบียร์ช้างเข้าตลาดไทยไม่ได้ กำลังวางแผนเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์ เสียหายไหมครับ market cab ตลาดหุ้นไทยหายไปแสนล้าน เสียดายกันไหมครับ กำไรจากการขายเหล้าเบียร์ให้คนไทย เข้าสู่กระเป๋านายทุนสิงคโปร์ ภาษีค่านายหน้าในการซื้อขาย หุ้นเบียร์ช้างมูลค่ามหาศาล ก็เข้ารัฐบาลสิงคโปร์ commission ในการซื้อขายหุ้นเบียร์ช้าง ก็ตกอยู่กับ Broker ของสิงคโปร์ แทนที่จะไหลเวียนให้กับคนไทยด้วยกัน คนไทยทั้งนั้น ทำกันเอง กัดกันเอง สุดท้าย เป็นชัยชนะบนความเสียหายของประเทศ (ข้อคิดเห็น)พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามพัฒนาหลายๆ อย่างของประเทศ แต่คนหลายๆ คนกลับปิดหูปิดตามองไม่เห็น บอกว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ถ้ามองอย่างเป็นกลาง เช่น - การปราบยาเสพติด หลายคนออกมาประท้วง ว่าตำรวจฆ่านักค้ายาเป็นพันศพ แต่พันศพนี้ แลกกับ เด็กๆ ที่เลิกยาได้เป็นพันคน คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ถ้าไม่รุนแรงคงจะได้ผล คนจะหวาดกลัวหรือ ทำเรื่องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มาเฟียต้องเด็ดขาดไว้ ดีแล้ว ถ้าปล่อยพวกนี้ไป วันดีคืนดีกลับมาขายยาอีก แลกกับอนาคตของชาติคิดว่าไม่คุ้ม เลือกรักษาคนดีไว้ก่อนคนเลว และก็ได้ผลจริงๆ หลายๆ พื้นที่มีคนชมว่า ยาเสพติดหายไปจริงๆ ลูกๆ เค้าก็เลิกยาได้ มีชีวิตใหม่ ดีขึ้น - สนามบินสุวรรณภูมิ Mega Projects ต่างๆ รถไฟฟ้าสิบสาย จะมีรัฐบาลไหนกล้าทำ ถ้าไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สิบปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้อะไรจากรัฐบาลเป็นชิ้นเป็นอันเลย เพิ่งเห็นผลงานใหญ่ๆ มากๆ จากรัฐบาลชุดนี้ และโครงการเหล่านี้เป็นรากฐาน ที่ผลดีให้เศรษฐกิจไทยในระยะยาว คิดดูสิ พื้นที่บริเวณรอบๆ สนามบิน พื้นที่บริเวณรอบๆ รถไฟฟ้า จะมีการก่อสร้าง มีการไหลเวียนของเงินทุนมากขึ้น ขยายขอบเขตความเจริญ ของกรุงเทพชั้นในออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้ทั่วถึง อีกสองสามปีน่าจะเห็นผลที่ได้อย่างชัดเจน ฯลฯ จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:03:42 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลองคิดดู ถ้าคุณเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความตั้งใจจริงมาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถึงแม้จะมีข้อผิดพลาดบ้าง ก็เป็นข้อผิดพลาดที่น่าจะอภัยให้กันได้ ให้มีลงโทษปรับตามความเหมาะสมก็พอ สร้างผลงานไว้มากมาย แต่ต้องมาโดนขับไล่อย่างนี้ โดนปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆ โจมตีครอบครัว โจมตีลูกๆ จนเสียผู้เสียคน หาว่าเป็นคนขายชาติ ไม่สมควรอยู่ในประเทศไทย คุณจะท้อไหม ถ้าคนไทยเรายังเป็นอย่างนี้ กัดกันเอง ขัดขากันเอง พอจะมีโอกาสลุกขึ้นยืนได้ แทนที่จะได้วิ่งกับเค้าบ้าง กลับต้องสะดุดหกล้ม กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่เป็นอย่างนี้ แต่ก่อนเราเคยนำสิงคโปร์ นำมาเลเซีย แต่ทุกวันนี้เป็นไงครับ แข่งกับเวียดนาม เวียดนามเดี๋ยวนี้พัฒนาประเทศได้มากแล้วนะครับ อนาคต ว่าเราจะต้องแข่งกับพม่าหรือเปล่า ได้แต่หวังว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นมากกว่านี้ ในอดีตกาลการเมืองบ้านเรามีระบอบประชาธิปไตยที่มีพื้นฐานของเผด็จการทางทหารมาเป็นตัวนำ แต่ในขณะนั้น การเมืองก็ยังดูง่ายกว่าปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะคำว่าเผด็จการนั้น หมายถึงการยึดอำนาจเบร็ดเสร็จ เลยมีเพียงแค่ฝ่ายปกครองที่มาจากอำนาจทางทหาร กับฝ่ายที่ถูกปกครองนั้นคือประชาชน แต่ปัจจุบันนี้ แต่ละฝ่ายนั้นมีอำนาจและบารมีมากจนอยากต่อการที่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะคำว่าผลประโยชน์มันมีอิทธิพลอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน สุดท้ายธาตุแท้ของความโลภในลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจ ทั้งการเงิน และบารมี สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเป้าหมายของแต่ฝ่ายอย่างชนิดแยกกันไม่ออกเลยที่เดียว จากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้วว่า อะไรอยู่เบื้องหลังของความวุ่นวายเหล่านี้ ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม ข่าวสารต่างๆที่ออกมาไม่ว่าข่าวนั้นจะเชื่อถือได้หรือไม่ หรือแหล่งข่าวนั้นๆจะมาจากไหน จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:04:32 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 สรุปแล้วก็คือ ต่างฝ่ายต่างที่จะเสริมแต่งข่าวสารจน หาความจริงได้อยากยิ่งนัก ต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบครอบเพื่อไม่ให้ตนเองนั้นต้องตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในความคิดที่ว่าถ้าตราบใดประชาชนต้องมาอยู่ในสถานะแบบนี้ ผมว่าอนาคตการเมืองบ้านเรานั้นหน้าเป็นห่วงยิ่งกว่ายุคของเผด็จการทางทหารเสียอีก จากการที่ฝ่ายค้านได้กระการลงไปในครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของคำว่า เกมส์ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ อีกฝ่ายหนึ่งย่อมที่จะไม่ยอมรับในกติกานั้นๆ ผลก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ที่แน่ๆนั้นคือ ขอให้ฝ่ายของตนเองไม่เสียเปรียบเป็นใช้ได้ นี้แหละยุคแห่งการตกต่ำแบบสุดๆของการเมืองไทย ที่พัฒนามาจากเผด็จการทางทหารจนมาถึงการเผด็จการของสื่อ ของนักวิชาการ ของนักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล สรุป ประชาชนซวยแต่เพียงผู้เดียว นี้แหล่งสัจจธรรมที่แท้จริง ถอยหลังเข้าคลองไม่ออก แต่อยากจะเปลี่ยนเป็น ถอยหลังลงคลอง ที่ข้าพเจ้า คิดว่าไม่ต้องการใช้ ม.7 เพราะไม่คิดว่าประเทศไทยจะถอยหลังลงคลอง มันขัดแย้งกับการประท้วงของประชาชนเป็นแสนที่ผ่านมาเสมือนกับ ประชาธิปไตยก้าวหน้าไปไกล แต่พอใช้ม.7 ปั๊บ ทั้งหมดที่ผู้คนต่างประเทศชื่นชม หายวับไปกับตา ต้องทำการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกแล้ว ข้าพเจ้าเปรียบการนี้เสมือน พ่อคนหนึ่งเลี้ยงลูกแล้วไม่รู้จักโต สร้างปัญหา วุ่นวาย ใหญ่โต บ่อยๆ แล้วต้องให้พ่อ-แม่ ซึ่งอายุมากแล้ว ต้องลงมาช่วยแก้ปัญหาทุกครั้งไป ไม่ทำให้ พ่อ-แม่ ซึ่งมีอายุแล้ว คอยติดตามความเจริญ(ปัญญา)ก้าวหน้าของลูกอย่าง มีความสุข และชื่นใจ ข้าพเจ้า เป็นครู ไม่เคยรู้สึกว่าชื่นใจเท่ากับเห็นพัฒนาการของลูกศิษย์ลูกหา ยิ่งถ้าเขาสามารถพัฒนาได้เก่งกว่า รู้มากกว่า ครูของเขา ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก เพราะเชื่อว่าเขาจะสามารถช่วยนำพา และพัฒนาชาติไทยให้ก้าวหน้ามากขึ้นต่อไป ดีใจมากกว่าที่คนจะชื่นชมว่า ข้าพเจ้าเก่งเป็นที่ 1(ซึ่งเกินความจริงไปมากมายมหาศาล) ที่มา http://www.thanut.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=324336&Ntype=6 จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:05:21 A:149.9.0.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 โหวตให้ยอดมาก จากคุณ : ลูกข้าวนึ่ง - [ 25 ก.พ. 50 01:31:20 A:192.168.0.109 X:61.7.133.92, 61.7.133.92, 61.7.133.92 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฝรั่งแปลกใจเรื่องแอมเพิลริช เรื่องนี้คนไทยหลายคนรู้ดีว่า เป็นเรื่องพยายามกลั่นแกล้งนายกฯทักษิณ แต่ฝรั่งอ่านข่าวเรื่องนี้แล้วงง จึงเขียนจดหมายไปที่ นสพ.บางกอกโพสต์เพื่อชี้แจงดังนี้ No point looking into Ample Rich From Bangkok Post dated Jan.10, 2007, section 1 of “POSTBag” , page 11 Re : “Shin Corp probe: tax evasion claims” (Bangkok Post, Jan 6). I am surprised to see that the Assets Examination Committee is spending time investigating the capital structure of Ample Rich Investments to determine whether it had enough paid-up capital to purchase Shin Corp shares. It seems that they are looking at Ample Rich as if it were a company incorporated in Thailand or another onshore jurisdiction, whereas it is in fact a British Virgin Islands(BVI) company. As in other offshore jurisdictions, there is no requirement for BVI companies to file accounts or pay taxes. Many BVI companies do voluntarily publish audited accounts, bust most of these are either part of a multinational corporation structure or are operating investment funds for institutional share holders. Since Ample Rich was a closely held family company, there would have been no point in producing audited accounts and any amount of cash or assets could have passed through its bank accounts even if it had only US$1 in paid-up capital. Technically, the source of funds would in such a case be loans from shareholders. However, any accounts or financial records of a BVI company which were not audited by a reputable firm of international auditors and published at the time should be regarded as meaningless. For the record, my understanding is that Win Mark, the Malaysian company mentioned in the same article, is incorporated in Malaysia’s Labuan Island, which is also an offshore tax haven with minimal reporting requirements. By George Morgan คำแปล: ไม่มีประเด็นในการตรวจสอบ แอมเพิลริช โดย จอร์จ มอร์แกน อ้างถึง – “ปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีของชินคอร์ปฯ” (จาก นสพ. บางกอกโพสต์ วันที่ 6 ม.ค. 2550) ผมประหลาดใจที่เห็น คตส. ที่เสียเวลาตรวจสอบโครงสร้างเงินทุนของ การลงทุนในแอมเพิลริช เพื่อตัดสินใจว่าจะมีเงินทุนพอที่จะซื้อหุ้นชินคอร์ปหรือไม่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังตรวจสอบแอมเพิลริชราวกับว่าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไท ย หรือ เขตพื้นที่ของประเทศไทย ในขณะที่ความจริงนั้นบริษัทที่อยู่ที่เกาะบริติชเวอร์จิ้น ในกรณีที่เป็นอำนาจของเขตพื้นที่อื่นแล้วนั้นไม่จำเป็นที่บริษัทในเกาะบริติชเวอร์จิ ้นต้องเปิดบัญชีเพื่อจ่ายภาษี หลายบริษัทในเกาะบริติชฯนั้นทำบัญชีตรวจสอบเองโดยสมัครใจ แต่ส่วนใหญ่แล้วบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทนานาชาติไม่ก็เป็นบริษัทที่ลงทุนในกองทุนต่ างๆให้กับผู้ถือหุ้นของสถาบัน เนื่องจากแอมเพิลริชเป็นบริษัทครอบครัวดังนั้นจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องทำการตรวจสอบ และเงินสดหรือสินทรัพย์ต่างก็สามารถผ่านไปยังบัญชีธนาคารของบริษัทได้ ถึงแม้จะมีมูลค่าหุ้นเพียง 1 เหรียญสหรัฐก็ตาม โดยทางเทคนิคแล้ว แหล่งเงินทุนก็จะเป็นกรณีเงินกู้จากผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตามบัญชีหรือบันทึกทางการเงินต่างๆของบริษัทในเกาะบริติชเวอร์จิ้นซึ่งไม่ไ ด้ผ่านการตรวจสอบหรือจดทะเบียนโดยบริษัทที่มาชื่อเสียงของนานาชาติก็ตาม ถือได้ว่าไม่มีความจำเป็นใดๆ ตามบันทึกตามความเข้าใจของผม บริษัทวินมาร์ค ซึ่งเป็นบริษัทในมาเลเซียในกรณีเดียวกัน จดทะเบียนบริษัทที่เกาะ Labuan ของมาเลเซีย ก็เป็นบริษัทนอกอาณาเขตภาษีที่ไม่มีความต้องการรายงานใดๆ ************************************* อายเขาไหมนี่ รัฐบาลบ้านเรา! จากคุณ : หนูจันทร์ - [ 11 ม.ค. 50 10:38:59 A:10.10.11.204 X:203.146.8.124 ] http://w w w.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5037630/P5037630.html จากคุณ : thipch - [ 25 ก.พ. 50 01:41:08 A:88.198.43.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อคิดเห็นและข้อโต้แย้งทำไมไม่เขียนให้หมดละครับ -30บาทรักษาทุกป่วย ชาวบ้านก็สบายดีครับไม่เถียง แต่หมอและพยาบาลซวยครับ เงินแทบไม่พอใช้ -ฆ่าตัดตอนปราบยา พันๆศพแลกกับคนเลิกยา ในจำนวนพันๆศพนั้น หลายร้อยจนอาจถึงหลักพันเป็นผู้บริสุทธิ์ครับ คุ้มแล้วหรือครับ -และอื่นๆ จากคุณ : goodnightcry - [ 25 ก.พ. 50 02:40:44 A:124.120.196.27 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง                               จากคุณ : อดีตนักดนตรี - [ 25 ก.พ. 50 03:05:07 A:10.7.2.145 X:202.44.8.100 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปัญหาภาคใต้ตอนนี้ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ แต่รัฐบาลเผด็จการได้ทำอะไร ที่สร้างความมั่นใจให้ประชาชนบ้าง การออกมากล่าวขอโทษโจรใต้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการสร้างความถูกต้องให้กับผู้ก่อการร้ายในการทำลายชีวิต และทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์ เผด็จการทหารได้ทำลายรัฐบาลที่เข้มแข็งที่สุดที่ไทยเคยมีมา ก่อการร้ายภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้น ไฟไหม้อีสาน ระเบิดกรุงเทพฯ ปัญหาอิทธิพลเถื่อน ยาเสพติด หวยใต้ดิน วินมอไซค์เถื่อน ประเทศไทยอ่อนแอลง ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง การทำรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำเพื่อเป้าหมายอะไรเป็นสำคัญ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 03:36:49 จากคุณ : greenrose - [ 25 ก.พ. 50 03:31:54 A:125.25.205.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอโหวตให้เป็นกระทู้ยอดเยี่ยมแห่งปีครับ จากคุณ : LamoonMan - [ 25 ก.พ. 50 03:55:05 A:125.24.4.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับข้อมูลในกระทู้นี้ แต่คิดว่านี่เป็นระดับ Soft Core ขอระดับ Hard Core ได้หรือไม่ ? ซึ่งผมคิดเสมอ และคิดตลอดเวลาว่า เรื่องราว ต้นเหตุ ต้นตอ แห่งวิกฤติการณ์การเมืองครั้งนี้ มันจะต้องมีอะไรที่ลึกๆกว่าที่ปรากฏออกมาสู่สาธารณะ จากคุณ : Fire Storm ... - [ 25 ก.พ. 50 07:39:50 A:124.121.122.29 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 โหวต ให้คะ เหตุและผล อ่านด้วยหัวใจที่เป็นธรรม ก็จะเห็นภาพ จากคุณ : mai-danu - [ 25 ก.พ. 50 07:56:24 A:125.25.33.33 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 สุดยอดแห่งความรู้ น่าเชื่อถือมากกับข้อมูล ขอยกย่อง และขอบคุณ จขกท จากคุณ : คนอยากเรียน - [ 25 ก.พ. 50 08:00:37 A:58.8.153.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาชื่นชมความพยายามที่จะบอกความจริงต่อคนไทยของ จขกท อีกคนครับ จากคุณ : who care - [ 25 ก.พ. 50 08:44:34 A:210.86.217.227 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 เก็บข้อมูลได้เกือบหมด เพราะบางอย่างยังไม่ถึงจุดจบ พูดถึงท่านทักษิณโดนขนาดนี้ คนที่จะล้มต้องออกแรงมากน่าดู ไล่ออกไปแล้วนึกว่าจะจบ คนที่จะล้มต้องมากุมขมับต่อ ทำไมเรื่องถึงเป็นรามเกียรติ์ไปได้ ยักษ์ฆ่าพลลิงไม่ตายมีวิธีปลุกฟื้นขึ้นมาได้ ตอนนี้คนที่จะล้มถ้าอยากจบให้สวยงาม ก็คือการฆ่าตัวเองตายไปซะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 50 09:17:43 จากคุณ : ย่าทวด - [ 25 ก.พ. 50 09:09:26 A:58.9.186.98 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 เอาแบบ Hard Core เหรอ เอาเป็นว่าคุยกันด้วยสมมติฐานจากดาวพลูโตก็แล้วกัน เป็นข้ออ้างที่ปลอดภัยกับชีวิตยุคนี้ 1....ทำไมทักษิณจึงขายหุ้น ??? ก. เพราะไม่อยากลงทุนเพิ่มในการรองรับ 3G ข. เพราะทำกำไรได้สูงสุดแล้ว ได้ Optimum ROI. แล้ว ค. เพราะมีพวกชั่วๆ มาขู่+ขอ+บังคับ ว่าอยากได้หุ้น เลยรีบขายให้ต่างชาติไปเพื่อตัดปัญหาการถูกรีดไถ ???? 2. ตัวกลางในการไปเจรจาขู่+ขอ+บังคับ ต้องทำหน้าที่ต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุผล แม้เมื่อหุ้นเปลี่ยนมือแล้วก็ตาม แต่โชคร้าย...ต่างชาติตอกกลับว่าไม่มีนโยบายให้รีดไถ ตัวกลางก็เลยเน่าไป กลายเป็นแพะรับบาป ถูกทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลจนย่อยยับ 3. เพื่อดิสเครดิตไม่ให้เกิดการแฉเบื้องลึก ทักษิณจึงถูกเล่นงานหนักหน่วงต่อเนื่อง ต่างชาติที่ซื้อหุ้นไปก็ถูกโจมตีด้วยการปั่นกระแสชาตินิยม เพื่อให้ไม่มีใครเชื่อเครดิตหากต่างชาติแฉความจริงขึ้นมา ผิดถูกประการใด เชิญไตร่ตรองกันเอง แต่เชื่อไหมว่าตอนที่ทักษิณบอกว่า "อยากเขียนหนังสือ" น่ะ มีคนวิตกคลุ้มคลั่งจนเก็บอาการไม่อยู่ 5555 จากคุณ : เปียงหลวง - [ 25 ก.พ. 50 10:36:06 A:222.123.181.139 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 สรุปประเด็นไว้ได้ดีครับ จะเอาไปบอกต่อ จากคุณ : bomatubu - [ 25 ก.พ. 50 10:52:00 A:202.44.139.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุญาตก้อปไปเผยแพร่นะครับ  เยี่ยมมากๆ จากคุณ : มิสเตอร์ซี - [ 25 ก.พ. 50 11:05:28 A:124.120.136.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 เยี่ยมมากเลยครับ จากคุณ : princess_joyzaxzy - [ 25 ก.พ. 50 12:03:50 A:203.113.32.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ อยากให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ข้อมูลอย่างนี้บ้าง แต่คงเป็นไปได้ยาก ในยุคนี้สมัยนี้ จากคุณ : ป๋าจิ้ง - [ 25 ก.พ. 50 12:23:41 A:125.25.134.238 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 โดนใจแบบ เต็ม ๆเลยครับสําหรับกระทู้ นี้ จากคุณ : รวงทอง - [ 25 ก.พ. 50 16:13:53 A:222.123.42.147 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 โดนใจอย่างแรง ครับ ความเห็น 12 ผมว่าไอ้ที่บอกว่า -30บาทรักษาทุกป่วย ชาวบ้านก็สบายดีครับไม่เถียง แต่หมอและพยาบาลซวยครับ เงินแทบไม่พอใช้เอ่อผมว่า ถ้านับจำนวนผู้เสียประโยชน์กับได้ประโยชน์มันก็เทียบไม่ได้แล้ว และอีกอย่างเป็นหมอถ้ามีแนวคิดดีๆก็เปิดคลีนิกเป็นอาชีพเสริมสิครับคนที่พร้อมจ่ายตังค์เพื่อความสบายก็ยังมี แต่ชาวบ้านนี่สิครับ ถึงบริการอาจจะไม่ดีแต่เค้าก็หายได้โดยไม่ต้องเสียตังค์ที่มากมาย แล้วพยาบาลเค้าก็เงินเดือนเท่าเดิมนี่นาแต่ยอมรับครับว่าอาจจะเหนื่อยมากขึ้น จากคุณ : asaint - [ 25 ก.พ. 50 17:31:05 A:202.139.211.60 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 #27 ผมหมายถึงหมอทั่วๆไปที่อยู่โรงพยาบาลในโครงการครับ ไม่ใช่หมอทุกคนที่จะมีเงินเปิดคลินิกได้ หมอที่ผมไปหาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เค้าบ่นจะตาย บอกแล้วไงครับว่าชาวบ้านสบาย แต่หมอที่ตั้งใจจะเหนื่อยช่วยต่อไปจะน้อยลงเรื่อยๆครับ จากคุณ : goodnightcry - [ 25 ก.พ. 50 22:55:26 A:124.120.200.201 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดีมากๆครับ....แต่ จากคุณ : surasak-8 - [ 26 ก.พ. 50 06:02:29 A:125.25.190.54 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอชื่นชมต่อการวิเคราะห์ของ จขกท.ครับ..ยอดเยี่ยมมากเลย จากคุณ : กาแฟยามบ่าย - [ 26 ก.พ. 50 10:57:30 A:58.136.168.146 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเพิ่งเข้ามาเห็นการแสดงความเห็นของคุณ goodnightcry ผมขอยกไปกระทู้แตกประเด็นนะครับ จากคุณ : thipch - [ 26 ก.พ. 50 21:33:10 A:62.75.163.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตามความเห็นที่ 12 ของคุณ goodnightcry ขอตอบด้วยข้อคิดเห็นจากคนที่เป็นแพทย์เองเลยนะครับ “ในระยะยาวแล้ว แพทย์จะยิ่งมีรายได้มากขึ้น เพราะคนที่พอมีฐานะพอมีกำลัง จะยิ่งหันไปใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนหรือคลีนิคมากยิ่งขึ้น” ยกคำพูดของคนที่เป็นแพทย์เองมาชี้แจงครับ จากคุณ : วษณ - [ 26 ก.พ. 50 23:09:12 A:58.136.227.33 X: ]