คุณ สราวุธ เบญจกุล โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม
ให้สัมภาษณ์ไทยโพสต์ฉบับแทบลอยด์ไว้เมื่อ 13 พค.50
เกี่ยวกับ ตุลาการภิวัฒน์
ขอตัดทอนมาบางส่วน ที่น่าสนใจ
ฉบับเต็มต้องไปที่ http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=13/May/2550&news_id=142187&cat_id=220100
................................
"คตส. 3 ท่านยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้พิพากษา ถามว่าผู้พิพากษาสบายใจไหม ไม่สบายใจ เราก็เป็นห่วง แต่เราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะ คปค.ประกาศว่าที่กฎหมายห้ามเอาไว้ให้ทำได้ ถ้าเรื่องนี้เอาเข้า กต. กต.ไม่อนุญาตให้ทำหรอก เพราะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเขา แล้วคดีเข้ามาสู่ศาล มันขัดกับหลักการ คุณสอบเองตัดสินเอง ไม่ได้ ถึงคนตรวจาสอบไม่ใช่คนตัดสิน แต่สังคม ประชาชนจะเชื่อมั่นในระบบศาลได้อย่างไร"
"เขาเจตนาดี หวังดีต่อประเทศ แต่มันไม่ควรจะทำอย่างนั้น เอาศาลเข้าไปแปดเปื้อนด้วย แล้วมันแก้ได้จริงหรือเปล่าที่ทำอย่างนั้น เอาผู้พิพากษาไปเป็นรัฐมนตรี เป็น คตส. ป.ป.ช แล้วมันดีขึ้นหรือยัง ผมว่ากลไกระบบมันต้องวางหลักให้ถูกก่อน ถ้าหลักผิดก็เหมือนกลัดกระดุมผิด"
"ต้องเน้นว่าอดีตผู้พิพากษาเข้าไปร่าง แล้วท่านก็ไม่เคยถามพวกเราเลยว่าท่านต้องการหรือเปล่า ไม่มี ไม่เคยถาม ถ้าถามมาก่อนผมว่าคงไม่มีอยู่ในร่าง"
โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวถึงอดีตตุลาการที่เข้าไปร่างรัฐธรรมนูญว่าต้องถือว่าพ้นจากการเป็นผู้พิพากษาแล้ว
ในรัฐบาลนี้อดีตประธานศาลฎีกาก็ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
"ท่านพ้นจากตำแหน่งผู้พิพากษาไปแล้ว ใครจะไปเล่นการเมือง อดีตผู้พิพากษาไปเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างท่านอ.สัญญา ท่านอ.ธานินทร์ ท่านก็พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ผู้ที่ยังเป็นผู้พิพากษาอยู่ในปัจจุบันจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยตรงหรือแม้แต่ที่ปรึกษาไม่ได้ เพราะมันจะกระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าท่านพ้นไปแล้ว ผู้พิพากษาก็ยินดีด้วยถ้าท่านจะไปเป็นนายกฯ"
ครั้งนี้มีตุลาการเข้าไปร่วมงานกับคณะรัฐประหารเยอะมาก เยอะกว่าทุกครั้ง
"ท่านเหล่านั้นท่านพ้นไปแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็น กกต. ก็ดี เป็น ปปช. คตส. ก็ดี แต่มีคตส. 3 ท่านยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้พิพากษา ถามว่าผู้พิพากษาสบายใจไหม ไม่สบายใจ เราก็เป็นห่วง แต่เราต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพราะ คปค.ประกาศว่าที่กฎหมายห้ามเอาไว้ให้ทำได้ ถ้าเรื่องนี้เอาเข้า กต. กต.ไม่อนุญาตให้ทำหรอก เพราะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเขา แล้วคดีเข้ามาสู่ศาล มันขัดกับหลักการ คุณสอบเองตัดสินเอง ไม่ได้ ถึงคนตรวจสอบไม่ใช่คนตัดสิน แต่สังคม ประชาชนจะเชื่อมั่นในระบบศาลได้อย่างไร ส่งผู้พิพากษาไปสอบสวน เอาผู้พิพากษาไปเป็นตำรวจด้วยไหม สอบเสร็จแล้วมาฟ้องศาล แม้ศาลจะลงโทษ เขาก็อาจจะไม่สนิทใจ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม มาตรา 59 เขาห้ามอยู่แล้วชัดเจน กำหนดเลยว่าห้ามไปประกอบอาชีพอย่างอื่น แม้แต่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานของรัฐ อย่างนี้ขัดต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลโดยตรง"
คตส. 3 คนที่ยังเป็นผู้พิพากษาได้แก่ อุดม เฟื่องฟุ้ง, อำนวย ธันธรา, จิรนิติ หะวานนท์
"เมื่อคดีมาถึงศาล ท่านเหล่านี้ตัดสินคดีไม่ได้ แต่เราก็ไม่สบายใจ"
ประเด็นนี้ก็เคยมีการวิจารณ์ คตส.
"ใช่ ถามว่าในความรู้สึกองค์กรจะให้เราทำยังไง นี่เราต้องพูดบ้างเพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าสิ่งที่คุณให้อำนาจเรามา บางครั้งไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ"
เขาคิดว่าจะดึงศาลเข้าไปกวาดล้างการเมืองสกปรก
"เขาเจตนาดี หวังดีต่อประเทศ แต่มันไม่ควรจะทำอย่างนั้น เอาศาลเข้าไปแปดเปื้อนด้วย แล้วมันแก้ได้จริงหรือเปล่าที่ทำอย่างนั้น เอาผู้พิพากษาไปเป็นรัฐมนตรี เป็นคตส. ป.ป.ช แล้วมันดีขึ้นหรือยัง ผมว่ากลไกระบบมันต้องวางหลักให้ถูกก่อน ถ้าหลักผิดก็เหมือนกลัดกระดุมผิด"
ก่อนหน้านี้ในคดี กกต. ก็เกิดคำถามในสังคม เพราะอาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล ออกมาเรียกร้องให้ กกต.ลาออก แต่ กกต.ไม่ออกจนกระทั่งศาลตัดสินและไม่ให้ประกัน
"ในขณะนั้นเราก็พูดเสมอว่า อ.จรัญเป็นตัวแทนของประธานศาลที่มาประชุมกัน แต่ว่าตัวประธานเองก็ยังไม่สามารถสั่งผู้พิพากษาให้ตัดสินอย่างไรได้ จะยกฟ้อง จะลงโทษ ทำไม่ได้ เพราะว่าผู้พิพากษาจะต้องตัดสินตามข้อเท็จจริงในสำนวน พยานหลักฐานต่างๆ ไม่ใช่ว่าจะรับคำสั่งจากประธานมาตัดสิน เราไม่เคยทำอย่างนั้นเลย วงการผู้พิพากษา และถือเป็นกติกามารยาทที่รู้กัน ถ้าทำอย่างนั้นในแวดวงผู้พิพากษาจะไม่ยอมรับและจะแอนตี้ จะบอยคอตในทางสังคมด้วย"
แต่ในสายตาประชาชนก็มีคำถาม
"ถ้าประชาชนหรือคนทั่วไปจะเข้าใจอย่างไรเราก็ห้ามไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เราถึงออกมาแถลง เพราะอะไร เพราะเราไม่อยากให้คนเข้าใจผิดว่าบางเรื่องเป็นสิ่งที่ศาลต้องการ เรียกร้องแสวงหาอำนาจเหรอ ไม่ใช่ เราต้องการประกาศจุดยืนเราให้ชัดเจน ขณะเดียวกันถ้าศาลออกไปทำหน้าที่อย่างอื่น ไปสรรหาใคร คนก็จะเข้าใจผิดว่าศาลเลือกคนของศาลไป ถ้าทำอะไรก็ต้องถูก พวกของศาลเองเลือกเข้าไปแล้ว เวลาไปฟ้องศาลก็ให้ชนะคดีหมด ถึงแม้ว่าเขาชนะโดยเนื้อหาของเขา แต่ประชาชนก็คลางแคลงใจ ระบบมันก็จะเสีย"
ดูเหมือนมันเป็นไปแล้วบางส่วน
"ส่วนที่เป็นไปแล้วมันก็ต้องเป็นไป ถ้าประชาชนคิดอย่างนั้นนะ แต่ว่าสิ่งที่เราป้องกันได้ในอนาคตข้างหน้า เราก็ต้องมองกันว่าจะต้องทำอย่างไรไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น จะเห็นว่าผมในฐานะโฆษกผมไม่เคยแถลงในเรื่องคดีอย่างโน้นอย่างนี้เลย เพราะอะไร เพราะเกรงว่าจะไปกระทบต่อการตัดสินใจ การพิจารณาคดีของท่าน ท่านชี้ออกมาอย่างนี้-เห็นไหมโฆษกชี้ออกมาอยางนี้ แสดงว่าโฆษกมีอิทธิพลโน้มน้าวให้ศาลตัดสินอยางนั้นอย่างนี้ด้วย ไม่ใช่"
ที่เป็นไปแล้วคือการที่คนจากฝ่ายตุลาการเข้าไปอยู่ในองค์กรต่างๆ ในการต่อสู้ระหว่างสองขั้วอำนาจ คนจากฝ่ายตุลาการเข้าไปอยู่ในกลไกนั้น
"ผมถึงเน้นว่าผู้พิพากษาต้องมีความเป็นกลาง เราไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเขาก็จะทำให้เราเป็นข้างนั้นข้างนี้ ภาพความเป็นกลางของศาลก็จะเสียไป ความเสียหายก็จะเกิดขึ้น ความเชื่อมั่นของประชาชนในความเป็นกลางของศาลก็จะหายไป เราถึงบอกว่าสิ่งเหล่านั้นที่ท่านออกไปทำในขณะนี้ท่านออกไปในฐานะที่เป็นอดีตผู้พิพากษา ทำในฐานะของฝ่ายบริหาร ตามบทบาทหน้าที่ของท่าน"
จากคุณ :
จิ๋ม นางเลิ้ง
- [
28 พ.ค. 50 15:42:13
A:203.155.74.69 X:
]