รัฐธรรมนูญ คืออะไร
รัฐธรรมนูญ (Constitution) หมายถึง กฎหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรัฐ ถ้าแปลตามความหมายของคำ จะหมายถึง การปกครองรัฐอย่างถูกต้องเป็นธรรม (รัฐ + ธรรม + มนูญ)
ในความหมายอย่างแคบ "รัฐธรรมนูญ" ต้องมีลักษณะเป็นลายลักษณ์อักษร และไม่ใช่สิ่งเดียวกับ กฎหมายรัฐธรรมนูญ (Constitutional Law) เพราะ "กฎหมายรัฐธรรมนูญ" มีความหมายกว้างกว่าและจะเป็นรูปแบบลายลักษณ์อักษรหรือจารีตประเพณีก็ได้
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองประเทศ สำหรับประเทศไทย นับจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เป็นต้นมา โดยมีพระราชประสงค์ว่า
ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของ ข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใด คณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดย สิทธิขาด และโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของราษฎร
นับจากนั้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขและประกาศใช้รัฐธรรมนูญและธรรมนูญการปกครองอีกหลายฉบับ เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์บ้านเมืองที่ผันแปรเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัย บรรดารัฐธรรมนูญและธรรมนูญการปกครองที่มีมาทุกฉบับ มีสาระสำคัญเหมือนกัน ที่ยึดมั่นในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติทางรัฐสภาทรงใช้อำนาจบริหารทางคณะรัฐมนตรี และทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล จะมีเนื้อหาแตกต่างกันก็แต่เฉพาะในเรื่องสถานภาพของรัฐสภาและสัมพันธภาพระหว่างอำนาจนิติบัญญัติกับอำนาจบริหาร เพื่อให้เหมาะสมกับภาวการณ์ของบ้านเมืองในขณะนั้นๆ
คณะปฏิวัติอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ
หากเราจะมองดูอย่างละเอียด เราจะมองเห็นว่า ประเทศไทยยังคงอยู่คู่กับระบบเผด็จการมาตลอด และมีการปฏิวัติกันเป็นระยะๆ ตามประเพณีนิยม โดยมีขั้นตอนคือ ยึดอำนาจ ตามด้วยการออกกฏหมายนิรโทษกรรมเพื่อปกป้องการกระทำผิดของตัวเอง พร้อมกับออกรัฐธรรมนูญฉบับการปกครองชั่วคราว แล้วฉีกรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้อยู่ ณ ขณะนั้นทิ้งตามระเบียบ และสุดท้ายตามด้วยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก่อนที่จะลงจากอำนาจ
ทุกครั้งที่เราเห็นการปฏิวัติ ซึ่งจะเป็นการกระทำโดยฝ่ายทหารที่ ใช้อาวุธที่ได้มาจากเงินภาษีของประชาชน มาทำการรัฐประหารต่อสู่กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ ซึ่งประชาชนเคยก้มหัวยอมรับโดยปริยาย เพราะประชาชนขาดความรู้และข่าวสาร แต่วันนี้ประชาชนไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว วันนี้ประชาชนมีความรู้มากขึ้นและวุฒิภาวะก็สูงขึ้น อีกทั้งข่าวสารข้อมูล มีสื่อที่หลากหลาย ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทางอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้คณะปฏิวัติไม่สามารถปกปิดข่าวได้เหมือนในอดีต ทำให้ประชาชนเริ่มมองเห็นแล้วว่า การปฏิวัตินั้น เป็นการกระทำของโจรปล้นชาติและปล้นประชาธิปไตย ที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน พร้อมๆ กับการทำลายและก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติและบ้านเมือง
มันดูเหมือนกับว่า คณะปฏิวัติทุกคณะทุกสมัย จะเป็นกลุ่มคนที่เป็นทหารที่ชื่อชอบการปกครองแบบเผด็จการ ที่คอยแก่งแย่งอำนาจระหว่างพวกเดียวกันเอง และกับประชาชน อีกทั้งทำตัวให้อยู่เหนือกฎหมายและรัฐธรรมนูญของชาติ ที่จะสามารถออกกฎอัยการศึกได้ทุกเมื่อ ฉีกรัฐธรรมนูญของประเทศได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย
พวกเขาเป็นใคร? ทำไมถึงบังอาจได้ถึงขนาดนี้?
ปฏิวัติเพื่ออะไรกันแน่
จากประวัติศาสตร์ของชาติไทย นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยเราเริ่มมีรัฐธรรมนูญใช้กัน จากการที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละอำนาจของพระองค์ท่านและมอบอำนาจนั้นให้แก่ปวงชนชาวไทยทุกๆ คน ซึ่งทำให้กลุ่มบุคคลโดยเฉพาะผู้ที่เป็นทหาร ได้มองเห็นช่องทางในการก้าวขึ้นมามีอำนาจมืด ทั้งพยายามรักษาอำนาจและสานต่ออำนาจนั้นเอาไว้จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ตราบจนถึงทุกวันนี้
ทุกครั้งที่รัฐบาลได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ แต่ริบรอนอำนาจมืดของพวกทหาร จะต้องเกิดการปฏิวัติขึ้นมาทุกครั้ง โดยจะอ้างเหตุผลต่างๆ ขึ้นมา ที่ไม่มีใครเคยสามารถพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้สักครั้งหนึ่ง
ครั้งล่าสุด คณะปฏิวัติโดยการนำของพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลของพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยเหตุผล
1. บ้านเมืองแตกแยกแบ่งฝ่าย
2. การเคลือบแคลงการบริหารงานของรัฐบาลเกี่ยวกับทุจริตประพฤติมิชอบ
3. องค์กรอิสระถูกครอบงำ และ
4. ที่สำคัญมีสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นเบื้องสูง
ซึ่งการกล่าวหาทั้ง 4 ข้อนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ก็ทราบกันเป็นอย่างดีและเต็มอกเลยว่า เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน ยกเว้นเป็นการกล่าวอ้างตามคำกล่าวหาของนายสนธิ ลิ้มทองกุลเท่านั้น โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุลเป็นผู้นำในการปลุกระดมให้ประชาชนจำนวนหนึ่งรวมตัวกันภายใต้ชื่อ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชธิปไตย ที่ออกมาประท้วงการทำงานของรัฐบาลของนายกทักษิณ
สิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้พยายามปลุกระดมนั้น เป็นเรื่องที่เป็นเท็จทั้งสิ้น ทั้งสามารถประพันธ์และโยงใยเรื่องราวต่างๆ ให้ดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องจริง มีคนเชื่อมิใช่น้อย ขนาดผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจำนวนมากก็หลงคารมณ์เชื่อคำพูดของนายสนธิคนนี้ แม้กระทั้งกลุ่มคนที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องทุจริตต่างๆ ยังเชื่ออย่างสนิทใจปราศจากหลักฐานยืนยัน ถึงขนาดนำเรื่องเท็จเหล่านี้ไปบอกต่อกับผู้นำกองทัพ แม้กระทั้งผู้นำกองทัพก็ยังหลงเชื่อความเท็จจนได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน หลังจากที่ได้กระทำการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลนายทักษิณ ถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ตัดสินใจปฏิวัติรัฐประหารว่า
จากการที่ได้เชิญคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ตรวจสอบเรื่องทุจริต มาชี้แจงถึงการตรวจสอบโครงการทุจริตต่างๆ ประมาณ 10-20 โครงการที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่แล้ว เมื่อได้รับทราบและกลับไปที่บ้าน ทำให้นอนไม่หลับ นอนคิดทั้งคืน แต่พอได้ยิน คตส. มาเล่า ผมนอนไม่หลับ ผมเสียใจ ผมได้นั่งอุทาน ผมอยากจะร้องไห้ที่เห็นบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ บ้านเมืองเราถ้าเป็นอย่างนี้ มันจะเหลือแต่กระดูก
มาจนถึงวันนี้ เวลาผ่านมาแล้วกว่า 5 เดือน ได้มีหลายเรื่องหลายสถานการณ์ ที่ได้แสดงออกมาให้ประชาชนได้เห็นกันแล้วว่า คำกล่าวของพลเอกสนธินั้น เป็นคำกล่าวของบุคคลที่เชื่อในเรื่องของข่าวลือมากกว่าข้อเท็จจริง อีกทั้งเหตุผลทั้ง 4 ข้อที่ใช้อ้างในการปฏิวัติรัฐประหารนั้น ไม่มีมูลความเป็นจริงใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทำให้ประชาชนมีข้อสงสัยว่า
1. การปฏิวัติรัฐประหารที่เกิดขึ้นมานั้น เป็นการกระทำที่ชอบธรรมหรือไม่ ?
2. ผู้กระทำการปฏิวัติรัฐประหาร ได้ตัดสินกระทำจากข้อมูลที่เป็นเท็จหรือเป็นจริง ?
3. รัฐบาลของนายกทักษิณ มีความผิดจากคำกล่าวอ้างของผู้นำคณะปฏิวัติจริงหรือ ?
4. พลเอกสนธิบอกว่า ประเทศไทยจะเหลือแต่กระดูก มันเป็นไปได้อย่างไร ?
ในเมื่อเศรษฐกิจของประเทศภายใต้การนำของนายกทักษิณ มีความมั่นคงมากที่สุดและมีเงินเหลือคงคลังเป็นจำนวนมากที่สุดที่เคยมีมาเป็นประวัติกาล
5. ใครกันแน่ ที่เป็นผู้ร้างความแตกแยกในสังคมคนไทย ?
6. การบริหารงานของรัฐบาลนายกทักษิณมีทุจริตประพฤติมิชอบ จริงหรือ ?
หากเรื่องนี้เป็นจริง แล้วหลักฐานมีออะไรบ้าง ?
ทำไมจนป่านนี้แล้วถึงยังไม่สามารถส่งเรื่องฟ้องศาลเอาผิดผู้กระทำการผิดได้สักเรื่องหนึ่งเลยล่ะ ?
7. มีสถานการณ์ที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นเบื้องสูงอย่างไร ?
หากเรื่องนี้มีจริง ทำไมไม่เอามาชี้แจงให้ประชาชนรับรู้รับทราบ เก็บเงียบไว้ทำไม ?
แต่สิ่งที่ประชาชนเห็นอย่างชัดเจน นั่นคือมีการดึงฟ้าลงมาต่ำและมีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อเอามาใช้โจมตีนายกทักษิณอยู่ฝ่ายเดียว แต่แล้วก็โยนความผิดให้แก่นายกทักษิณ และคนที่กระทำผิดนั้น กลับได้รับการยกเว้น อัยการยกฟ้องโดยอ้าง เพื่อความสมานฉันท์
ทั้งท่านพลเอกสนธิและท่านพลเอกสุรยุทธ์ จะสามารถตอบคำถาม ให้ประชาชนคลายข้อสงสัยอะไรได้บ้าง แต่หวังว่าคงไม่ใช่คำตอบแค่ว่า พอเพียง ก็แล้วกัน
จะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้เกิดการปฏิวัติอีก
การที่คณะปฏิวัติรวมกลุ่มออกมาทำรัฐประหารยึดอำนาจ อย่างชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม มักจะรีบเร่งเขียนกฎหมายนิรโทษกรรมปกป้องความผิดของตัวเองในการกระทำปฏิวัติรัฐประหาร และรัฐบาลที่ตามมาในภายหลัง ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปเอาผิดผู้ที่ก่อการปฏิวัติรัฐประหารได้เลย เพราะกฎหมานนิรโทษกรรมนี่เอง
ครั้งจะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า ห้ามกระทำการปฏิวัติรัฐประหาร ดังที่เขียนเอาไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ แต่แล้วคณะผู้กระทำการปฏิวัติรัฐประหาร มักจะฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งทุกครั้งทุกที แล้วอย่างนี้ความศักดิ์สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประชาชนจะออกมาแสดงพลัง แสดงให้พวกโจรปล้นแผ่นดินรู้ว่า พวกเราไม่ต้องการเผด็จการ และเราจะกดดันเรียกร้องให้รัฐบาลทุกๆ รัฐบาลยกเลิกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อนำเอาตัวผู้ก่อการมาขึ้นศาล พิสูจน์ความจริงว่า การปฏิวัติรัฐประหารเป็นไปด้วยความชอบธรรมหรือไม่ ?
หากการปฏิวัติรัฐประหารเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง ก็สมควรแล้วที่คณะผู้ก่อการควรจะได้รับโทษตามกฏหมาย เพื่อเป็นการประกาศว่า
หากท่านจะมาปฏิวัติรัฐประหารอีก ท่านก็ต้องพร้อมที่จะขึ้นศาล และรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย
มิฉะนั้น ทหารผู้ใดนึกไม่พอใจรัฐบาล ก็จะรวมกลุ่มกระทำปฏิวัติรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วออกกฏหมายนิรโทษกรรมอยู่ร่ำไป ไม่มีสิ้นสุด ทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติตบ้านเมืองและประชาชน รัฐธรรมนูญก็เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์
ท่านเห็นด้วยไหม ?
แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 50 10:13:27
จากคุณ :
ศิลาแรง
- [
8 มี.ค. 50 10:11:29
A:124.121.47.81 X:
]