ความคิดเห็นที่ 1 เบื่อที่จะพูด ซ้ำซาก รอคนอื่นมาตอบเถอะ ว่าแต่เพื่อนคุณอ้างว่าข้อมูลมาจาก นิติภูมิ รึเปล่า จะได้โง่ สมบูรณ์แบบ จากคุณ : Kiama - [ 22 พ.ค. 50 01:07:37 A:58.64.90.58 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยได้โดนแหงๆ จากคุณ : boymissu - [ 22 พ.ค. 50 01:10:35 A:124.157.212.25 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่รู้นะครับ ว่าอะไรเป็นมายังไง อย่าเพิ่งใส่อารมณ์นะ ตอบกันดีๆให้ผมเข้าใจหน่อยละกัน จากคุณ : FranCVien - [ 22 พ.ค. 50 01:12:06 A:125.27.75.63 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราก็เคยอ่านข้อความแบบนี้ ก็มาจากนิติภูมิในไทยรัฐนั่นแหละ  ขานี้เค้าไม่ชอบทักษิณอยู่แล้ว วิจารณ์เปรียบเทียบไปโน่นเชียว เบื่อจริงๆ จากคุณ : nonie (nhoy) - [ 22 พ.ค. 50 01:16:21 A:88.90.69.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เขาบอกคุณไม่หมดครับ ขณะที่ประเทศกำลังไปด้วยดี ก็เกิดมีการปฏิวัติ แล้วก็มีทหารเข้ามาบริหารประเทศ แล้วก็เป็นทหารอีกนั้นแหละที่แปรรูปแล้วขายให้ต่างชาติ แล้วก็ทำให้เศรษกิจประเทศจนลง จนสุดท้ายประชาชนก็ลุกขึ้นมา แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ ประธานาธิปดีคนเดิมก็ได้ แต่อยุ่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ก็เสียชีวิต เนื่องจากอาการป่วย ที่เกิดขณะถูกจับขัง ลองไปหาข้อมูลดูนะครับ จากคุณ : hungfung - [ 22 พ.ค. 50 01:19:24 A:58.147.66.120 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ทราบ จขกท. พอจะอ่านภาษาอังกฤษออกมั้ยครับ ถ้าพอได้แนะนำไปอ่านที่นี่ดูครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Argentine_economic_crisis_(1999-2002) แล้วอย่าลืมเปรียบเทียบกับบ้านเราด้วยนะครับ จากคุณ : กระต่ายหม้อ - [ 22 พ.ค. 50 01:26:11 A:124.120.4.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาง่ายๆก่อนนะครับ อย่างแรกก็คือ คุณไปหาหนังเรื่อง EVITA มาดูพอเป็นแนวทางให้รู้จักตัวละครของอาเจนตินาก่อนครับ ไม่งั้นจะตามไม่ทัน ฟังแต่คุณนิติภูมิ แกก็ว่าของแกไปเรื่อยหละครับ ผมว่า สิ่งที่คุณทักสินทำนั้นก็คือ การให้เบ็ดชาวบ้านไปตกปลา ไม่ได้ให้ปลา ซึ่งกินแล้วก็หมดไปครับ เพราะถ้าคุณไม่มีแม้กระทั่งเบ็ด คุณคงได้แต่นั่งมองปลาเฉยๆครับ ผมเปรียบเทียบอย่างนี้ คงจะพอเข้าใจ ถ้าจะเปรียบเทียบตัวอย่าในภาคชีวิตจริง ที่เห็นกันชัดๆก้คือ แนวทางการบริหารเงินมิยาซาวาแปลนของรบ.คุณชวน(2)จำนวน ห้าหมื่นล้าน(ถ้าผมจำตัวเลขไม่ผิดนะครับ) นั่นคือการบริหารแบบการซื้อปลาแจกชาวบ้านครับ พอหมดหมดแล้วก็หมดกัน มันเป็นการบริหารเงินแบบที่ไม่ได้สร้างProductivityให้กับชาติเลย เมื่อเปรียบเทียบกับการให้เบ็ดตกปลาแบบOTOP   การใช้เงินมิยาซาวา ในความคิดส่วนตัวผมนะ ผมคิดว่าเป็นการบริหารเงินแบบโง่เง่าที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา ส่วนเรื่องห้างพวกโมเดอร์นเทรด คาฟูร์ โลตัส ทั้งหลาย ผมก็มีมุมมองต่างไปเล็กน้อย ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ ตอนสงกรานต์ ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เป็นอำเภอขนาดกลางๆแถวอีสานเหนือ ซึ่งโลตัส เพิ่งสร้างเสร็จและเปิดให้ใช้บริการ ผมกับแม่ก็คุยกันเรื่องนี   เพราะเราต่างเห็นว่า พอโลตัสเข้ามาก็กระทบร้านค้าในพื้นที่อำเภอทันที โดยเฉพาะร้านค้าส่งที่เปิดกันมาอย่างยาวนานแล้ว (ร่วมสามสิบปี)   แม่เล่าให้ฟังว่า ได้มีการเดินขบวนต่อต้านและทำประชาพิจารณ์ที่หอประชุมเทศบาลของอำเภอ เพราะมีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย(ซึ่งแน่นอนก็คือผู้ปรกอบการในพื้นที่) แต่สิ่งที่ฝ่ายที่เห็นด้วยให้สร้าง เค้าให้เหตุผลว่า  ร้านค้าส่งในอำเภอนั้นผูกขาดมาร่วมสามสิบปีแล้ว และก็กลายเป็นตระกูลที่ร่ำรวยทั้งนั้น ดังนั้นชาวบ้านเขาจึงคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่เค้าควรได้สิ่งที่ดีกว่า.......การค้าเสรีครับ ผมเข้าใจนะว่า ถ้ามันมากเกินไป มันคงกระทบแน่นอน... แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 50 01:49:09 จากคุณ : icarus631 - [ 22 พ.ค. 50 01:32:55 A:124.121.187.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้สร้างสรรค์มีสาระ บ้านเมืองต้องการทางออก   เชิญที่ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5431733/P5431733.html จากคุณ : พลังจิต - [ 22 พ.ค. 50 01:37:09 A:58.8.85.215 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 อาร์เจนติน่า สิ้นชาติ เพราะ การแปรรูป เรื่องจริง หรือ โกหก..!? ด้วยความที่ว่า เป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ยกเว้นได้เห็นข้อมูลที่เป็นหลักเป็นฐานสามารถเชื่อถือได้ ผมจึงได้ลงทุนไปค้นคว้าความจริง จากเว็ปไซค์ขององค์การนานาชาติ ที่มีส่วนในการช่วยฟื้นฟูประเทศนั้นในช่วงวิกฤต เช่น ไอ เอ็ม เอฟ ธนาคารโลก และ แม้กระทั่ง CIA Factsheet. จึงได้ทราบความจริงว่า... วิกฤติเศรษฐกิจของอาเจนติน่า ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการแปรรูปใดๆ ทั้งสิ้น ! แต่เป็นวิกฤติที่มาจากปัญหาการเงินการคลัง กลับกันการแปรรูปกลับเป็นปัจจัยช่วยให้อาเจนติน่าสามารถฟื้นตัวจากวิกฤติในเวลาอันรวดเร็วได้ ! นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงของประธานาธิบดีเมนเนม ในปี 1989 แต่การแปรรูปได้ทำเฉพาะส่วนที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ และ กรมไปรษณีย์เท่านั้น หลังการแปรรูปจะเห็นได้ว่า ช่วงระหว่างปี 1990 ถึง 1994 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจอาเจนติน่า ได้มีอัตราการขยายตัวอย่างกว้างขวาง แต่นับจากปี 1995 เป็นต้นมา อาเจนติน่าได้เริ่มสะสมปัญหาด้านการเงิน การคลังมาอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้เกิดวิกฤติ ในปี 2001-2002 สาเหตุใหญ่ๆ คือ การขาดดุลการค้าอย่างต่อนเองนานนับสิบปี งบประมาณภาครัฐฯ แบบขาดดุลที่ยาวนาน การตรึงค่าเงินไว้กับดอลล่าสหรัฐฯ ความไม่มั่นคงของสถาบันการเงิน การขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง และ การใช้จ่ายของรัฐฯ ด้วยงบประมาณแบบขาดดุลระยะยาวทำให้หนี้สาธารณะพอกพูดสูงขึ้น อย่างรวดเร็ว จาก 74.8 พันล้านยูเอสดีในปี 1994 มาเป็น 155 พันล้านในปี 2001 และ 166 พันล้าน ในปี 2002 (กว่า 100% ของ GDP) เฉพาะดอกเบี้ยของหนี้เหล่านี้ จะเท่ากับ 5.4 ของ GDP ของประเทศ หนี้เหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากการค้ำหนี้ต่างประเทศของภาครัฐวิสาหกิจที่กู้มาลงทุนโดยตรง พอเป็นหนี้มากๆ ก็ออกพันธบัตร ถึงเวลารัฐไม่มีเงินจ่าย คนก็แห่ถอนเงินซื้อดอลล่าห์ แทนเงิน เปโซ ที่มีค่าเปลี่ยนแปลงลดลงเป็นรายวัน ที่สุดรัฐก็หมดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ความตื่นตระหนก เกิดขึ้นทั้งภายใน และ ภายนอกประเทศ เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นถึง 400% เศรษฐกิจที่ชะลอตัวนับจากปี 1995 เป็นต้นมาก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดปัญหา การเติบโตของ GDP  ในช่วง 1994-2002 อยู่ที่ 0.3% ความถดถอย ของ GDP ยิ่งรุนแรงมากขึ้นในปี 2001 ที่มีอัตราการเติบโต -0.8๔ และ ปี 2002 ที่ -10.3% การตรึงค่าเงินไว้ในตะกร้าเดียวกับยูเอสดอลล่าที่ 1 เปโซ ต่อ 1 ดอลล่า นับแต่ปี 1989 เป็นต้นมา ได้ก่อให้เกิดปัญหาค่าเงินที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง ปัญหาค่าเงินที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริงในระยะยาว เมื่อประเทศขาดดุลสะสมมากขึ้นๆ ค่าเงินเปโซที่แท้จริงจึงมีค่าน้อยกว่าค่าเงินที่รัฐฯ กำหนดไว้ จึงเกิดการหันมากักตุนเงินสกุลดอลล่า และเกิดการไหลออกของเงินสกุลแข็งต่างๆ จนในที่สุด รัฐฯ ต้องปล่อยให้ค่าเงินเปโซลอยตัว ในเดือนมกราคา 2002 หลังจากได้รับเงินกู้จาก ไอ เอม เอฟ ในปี 2002 รัฐบาลอาเจนติน่าได้แปรรูปรัฐวิสาหกิจมากขึ้นเพื่อใช้คืนหนี้สาธารณะและได้ปรับปรุงการใช้จ่ายของภาครัฐรวมถึงการปฏิรูปด้านการเงินการคลัง จนปัจจุบันสถานะการเงินของประเทศก็เข้าสู่ภาวะที่ฟื้นตัวได้ จนธนาคารโลก ได้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของอาเจนติน่าว่า เกิดจากการดำเนินนโยบายที่ถูกทิศทาง อาเจนติน่า สามารถใช้หนี้เงินกู้จากไอ เอม เอฟ 2 ปีก่อนครบกำหนดเช่นเดียวกับไทย หนี้สาธารณะลดลงเหลือ 116 พันล้านยูเอสดี หรือ 69% ของ GDP และ GDP ได้ขยายตัวในอัตราที่น่ายินดี คือ เฉลี่ยปีละ 9% ระหว่างปี 2003-2005 ดุลการค้าระหว่างประเทศกลายมาเป็นบวก และ งบประมาณแผ่นดินก็เป็นแบบเกินดุล จากคุณ : มิตรภาพอาบยาพิษ - [ 22 พ.ค. 50 01:40:30 A:58.8.170.199 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 มองมุมใหม่ :แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ต้นเหตุวิกฤติอาร์เจนตินาจริงหรือ? รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการเคลื่อนไหวคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์และนักฉวยโอกาสทางการเมืองของไทยชูกรณีวิกฤติอาร์เจนตินาปี 2544 เป็นตัวอย่างว่า เกิดจากนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลอาร์เจนตินา นำมาซึ่งการล่มสลายทางเศรษฐกิจอย่างทั่วด้าน ข่มขู่ให้คนไทยหวาดกลัวว่า หากประเทศไทยเดินตามแนวทางแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็จะต้องมีชะตากรรมเช่นเดียวกับอาร์เจนตินา แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการบิดเบือนความจริงเพื่อปลุกปั่นความกลัวในหมู่ประชาชนอันเป็นวิธีที่พวกเขาถนัดอย่างยิ่ง อาร์เจนตินาเคยเป็นประเทศร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยเศรษฐกิจส่งออกสินค้าเกษตรไปป้อนตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่จุดหักมุมเกิดขึ้นในช่วงปี 2489-2495 เมื่อผู้นำเผด็จการฮวน เปรอง ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ปลุกอารมณ์ชาตินิยม ต่อต้านสหรัฐอเมริกา และทุนต่างชาติ ทั้งดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่กลายเป็นมรดกอันเลวร้ายมาถึงปัจจุบันคือ การแพร่ขยายรัฐวิสาหกิจและนโยบายประชานิยม รัฐบาลเปรอง เข้ายึดทรัพย์ธุรกิจของต่างชาติ แปรเป็นรัฐวิสาหกิจ แล้วปกป้องคุ้มครองด้วยการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าสูงลิบ กีดกันการค้าต่างประเทศ ห้ามการแข่งขันทั้งใน และต่างประเทศ รวมทั้งดำเนินนโยบาย "ประชานิยม" แจกจ่ายเม็ดเงิน และผลประโยชน์ให้กับกลุ่มพลังต่างๆ ทั้งสหภาพแรงงาน เกษตรกร กลุ่มธุรกิจ และทหาร เศรษฐกิจอาร์เจนตินาเกิดวิกฤติชะงักงัน เงินเฟ้อพุ่งเพราะรัฐบาลใช้จ่ายเงินมหาศาลเพื่ออุ้มรัฐวิสาหกิจ และนโยบายประชานิยม กระทั่งเปรองถูกคณะทหารยึดอำนาจในปี 2498 แต่อนิจจา ระบอบรัฐวิสาหกิจและประชานิยมกลับยืนยงต่อมา การเมืองอาร์เจนตินาผ่านการเมืองแบบเลือกตั้งสลับกับเผด็จการทหารขณะที่เศรษฐกิจเผชิญเงินเฟ้อพุ่งสลับกับภาวะตกต่ำตลอดสี่สิบปี รัฐบาลทุกยุคสมัยต้องพิมพ์ธนบัตรและกู้หนี้ต่างประเทศเพื่ออุ้มรัฐวิสาหกิจทั้งระบบที่ขาดทุนอย่างหนัก และใช้จ่ายในโครงการประชานิยมต่างๆ ทำให้เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด บางครั้งสูงถึง 4,000% ต่อปี กระทั่งปี 2525-2526 อำนาจคณะทหารก็ล่มสลายจากการพ่ายแพ้ในสงครามหมู่เกาะโฟล์คแลนด์ มีการฟื้นประชาธิปไตย และประธานาธิบดีพลเรือนจากการเลือกตั้ง ถึงปี 2534 เศรษฐกิจอาร์เจนตินาถึงวิกฤติสุดขีด เงินเฟ้อสูงถึง 20,000% ต่อปี หนี้ต่างประเทศที่เกิดจากการอุ้มรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนมีสูงถึง 64,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 38.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เงินทุนสำรองระหว่างประเทศเกือบเป็นศูนย์ รัฐบาลจำต้องปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อความอยู่รอด เริ่มจากการลดอัตราภาษีศุลกากร ลดการคุ้มครองธุรกิจในประเทศ ให้สินค้านำเข้ามาแข่งขันได้ และแก้ไขกฎระเบียบส่งเสริมการส่งออก รัฐบาลยังประกาศใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ผูกติดปริมาณเงินเปโซไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ไหลเข้าออกประเทศ ทำให้รัฐบาลไม่สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้จ่ายได้ตามใจชอบอีกต่อไป ระบบรัฐวิสาหกิจหยั่งรากลึกในเศรษฐกิจอาร์เจนตินา มีกิจการทุกประเภท ตั้งแต่สาธารณูปโภค เชื้อเพลิง ขนส่ง ไปถึงห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ บาร์ไนท์คลับ คณะละครสัตว์ และโบสถ์คริสต์ เกือบทั้งหมดขาดทุนอย่างหนัก เป็นภาระที่รัฐบาลต้องหาเงินมาหล่อเลี้ยงจำนวนมหาศาลทุกปีและเป็นรากเง้าของปัญหาเงินเฟ้อ รัฐบาลจึงเร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจ มีทั้งยุบเลิกและแปลงสภาพเป็นบริษัทขายให้เอกชนไปดำเนินการ แล้วนำเงินไปใช้หนี้ต่างประเทศ ผลก็คือ เงินเฟ้อลดต่ำกว่า 10% ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเติบโตในอัตรา 7.9% ต่อปีในช่วง 2536-37 แต่ปัญหาใหญ่กลับยังไม่ได้รับการแก้ไขคือ หนี้ต่างประเทศลดลงไม่มาก รวมทั้งการใช้จ่ายเกินตัวทั้งของรัฐบาลกลางและท้องถิ่น เมื่อเกิดวิกฤติเม็กซิโกปี 2537-2538 เจ้าหนี้ต่างชาติแตกตื่น เงินทุนไหลออก เศรษฐกิจถดถอย คนว่างงานพุ่ง ตั้งแต่ปี 2539 รัฐบาลกลับมาใช้จ่ายเกินตัวอีก แต่ไม่สามารถพิมพ์ธนบัตรได้ จึงหันไปกู้หนี้ด้วยการออกพันธบัตรขายในประเทศ และต่างประเทศเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย งบประมาณรายจ่ายเพิ่มไปถึง 21% ของจีดีพีขณะที่หนี้ต่างประเทศพุ่งขึ้นเป็น 172,200 ล้านดอลลาร์หรือ 64.1% ของจีดีพีในปี 2544 แล้ววันแห่งชะตากรรมก็มาถึงในปี 2542 เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ทำให้เงินเปโซแข็งตามไปด้วย ซ้ำเติมด้วยบราซิลประเทศคู่ค้ารายใหญ่ประกาศลดค่าเงินเรียลถึง 40% ทำให้การส่งออกของอาร์เจนตินาตกต่ำ การนำเข้าพุ่ง ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่องหลายปี ผู้คนตกงานถึง 21% ท้ายสุดปี 2544 รัฐบาลไม่สามารถลดการใช้จ่ายได้ตามแผน เจ้าหนี้ต่างชาติแตกตื่นปฏิเสธให้เงินกู้เพิ่ม รายจ่ายรัฐบาลสะดุด ค่าเงินเปโซในตลาดมืดตกฮวบ ผู้คนแห่กันไปถอนเงินดอลลาร์จากธนาคาร เกิดจลาจลทั่วประเทศ ธุรกิจชะงัก และรัฐบาลประกาศพักชำระหนี้ ตามมาด้วยการลอยค่าเงินเปโซในปี 2546 และการตัดลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจจึงค่อยๆ ฟื้นและขยายตัวดีในอัตราเฉลี่ย 8% ช่วง 2546-2548 เห็นได้ว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจไม่ใช่สาเหตุให้เศรษฐกิจอาร์เจนตินาล่มสลายดังที่กลุ่มต่อต้านโลกาภิวัตน์และนักฉวยโอกาสทางการเมืองได้บิดเบือนมาตลอด แต่เป็นตรงข้ามคือ ระบบรัฐวิสาหกิจที่ทุจริต ไร้ประสิทธิภาพ และขาดทุนต่างหากที่เป็นรากเง้าของปัญหาทั้งหมด ก่อเป็นหนี้สินของรัฐบาลสั่งสมมาหลายสิบปีเป็นจำนวนนับแสนล้านดอลลาร์ถึงปัจจุบัน ซ้ำเติมด้วยการขาดวินัยทางการคลังของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นที่ใช้จ่ายโดยไม่สัมพันธ์กับการจัดเก็บภาษี แล้วหาทางออกง่ายๆ ด้วยการกู้หนี้สาธารณะเพิ่ม บทเรียนสำคัญจากอาร์เจนตินาคือ ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กำกับดูแลไม่ให้มีการผูกขาด ส่งเสริมการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพ ยกภาระหนี้สินและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจออกไปจากการค้ำประกันและงบประมาณของรัฐบาล ในขณะที่รัฐบาลก็ต้องรักษาวินัยทางการคลังอย่างเข้มงวด ใช้จ่ายให้สัมพันธ์กับรายรับภาษี และระวังให้หนี้สาธารณะอยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ จากคุณ : มิตรภาพอาบยาพิษ - [ 22 พ.ค. 50 01:41:49 A:58.8.170.199 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 นโยบายเศรษฐกิจของพรรคทรท. ลดรายจ่าย "โครงการ30บาทรักษาทุกโรค"ฯลฯ เพิ่มรายได้ "โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์"ฯลฯ ขยายโอกาส "โครงการกองทุนหมู่บ้าน"ฯลฯ ทั้งหมดได้ทำอย่างพอเพียงพอดีจึงประสบผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์แก่โลก ประชาชนอยู่ดีกินดีกว่าแต่ก่อนเขาชอบแบบนี้จึงเรียกว่า"ประชานิยม" จากคุณ : ออกความเห็นด้วยคน - [ 22 พ.ค. 50 01:43:47 A:67.15.183.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 "ตีตนไปก่อนไข้" "อย่าด่วนสรุป" กาลามสูตร (เกสปุตติยสูตร หรือ เกสปุตตสูตร) ๑. (มา อนุสสเวนะ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา ๒. (มา ปรัมปายะ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา (ประเพณี) ๓. (มา อิติกิรายะ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง ๔. (มา ปิฏกสัมปทาเนนะ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก (คัมภีร์,ตำรา) ๕. (มา ตักกเหตุ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ ๖. (มา นยเหตุ) อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง ๗. (มา อาการปริวิตักเกนะ) อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ ๘. (มา ทิฏฐินิชฌานักขันติยา) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน ๙. (มา ภุพพรูปตายะ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ ๑๐. (มา สมโณ โน ครูติ) อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา เมื่อ ใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้สมบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่ ปล.ประเทศอาเจนตินาไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ์ จากคุณ : เวลาคือเครื่องพิสูจน์ (ชินโด โคทาโร่) - [ 22 พ.ค. 50 01:46:32 A:58.9.139.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปล.แม้แต่ธนาคารโลก หรือองค์กรระดับโลกต่างๆ ยังหันมาแก้ปัญหาความยากจนแทนแ้ก้ปัญหาความอดอยากด้วยเลย หลายๆ ปีก่อนหน้านี้ตั้งแต่ We are the World ก็มีแต่การแก้ปัญหาความอดอยาก จนมาถึงช่วงรัฐบาลทักษิณนั่นแหละ ที่เผยแพร่พระกรณียกิจของในหลวงให้ต่างชาติได้ชื่นชมและทราบ ที่เข้าใจกันง่ายๆ "การให้เบ็ดชาวบ้านไปตกปลา ไม่ได้ให้ปลา ซึ่งกินแล้วก็หมดไป" นี้แหละ จากคุณ : ชินโด โคทาโร่ - [ 22 พ.ค. 50 01:50:41 A:58.9.139.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ปล.ถ้าทราบแล้ว อย่าลืมเอาไปเล่าให้เพื่อนคุณได้ทราบบ้างนะ ให้เป็นวิทยาทานน่ะ เอานี้ไปให้เขาดูด้วยน่ะ มันสมเหตุสมผลดี ============================= ระบอบประชาธิบไตยเทียม บนฐานแห่งการ:-) ============================= สงสัย ว่า คุณชวลิต แวน (โพสท์แบค 19 พฤษภาคม) เพิ่งจะเริ่มสำนึกถึงความเป็นประชาธิปไตยเทียมของคณะผู้ปกครองที่ไม่ได้มา จากการเลือกตั้งแล้ว? จากการเหยียบย่ำกระแสประชาธิปไตย์ด้วยการปิดสถานีวิทยุชุมชน ในขณะที่ยังปล่อยให้สถานีของนายสนธิ ลิ้มทองกุลกระจายเสียงอย่างกึกก้องคนองต่อไป ผู้ที่จะเสียกลับไม่ใช่คุณทักษิณหรอก แต่เป็นเผด็จการ (คมช.) เองต่างหาก คณะ ปกครองทหารเผด็จการและเหล่าสมุนทั้งหลายพยายามอย่างสุดกำลัง ที่จะช่วงชิงสิ่งต่างๆจากตัวคุณทักษิณ เพื่อจะได้สร้างความเป็นธรรมในความเป็นอยู่ของตัวเองและเพื่อปิดบังข้อเท็จ จริงต่างๆ แม้อย่างนั้นก็ตาม ขบวนการตุลาการก็ยังไม่สามารถเอาผิดคุณทักษิณได้ เพราะไม่ปรากฏว่าเขาทำผิดกฏหมายอะไร (แน่นอน ยกเว้นแต่ว่า คณะเผด็จการคิดแก้กฎหมาย เพื่อตามไปบังคับย้อนหลัง) ไม่มีครั้งใด ในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการควบคุมสื่อชั่วต่างๆ (รวมทั้ง นสพ.บางกอกโพสท์ด้วย - ผู้แปล) เพื่อรณรงค์บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยหวังได้ผลประโยชน์ส่วนตัวและอำนาจ ดูเหมือน จะเป็นความพยายามในการคืนอำนาจให้แก่ผู้มีบารมีเก่า ซึ่งได้ถูกเบียดออกจากศูนย์กลางอำนาจไปแล้วด้วยขบวนการปฏิรูปของรัฐบาล ทักษิณ และผมไม่คิดว่า จะมีผู้อ่านหนังสือพิมพ์บางกอกโพสท์ท่านใดได้เคยอ่านร่างรัฐธรรมนูญที่กำลัง ร่างกันอยู่ แต่ถ้าท่านเคยอ่าน ท่านก็คงถูกกระตุกให้ท่านตื่นจากภวังค์ไปแล้ว  นี่คือ ช่วงเวลาที่น่าเศร้าสลดยิ่งนักในขณะนี้ NAV TILAVAHC อ้างอิง http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5432615/P5432615.html แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 50 01:53:42 จากคุณ : ชินโด โคทาโร่ - [ 22 พ.ค. 50 01:51:53 A:58.9.139.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 เออ มีเพื่อนน่าคบนะเนี่ยจูงง่ายดี เหอๆๆๆ จากคุณ : wan_p - [ 22 พ.ค. 50 02:10:17 A:10.249.134.92 X:12.151.36.19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่อง ปตท ครับ   เป็นคำชี้แจงจาก ปตท ตอนกลุ่มม๊อบ พาลทะมิตร ออกมาว่า ปตท ว่าขายชาติ ขายน้ำมันแพง อย่างนั้นอย่างนี้ ช่วงที่การเมืองยังเดือดๆเมื่อปีที่แล้ว ------------------------------------------------- ปตท.ไม่เคยปล้นประชาชนแต่ช่วยแบกรับภาระแทนผู้บริโภค      ตามที่สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคได้มีการให้ข่าวว่า ปตท. ปล้นประชาชนเพื่อทำกำไรอัปลักษณ์ นั้น ปตท. ขอชี้แจงว่าเป็นการกล่าวอ้างจากข้อมูลที่บิดเบือน ดังนี้ 1. คำกล่าวอ้างที่ว่าผลประโยชน์ของรัฐรั่วไหลเฉียด 3 แสนล้านบาท ไม่เป็นความจริง ประโยชน์ของรัฐไม่รั่วไหลแต่กลับเพิ่มพูน โดยก่อนการแปรรูป หุ้น ปตท. ที่รัฐถือครอง 100% มีมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท แต่หลังแปรรูปมูลค่าหุ้น ปตท. ที่รัฐถือครองทางตรงและทางอ้อม 68% มีมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงเงินภาษีและเงินปันผลที่กลุ่ม ปตท. นำส่งรัฐตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รวม 140,000 ล้านบาท 2. คำกล่าวอ้างที่ว่าผู้บริโภคถูกปล้นเงียบรับภาระค่าใช้จ่ายและหนี้อ่วม เป็นข้อมูลที่บิดเบือน ผู้บริโภคไม่ถูกปล้นแต่กลับได้ประโยชน์ เนื่องจากราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ผลิตไฟฟ้าได้สูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก แต่ ปตท. ได้เข้ามาช่วยรับภาระบางส่วน ทำให้ราคาไม่สูงเท่าตลาดโลก โดยในปี 2548  ปตท. ช่วยรับภาระราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และพยุงค่าไฟฟ้าแทนผู้บริโภครวมกว่า 14,000 ล้านบาท ส่วนคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่เพิ่มขึ้น 126% นั้นเป็นช่วงที่ราคาดีเซลในตลาดโลกเพิ่มขึ้นถึง 195% โดย ปตท. ช่วยรับภาระราคาน้ำมันในปี 2548 เป็นเงิน 4,000 ล้านบาท และราคาก๊าซหุงต้มในประเทศเพิ่มขึ้น 63% เป็นช่วงที่ราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้น 123% โดย ปตท. ช่วยรับภาระราคาก๊าซหุงต้มในปี 2548 เป็นเงิน 5,600 ล้านบาท  ในขณะที่ราคาก๊าซฯ ในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 27% ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพียง 21% ไม่ใช่ 233% ตามที่กล่าวอ้างเนื่องจากเป็นเพียงค่า FT ที่ยังไม่รวมค่าไฟฐาน 2.25 บาท/หน่วย โดย ปตท.ได้มีส่วนเข้าไปช่วยพยุงค่า FT ในปี 2548 ถึง 4,500 ล้านบาท 3.  คำกล่าวอ้างที่ว่า ปตท. และนักลงทุนรวยเละ กำไรโด่งอย่างอัปลักษณ์ เป็นการกล่าวอ้างที่ขาดการศึกษาข้อมูลอย่างถ่องแท้     ความเป็นจริงแล้วกำไรของ ปตท. ที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากการระดมทุน ทำให้ ปตท.มีเงินสามารถนำไปปรับโครงสร้างหนี้ฟื้นฟูกิจการที่ประสบภาวะขาดทุน และขยายกิจการต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งสามารถบริหารงานได้อย่างคล่องตัวเช่นเดียวกับเอกชน ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรของกลุ่ม ปตท. เพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นกำไรมาจากบริษัทที่ ปตท.เข้าไปร่วมทุนถึงกว่า 60% เช่น จากกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิต กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี ฯลฯ จึงควรเป็นความภูมิใจของคนไทยทุกคนที่มีบริษัทน้ำมันของชาติที่สามารถปรับตัวเองให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในเวทีสากล  หาก ปตท.แข็งแรงประเทศชาติก็แข็งแรงด้วย     นายสรัญ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นการเตรียมการแยกบริษัทท่อส่งก๊าซฯ นั้น จะเป็นการแยกธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ทั้งระบบ รวมที่มีอยู่ในปัจจุบันและท่อเส้นที่ 3 ทั้งนี้ อำนาจในการกำหนดเขตระบบเป็นของรัฐทั้งก่อนและหลังแปรรูป รวมทั้งกิจการก๊าซธรรมชาติไม่มีการผูกขาด ดังเช่นการที่ บริษัท ไทยเชลล์ ขายก๊าซฯ จากแหล่งสิริกิติ์  ให้ กฟผ. หรือบริษัท อเมรดา เฮสส์ ที่เป็นผู้วางท่อส่งก๊าซฯจากแหล่งภูฮ่อมจังหวัดอุดรธานีไปแหล่งน้ำพองจังหวัดขอนแก่น นอกจากนั้น การให้  ปตท. เป็นผู้ดำเนินการจัดหาและวางท่อก๊าซฯ เป็นข้อตกลงทางการค้าที่ผู้ใช้และผู้ผลิตก๊าซฯ ต้องการลดความเสี่ยง  และให้มีการเสริมสร้างความมั่นคงด้านการจัดหาและดูแลคุณภาพ จากคุณ : champ_ee85 - [ 22 พ.ค. 50 02:41:31 A:85.181.107.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 อันนี้ข้อชี้แจง ถึงข้อดีและความจำเป็นในการแปรรูป ปตท จะเชื่อ หรือไม่เชื่อ เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็อ่านดูแล้วใช้วิจารณญาณดูเองแล้วกันนะครับ บางคนเขาเริ่มอ่านโดยมีธงอยู่ในหัวมาก่อนว่า แปรรูปเป็นการขายชาติ อย่างนั้น อย่างนี้ มันก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่องซะทีนึง ------------------------------------------------ กรณีศึกษา:การจัดการทางการเงินหลังการแปรรูป ปตท.            การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้แปรรูปจากการเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติการ ปิโตรเลียม มาเป็นบริษัทมหาชนจำกัด โดยการแปลงสภาพภายใต้พระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ (พ.ร.บ.ทุนฯ) และกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปลายปี 2544 โดยยังคงมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และในปี 2545 ซึ่งเป็นปีแรกของการเปลี่ยนระบบจากการจ่ายเงินนำส่งเข้าสู่รัฐ เป็นการจ่ายภาษีเงินได้นิติ บุคคล และเงินปันผล ปตท.ได้จ่ายเงินให้รัฐเป็นจำนวน 17,240 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2544 ที่มีการนำเงินส่งรัฐ 11,269 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2548 นี้ ปตท. และบริษัทในเครือได้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินปันผล เป็นเงิน 25,911 ล้านบาท ทำไม หลังแปรรูป ปตท. มีผลประกอบการแบบก้าวกระโดด ทั้งๆที่มีผู้บริหาร และพนักงานคณะเดิม       หาก ปตท. ทำเพียงจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น โดยยังบริหารงานอย่างเดิมๆ ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่กว่า ปตท. และบริษัทในเครือจะประสบ ความสำเร็จได้มากขนาดนี้ ต้องประกอบด้วยปัจจัยหลายประการ ต้องเป็นองค์กรที่ดี มีผู้บริหารที่ดีมีวิสัยทัศน์ บุคลากรในบริษัทต้องมีคุณภาพ ต้องดำเนินงานอย่างมีความเที่ยงธรรม สิ่งสำคัญที่สุดต้องมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นรู้จักปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต      ความจริงแล้ว การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี 2540 เป็นแรงกระตุ้นทำให้ ปตท. และบริษัทในเครือต้องเร่งปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจให้มีความเข้มแข็งในระยะยาว พร้อมรับกับสถานการณ์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการแปรรูปเป็นคำตอบหนึ่งที่ ทำให้ ปตท.เข็มแข็งในระยะยาว ดังตัวอย่างในปี 2536 ที่ปตท. ได้นำ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด มหาชน (ปตท.สผ.) ซึ่งเป็นบริษัทแรกในเครือ ปตท. เข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะธุรกิจของ ปตท.สผ. ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ซึ่งในขณะนั้น บริษัทแม่ก็ คือ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถให้เงินสนับสนุนในจำนวนจำกัด จึงจำเป็นต้องหาวิธีการระดมทุน แบบอื่นๆ เพิ่มเติมนอกเหนือจากเงินทุนจากบริษัทแม่ ดังนั้น การเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ ปตท.สผ. จึงเป็นทางหนึ่งในการระดมทุนเพื่อให้มีเงินมากพอที่จะซื้อทรัพย์สินได้ใหญ่ขึ้น จนวันนี้ ปตท.สผ. มีทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ทำให้มีศักยภาพเพียงพอในการเข้าไปลงทุนในสัมปทาน แหล่งก๊าซธรรมชาติ และ น้ำมันทั้งในและต่างประเทศ เช่น แหล่ง S1 แหล่งบงกช แหล่งไพลิน แหล่งยาดานา แหล่งเยตากุน เป็นต้น         วันนั้นถ้า ปตท.ไม่ทำให้ ปตท.สผ. มีเงินทุนเพื่อไปลงทุนได้ ปตท.สผ. คงมีสัมปทาน เพียงแหล่ง S1และแหล่งอื่นอีกเล็กน้อย จะไม่มีแหล่งบงกช แหล่งไพลิน แหล่งยาดานา แหล่งเยตากุน รวมถึง แหล่งเจดีเอ เพราะฉะนั้นหาก ปตท.สผ.ไม่ได้แปรรูป และ ปตท.เป็นเจ้าของ 100% จะมีมูลค่าเพียง 5 หมื่นล้านบาท แต่วันนี้ ปตท. เป็นเจ้าของ 60 % ของมูลค่าบริษัทที่ 3 แสนล้านบาท พร้อมกับ ศักยภาพ ในการหาแหล่งพลังงานได้มากขึ้น การแก้ปัญหาบริษัทในเครือ หลังระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ     หลังปี 2540 ทุกบริษัทประสบปัญหาขาดทุน และภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น เพราะค่าเงินบาทตกต่ำลง ทำให้ภาระหนี้เมื่อคิดเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันราคาผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงขาลง หลายบริษัทอยู่ในขั้นไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ ปตท.เองก็อยู่ในภาวะตึงตัว อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในอัตรา 5:1 แต่ประโยชน์ที่ได้ จากการแปรรูป และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คือ ทำให้ ปตท. ได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 26,000 ล้านบาท โดย ปตท. ได้นำมาลดหนี้สินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนบางส่วน ซึ่งมีผลให้ โครงสร้างทางการเงินของ ปตท. แข็งแรงขึ้น มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 :1 .ในระยะแรก และ มีเงินสดเพียงพอ สำหรับให้ความช่วยเหลือบริษัทในเครือที่ประสบปัญหาทางการเงิน นอกจากนั้นปตท. ยังมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น สามารถตัดสินใจเข้าลงทุน เข้าบริหารจัดการได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งดำเนินการเจรจาปรับลดหนี้ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือที่ประสบปัญหาจนกลับมาแข็งแรง เป็นบริษัทที่มีผลดำเนินงานที่ดี และสามารถขยายกิจการเพิ่มเติม ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ หาก ปตท.ไม่ได้แปรรูป และระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์          เริ่มจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เดิมมีทุนจดทะเบียนอยู่ 20 ล้านบาท แต่มีหนี้อยู่เกือบแสนล้านบาท เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ส่งผลให้ไทยออยล์ประสบปัญหาทางการเงิน เมื่อรวมกับค่าการกลั่นในขณะนั้นซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำมากคือประมาณ 2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล รายได้จากการดำเนินงานนำมาหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหลือจ่ายดอกเบี้ยได้น้อยมาก จึงมีความจำเป็นต้องทำการปรับโครงสร้างหนี้              วิธีปรับโครงสร้างหนี้ของไทยออยล์ ที่มีหนี้ทั้งหมดประมาณ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปตท.ได้เจรจาขอลดหนี้ลงประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีเงื่อนไขว่า ปตท.ต้องเพิ่มทุนในไทยออยล์ เป็นเงิน 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 11,000 ล้านบาท) และส่วนของเจ้าหนี้ ให้แปลงหนี้เป็นทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เท่ากับลดหนี้ได้ 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้เหลือหนี้ ประมาณ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ นำมาจัดโครงสร้างในการชำระหนี้ใหม่ โดยกำหนดให้มีระยะเวลาในการชำระหนี้มากกว่า 10 ปี อัตราดอกเบี้ยจ่ายก็จะจ่ายในช่วงปีแรกน้อย และเพิ่มขึ้นในช่วงปีหลัง            การปรับโครงสร้างหนี้ของ ไทยออยล์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันทั้งหมด ทั้งผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ และพนักงานในบริษัท ทำควบคู่กันไป โดยในส่วนของบริษัทเองมีการให้พนักงานลาออกโดยสมัครใจ ซึ่งมีคนสมัครเข้าโครงการ 200 กว่าคน พนักงานส่วนที่เหลือไม่ขึ้นเงินเดือน 3 ปี มีลาออกไปบางส่วน ขายธุรกิจ บางอย่าง ส่วนฝ่ายบริหารเปลี่ยนรถประจำตำแหน่งจากเบนซ์มาเป็นวอลโว่ ผู้บริหารระดับรองลงมานั่งโตโยต้า ส่วนระดับล่างไม่มี มีการขายธุรกิจเรือออกไปได้เงิน ประมาณ 10 กว่าล้านเหรียญฯ และขายหุ้นโรงไฟฟ้าออกไป 25% จากคุณ : champ_ee85 - [ 22 พ.ค. 50 02:44:34 A:85.181.107.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 จน ปี 2546 ไทยออยล์ เริ่มมีกำไร 6,750 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปีนี้ มีกำไร 7,222 ล้านบาท ถ้า ปตท. ไม่มีกำลังเข้าไปปรับโครงสร้างในขณะนั้น ไทยออยล์วันนี้จะกลายเป็นของเจ้าหนี้ ซึ่งอาจจะมีการขายออกไปให้ต่างชาติ เพราะผู้ที่อยู่ในธุรกิจการเงินไม่ต้องการที่จะมาลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัด วันนี้โรงกลั่นไทยออยล์ก็อาจจะกลายเป็นของต่างชาติ          สำหรับการดำเนินการกับโรงกลั่นน้ำมันระยอง ( RRC) ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นอยู่ 36% บริษัทขาดทุนสะสม มาตลอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะความต้องการใช้น้ำมันลดลง ค่าการกลั่นต่ำมาก ทำให้ประสบปัญหาการเงินจากภาระหนี้สูง โดยมีหนี้อยู่ 1,335 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปตท. ใช้วิธีในการเจรจากับเจ้าหนี้ ทำให้ลดหนี้ได้ประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และใช้เงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 200 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นอีก 64% จาก บริษัท เชลล์ ทำให้ ปตท. มีหุ้นในโรงกลั่นระยอง 100% ซึ่งถือเป็นโชคดีเพราะหลังจากที่ ปตท. เป็นเจ้าของโรงกลั่นระยอง ในครึ่งปีแรกค่าการกลั่นดีขึ้น ทำให้มีกำไรถึง 11,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ได้มีการรวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( ประมาณ 7,700 ล้านบาท ) ด้วยแล้ว และโดยที่ค่าการกลั่นดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น จึงสามารถนำกำไรส่วนนี้ไปทยอยคืนหนี้ของบริษัท ทำให้วันนี้ โรงกลั่นระยองมีภาระหนี้ลดลงจาก 1,135 ล้านเหรียญฯ เหลือเพียง 600 กว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ       ทางด้านกรณีของ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอซี และ บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอทีซี ใช้วิธีเดียวกันในการแก้ปัญหาโครงสร้างเงินทุนคือ ทำการลดทุน ลดหุ้นบริษัทเพื่อล้างขาดทุนสะสม เพื่อให้บริษัทมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากสามารถจ่ายเงินปันผล โดยกรณี ทีโอซี ได้ทำการเพิ่มทุนใหม่ในภายหลัง และเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ในการชำระหนี้ และลงทุนในการขยายงานของบริษัท ซึ่งปัญหาของ ทีโอซี และ เอทีซี ในด้านปฏิบัติการจะคล้ายกันคือ กำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่ไม่ อยู่ในระดับโลก ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าผู้ผลิตปิโตรเคมีรายอื่น เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจึงไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายคืนเงินต้น แต่มีความสามารถเพียงการจ่ายค่าดอกเบี้ยเท่านั้น จึงต้องมีการขอยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไป และจะต้องมีการลดต้นทุนการผลิต โดยในส่วนของ ทีโอซี ต้องมีการขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมีขั้นต้น (เอทธิลีน) เพิ่มเติมอีก 3 แสนตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่แล้ว 5.75 แสนตันต่อปี โดยโรงงานส่วนขยายนี้จะต้องมีการลงทุนเพิ่มอีก 140 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่จะช่วยทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงมา อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ปตท. จึงได้ตัดสินใจที่จะใส่เงินลงไปใน ทีโอซี อีก 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) ส่วนอีก 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทีโอซี กู้จากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ปตท. ยังให้เงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของ ทีโอซี อีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ( ประมาณ 4,000 ล้านบาท ) โดยในเดือนธันวาคม 2547 ที่ผ่านมา โรงงานก็ได้ก่อสร้างเสร็จ แม้ว่าราคาปิโตรเคมีจะตกลงในช่วงปีนี้ แต่ด้วย ต้นทุนการผลิตที่ลดลงจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม ทำให้กำไรครึ่งปีนี้ของ ทีโอซี เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่หากไม่ขยายกำลังการผลิตเลยกำไรในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่แล้ว           สำหรับในส่วนของ เอทีซี ก็ลงทุนขยายโรงงาน (Debottleneck) ซึ่ง ปตท.คาดการณ์ว่า ราคาผลิตภัณฑ์น่าจะดีขึ้น และจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 1-2 ปี ปตท. ได้ให้เงินทุนหมุนเวียน จำนวน 90 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3,600 ล้านบาท ) ซึ่งก็เป็นไปตามคาด นอกจากนั้น ปตท. ได้เข้ามาช่วยเจรจาปรับ โครงสร้างหนี้ ทำให้ฐานะการเงินของ เอทีซี เกิดความเข้มแข็ง กอปรกับผลดำเนินงานที่ดีขึ้น เอทีซี จึงสามารถเจรจาหาเงินกู้มาลงทุนในโรงอะโรเมติกส์ โรงที่ 2 เองได้            สรุปภาพรวม ตั้งแต่ แปรรูป ปตท.มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและใช้ศักยภาพที่มีเพื่อการลงทุนทั้งในบริษัทในเครือ และในธุรกิจของ ปตท. เอง ( สร้างโรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 5 / เพิ่มประสิทธิภาพการส่งก๊าซฯ ของระบบท่อส่งก๊าซฯ เดิม และเร่งก่อสร้างท่อส่งก๊าซฯ สายประธานเส้นที่ 3 ฯลฯ ) รวมทั้งการปรับโครงสร้างการบริหารภายในของ ปตท. เอง จนทำให้ในปีที่ผ่านมา และ ในปีนี้เป็นปีที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างชัดเจนของ ปตท. ในรูปของผลการดำเนินงาน โดยจะเห็นได้ว่ากำไรส่วนใหญ่ของ ปตท. มาจากส่วนแบ่งเงินกำไรจากบริษัทในเครือ ที่เป็นผลจากเม็ดเงินที่ ปตท. เพิ่มการลงทุนในบริษัทในเครือทั้งสายการกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ทำให้บริษัทในเครือที่ประสบปัญหาตั้งแต่ช่วงปี 2543 และ 2544 สามารถพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาได้ในปัจจุบัน และส่งผลกำไรจำนวนมากกลับมาให้กับ ปตท. ในวันนี้           นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่เป็นธุรกิจหลักของ ปตท.เอง ก็มีกำไรเพิ่มขึ้น เป็นเพราะมีการขายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น (สินค้าในธุรกิจนี้ คือ ก๊าซธรรมชาติ และผลิตภัณฑ์จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ) เนื่องจาก ในช่วง 3-4 ปีหลังแปรรูป ปตท.ได้ลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และก่อสร้างโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 ซึ่งใหญ่ที่สุด ในประเทศไทยแล้วเสร็จเมื่อปลายปี 2547 ทำให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากโรงแยกก๊าซฯออกมาขายได้มากขึ้นถึง เกือบ 50% และนำก๊าซธรรมชาติจากหลุมขึ้นมาขายเพิ่มขึ้นอีก 20%               ถ้า ปตท. ไม่แปรรูปวันนี้รัฐบาลก็เป็นเจ้าของ ปตท. 100% แต่ธุรกิจนั้นอาจจะกำไร 2-3 หมื่นล้านบาท แต่วันนี้ รัฐ / กองทุนของคนไทย ถือหุ้นกว่า 70% ปตท. และบริษัทในเครือมีกำไร 7-8 หมื่นล้านบาท จะเห็นว่าเมื่อแปรรูปแล้ว ปตท. ไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่ทำหลายอย่างให้บริษัทในเครือเจริญเติบโตขึ้นด้วย และที่สำคัญการปรับโครงสร้างหนี้ของไทยออยล์ และ RRC มีผลทำให้หนี้ของประเทศลดลงด้วย ในทางกลับกัน ถ้าไม่ได้ทำ หรือไม่มีกำลังที่จะทำ นอกจากไม่มีวันนี้วันที่รายได้ของทุกบริษัทดีขึ้น และกลับมาสู่ ปตท. แล้ว แต่ธุรกิจเหล่านั้นก็อาจจะไปอยู่ในมือธนาคารต่างประเทศ และจะขายต่อให้ใครก็ไม่มีใครรู้                ปัจจุบัน ปตท.ดำเนินธุรกิจ ในกรอบของกฎระเบียบเดิมเหมือนกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ เหมือนกับโรงกลั่นแห่งอื่นๆ ของเอกชน และเหมือนกับโรงงานปิโตรเคมีของเอกชนอื่นๆ ทุกประการ ดังนั้น การแปรรูปจึงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ ปตท.กลายเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ แต่ต้องประกอบด้วยหลายปัจจัย อาทิ ความยืดหยุ่นในการทำงาน ระบบบริหารงานที่เอื้อต่อการดำเนินงาน พนักงานต้องพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถมองการลงทุนในระยะยาวได้ การลงทุนจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง รอบคอบ และมีการศึกษาอย่างดี บางครั้งจะต้องมีการคิดนอกกรอบ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือจะต้องมีความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงิน และ ท้ายสุดหากต้องการซื้อคืนก็สามารถทำได้ และไม่ว่าก่อน หรือหลังการแปรรูป ความเข้มแข็งของ ปตท. ทั้งที่ผ่านมาและในอนาคตต้องเป็นไปเพื่อความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจของประเทศ โดยยืนอยู่บนการทำธุรกิจที่สมเหตุสมผล และเป็นธรรม จากคุณ : champ_ee85 - [ 22 พ.ค. 50 02:44:51 A:85.181.107.93 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ***นิติภูมิ หลอกได้ เฉพาะ buffalo และแฟนพันธ์แท้ ปชป.เท่านั้น ในกรณีย์ประเทศอาเย็นตินาแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จากคุณ : เต่าทันสมัย2550 - [ 22 พ.ค. 50 02:59:11 A:125.24.6.86 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืม อย่างน้อยไทยไม่เคยทำสงครามกับอังกฤษ กรณีนี้เค้ารู้ป่าวหว่า สงครามครั้งนั้นทำให้เกมส์กระดานชนิดนึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยเชียวนะ จากคุณ : ขยะสังคม - [ 22 พ.ค. 50 03:01:16 A:210.246.81.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 อาร์เจนตินาร์ในปัจจุบันการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศแถบลาติน ไม่ทราบว่าข้อมุลพวกนี้คุณนิติภูมิจะเขียนถึงหรือไม่ในไทยรัฐ จากคุณ : sri123 - [ 22 พ.ค. 50 03:09:16 A:216.119.4.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 นิติภูมิ จอมบิดเบือน อย่าไปเชื่อมันครับ เห็นด้วยครับ การใช้งบมิยาซาว่า เป็นการใช้เงินแบบ "โคตรโง่" จริงๆ จากคุณ : บังอรภิรมย์ - [ 22 พ.ค. 50 04:56:11 A:203.188.9.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 นโยบายเศรษฐกิจของพรรคทรท. งดรายจ่าย "โครงการ30บาทรักษาทุกโรค"ฯลฯ เพิ่มรายได้ "โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์"ฯลฯ ขยายโอกาส "โครงการกองทุนหมู่บ้าน"ฯลฯ ก่อนเขาชอบแบบนี้จึงเรียกว่า"ประชานิยม" จากคุณ : ออกความเห็นด้วยคน .................................................... นี่เเหละครับ.หนึ่งในระบอบทักษิณ( ฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อให้น่ากลัว) แต่ผมชอบเเละยอมรับในผลงาน..นี่เเหละทำไมผมรักทักษิณ จากคุณ : แมงง๊องแง๊ง (woraphan) - [ 22 พ.ค. 50 07:00:31 A:203.146.5.69 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตอนรัฐชวนบริหารได้ยินเสมอๆว่างบประมาณไม่พอ ไม่พอทั้งๆที่ไม่มีโครงการอะไรใหม่ๆ หมดไปกลับค้าจ้างราชการและค่าใช้จ่ายผูกพันที่รัฐบาลเก่าทำไว้     พรรคที่รู้ปัญหาแต่ไม่แก่อะไร พรรคที่เป็นรัฐบาลหลายสมัยแต่โทษรัฐบาลเก่า ตอนทักษิณเข้ามาบริหารประเทศ ประเทศติดลบไม่รู้เท่าไร หนีสินที่รัฐบาลเก่าและเก่ากว่าทำไว้ และไหนจะหนีสินภาคเอกชนอีก     ใช้หนี IMFหมด  โคลงการเกิดใหม่มากมาย ลดรายจ่าย ขยายโอกาสเพิ่มรายได้ ไม่ยืมเงินแต่เป็นประเทศให้ยืมแทนแล้วจะเอาอะไรมาล้มละลายครับ จากคุณ : หลุมดำคืนชีพ - [ 22 พ.ค. 50 07:26:45 A:58.9.186.133 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 ซึ้งหรือยัง  จขกท  ทั้งข้อมูลและเหตุผล  เหมือนกับเวป  ผจก  ไหมเทียบกันไม่ติดฝุ่นใช่ปะ  หรือพวกคอลัมนิส  8 บาทก็ยังเทียบไม่ได้  นี่คือราชเดินคอการเมืองของแท้ๆครับไม่มีบิดเบือนว่าด้วยข้อมูลเหตุผลไม่มีแถ จากคุณ : HITEN - [ 22 พ.ค. 50 07:35:31 A:124.120.211.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 จขกท...เด๋วนี้อาร์เจนตินาเศรษฐกิจไปโล๊ดเลยน๊ะ จากคุณ : come together - [ 22 พ.ค. 50 07:52:25 A:58.64.126.115 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 ปัญหาคือทำอย่างไรที่จะทำให้ข้อมูลต่างๆ ที่เราคุยกันอยู่นี้ออกไปนอกโลกไซเบอร์  นอกพันทิพย์ ได้  เพราะเพื่อน ๆ ที่อยู่ข้องนอกก็ยังพร่ำเพ้ออยู่กับทักษิณโกง เลว ชั่ว ฟัง ดูรายการยามเฝ้าแผ่นดิน อุดมการณ์พวกนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย  จะโพสต์เรื่องพวกนี้ไปให้อ่านก็กลัวใจ   อยากให้มีัใครนำข้อมูล เหล่านี้เผยแพร่ไปทางสื่อสิ่งพิมพ์บ้าง  เพื่อเปิดหูเปิดตาเขาให้รับข้อมูล 2 ด้าน  ไม่ใช่หลับหูหลับตา เชื่อแต่สนธิอย่้างเดียว   พวกเราประจักษ์แจ้งในสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว....แค่นึกว่าจะทำความเข้าใจกับ พวกนี้ยังไงก็เหนื่อยแล้ว จากคุณ : sao..เหลือ..noi - [ 22 พ.ค. 50 08:16:34 A:58.8.169.57 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ข่าวที่เคยอ่านจากสื่ออื่น บอกว่าประเทศอื่นก็ทำเหมือนกันแต่ประสบผลสำเร็จหมด ยกเว้นอาเจนติน่าที่เดียว จากคุณ : kriengchai - [ 22 พ.ค. 50 08:16:53 A:203.127.140.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดิฉันขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์พิมพ์ซะเยอะเพื่อคำตอบ ดิฉันก็เป็นอีกคนที่ก็รู้แค่ดูคลิปที่นิติภูมิพูดเรื่องอาร์เจนติน่าเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาหาความจริง เพราะไม่เชื่อว่าเมืองไทยจะเป็นขนาดนั้น การเสียเวลาอธิบายให้คนไม่รู้ มีประโยชน์ค่ะ อย่ามองทุกอย่างในแง่ร้ายไปหมด ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : บูม.. - [ 22 พ.ค. 50 08:27:00 A:61.19.53.2 X:61.19.53.2, 61.19.53.2 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าจำไม่ผิด ดูเหมือนว่าข้อมูลนี้เป็นแนวคิดของ ร.ต.อ.นิติภูมิ ฯ นะ เค้านำเสนอมานานแล้วนี่ น่าจะเป็นการให้โอกาสคนรากหญ้าให้ได้มีเงินทุนเพื่อเริ่มต้นนะ แต่น่าจะมีส่วนน้อยที่ ไม่เห็นค่าเงินได้มาก็ไปซื้อมือถือ เฟอร์นิเจอร์ อื่น ๆ คงต้องแนะนำด้วย เช่น ของไทย กองทุนหมู่บ้าน ๑ ล้าน หมู่บ้านต้องมีคณะกรรมการ ฯ ที่เข้าใจเจตนาของกองทุน ต้องพิจารณาว่าลูกบ้านที่ขอกู้ กู้ไปทำอะไร ให้เสนอเป็นโครงการ และเมื่อให้กู้ ก็คือพิจารณาแล้วว่าโครงการนั้นเป็นไปได้ และต้องติดตามผลด้วย และการแปรรูปในบางกิจการก็ไม่เห็นด้วยนะ เช่น ที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งรัฐต้องดูแล แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 50 08:41:32 จากคุณ : เสสังมังคลา ฯ (สกุลแก้ว) - [ 22 พ.ค. 50 08:40:00 A:203.144.135.176 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 เคยมีข่าวลงหนังสือหน้าหนึ่ง พ่อแท้ๆยังข่มขืนลูก ในไส้ได้..... ....ครูข่มขืนนักเรียน.... ....พี่ข่มขืนน้อง...ฯลฯ ....แน้นตาม ตรรกของ จขกท ทุกคนมิต้องถูกกล่าวหาว่า เลว หมดรึไง โง่ หรือมีเจตนาแอบแฝง   อ่ะ จากคุณ : แมกไม้สายน้ำ - [ 22 พ.ค. 50 08:41:24 A:192.168.2.101 X:203.121.174.134 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เงินกองทุนหมู่บ้านเนี้ย คนที่ไม่ชอบทักษิณชอบเอามาวิจาร์ณและด่าในเรื่องนี้มาก รู้ว่ากองทุนนี้มีช่องโหว่ตรงที่ว่า ไม่มีใครเข้าไปให้ความรู้และคอยแนะนำชาวบ้านว่าจะต้องเอาไปทำอะไร พอชาวบ้านได้มา ก็เอาไปซื้อทีวี ซื้อมอเตอร์ไซค ซื้อเครื่องใช้ฟุ่มเฟือย ตรงนี้เลยเป็นหัวข้อสนทนาโจ๊กของคนที่เกลียดทักษิณไป ยังก็แล้วแต่ ยังสนับสนุนกองทุนนี้ แต่ควรจะต้องมีการควบคุมและให้ความรู้แก่ชาวบ้านให้มากกว่านี้ ไม่งั้นเงินที่ลงทุนไปก็จะกลายเป็นศูนย์เปล่า จากคุณ : fairy_tells - [ 22 พ.ค. 50 08:53:32 A:125.24.77.123 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบข้อ -3 ก่อน นะ --- ถ้าเป็นประเทศคอมมูนิสต์ก็คงไปห้ามไม่ให้คนค้าขายตามใจได้ แต่นี่ เราเคยเป็นประเทศเปิดเสรีในการค้ากับปททั่วโลก  เราอยากขายของให้ปท ใหญ่ๆ เราก็ต้องเปิดประเทศให้เค้าเข้ามาลงทุนด้วย  ห้างใหญ่พวกนี้ คุณจะไปห้ามเปิดยังไง ในเมื่อเปิดที่ไหน คนไทยเองก็แห่กันเข้าไปซื้อ  ถามคุณซิ  ว่าถ้าถูกห้ามซื้อห้างพวกนี้ ให้ไปซื้อร้านโชวห่วยจะได้อนุรักษ์ความเป็นไทย ??? คุณเอาไม๊.....แต่เราไม่เอาด้วยแน่.....ไหนจะต้องคอยดูอารมณ์คนขาย หยิบเองก็ไม่ได้ หยิบแล้วคืนคนขายก็ก่นด่า หยิบแล้วเปิดไม่เอาก็โดนแช่ง.....................แล้วร้านโชวห่วย กว่าจะขอถุงพลาสติกสักใบ มันทวงบุญคุณแล้วทวงอีก  โชวห่วย สั่งของทีห้าร้อยบาท  ห้างใหญ่ สั่งของทีเป็นตู้คอนเทนเน่อร์ ใครได้งานทำล่ะ คนขับรถบรรทุก คนลากเข็นของ คนขน เป็นต้น   กำไรที่มันหักส่งออกไปเมืองเค้า อ้าว แล้วทีพี่ไทยไปลงทุนปท อื่นแล้วส่งเงินกลับมาเมืองไทยล่ะ..............ฉะนั้น อย่างกเอาแต่ได้อย่างเดียว    แรงงาน..........คุณว่า พนักงานขายในห้าง ติดแอร์ ดีกว่าทำงานโรงงานนรก แอร์ไม่มี เจ้าของโรงงานก็ใช้เกินเวลา ป่วยขาดลาไม่จ่าย จากคุณ : พอดีกว่า (uti) - [ 22 พ.ค. 50 09:03:16 A:151.205.165.183 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชัดเจน มาก ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาพิมพ์ (ยาว) ให้ได้อ่าน ขอบคุณครับผม จากคุณ : ตาแหวง - [ 22 พ.ค. 50 09:07:36 A:124.120.109.157 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 เอาอดีตของคนอื่นมาอ้าง เฮ้อ........................... เหตุผลอยู่ไหนเนี่ย จากคุณ : จอร์ด คนธรรมดา เดินดิน (จอร์ด บางขัน) - [ 22 พ.ค. 50 09:09:00 A:161.200.255.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 อยากเห็นกระทู้แบบนี้ ใน รดน. เยอะๆครับ แม้ส่วนใหญ่หรือบางคนจะเข้าใจแล้ว แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีอีกส่วนที่ไม่เข้าใจและไม่มีโอกาสได้รับรู้ข้อมูล ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีครับ จากคุณ : กระทงทุ่ง - [ 22 พ.ค. 50 09:10:16 A:125.26.20.169 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 http://www.thai4thai.net/document/analysis/Analysis%20Argentina%20Case.htm ตอบได้ทุกคำถามที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับอาเจนติน่าครับ จากคุณ : toy1152 - [ 22 พ.ค. 50 09:12:06 A:210.118.108.254 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 กระทู้นี้ดีจังครับ อ่านแล้วได้แง่มุมมองมากขึ้นกว่าเดิม  ถ้าโหวตได้ผมคงกดโหวตให้แน่นอน  อ่านแล้วสนุกดีครับ  ขอบคุณท่านที่นำข้อมูลมาให้อ่านมาก ๆ ครับ จากคุณ : แบดแมน - [ 22 พ.ค. 50 09:39:31 A:202.183.215.219 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 จขกท หลอกให้คนเค้าหาข้อมูลมาให้ ก็มาอ่านบ้างนะ จากคุณ : ผมเป็นพ่อคนแล้วนะ - [ 22 พ.ค. 50 09:45:43 A:58.147.119.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ....อยากรู้นัก ก็เอาไปเลย...copy เก็บไว้เพรียบ....ใครถามแบบนี้อีก ก็ copy เอามาวาง...ฮ่าๆๆๆๆ ทำไม อาเจนติน่า ถึงเป็นประเทศล้มละลาย 1.เงินสำรองคงคลังหมดประเทศ 2.กู้ยืมเงินจาก IMF เงื่อนไขการกู้ยืมคือการบังคับแปรรูปรัฐวิสาหกิจ 3.เมื่อแปรรูปแล้ว ด้วยสภาวะเศรษฐกิจตอนนั้น ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหุ้น ก็เป็นต่างชาติเข้ามาซื้อไปทั้งหมด และTake Over กิจการทั้งหมด 4.สุดท้าย IMF กองทุนที่ นานาประเทศไม่ควรกู้ยืมเด็ดขาด อาร์เจนติน่า เป็นประเทศเดียวในโลก จาก 80 กว่าประเทศ ที่มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วประเทศล้มละลาย ทำไม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ถึงมีการพัฒนา เศรษฐกิจ ไป นำหน้าไทย ไปกว่า 20 ปี 1.มีโครงการ Mega Project 2.มีโครงการ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ สร้าง Product เพื่อส่งออกนาๆ ประเทศ ซึ่งส่งมายังไทยด้วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติเค้า 3.สามารถแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ระดมเงินทุนจากในประเทศได้มหาศาล สร้างสาธารณูปโภค พัฒนาตัว Mega โปรเจคได้สำเร็จ ภายในเวลารวดเร็ว 4.เร่งพัฒนาการเติบโต ของ GDP ทำให้ สามารถนำหน้าชาติอื่นๆ ใน Asia ได้ ทำไมเวียดนาม จากที่ตามหลังไทย อยู่ 10 ปี ปัจจุบัน นำหน้าไทย ไปแล้ว 5 ปี 1.คนในชาติมีสมัครสมานสามัคคี (ชาตินิยม) เร่งพัฒนาชาติของเขา 2.เร่งระดมเงินจากทั้งในและนอกประเทศ 3.เร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อ ระดมเงินทุน พัฒนาภาคอุตสาหกรรม 4.พัฒนาภาคอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการรณรงค์เรื่องเศรษฐกิจแบบพอเพียง 5.ไม่มีความขัดแย้งภายในสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ในย่านนี้ เหตุผลว่าที่ทำไม นายกทักษิณ ต้องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนัก 1..เร่งพัฒนา ตามแผน Mega Project ตามแบบ ที่ญี่ปุ่น เกาหลี(ใต้) เวียดนามกำลังทำตามอยู่ทำ 2 .เร่งจัดการระบบสาธารณูปโภค ภายในให้ทัดเทียม ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ 3..เร่งตัว GDP สร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ หากมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จริงจะมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง ผลดี 1.พัฒนาประเทศ ให้สามารถเร่งตามเวียดนามได้ทัน ในไม่ช้า 2. แผน Mege Project ตามแบบ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะดำเนินการได้เร็ว เนื่องจากต้องใช้เงินทุนมหาศาล 3. สามารถ สร้างการเติบโต GDP ของประเทศได้ จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ ผลเสีย 1.หากแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะมีนักการเมืองไปถือหุ้นอยู่ ประมาณ ร้อยละ 18 ของหุ้นทั้งหมด นักการเมืองจะได้ประโยชน์ ในส่วนนี้ แดกกันละครับ 2. การแปรรูปส่งผลให้เกิดการต่อต้านของบุคคลที่ไม่เข้าใจ จนลดความเชื่อมั่นของต่างชาติ เหตุผลที่ว่าหากไทยแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้ว จะไม่เป็นประเทศที่ 2 ที่เป็นเหมือนอาเจนติน่า ในบรรดา 80 กว่าประเทศที่แปรรูป 1.ปัจจุบันไทย ไม่ได้เป็นหนี้ IMF เหมือนอาเจนติน่าที่ต้องถูก IMF บังคับแปรรูป 2. ปัจจุบัน ไทยมีกลุ่ม กองทุนต่างๆ ทั้ง วายุภักษ์ และ กองทุนอื่นๆ อีกมากมายที่รอซื้อหุ้น อยู่ รวมถึงนักการเมือง ซึ่งทำให้ต่างชาติ ไม่สามารถซื้อหุ้นรัฐวิสาหกิจได้ 3.การซื้อหุ้นรัฐวิสาหกิจ มีการ Lock ไว้หมดแล้ว ต่างชาติไม่สามารถเข้ามาซื้อได้ คำถาม ทักษิณ ต้องการขายชาติจริงหรือ 1.ขายชาติ VS ทำตามแบบ ญี่ปุ่น กับ เกาหลี 2.ถ้าขาย ทำไมไม่ขายตอนวิกฤต IMF ซึ่งต่างชาติ ให้ราคาหุ้นรัฐวิสาหกิจสูงเป็น 2 เท่าของราคาหุ้น คำถาม ที่หลายคนสงสัย ทำไมต้องขายหุ้น Shin ให้ สิงคโปร์ 1.จากการเติบโตของยอดลูกค้าพบว่า DTAC ORANGE มีการเติบโต แบบรวดเร็วมาก เรียกง่ายๆ ก้าวกระโดด สามารถบีบรถต้นทุนได้ดีกว่า AIS 2.จากการเติบโตดังกล่าว ทักษิณ มองออกทันที อีกไม่กี่ปี ข้างหน้า AIS สู้ DTAC ORANGE ไม่ได้แน่ 3. จัดการขายหุ้น ดังกล่าวทิ้งซะ ให้สิงคโปร์มาซื้อไปและรับเคราะห์ไปแทน 4. บริษัท Shin ก็จ่ายภาษีเข้าประเทศปีนึงเป็น หมื่นล้านอยู่แล้ว... 5.ถามว่าฝรั่งเขาขายหุ้นเสียภาษีปะ..ตอบว่าไม่..เขาก็หาทางไม่เสียภาษีอยู่แล้วเพราะทางกฎหมาย   ทำได้....เออ..นายกไทยคนเดียวในโลกครับ...ที่ขายหุ้นแล้วต้องเสียภาษี..ฮ่า..ฮาดีฟระ...   อายฝรั่งมัน..เดียวมันจะหาว่าคนไทย โง่เน้อ...กำไรที่เข้าบริษัทก็หักภาษีและ...ยังเสียหุ้นอีก... ถามว่า เม็กกาโปรเจ็คให้อะไร... ..การแปรรูป รัฐวิสาหกิจ..ผมว่าดี..จะได้มีการแข่งขัน..((ไม่ใช่การครอบงำจากต่างชาติ))..นี่คือแผ่นดินไทยใครมาเอาไปไม่ได้หลอก เรามีกฏหมายแปรรูป รัฐวิสาหกิจอยู่แล้ว..เมื่อมีการแข่งขัน...ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์....ทันที ..คือ การทำบ้านเมืองให้หน้าอยู่.ต่างชาติเอาเงินมาลงทุนสร้างให้...ทุนที่ มีให้เลือกหลายรายมีการแข่งขัน..เนื่องจากประเทศเขาสร้างจนไม่มีที่ให้สร้างแล้ว...ต้องหา ประเทศกำลังพัฒณา...มาลงทุนเขาจะได้มีรายได้...เข้าบริษัทเขา..เข้าประเทศเขา สร้างเสร็จก็ต้องมีการจ้างงาน..เด็กจบใหม่ก็มีงานทำ ....มีการจ้างงานก่อสร้าง..ชาวบ้านระดับรากหญ้าเข้ามาทำงานก่อสร้าง...ช่วงที่หมดฤดูทำนา ...ทำงาน เก็บเงิน..ส่งกลับต่างจังหวัด..ส่งลูกเรียน..เป็นทุนเพื่อใช้ในการทำเกษตรในฤดูกาลหน้า... ..โรงงานเหล็ก..โรงงานสี...โรงงานผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างทุกรูปแบบ..จะขยายกิจการขึ้น..จะมีการจ่างงานมากขึ้น ช่างเหล็ก ช่างสี ช่างเชื่อม..ทุกคนมีงานทำ..เศรฐษกิจขับเคลื่อน..คนมีเงิน...เงินเหล่านี้จะถูกเก็บและส่งกลับบ้าน ส่วนหนึ่ง..ไว้กิน.ใช้ ส่วนหนึ่ง..และเมื่อมีงานทำไม่ขาด จะมีเงินเก็บ..และกำลังการซื้อจะตามมา ...เมื่อมีกำลังซื้อมากขึ้น....โรงงานต้องเร่งผลิตเพราะมีกำลังซื้อมากกำลังผลิตก็ต้องมาก..มีการแข่งขัน เพื่อส่วนแบ่งมากขึ้น..ราคาก็จะถูกลง.. เมื่อ..ปชช..หาซื้อได้ในราคาถูก...ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของเท็คโนโลยีได้...ทีวีเอย..โทรศัพย์เอย คอมเอย..มากมาย..ปชช..มีขีดความสามารถตามประเทศที่พัฒนาแล้วทัน...มีการลงทุนเพิ่ม จากต่างชาติเกิดการจ้างงาน...รองรับ นศ..ที่จบออกมาใหม่ในแต่ละปี.. ต่างชาติก็นำเท็คโนโลยีใหม่ๆเข้ามาในประเทศ...อาจมีการศึกษา..ต่อยอกเท็คโนโลยี่ ...ชนในชาติเริ่มฉลาดขึ้น...มีการศึกษามากขึ้น..มีการแปรเปรี่ยน..รูปแบบความเป็นอยู่ .วิธีการ ทำการเกษตรรูปแบบใหม่...โดยใช้เท็คโนโลยี่ที่ถูกต้อง...เหมาะสมกับประเทศจะเกิดขึ้น และพัฒนา..ไปเรื่อยๆ..ได้ด้วยตัวของมันเอง และแรงผลักดันจากภาครัฐ..ที่ส่งเสริม ......นักเรียนทุน...ที่เรียนจบจะถูกบรรณจุ..ในหน่วยงานราชการ..เพื่อทำงานใช้หนี้กองทุน เพื่อที่จะให้กองทุนได้มีทุนไปส่งเสริม นักเรียนทุนรายต่อไป หมุนวนไปเรื่อยๆ...เนื่องจาก เศรษฐกิจที่ดี จึงไม่ต้องกังวลว่า นักเรียนทุนจะไม่มีงานทำ..และเบี่ยวค่าเล่าเรียน..... ถึงแม้นจะมีบ้าง..แต่นั้นคือหน้าที่ของรัฐที่ต้องรับภาระเหล่านี้..โดยการหาทุนมาเพิ่ม... โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้...เพราะนี่คือภาระโดยตรงของรัฐที่จะต้องดำเนินการอยู่แล้ว การส่งเสริมการศึกษาของชนในชาติ คือการได้พัฒนา เศรษฐกิจและ สังคม ...นักเรียนทุนส่วนหนึ่งก็จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้กลับไปพัฒนาบ้านเกิดของตน.. พัฒนาท้องถิ่นของตนเอง...นำเท็คโนโลยี่กลับมาและกระจายความรู้..ที่ตนได้รับ..และช่วยส่งเสริม นโยบายของภาครัฐ เมื่อโครงการเม็กกาโปรเจ็คใน พท..กรุงเทพ..เริ่มเต็มก็จะเริ่มขยายออกไปนอกเมือง..การขนส่ง มวลชนประเภทรถไฟฟ้า จะเริ่มถูกหยิบขึ้นมาพิจรณา...กล่าวคือ..ก่อสร้างไปเรื่อยๆ...หมุนมันไปเรื่อยๆ ความเจริญจะถูกกระจายออก..จากส่วนกลางของแต่ละ จังหวัด...สร้างไปครับ อีก100 ปีก็สร้างไม่หมดไม่สิ้น เงินที่ฝรั่งหิ้วเข้ามาจาก ตปท..จะถูกนำมาใช้จ่ายภายในประเทศ...เอาเงินเขามาใช้ก่อน...ระดมทุน...อะไรที่มัน ยาก ก็ง่ายขึ้น...ประเทศไทยใหญ่กว่าญี่ปุ่น..เกาหลี มาเลย์ ปิน..รองก็จีน...สามารถพัฒนาได้นานกว่า ..และง่ายกว่า หากไม่มีพวก อับ ปะ รี มาทำราย จากคุณ : วิญญานพเนจร_2 - [ 22 พ.ค. 50 09:58:18 A:202.62.105.155 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 จริงๆเขาอธิบายกันเป็นร้อยๆรอบแล้ว ก็ยังอุตสาห์มีคนเชื่อโดยไม่หาข้อมูลเพิ่มเติมแฮะ จากคุณ : I_Feel_Control - [ 22 พ.ค. 50 10:06:35 A:203.150.234.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 อยากจะรู้มันอยู่ยังไง กินอะไรถึงได้โตมา กินกิ่งไผ่ ใบไม้ ยอดหญ้า หรือกินพิซซ่าเหมือนว่ากับโค้นนนนนนนนนน มันกินอะไรน้ออออ จากคุณ : kobee - [ 22 พ.ค. 50 10:55:00 A:58.10.140.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 คนที่คุณกล่าวถึงคนนี้  เป็นแฟนคอลัมน์นิสนิติภูมิอย่างแน่นอน  แนวความคิดแบบเดียวกันแด๊ะ จากคุณ : ซาเจิ้น (ซาเจิ้น) - [ 22 พ.ค. 50 11:13:48 A:124.120.118.167 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องห้างต่างชาติไม่ว่าจะเป็นห้างใด  มันเป็นลักษณะบริษัทร่วมต่างชาติหรือเปล่า  หาทางโวยวายว่า  บริษัทพวกนี้เอาเปรียบ  คงไม่ยุติธรรมนัก  เท่าที่เห็นและเคยค้าโชวห่วยมา  ห้างพวกนี้ขายสินค้าราคาถูกจนสามารถซื้อมาขายโชวห่วยได้   ประชาชนได้รับประโยชน์สูงเพราะได้ใช้สินค้าคุณภาพโดยตรงจากบริษัทที่ผลิต  หากสินค้าไม่มีคุณภาพฟ้องร้องได้  ส่วนร้านโชวห่วยส่วนหนึ่ง  มีสินค้าเก่าเก็บ  เอเย่นต์ส่งของไม่มีมาตรฐานสินค้าขาดคุณภาพไม่มีการฟ้องร้องเพราะเป็นคนกันเอง  วิธีแก้ไขหากโชวห่วยมีคุณภาพชาวบ้านก็จะมาช่วยซื้อ  ทุกอย่างต้องมีพัฒนาการ  โชวห่วยสู้ห้างเปิดทั้งคืนไม่ได้มากกว่า  ห้างใหญ่ ๆ  ส่วนห้างใหญ่มาเป็นเป็นสาขาเล็กส่งผลให้เกิดการแข่งขันผลดีก็ตกอย่กับประชาชนล้วน ๆ  หากทุกคนมองเหรียญทั้งสองด้านแล้วปล่อยให้กลไกเป็นตามการพัฒนาปรับปรุงจากส่วนตนให้ส่สังคม  ไม่ต้องออกมาปฎิวัติกันดอก  แค่ช่วยกันควบคุมกลไกให้เป็นไปตามกฏหมายและประคับประคองสังคมให้อุดมปัญญาบ้านเมืองก้าวหน้าไปกว่านี้แล้ว จากคุณ : ct393 (ct393) - [ 22 พ.ค. 50 11:28:37 A:124.120.120.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ ได้อ่านแล้วรู้ว่าทีหลังอยากถามข้อมูลก็ควรมาหาที่นี่หละครับ #6 ขอบคุณมากครับ จะพยายามอ่าน #25 แจ่มแจ้งครับ ต้องการคนอธิบายอย่างนี้เหมือนกัน ส่วนเวบผจก.ผมไม่เคยเข้าเลย เพราะรู้สึกว่ามันอ่านไปก็ไม่ได้ไรมากกว่าครับ #29 เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ หลังๆมานี่ผมไม่ค่อยเข้ามาอ่านเท่าไหร่เพราะมีแต่กระทู้ทะเลาะกัน #39 ตามมารายงานตัวแล้วครับ ตื่นสาย เหอๆ เพิ่งตื่นเนี่ย แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 50 11:39:20 จากคุณ : FranCVien - [ 22 พ.ค. 50 11:29:33 A:125.27.78.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 เลิกอ่าน นิติภูมิ นานแล้วครับ นายคนนี้ เป็นคนทำลายชาติ   สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง พอ ๆ กับลิ้ม เขาเคยบอกในบทความว่า เขากำลังมองหา ศาสนาที่เป็นที่พึ่งที่แท้จริงอะไรสักอย่าง ผมอ่านหลายครั้งแล้ว นายคนนี้สนับสนุนอิสลาม เอาใจอิสลาม  แต่ไม่กล้าออกตัวว่าจะเข้าอิสลาม บ้านที่อยู่ปัจจุบัน ก็เป็นชุมชนอิสลามมาก่อน แถวลาดกระบัง   นิติภูมิ  นวรัตน์ ชื่อนี้ไม่ขลังแล้วครับ เลิกอ่าน เลิกให้ความสนใจมานานแล้ว เด๋วนี้ผมอ่านแต่ ขวด แห่งเดลินิวส์ กับเซีย แห่งไทยรัฐ จากคุณ : ชื่อตั้งยาก01 - [ 22 พ.ค. 50 11:54:19 A:10.1.1.24 X:203.155.165.26 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มีเพื่อนน่าคบนะ โง่ complete.. จากคุณ : Tee_japan - [ 22 พ.ค. 50 11:54:37 A:124.25.74.33 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 บางคนที่หลอกด่าผมก็ใจเย็นๆหน่อยครับ ให้อ่านทุกความเห็นของผมก่อน ผมไม่ได้จะอยู่ตรงข้ามกับคุณ ผมมาแบบกลางๆ และอยากจะรู้ข้อมูลครับว่าเป็นมายังไง จากคุณ : FranCVien - [ 22 พ.ค. 50 12:06:58 A:125.27.78.104 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 มีคนอธิบายกันเยอะแล้ว จขกท.คงอ่านจนตาบวมแน่.. เอาง่ายๆ ถ้ามันไม่ดีอย่างที่เพื่อนว่า ทำไมรัฐบาลนี้จึงปล่อยไปตามเดิม ไม่เข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไร แถมยังไปก๊อบปี้นโยบายเขามาอีก.. จากคุณ : จิ๋ม นางเลิ้ง - [ 22 พ.ค. 50 12:48:22 A:203.155.74.69 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 จขกท ครับ สิ่งที่คุณควรกระทำอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการแสดงความรู้สึกขอบคุณต่อเพื่อน ๆ สมาชิกที่เข้ามาช่วยกันตอบและให้ข้อมูลคือ 1. อ่าน "ข้อเท็จจริง" ให้หมด ทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ และเซฟเก็บเอาไว้อ่าน เผื่อลืมครับ 2. เล่า "ข้อเท็จจริง" ที่คุณได้รับทราบและเข้าใจดีแล้ว ให้เพื่อน ๆ หรือคนรู้จักของคุณที่ยังเข้าใจผิดอยู่ได้ทราบ เพื่อกระจายข้อมูลที่ถูกต้องออกเป็นวงกว้างต่อไป ป.ล. คุณเข้าใจถูกต้องแล้วครับ อยากได้ข้อมูลอะไรที่ "เป็นกลาง" ให้มาหาที่ รดน นี่แหละครับ พวกที่มันกล่าวหาว่าพวกเราเป็นวอร์รูม ส่วนใหญ่เป็นพวกขายชาติแต่ปากลั่นว่ากู้ชาติทั้งนั้นล่ะครับ จากคุณ : ทอฟฟี่สีน้ำเงิน - [ 22 พ.ค. 50 13:54:30 A:203.146.150.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 จขกท   ตาม ทุกความคิดเห็นเลยอะ   ปริ้นให้เพื่อนอ่านด้วยจะได้หาย...ไม่รู้อะกิ้วๆบาย จากคุณ : roen_bt - [ 22 พ.ค. 50 17:44:53 A:124.157.211.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ฟังที่เขาบอกก็ชัดเจนว่าอ่านเอามาจากนายนิติภูมิ จากคุณ : ป้อม (Bgate) - [ 22 พ.ค. 50 18:39:09 A:124.120.72.206 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 โอๆๆ... เป็นกระทู้ที่ดีมากๆ เลย ดิฉันเข้ามาที่นี่ ก็หลังๆ เรื่องพวกนี้แล้ว ก็พอหาคำตอบได้บ้าง แต่ทู้นี้ สุดยอดดดดด ขอบคุณทั้งคนถาม และสำคัญอย่างยิ่ง ขอขอบคุณจากใจทุกท่านที่เข้ามาตอบ หลายๆ ท่านเลย เอ่ยนามแทบไม่ไหว คุณมิตรภาพอาบยาพิษ, คุณchamp_ee85, และคุณวิญญานพเนจร-2 ยาวมากๆ เลย ขอเซ็ฟไว้อ่านต่อ ง่วงแระ ไม่เข้ามาอ่านทู้นี้ เสียใจแย่เลย แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 50 02:01:20 จากคุณ : aruka - [ 23 พ.ค. 50 02:00:50 A:125.24.73.181 X: ]