Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ผู้ก่อการร้ายในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลอกยุทธวิธีอัลกออิดะห์มาใช้ในการปฏิบัติการ

    Thai general tells of al-Qaeda tactics

    Boonradom Chitradon

    Thursday, March 22, 2007

    Muslim Islamic separatists in Thailand are adopting al-Qaeda tactics, a top Thai general said in a revealing insight on the country's troubled south.
    Increasing violence there shows the growing militant influence, said General Watanachai Chaimuanwong.

    The Muslim-majority region along Thailand's southern border with Malaysia has suffered outbreaks of separatist violence ever since Bangkok annexed the area a century ago.

    But Watanachai, the top security adviser to army-installed Prime Minister Surayud Chulanont, said that while previous generations of rebels were motivated by nationalism, today's separatists show a greater tendency toward religious extremism.
    "Their operations are more gruesome and more violent because they have imported those techniques from al-Qaeda and the Taleban, with the goal of creating a pure Islamic state," he said Wednesday. That state - "Pattani Darusalam" - would include Thailand's Muslim-majority south and two northern states in Malaysia.

    Attacks in the region have become more frequent and the violence more gratuitous since the military seized power in Bangkok six months ago.

    An ice cream vendor was beheaded in broad daylight last month, his body left slumping on his cart. Militants beheaded another Buddhist man two weeks ago, setting his body ablaze on a roadside and leaving his head in the middle of the road a kilometer away.

    The 63-year-old Watanachai, who has been involved with the insurgency since the latest unrest erupted in January 2004, noted that the militants never claimed responsibility for any attack and never made any demands of the government.
    Watanachai also said security forces believed the militants had formed a new group called Rundi Kumpulan Kecil, which translates roughly as "Small Guerrilla Group," recruiting students from Islamic boarding schools as well as unemployed youths.
    "There are up to 20,000 of these militants active in the three southern provinces," he said, "but their recruitment is slower now because the government has imposed strict controls on the boarding schools."

    The rebels have also struggled to recruit new members from outside of the provinces of Narathiwat, Pattani and Yala, said Watanachai, and would be hard-pressed to attack outside the region.

    AGENCE FRANCE-PRESSE
    http://www.thestandard.com.hk/news_detail.asp?we_cat=6&art_id=40716&sid=12772374&con_type=1&d_str=20070322

    แฉ!กลุ่มป่วนใต้ลอกยุทธวิธีอัลกออิดะห์ขยายความรุนแรง

    พล.อ.วัฒนชัย ฉายเหมือนวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอเอฟพีวานนี้(21)ว่า พวกแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังนำเอายุทธวิธีของอัลกออิดะห์มาใช้ และความรุนแรงนองเลือดซึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ชี้ให้เห็นว่า พวกกบฎเหล่านี้ซึ่งเป็นกลุ่มคนหนุ่ม กำลังรับอิทธิพลของกลุ่มอิสลามสุดโต่งมากขึ้นทุกที
         
    ในการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.วัฒนชัยชี้ว่า ขณะที่พวกกบฏแบ่งแยกดินแดนรุ่นก่อนๆ ในอดีต ได้รับแรงจูงใจจากลัทธิชาตินิยมเป็นด้านหลัก แต่กลุ่มหัวรุนแรงในเวลานี้กลับแสดงให้เห็นถึงความโน้มเอียงอย่างมากมายไปในทางลัทธิสุดโต่งทางศาสนา
         
    "นี่เป็นพวกหัวรุนแรงกลุ่มยังเติร์กซึ่งต้องการท้าทายพวกกลุ่มเก่า การปฏิบัติการของพวกเขาน่าขยะแขยงกว่าและรุนแรงกว่า เพราะพวกเขาอิมพอร์ตเอาเทคนิคต่างๆ จากอัลกออิดะห์และตอลิบาน ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างรัฐอิสลามบริสุทธิ์ขึ้นมา" เขากล่าว
     
    "พวกเขาต้องการสร้างรัฐที่ใช้ชื่อว่า ปะตานี ดารุสลาม ซึ่งจะรวมเอาดินแดนภาคใต้ที่มีคนมุสลิมเป็นคนส่วนข้างมากของประเทศไทย และรัฐทางเหนือ 2 รัฐของมาเลเซีย"
         
    พล.อ.วัฒนชัยกล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ได้ก่อตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมา ใช้ชื่อว่า รุนดิ กุมปูลัน เกซิล (อาร์เคเค) ซึ่งแปลอย่างคร่าวๆ ได้ว่า "กลุ่มจรยุทธ์ขนาดเล็ก" และระดมหาสมาชิกจากพวกนักเรียนตามโรงเรียนปอเนาะ ตลอดจนเยาวชนที่ไม่มีงานทำ
         
    "มีพวกหัวรุนแรงเหล่านี้ถึง 20,000 คนทีเดียวกำลังเคลื่อนไหวอยู่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ แต่การระดมหาพลพรรคใหม่ๆ ของพวกเขากำลังชะลอลงแล้วในเวลานี้ เพราะรัฐบาลได้ประกาศควบคุมพวกโรงเรียนปอเนาะอย่างเข้มงวด" เขาบอก
         
    พล.อ.วัฒนชัยเผยด้วยว่า รัฐบาลเคยคาดหมายไว้ว่าจะต้องมีความรุนแรงเพิ่มพรวด หลังจากไทยกับมาเลเซียได้ตกลงกันในเดือนที่แล้ว ที่จะเพิ่มความร่วมมือเพื่อยุติความไม่สงบที่เกิดขึ้น
         
    เขากล่าวว่า พวกกบฎยังต้องดิ้นรนหาสมัครพรรคพวกใหม่ๆ จากนอกเขตจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา ผลก็คือ พวกกบฎต้องประสบความลำบากเพื่อเปิดการโจมตีนอกพื้นที่เหล่านี้
         
    อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า ถึงแม้เวลานี้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้เชื่อมโยงพวกผู้ก่อความไม่สงบ กับการก่อเหตุระเบิดในกรุงเทพฯช่วงวันสิ้นปีเก่าที่ผ่านมา ทว่าการก่อเหตุในกรุงเทพฯก็ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความไม่สงบทางภาคใต้ แต่มีบางคนซึ่งสัมพันธ์กับเหตุปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมืองในกรุงเทพฯ ได้ว่าจ้างพวกหัวรุนแรงเหล่านี้มาก่อการโจมตีในเมืองหลวง เพื่อหวังขยายผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างเอง
         
    "วัตถุระเบิดเป็นชนิดที่ใช้กันทั่วไปในภาคใต้ และคนซึ่งทำระเบิดก็เป็นพวกหัวรุนแรงซึ่งปฏิบัติการอยู่ในภาคใต้ แต่พวกนี้ถูกจ้างมาทำการโจมตีเพื่อวัตถุประสงค์อีกอย่างหนึ่ง" พล.อ.วัฒนชัยอธิบาย
         
    เขาบอกด้วยว่า พวกหัวรุนแรงในภาคใต้เวลานี้ปฏิบัติการโดยใช้โครงสร้างแบบหลวมๆ ซึ่งผู้ลงมือโจมตีจริงๆ ไม่เคยเห็นหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชาของตน
         
    "พวกเขา(คนที่ลงมือ) จะถูกขอผ่านทางโทรศัพท์ให้ฆ่าหรือตัดหัวใครบางคน เมื่อพวกเขาออกจากบ้านของตัวเองนั้น พวกเขามือเปล่า แต่พวกเขาไปหยิบเอาอาวุธจากจุดซึ่งกำหนดกันไว้ก่อนแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่าผู้บังคับบัญชาของพวกเขาเป็นใคร"
         
    ในบางกรณี นักรบหนุ่มๆ เหล่านี้จะได้รับยาหรือเงินสดเพื่อดำเนินการโจมตีด้วย พล.อ.วัฒนชัยกล่าวต่อ
         
    ที่ปรึกษานายกฯฝ่ายความมั่นคงผู้นี้บอกว่า คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ๆ จะได้รับการฝึกอบรมที่อาจจะกินเวลาถึง 30 วัน โดยไปฝึกกันในป่าลึกตามแนวชายแดน ตามถ้ำ หรือกระทั่งตามอาคารที่ถูกทิ้งร้างในเขตเมืองเล็กๆ
         
    พล.อ.วัฒนชัยเตือนว่า พวกหัวรุนแรงเหล่านี้อาจจะกำลังวางแผนก่อการโจมตีที่จะเป็นข่าวตื่นเต้นมากขึ้น อาทิ การวางแผนลอบสังหาร "บุคคลสำคัญ"

    http://www.norsorpor.com/go2.php?u=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FAround%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9500000033093
    ______________________

    อ่านข่าวนี้แล้วได้แต่นั่งนึกในใจว่าทำไมผู้ที่มีบทบาทในการแก้ปัญหาการก่อการร้ายในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึงได้ออกมาพูดช้าจัง ต่างประเทศเขารู้ตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยาแล้ว และเขาก็รู้ว่าการก่อการร้ายที่ใันเกิดขึ้นทั่วโลกกลมๆใบนี้มันไม่ใช่เกิดจากความยากจน มันไม่ใช่เกิดจากมหาอำนาจรังแกมุสลิมแต่อย่างใด หรือรัฐบาลในประเทศนั้นๆกดขี่ข่มเหงชนกลุ่มน้อยที่นับถืออิสลามแต่อย่างใดแต่รากเหง้าของการก่อการร้ายที่รัฐบาลในหลายๆประเทศต้องเผชิญในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้มันเกิดจาก “ลัทธิความเชื่อทางศาสนา” ในหมู่ผู้นำศาสนาหัวรุนแรงนั่นเอง

    ปัญหาการก่อการร้ายในสีจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มันแก้ยากหรือแก้ไม่ได้ก็เพราะว่าผู้ที่ทำหน้าที่แก้ปัญหาหรือประชาชนไทยบางส่วนยังหลอกตัวเองอยู่ว่าปัญหาการก่อการร้ายในสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้เป็นเรื่องของศาสนา ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น "ศาสนา" คือต้นตอและสาเหตุแห่งไฟใต้ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมาหรือยาวนานกว่านั้นหากเราเคยอ่านบทความเกี่ยวกับฮัจยีสุหลงแล้วจะทราบดีค่ะซึ่งฮัจยีสุหลงก็ได้รับแนวทางการสอนมาจากแถบตะวันออกลางอีกทีเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศซาอุดิ อาระเบีย  ฮัจยีสุหลงไม่เพียงแต่ได้รับแนวความคิด “ลัทธิชาตินิยมอาหรับ” มาจากพวกอาหรับเท่านั้นแต่ยังได้ซึมซับเอาแนวความคิดของ “ลัทธิวะฮาบีย์” มาด้วย

    และเพราะพุทธศาสนิกชน(ส่วนใหญ่)ยังเข้าใจอย่างผิดๆว่า "อิสลาม" เหมือน “ศาสนาพุทธ” คือเป็นเพียงศาสนาอย่างเดียวซึ่งจริงๆแล้วนี่เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์เพราะศาสนาอิสลามนั้นเป็น “ขบวนการทางการเมือง” ด้วยนั่นเพราะอิสลามมิได้แยกศาสนาออกจาการเมืองแต่อย่างใด

    นักวิชาการหัวเอียงซ้ายและเอ็น จี โอทั้งหลายเลิกพูดได้แล้วว่าพวกที่ปฏิบัติการก่อการร้ายเป็นคนนอกศาสนา ไม่มีศาสนา ตรงกันข้ามเลยผู้ก่อการร้ายและแนวร่วมเหล่านี้มีศาสนา เรียนศาสนาและตีความศาสนาอย่างเคร่งครัดเสียด้วย เพราะพวกมุสลิมหัวรุนแรงนั้นถือว่าไม่มีศาสนาใดดีและบริสุทธิ์เท่ากับศาสนาของตน เขาถึงได้คิดว่าศาสนาของเขาเท่านั้นเป็นศาสนาที่แท้จริงและเขาต้องการเรียกความบริสุทธิ์ของอิสลามกลับคืนมาและเราต้องไม่ลืมข้อเท็จจริงประการหนึ่งด้วยค่ะว่า ศาสนาอิสลามนั้นมีหลาย sect ดังนั้นในแต่ละ faction ก็สามารถตีความอัลกุระอ่านได้หลายแบบและเพื่อสอดคล้องกับสภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ยกตัวอย่างเช่นลัทธิวะฮาบีย์ที่อัลไคด้าและบิน ลาเดนเดินตามรอยอยู่นั้นก็เน้นเรื่อง “เรียกร้องผู้คนให้กลับไปสู่หลักคำสอนดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ของอิสลาม ”

    การจะแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นผู้ที่มีหน้าที่ในการแก้ปัญหาจะมองแค่การเมืองระดับภายในประเทศหรือมัวแต่กอด “นโยบายสมานฉันท์” แบบไม่ยอมปล่อยไม่ได้หรอกค่ะต้องเข้าใจถึงแนวโน้มของการเกิดการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกด้วยเหมือนอย่างที่อดีตผู้นำของสิงคโปร์นาย ลี กวน ยู ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อไม่นานมานี้และกล่าวถึงปัญหาการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้อย่างเข้าใจ

    และก็สื่อกระแสหลักที่รักทั้งหลายคะ เลิกพาดหัวข่าว เลิกเรียกนักฆ่าประชาชนเหล่านี้ว่า “โจรใต้” ได้แล้วค่ะเพราะนักฆ่าประชาชนเหล่านี้คือ “ผู้ก่อการร้าย” นั่นเอง  คำว่า “โจร” เฉยๆนี่มันฟังดูดีมีมนุษยธรรมกว่าผู้ก่อการร้ายนะคะ

    จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 22 มี.ค. 50 12:33:59 A:71.7.240.215 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom