ความคิดเห็นที่ 69
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5179035/P5179035.html
ไอทีวีก่อตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 เพื่อแก้ปัญหาสถานีโทรทัศน์นำเสนอข่าวบิดเบือน ซึ่งเห็นได้ชัดในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เงื่อนไขในการให้สัมปทานจึงค่อนข้างเข้มงวด กำหนดสัดส่วนรายการให้เป็นข่าวร้อยละ 70 อีกร้อยละ 30 จึงเป็นรายการบันเทิง เน้นว่ารายการบันเทิงจะต้องเป็นแนวสารคดี รายการเด็ก ปกิณกะที่ให้สาระและความบันเทิง
สถานีโทรทัศน์ไอทีวีจึงเกิดขึ้นในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ได้นำคลื่นความถี่โทรทัศน์ในระบบยูเอชเอฟ มาให้เอกชนลงทุนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ในการประมูลครั้งนั้น กลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์และเครือเนชั่นชนะการประมูล โดยได้ยื่นข้อเสนอจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐ 25,200 ล้านบาท ภายในอายุสัญญา 30 ปี ซึ่งได้มีการลงนามในสัญญากับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2538 โดยมีนายอภิลาศ โอสถานนท์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลงนามสัญญากับนายเกษม จาติกวณิช ประธานกรรมการ และนายโอฬาร ไชยประวัติ รองประธานกรรมการบริษัท สยาม อินโฟเทนเม้นท์ จำกัด เริ่มออกอากาศวันที่ 1 ก.ค.2539
====================
30 ปี เสนอจ่ายให้รัฐ 25,200 ล้านบาท...สุดยอดของธุรกิจทีวี....มันขายข่าว หรือขายอะไรฟะ...ถึงได้กำไรขนาดนั้น...
ติดตามต่อไปครับ...ความอัปยศของการทำธุรกิจสื่อที่ทุเรศทุรังตั้งแต่เริ่มเป็นอย่างไร...กับยอดสัมปทานที่สูงขนาดนั้น มันจะเอาความเสรีมาจากไหน..ในเมื่อต้องทำเงินให้รัฐเป็นล่ำเป็นสัน...แววเจ๊งมันเห็นอยู่ตรงหน้าชัดๆ ------------------------
ปี 2540 วิกฤติเศรษฐกิจ ===================
ในขณะที่ไอทีวีถือกำเนิดในปี 2539 แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่า เศรษฐกิจไทยกำลังหัวทิ่มอย่างไร...ไม่ได้รู้เลยว่าหายนะมันกำลังจะเริ่มตั้งเค้า...ตามสัญญาสัมปทาน 2 ปีแรกตามสัญญายังไม่ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้ไปลงทุนก่อน... ไปเรื่มจ่ายปีที่ 3(2542) จำนวน 300 ล้านบาท...ปีที่ 4 ก็ 400 ล้านบาท ปีที่5 ก็ 500 ล้านบาท เพิ่มไปเรื่อยๆจนปีที่ 9 ก้อ 900 ล้านบาท...ปีที่ 10 -30 ปีละ 1000 ล้านบาท....
โอ้....แม่จ้าว....สุดยอดของสัญญา...สักแต่เซ็นให้ได้มาเท่านั้นเอง...ฝันเฟื่องมาตั้งแต่เริ่ม..
ผลการดำเนินงานของไอทีวี เปิดปั๊บก็ ขาดทุนตั้งแต่ปี 2540 เพราะเศรษฐกิจตกต่ำทำให้ได้รับผลกระทบในการขายโฆษณา ระหว่างนี้ไอทีวียังมีอุปสรรคในการจัดตั้งสถานีเครือข่ายทั่วประเทศที่ต้องตั้ง 36 สถานี ภายใน 2 ปี หลังทำสัญญา เพราะไอทีวีเช่าใช้พื้นที่ของกรมประชาสัมพันธ์ได้ล่าช้าทำให้ต้องสั่งซื้อทรัพย์สินส่วนใหญ่ ทำให้ขาดทุนจากการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 409 ล้าน....
ยับเยินครับ....เอ้า..ยังทำกันต่อไป...ไทยพาณิชย์เริ่มอยู่ไม่ติดเพราะเป็นนายทุนใหญ่..NPL ของธนาคารก็พอกพูน..อย่าลืมนะครับว่าช่วงนั้น สถาบันการเงินวิกฤติขนาดหนักอยู่แล้ว... ------------------------------------------
ปี2541 ================= บริษัท สยาม อินโฟเทนเมนท์ จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อ 20 ต.ค. 2541เพื่อเตรียมแต่ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์...ตามสัญญาซึ่งกำหนดให้จดทะเบียนภายใน 6 ปี หลังจากดำเนินการ...(ถ้าจำไม่ผิด)...
แต่มันเป็นช่วงวิกฤติ ผลประกอบการก็ไม่ได้ดีขึ้น..จนถึงเวลาต้องจ่ายค่าสัมปทานในปีที่ 3(2541)...จำนวน 300 ล้าน .ขาดทุนมาตลอด จะเอาที่ไหนจ่ายก็ขอผ่อนผันกับรัฐบาลในสมัยนั้น คือรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยมีคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ เป็น รมต. สำนักนายกฯ กำกับดูแล สปน.... โดยทำหนังสือขอขยายเวลาชำระค่าตอบแทนแก่รัฐตั้งเริ่มเลย...ตามเอกสารตั้งแต่ปี 2540
หนังสือขอขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทน ITV078/2540
ขอขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงาน ITV183/2540
ขอยืนยันขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงาน ITV053/2541
ขอยืนยันขยายระยะเวลาการชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงานครั้งที่ 2 ITV068/2541
การขอขยายระยะเวลาชำระค่าตอนแทน ITV094/41
................
อีกหลายฉบับ...เพื่อขอไปทาง สปน. ซึ่งก็ผ่อนผันให้ ตามที่ขอ -----------------------
มติ ครม. รัฐบาลชวน ================= เรื่อง บริษัท สยาม อินโฟเทนเมนท์ จำกัด ขอขยายระยะเวลาชำระค่าตอบแทนตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานการดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ ยู เอช เอฟ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ในกรณีที่คู่สัญญาเห็นพ้องต้องกันว่าควรแก้ไขสัญญา ก็ให้ยกร่างสัญญาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง โดยนำกฎหมายว่าด้วยเอกชนร่วมทุนกับรัฐมาอนุโลมใช้เท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ในชั้นนี้ ============
โดยขอแก้ไขระยะเวลาการชำระยืดออกไป..เพราะจ่ายไม่ไหว..ขาดทุนบักโกรกมาตลอด... ----------------------------------------------------------
พยายามไประดมทุนในตลาด แต่เข้าไม่ได้เพราะเจ๊ง ===========================
แม้ว่าจะจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนจำกัดแล้ว แต่ผลประกอบการขาดทุนทำให้ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การเป็นบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ไม่สามารถจะเข้าไประดมทุน เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้...
ปี 2542 บริษัทสยาม อินโฟเทนเมนท์ ทำหนังสือขอชดเชยความเสียหายจากการที่รัฐทำผิดตามสัญญา โดยขอจ่ายค่าสัมปทานให้เท่ากับหรือใกล้เคียงช่อง 7 สี และอ้างว่าได้รับผลกระทบจากกรณีที่สปน.อนุญาตให้สถานีช่อง 11 และยูบีซีหารายได้จากโฆษณา
ปี 2543 ตลาดหลักทรัพย์ผ่อนปรนให้บริษัทที่ไม่มีผลกำไรยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ปีนี้ไอทีวีมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรง มีหนี้สิน 4,900 ล้านบาท ขาดเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการ จึงต้องหาผู้ร่วมทุนเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องก่อนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน ในตลาดหลักทรัพย์
======================
เห็นรึยังครับว่า...มันทุเรศทุรังขนาดไหน...ตั้งแต่ปี 2538 เรื่อยมาจนถึงปี 2543....ขาดทุนไม่มีดี....จะยึดตอนนั้นก็ยึดได้ตั้งนานแล้ว....พี่ไท..เอ๊ย....ไม่ได้ทำตามสัญญาเลย แถมยังขอแก้สัญญาอีกต่างหาก...
ทำไมเอ็งไม่ยึดเล่า.....ทำไม ตอบหน่อย...เป็นพรรคพวกกันหรืออย่างไร...ไม่ว่ากัน...
ปี 2543...คุณทักษิณ ก็เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องครับ..ลำบากท่านทักษิณต้องมาแก้หนี้ทุเรศทุรังนี้... -----------------------------------------
ปี 2543 ====================== เพื่อแก้ปัญหาหนี้เน่า และปัญหาขาดทุน ขาดเงินดำเนินกิจการ เพราะธนาคารไทยพาณิชย์แบกรับไม่ไหว..รับหุ้นมาเป็นหลักประกัน มาล้นหน้าตักแล้ว...ก็ไม่รู้จะเอาหุ้นไว้ทำไม จึงหาทางปลด NPL ครับ....ทักษิณก็เข้ามา
ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นในเดือน ธ.ค. 2543 มีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถือ 55.12 % บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 39% และผู้ถือหุ้นเดิม 5.88%
การที่กลุ่มชินเข้ามามีสัดส่วนหุ้นที่มากทำให้เป็นที่พิพากษ์วิจารณ์ในขณะนั้นว่าการดำเนินการของไอทีวีจะขัดกับเจตนารมณ์เดิมของการทำสัญญา ==============
ขัดเจตนารมณ์...ปัดโธ่...พูดมาได้...เอาตัวไม่รอด จะปิดเมื่อไหร่ก็ได้...ยังมาอ้างเจตนารมณ์..กอดเจตนารมณ์ของการทำสื่อเสรี....ไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าก่ออะไรไว้...จะพาคนอื่นตายกันหมดโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างไทยพาณิชย์ที่จม ถมเท่าไหร่ก็ไม่พอกับ ไอทีวี...
เนชั่นเริ่มแตกคอกับไทยพาณิชย์ก็ตอนนี้แหละครับ...เพราะจะทิ้งหุ้นแล้ว...ไม่เอาแล้วขอถอนสมอ..ก่อนที่จะย่อยยับมากกว่านี้ ------------------------------------------
หลังจากที่มีการเพิ่มทุน แตกหุ้นเพิ่มทุน เนชั่นก็ถอนออกไป...ชินคอร์ปก็จัดการบริหารหนี้เน่าใหม่...
เดิมที่มีการเรียกค่าเสียหายเมื่อปี 2542 จากผู้ถือหุ้นกลุ่มเดิมจากรัฐ...แต่ไม่ได้ผล..บริษัทชินคอร์ปร้องขอค่าเสียหายอีกครั้งในเดือนก.ย.2545 และยื่นหนังสือขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการมาพิจารณาเรื่องนี้ รวมทั้งเรียกร้องเพิ่มอีกข้อหนึ่งคือ ขอแก้สัญญาให้มีรายการบันเทิงมากขึ้น
30 ม.ค.2547 คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาด ให้สำนักปลัดนายกรัฐมนตรีชดเชยค่าเสียหายดังนี้ 1.ชำระเงินคืนแก่บริษัท จำนวน 20 ล้านบาท 2.ปรับลดผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำจากเดิมปีละ 1,000 ล้านบาท เหลือ 230 ล้านบาท โดยไม่ต้องชำระเงินขั้นต่ำในส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีอีก 3.ปรับลดผลประโยชน์ตอบแทนจากร้อยละ 44 เหลือร้อยละ 6.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายและภาษีอากร โดยเปรียบเทียบกับเงินประกันผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำปีละ 230 ล้านบาท จำนวนใดมากกว่าให้ชำระตามจำนวนนั้น ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2545 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา 4.ให้สปน.คืนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่บริษัทได้ชำระเกินจากข้อ 3. จำนวน 570 ล้านบาท และ 5.ให้บริษัทสามารถออกอากาศไพรม์ไทม์ คือ ระหว่างเวลา 19.00-21.30 น. โดยไม่ถูกจำกัดประเภทของรายการ ทั้งนี้ โดยเสนอรายการข่าว สารคดี และสารประโยชน์ในสัดส่วนเวลาทั้งหมดเพียง 50% ----------------------------------------------------
ศาลปกครองเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตฯ =========================
สปน.จึงยื่นร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนคำชี้ขาดทั้งหมดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทดังกล่าว
10 พ.ค.2549 ศาลปกครองครองกลางชี้ว่าคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ส่งผลให้ 1.สปน.ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยสัมปทาน 570 ล้านบาท และอนุญาโตตุลาการไม่มีอำนาจชี้ขาดให้ปรับลดเงินผลประโยชน์ตอบแทนตามสัญญาร่วมงาน 2.ไม่ต้องจ่ายค่าปรับ 20 ล้านบาท จากกรณีที่ปล่อยให้สถานียูเอชเอฟอื่นมีโฆษณา 3.สัดส่วนการนำเสนอข่าวสารจะต้องเป็นไปตาม เจตนารมณ์เดิมคือสาระร้อยละ 70 บันเทิงร้อยละ 30 โดยไอทีวีมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
===================
จึงมีผลมาให้เกิดการปรับกันขนานใหญ่ จากเดิมที่มันปรับ ยึด ไอทีวีได้ตั้งนานแล้ว...ก็เรื้อรังมาจนถึงวันนี้...
เพื่อให้สัญญาสิ้นสุดลงซะที.....ก็ต้องยกเลิกสัญญา โดยการอ้างการทำผิดสัญญาสัมปทานในที่สุด..เพราะยังไงมันก็จ่ายไม่ไหวบนเงื่อนไขแบบนี้ของสัญญา...
ใครมาทำต่อบนสัญญานี้ ยังไงก็ทำไม่ได้ ปัญหาก็มีต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีการแก้...พอจะแก้ก็ว่าช่วยเอกชน ประกอบกับทักษิณ เข้าการเมืองในปี 2544
การแก้สัญญาจึงเป็นไปไม่ได้..ปิดประตูการแก้ปัญหาอย่างสันติ...มันก็ต้องจบลงแบบนี้...
เลิกก็เลิก....ไม่ได้เสียหายอะไร...คนที่เสียหายคือรัฐเท่านั้นเอง ....ที่ต้องมารับภาระบริหารในฐานะเจ้าของคนใหม่..
5555555555555555555555
จากคุณ : minimalist
จากคุณ :
จ๊าง
- [
7 มี.ค. 50 10:06:57
A:202.57.170.228 X:
]
|
|
|