ความคิดเห็นที่ 1 จนป่านนี้แล้วยังไม่เอาน้ำออกอีกเหรอครับ... บริหารงานกันยอดเยี่ยมไปเลยครับ ขอบคุณคุณหนูเองครับสำหรับข้อมูลใหม่ๆ จากคุณ : blackboar - [ 27 ก.พ. 50 10:13:52 A:124.121.81.63 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใครจะเป็นทียอมรับของวิศวกรทั่วโลกล่ะครับ ลีโอนาโด ดาร์วินชี่ หรือเอดิสัน จากคุณ : มังกรพิษลึก - [ 27 ก.พ. 50 10:20:33 A:80.242.237.78 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 รอฝนมาครับ   พอฝนมาเที่ยวนี้ พังสมพรปาก แน่นอน.. ผู้รับเหมา...ซึ่งต้องรับผิดชอบผลงาน คงได้แต่นั่งทำตาปริบๆ จากคุณ : ทรงวิทย์ - [ 27 ก.พ. 50 10:56:27 A:203.188.56.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณหนูเอง ในที่สุดคณะกรรมการต้องทำในแนวทางที่ผมเคยพูดไว้ เรื่องบางเรื่องก็ต้องเข้าใจเหตุและผลครับคุณหนูเอง จะเอาแต่ใจไม่ได้ ใครเขาจะยอมเป็นแพะรับบาป ซ่อมไปก่อน ไล่ฟ้องทีหลัง สุดท้ายคนผิดรอด แต่ตัวเองซวยแทน ส่วนเรื่องที่ว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญรับงานไม่ได้ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เงินถึง ก็มีคนรับจ้างเอง วงการโยธาอาจจะเห็นวิศวะขึ้นโรงขึ้นศาลในฐานะผู้เชี่ยวชาญน้อย แต่สาขาอื่นมีมากแล้วครับ โดยเฉพาะเคสทรัพย์สินทางปัญญา ผมฟันธงมา 2 เรื่องแล้ว น่าจะถูกทั้ง 2 เรื่อง ข้อแรก ปัญหาแท็กซี่เวย์เกิดจากขาดระบบระบายน้ำฝน ข้อสอง ยังไงก็ต้องจ้างวิศวกร มาชี้คนผิดก่อนจะซ่อม ขอฟันธงต่อว่า จะมีวิศวกรต่างชาติมารับงานนี้(อาจร่วมกับวิศวกรไทย) แต่ก็ถูกด่าว่าจ้างแพง และรัฐดูถูกวิศวกรไทยแท้ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 11:01:00 จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 10:59:25 A:210.1.58.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ชี้ แล้ว จะไปจับได้ หรือ เขา ชื่อ ดช. งั่ง ยังไม่รู้เดียงสา พูดได้ แต่ ยังไม่ชัด จากคุณ : นางสาวแสนสวย - [ 27 ก.พ. 50 11:01:03 A:210.1.13.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆคนแถวนี้น่าจะมีนะครับ อย่างน้อยก็ 2 คน ที่ให้ความเห็นกับคุณคุณหนูเองมาตลอด เห็นเก่งกันทางบอร์ด เป็นพหูสูตร น่าจะไปช่วยคณะกรรมการได้สักเรื่อง จากคุณ : ร้านขายของชำ - [ 27 ก.พ. 50 11:08:37 A:58.147.84.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณหนูเอง นิติวิศวกรรมอะไรของคุณนะ สับสนหรือเปล่าครับ นักบริหารที่ไหนจะมาสรุปความผิดทางวิศวกรรมเองได้ ถ้าผู้เชี่ยวชาญไม่ฟันธง แค่ฟังในราชดำเนินก็ปวดหัวแล้ว ว่าน้ำมาจากไหน ยังไงก็ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญฟันธงมา วงการหมอนี่ เท่าที่รู้ศาลไม่เคยตัดสินต่างจากที่แพทยสภาฟันธง แต่วงการวิศวะ ไม่กล้าฟันธง เรื่องก็ไม่จบแบบนี้ละครับ ถ้าคุณจะโทษว่าใครทำให้ช้า ก็ต้องโทษวิศวกรที่ตรวจสอบ ที่ไม่ฟันธงว่าใครผิด ไม่ใช่โทษรัฐ แต่ถ้าผมเป็นคนที่ตรวจสอบ ผมก็คงไม่ฟันธงเหมือนกัน เนื้อไม่ได้กิน กระดูกแขวนคอ สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นในสิ่งที่สมควรทำแต่แรก คือจ้างผู้เชี่ยวชาญมาฟันธง จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 11:11:18 A:210.1.58.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านของ คุณ pom.com แล้วแหม่งๆแฮะ ว่า ไอ้ขาดการระบายน้ำฝนเนี่ยมันกว้างมากเลยนา ตกลงเพราะว่าฝนตกแล้วซึมลงไป(ตกมากตกน้อยก็ซึม) หรือฝนตกจนท่วม(ไม่ตกทำให้ท่วมก็ซึมได้) จากคุณ : ขยะสังคม - [ 27 ก.พ. 50 11:11:54 A:210.246.81.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ ขยะสังคม สภาพดินข้างแท็กซี่เวย์เป็นดินเหนียวปลูกหญ้า เรียบๆ เวลาฝนตกหนักๆ จะซึมลงดินไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซนต์ถ้าดินแห้ง ยังไม่ฉ่ำน้ำ แล้ววิธีคิดปริมาณน้ำฝนต้องคิดปริมาณน้ำฝนเสมือน สมมุติพื้นที่แท็กซี่เวย์ต่อสนามข้างแท็กซี่เวย์เป็นอัตรา 2 ต่อ 1 น้ำฝนตกบนแท็กซี่เวย์เท่าไรก็ต้องไหลผ่านสนามไปลงคลอง ปีที่แล้วฝนตก 70 ซม. หมายความว่าเสมือนฝนตกลงสนามข้างแท็กซี่เวย์ 210 ซม. (2+1 = 3 เท่า) ฝนซึมลงใต้สนาม 210 X 0.3 =   63 ซม. ประมาณว่าซึมลงไป กระจายไปในชั้นทรายใต้แท็กซี่เวย์ ให้ระดับลึกเท่ากัน ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/3  = 21 ซม. แต่ถ้าน้ำซึมลงไปในชั้นทรายทั้งหมด เพราะระดับชั้นทรายต่ำกว่า hard pan ของดินสนาม ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/2  = 31.5 ซม. นี่คิดแค่ปีเดียวนะครับ ไม่รู้มีสะสมอยู่จากเดิมหรือเปล่า และที่ผมกลัวที่สุดก็คือแน่ใจหรือว่ามีแต่น้ำฝน กลัวว่าจะออกแบบทะเล่อทะล่า ติดสปริงเกลอร์รดน้ำสนามหญ้าไว้ แล้วไม่ฝังท่อ drainage คราวนี้ละครับ เอาน้ำรดน้ำไปรวมด้วย น้ำลึกในชั้นทรายไม่ต่ำกว่า 40 ซม. แน่นอน ฝนตกที่ไหนน้ำมันก็ซึมลงดินทั้งนั้นละครับ แต่ที่สุวรรณภูมิรู้ว่าซีเรียส ห้ามน้ำซึมเข้าใต้ผ้าห่มทราย แต่ไม่ทำระบบระบายน้ำฝนที่ซึมลงดิน ไม่รู้ว่าออกแบบกันยังไง จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 11:22:10 A:210.1.58.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ pom.com นะแหละสับสน นิติวิศวกรรม (forensic engineering) เป็นขบวนการหามูลเหตุของปัญหาด้านวิศวกรรรม หนูเองพูดไว้ถูกแล้ว การชี้คนถูกคนผิด พอรู้มูลเหตุว่า เกิดจากกิจกรรมไหน วิศวกรคนไหนรับผิดชอบในกิจกรรมนั้นๆ ก็คือ คนต้องรับผิดชอบ ส่วนจะไปฟ้องเอาค่าเสียหายเท่าไร หรือ บังคับให้ซ่อม ก็ต้องว่ากันไปในศาล เพราะไม่มีใครมีนิ้วทองหรอก ที่ชี้แล้ว คนนั้นจะผิดแน่นอน จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 27 ก.พ. 50 11:23:15 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 หลังจากระบายน้ำออกจากผ้าห่มทราย ก็น่าจะสืบค้นสาเหตุได้กระมังครับ แต่ที่ผมสงสัยการปฏิเสธความรับผิดชอบของผู้รับเหมา นั่นแสดงว่า ผู้รับเหมา ต้องถือไม้เด็ดแน่ๆเลย...นะครับ คงได้ตัวอย่างจากสพานแขวนพระราม9...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ 27 ก.พ. 50 11:29:58 A:58.8.98.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณหนูเอง ถ้าคุณเป็นผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญชี้มูลเหตุคลุมเคลือมา ไม่ชัดเจนว่าใครผิด จะส่งฟ้องศาลยังไม่รู้ว่าจะฟ้องใครดี แบบนี้นิติวิศวกรรม มันไม่ได้เรื่องหรอกครับ จะมั่วส่งฟ้องศาลไป ศาลก็ยกฟ้องแน่นอน งานนี้มันต้องชัดครับ จะผิดคนเดียว หรือจะผิดหลายคนก็ต้องชัด คุณรอดูมืออาชีพที่เขาจะมารับจ้างฟันธงซิครับ ว่านิติวิศวกรรมที่ดีเป็นอย่างไร จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 11:32:41 A:210.1.58.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไม่แน่ใจเรื่องระบบการทำงานของราชการนะครับ แต่ถ้าบ้านผมเพิ่งสร้าง  แต่มีความเสียหาย   และ  ถ้าทิ้งไว้จะเสียหายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ยังไงก็ตาม  ผมต้องซ่อมบ้านผมก่อนล่ะครับ ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องราวอะไรใหญ่โตขึ้นมาแน่นอน เรื่องจะไปฟ้องร้องกับใครนี่  ค่อยว่ากัน   ไม่เข้าใจว่าทำไม ทอท ไม่ดำเนินการระบายน้ำออกก่อนครับ   หรือว่าต้องรอให้เกิดปัญหาใหญ่โต  จนต้องปิดสุวรรณภูมิก่อนครับ จากคุณ : คุณสะอาด - [ 27 ก.พ. 50 12:07:41 A:203.209.38.94 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 สนับสนุนการถกเถียงระหว่าง คุณหนูเองกับ Pom.com ครับ จากคุณ : กระทงทุ่ง - [ 27 ก.พ. 50 12:11:41 A:125.26.20.223 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ pom คะ การชี้มูลเหตุ คือ บอกว่า กิจกรรมไหนมีการทำผิดพลาด เช่น บอกว่า การออกแบบผิด นิติวิศวกรรมก็จะหยุดไว้แค่นั้นคะ เพราะเมื่อการออกแบบผิด ใครรับผิดชอบเรื่องการออกแบบตามสัญญา ก็ต้องถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย โดยผู้ฟ้องก็สามารถอ้างรายงานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานได้ แต่ศาลจะเชื่อหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของศาล จากคุณ : คุณหนูเอง - [ 27 ก.พ. 50 12:29:11 A:67.15.151.80 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 9   คุณ ขยะสังคม สภาพดินข้างแท็กซี่เวย์เป็นดินเหนียวปลูกหญ้า เรียบๆ เวลาฝนตกหนักๆ จะซึมลงดินไม่ต่ำกว่า 30 เปอร์เซนต์ถ้าดินแห้ง ยังไม่ฉ่ำน้ำ ******* comment: แน่ใจเหรอ? ทั้งสนามบินไม่ได้ถมหรอกเหรอ? โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรันเวย์และแท็กซี่เวย์....ซึ่งขนาบด้วยคลอง แน่ใจเหรอว่าน้ำซึมลงดินมากถึง 30% ดูภาพประกอบด้วย (ยืมคุณหนูแดงมาปรับแก้อีกที) ************* แล้ววิธีคิดปริมาณน้ำฝนต้องคิดปริมาณน้ำฝนเสมือน สมมุติพื้นที่แท็กซี่เวย์ต่อสนามข้างแท็กซี่เวย์เป็นอัตรา 2 ต่อ 1 น้ำฝนตกบนแท็กซี่เวย์เท่าไรก็ต้องไหลผ่านสนามไปลงคลอง ********* Comment: ผ่านลงคลองนั้นถูกต้อง แต่ผ่านดินที่ถมแล้ว (ดูจากหญ้าที่เป็นสีน้ำตาล แต่ตรงที่ไม่ถมตรงขอบสนามบินเป็นสีเขียว) ดินที่ถมแล้วน้ำจะซึมได้มากมายขนาดนั้นหรือ? **************** ปีที่แล้วฝนตก 70 ซม. หมายความว่าเสมือนฝนตกลงสนามข้างแท็กซี่เวย์ 210 ซม. (2+1 = 3 เท่า) ฝนซึมลงใต้สนาม 210 X 0.3 =   63 ซม. ประมาณว่าซึมลงไป กระจายไปในชั้นทรายใต้แท็กซี่เวย์ ให้ระดับลึกเท่ากัน ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/3  = 21 ซม. แต่ถ้าน้ำซึมลงไปในชั้นทรายทั้งหมด เพราะระดับชั้นทรายต่ำกว่า hard pan ของดินสนาม ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/2  = 31.5 ซม. นี่คิดแค่ปีเดียวนะครับ ไม่รู้มีสะสมอยู่จากเดิมหรือเปล่า และที่ผมกลัวที่สุดก็คือแน่ใจหรือว่ามีแต่น้ำฝน กลัวว่าจะออกแบบทะเล่อทะล่า ติดสปริงเกลอร์รดน้ำสนามหญ้าไว้ แล้วไม่ฝังท่อ drainage คราวนี้ละครับ เอาน้ำรดน้ำไปรวมด้วย น้ำลึกในชั้นทรายไม่ต่ำกว่า 40 ซม. แน่นอน ฝนตกที่ไหนน้ำมันก็ซึมลงดินทั้งนั้นละครับ แต่ที่สุวรรณภูมิรู้ว่าซีเรียส ห้ามน้ำซึมเข้าใต้ผ้าห่มทราย แต่ไม่ทำระบบระบายน้ำฝนที่ซึมลงดิน ไม่รู้ว่าออกแบบกันยังไง จากคุณ : Pom.com  - [ 27 ก.พ. 50 11:22:10 A:210.1.58.8 X: ] [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : หนูถ้ำ - [ 27 ก.พ. 50 13:33:09 A:67.15.183.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ปีที่แล้วฝนตก 70 ซม. หมายความว่าเสมือนฝนตกลงสนามข้างแท็กซี่เวย์ 210 ซม. (2+1 = 3 เท่า) ฝนซึมลงใต้สนาม 210 X 0.3 =   63 ซม. ประมาณว่าซึมลงไป กระจายไปในชั้นทรายใต้แท็กซี่เวย์ ให้ระดับลึกเท่ากัน ************** Comment: ดินเป็นสสารมีมวลนะครับ เมื่อฝนตกลงมาจะซึมน้ำได้น้อยและใช้เวลา (เคยทดสอบเอาคอร์ตอกลงไปในดิน แล้ววัดอัตราการซึมน้ำในดินมั๊ยครับ) เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่น้ำจะไปแทนที่ของดินตั้ง 63 ซม. ดินที่ถมแล้วนะครับ ไม่ใช่ถังน้ำเปล่าๆ ************** ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/3  = 21 ซม. แต่ถ้าน้ำซึมลงไปในชั้นทรายทั้งหมด เพราะระดับชั้นทรายต่ำกว่า hard pan ของดินสนาม ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/2  = 31.5 ซม. นี่คิดแค่ปีเดียวนะครับ ไม่รู้มีสะสมอยู่จากเดิมหรือเปล่า และที่ผมกลัวที่สุดก็คือแน่ใจหรือว่ามีแต่น้ำฝน กลัวว่าจะออกแบบทะเล่อทะล่า ติดสปริงเกลอร์รดน้ำสนามหญ้าไว้ แล้วไม่ฝังท่อ drainage คราวนี้ละครับ เอาน้ำรดน้ำไปรวมด้วย น้ำลึกในชั้นทรายไม่ต่ำกว่า 40 ซม. แน่นอน ฝนตกที่ไหนน้ำมันก็ซึมลงดินทั้งนั้นละครับ แต่ที่สุวรรณภูมิรู้ว่าซีเรียส ห้ามน้ำซึมเข้าใต้ผ้าห่มทราย แต่ไม่ทำระบบระบายน้ำฝนที่ซึมลงดิน **************** Comment: ลองดูบริเวณที่เกิดปัญหาจากภาพของ Point Asia หน่อยเป็นไรว่า ตรงที่เกิดปัญหาน่าจะมาจากน้ำซึมผ่านผิวดิน หรือว่ามาจากน้ำในคลองกันแน่... **************** ไม่รู้ว่าออกแบบกันยังไง จากคุณ : Pom.com  - [ 27 ก.พ. 50 11:22:10 A:210.1.58.8 X: ] จากคุณ : หนูถ้ำ - [ 27 ก.พ. 50 13:39:37 A:67.15.183.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ปีที่แล้วฝนตก 70 ซม. หมายความว่าเสมือนฝนตกลงสนามข้างแท็กซี่เวย์ 210 ซม. (2+1 = 3 เท่า) ฝนซึมลงใต้สนาม 210 X 0.3 =   63 ซม. ประมาณว่าซึมลงไป กระจายไปในชั้นทรายใต้แท็กซี่เวย์ ให้ระดับลึกเท่ากัน ************** Comment: ดินเป็นสสารมีมวลนะครับ เมื่อฝนตกลงมาจะซึมน้ำได้น้อยและใช้เวลา (เคยทดสอบเอาคอร์ตอกลงไปในดิน แล้ววัดอัตราการซึมน้ำในดินมั๊ยครับ) เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่น้ำจะไปแทนที่ของดินตั้ง 63 ซม. ดินที่ถมแล้วนะครับ ไม่ใช่ถังน้ำเปล่าๆ ************** ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/3  = 21 ซม. แต่ถ้าน้ำซึมลงไปในชั้นทรายทั้งหมด เพราะระดับชั้นทรายต่ำกว่า hard pan ของดินสนาม ระดับน้ำจะลึกในชั้นทราย 63/2  = 31.5 ซม. นี่คิดแค่ปีเดียวนะครับ ไม่รู้มีสะสมอยู่จากเดิมหรือเปล่า และที่ผมกลัวที่สุดก็คือแน่ใจหรือว่ามีแต่น้ำฝน กลัวว่าจะออกแบบทะเล่อทะล่า ติดสปริงเกลอร์รดน้ำสนามหญ้าไว้ แล้วไม่ฝังท่อ drainage คราวนี้ละครับ เอาน้ำรดน้ำไปรวมด้วย น้ำลึกในชั้นทรายไม่ต่ำกว่า 40 ซม. แน่นอน ฝนตกที่ไหนน้ำมันก็ซึมลงดินทั้งนั้นละครับ แต่ที่สุวรรณภูมิรู้ว่าซีเรียส ห้ามน้ำซึมเข้าใต้ผ้าห่มทราย แต่ไม่ทำระบบระบายน้ำฝนที่ซึมลงดิน **************** Comment: ลองดูบริเวณที่เกิดปัญหาจากภาพของ Point Asia หน่อยเป็นไรว่า ตรงที่เกิดปัญหาน่าจะมาจากน้ำซึมผ่านผิวดิน หรือว่ามาจากน้ำในคลองกันแน่... **************** ไม่รู้ว่าออกแบบกันยังไง จากคุณ : Pom.com  - [ 27 ก.พ. 50 11:22:10 A:210.1.58.8 X: ] จากคุณ : หนูถ้ำ - [ 27 ก.พ. 50 13:40:09 A:67.15.183.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ Pom.com ครับ ผมว่าคุณสับสนจริงๆ เรื่องการชี้คนผิด กับนิติวิศวกรรม อย่างงานนิติเวช ก็เหมือนกัน เขาไม่ได้มีหน้าที่ชี้ว่าใครผิด เพียงแต่ใช้ความรู้ทางการแพทย์เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงประกอบคดีเท่านั้น โดยข้อมูลเหล่านั้น จะไปชี้คนที่ผิดอีกทีครับ จากคุณ : ikkyu - [ 27 ก.พ. 50 13:42:29 A:192.165.213.18 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 น่าแปลกใจที่ผู้เกี่ยวข้อง(ปฏิบัติ)ทั้งในด้านการออกแบบหรือการก่อสร้างจริงๆไม่เห็นออกมาให้ความเห็นอะไรบ้าง...มีแต่พวกที่ไปดูเอาตอนเสร็จแล้วทั้งนั้นมาให้ข่าว... และตลกกว่านั้น...ไอ้ฮ่อลิ้มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีความรู้อะไร...ดันปล่อยให้มันออกมาพูดซะเป็นตุเป็นตะให้คนฟังทั้งประเทศ..... ระวังจะถูกมันหลอกให้ทุบเสาเข้าอีกล่ะ.......(ฮา).. จากคุณ : กระบี่ไร้พ่าย - [ 27 ก.พ. 50 14:09:25 A:unknown X:220.181.31.44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอาทีละประเด็นนะครับ เรื่องนิติวิศวกรรมก่อน ที่คุณหนูเองบอกว่าการชี้มูลเหตุ คือ บอกว่า กิจกรรมไหนมีการทำผิดพลาด เช่น บอกว่า การออกแบบผิด นิติวิศวกรรมก็จะหยุดไว้แค่นั้น เพราะเมื่อการออกแบบผิด ใครรับผิดชอบเรื่องการออกแบบตามสัญญา ก็ต้องถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย ผมว่าก็ไม่ต่างจากที่ผมเข้าใจหรอกครับ ลองถ้าบอกว่าออกแบบตรงไหนผิดชัดๆ มันก็หาคนผิดไม่ยาก แต่ประเด็นที่ผมพยายามจะพูดคือตอนนี้ไม่มีใครออกมาชี้ว่าอะไรมันผิดชัดๆ ตอนนี้เท่าที่ผมฟังมามันคลุมเคลือ จะบอกว่าออกแบบผิด ก็ไม่ชัดว่าออกแบบผิดอย่างไร ผมเองว่าการพิสูจน์ยังน้อยไปครับ เรื่องน้ำออกมาจากPVD หรือเปล่า ยังพิสูจน์ไม่ชัด เรื่องsecondary consolidation ผมยังไม่ติดใจเท่าไร เพราะการทรุดตัวน้อย แต่เรื่องตอกPVD ไปบนตาน้ำ ก็ไม่น่าประมาท สมมุติพิสูจน์แล้วว่าเป็นน้ำฝน ซึมผ่านดิน ก็ต้องให้รายละเอียดมากกว่านี้ ว่าการออกแบบที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ระหว่าง มีซิเมนต์ปิดด้านบนของดิน เพื่อกันน้ำซึม หรือควรมีระบบระบายน้ำฝนที่ซึมลงดิน หรือควรมีทั้งสองอย่าง และควรมีระบบระบายน้ำที่อาจหลุดเข้าไปในผ้าห่มทรายหรือไม่ ต้องตอบให้ชัด ถึงจะหาว่าใครผิดบ้าง ไม่ว่าที่ปรึกษา(ซึ่งมีหลายกลุ่ม) คนออกแบบรันเวย์ คนออกแบบระบบระบายน้ำ แถมยังทำให้สับสน ว่าเป็นการออกแบบผิดหรือก่อสร้างผิดด้วยซ้ำ เพราะที่จำได้ วสท. ยังเสนอให้แจ้งให้คนก่อสร้างไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ลองเอาคำแนะนำที่ วสท.มาดูซิครับ ว่ามันคลุมเคลือแค่ไหน เรื่องแบบนี้มันต้องชัดครับ จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 22:04:38 A:203.107.205.96 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ หนูถ้ำ รูปที่คุณเอามาให้ดูตรงยูเทิร์นมันคนละประเด็นกันนะครับ ตรงนั้นแอสฟัลติกคอนกรีตเป็นลอน เพราะแรงที่ล้อยูเทิร์น ตรงนี้ไม่มีน้ำใต้ผิวมาเกี่ยวก็คงพัง เพราะผิวแอสฟัลติกคอนกรีตสู้ผิวคอนกรีตไม่ได้ ในอากาศร้อนชื้นแบบไทย เหมือนที่สะพานพระราม ๙ แก้ปัญหาไม่ตกทุกวันนี้ เจอรถบรรทุกตะกุยพัง ตอนแรกลาดไปตรงๆบนเหล็ก พังฉิบหายวายวอด ตอนหลังเอาแผ่นคอนกรีตบางๆมายึดคั่นกลาง ลดความร้อน พอประทังไปได้ แต่ก็พังอยู่ดี วิศวกรที่ออกแบบดอนเมืองเขาจะลาดแอสฟัลติกคอนกรีตเฉพาะทางตรง หรือบางโค้งที่ไม่ใช่โค้งหลัก ผมเคยตั้งกระทู้นี้ไว้ใน รันเวย์สุวรรณภูมิ ถ้าไม่แก้ไขผิวตรงทางโค้ง ยังไงก็ต้องซ่อมบ่อยๆ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5127218/P5127218.html ดูรูปภาพยูเทิร์นที่ดอนเมือง ถ่ายโดยคุณแมวปากมัน ถ้าไม่เชื่อผม ฝนหน้าก็พังอีก พอผิวเป็นลอน ขังน้ำ คราวนี้รับรองดูไม่จืด ประเทศไหนมันทั้งร้อนและชื้นอย่างกรุงเทพบ้างครับ สิงคโปร์ มาเลย์ใกล้ๆ เย็นกว่าเรามาก ของเราบางวันบนพื้นนี่ไม่ต่ำกว่า ๖๐ องศาเซลเซียส แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 23:03:09 จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 22:21:12 A:203.107.205.96 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณหนูถ้ำ ส่วนกรณีน้ำฝนซึมลงในผ้าห่มทราย ผมขออธิบายดังนี้ ก่อนอื่นขอเอารูปของคุณค้างคาวเถื่อนมาใช้ จะเห็นว่าข้างๆแท็กซี่เวย์ เป็นดิน มีหญ้าประปราย พื้นที่แท็กซี่เวย์ต่อดินข้างๆ ราว ๒ ต่อ ๑ ถามว่าฝนตกลงมา ถ้าดินแห้ง น้ำซึมลงดินได้ถึง ๓๐ เปอร์เซนต์ไหม ต้องเข้าใจนะครับว่าฝนเสมือน ๒๑๐ ซม. นะมันค่าทั้งปี ตกจริงๆวันทั่วๆไปวันละ ๓ ซม. เสมือน ๙ ซม. ซึมไป ๓ซม. ไม่น่าจะมีปัญหา ยิ่งมีหญ้ายิ่งซึมง่าย คราวนี้ดินเหนียวที่อัดแบบนี้ สิ่งที่จะเกิดคือชั้นดินดาน อาจอยู่ที่ความลึกราว ๕๐ ซม. จากผิว น้ำที่ขังในดิน ที่มาจากฝน ๓ ซม. แน่นอนว่าไม่มีทางแทนที่ดินในระดับ ๓ ซม. จากชั้นดินดาน ถ้าน้ำไม่มีทางไป แทรกอยู่กับร่องดินบ้าง ผสมเข้ากับเนื้อดินบ้าง ฝนตกไม่กี่วันดินก็จะฉ่ำน้ำ แต่ด้านข้างของดิน ติดกับผ้าห่มทรายที่ลึกจากผิวดินมากกว่า ๑ เมตร คราวนี้น้ำก็จะไหล จากชั้นดินดาน ลงไปในผ้าห่มทราย ซึ่งทรายกับน้ำนี้ผสมกันง่าย น้ำฝนที่เสมือนตกในผ้าห่มทราย ๓๑ ซม. มันจะเป็นยังไง ก็เป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ละครับ จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 22:46:22 A:203.107.205.96 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณสะอาด เอาสนามบินกับบ้านมาเทียบกันได้อย่างไรครับ บ้านถ้าอยู่ในประกัน ถ้าเป็นฝรั่ง มันก็เรียกคนสร้างมาซ่อม ถ้าเป็นคนไทย อย่างมากก็โทรไปหาคนก่อสร้าง พอเจออิดออดหน่อยร้อยทั้งร้อยก็ซ่อมเอง ถือว่าช่างไม่หนีงานงวดสุดท้ายก็เป็นบุญแล้ว แต่สนามบิน ผู้บริหารไม่ใช่เจ้าของ อยู่ในระยะประกัน ยังไงก็ต้องหาคนผิดมาซ่อม ขืนซ่อมแทน สัก ๕๐๐ ล้าน เกิดหาคนผิดไม่ได้ ก็ซวย หรือหนักกว่านั้น หาคนผิดได้ แต่คนผิดไม่มีตังค์จ่ายก็ซวยอีก ลองคนผิดไม่มีเงินมาจ่ายค่าซ่อม ฟันธงว่าผู้บริหารโดนสามเด้ง ล้มละลาย ถูกไล่ออก ติดคุก แต่ถ้าตามมาแล้วคนผิดยอมล้มละลายไม่ยอมซ่อม ตอนนี้เอาเงินหลวงมาซ่อมได้ ไม่นับแจ๊กพอต ซ่อมไปก่อน  เดรนน้ำออกจากผ้าห่มทราย แท็กซี่เวย์ดันทรุด ต้องปิดสนามบิน ก็จะซวยเหมือน คนที่ขับรถไปชนรถสองคันที่ชนสะกิดกันอยู่ก่อนเข้าโครมใหญ่ ตำรวจมาก็บอกให้ซ่อมให้ทั้งสองคันไปเลย แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 23:32:39 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 23:20:30 จากคุณ : Pom.com - [ 27 ก.พ. 50 23:15:05 A:203.107.205.96 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ว่ากันด้วยเหตุผล เอ ทำไมไม่มีคนมาแถ มันดูขาดสีสันไปนิ จากคุณ : Fusion Jazz - [ 28 ก.พ. 50 11:16:21 A:58.10.146.180 X: ]