คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคการเมือง 4 พรรค รวมทั้งพรรคไทยรักไทยนั้น ยังคงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกยุบทุกคน โดยอาศัยบทบัญญัติตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ประกาศ คปค.) ฉบับที่ 27 ข้อ 3 ซึ่งเป็นประกาศที่ออกมาภายหลังการกระทำความผิดของพรรคการเมืองที่ตกเป็นผู้ถูกร้องล่าสุด ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา และอดีตประธานคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญหลายสมัย ออกมาวิพากษ์คำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ "รุ่นน้อง" อย่างเผ็ดร้อน พร้อมเหตุผลประกอบที่น่าสนใจไม่น้อย ประเด็นที่ดูจะคาใจอดีตประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญผู้นี้มากที่สุด ก็คือการที่ตุลาการรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบันวินิจฉัยให้การกระทำผิดของบุคคล เป็นการกระทำความผิดของพรรค และยังลงโทษคณะกรรมการบริหารพรรคทุกคนโดยใช้หลัก "สันนิษฐานว่ารู้เห็นกับการกระทำความผิด"
"จริงๆ แล้วถ้าผู้บริหารพรรคการเมืองคนใดกระทำผิด ต้องถือเป็นการกระทำของบุคคลนั้น เหมือนกรณีบริษัท ถ้ากรรมการบริษัทคนไหนโกง ก็ต้องเอาผิดเป็นรายบุคคล ไม่ใช่ไปยุบบริษัท หรือลงโทษกรรมการบริษัททุกคน เพราะหากกรรมการคนไหนพิสูจน์ได้ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ก็ไม่ต้องรับผิด นี่คือหลักการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ยึดถือกันมาตลอด" ศ.ดร.อุกฤษ ระบุ และว่า
"การพิจารณากรณีที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครอง ต้องมองไกล และต้องตีความอย่างเคร่งครัดโดยยึดหลักนิติธรรมที่เรากำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแทบทุกฉบับ นั่นก็คือต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาคือผู้บริสุทธิ์ แต่คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญกลับไปสันนิษฐานว่ากรรมการบริหารพรรคทุกคนต้องรู้เห็นกับการกระทำความผิด ซึ่งผมคิดว่าเป็นการพิจารณาที่สวนทางกับหลักนิติธรรม ทุกอย่างจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานและนักเรียนกฎหมายได้ศึกษากันต่อไป"
จากคุณ :
คนคม
- [
8 มิ.ย. 50 16:27:33
A:124.157.130.204 X:
]