สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่เคารพรัก
เมื่อสองวันนี้ คณะคตส. ซึ่งตั้งโดยคณะปฏิวัติ โดยประกอบด้วยบุคคล ซึ่งที่ไม่ชอบผมทั้งสิ้น และบางคนก็มีการขัดแย้งกันมาโดยตลอดทางการเมือง ตั้งแต่ผมยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินของผมและครอบครัว ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ทำมาหากินด้วยความยากลำบากกว่า 20 ปี ซึ่งปรากฏชัดว่า ทรัพย์สินเหล่านั้นเกิดจากการขายกิจการของครอบครัว
ข้อหนึ่งที่คตส.กล่าวอ้าง บอกว่า หุ้นที่มีมูลค่าสูงขึ้นของชินฯ เป็นเพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี ความจริงมันถูกแค่เพียงครึ่งเดียว เพราะข้อเท็จจริงแล้วหุ้นทั้งตลาดหลักทรัพย์ขึ้นหมด ซึ่งเกิดจากการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาในประเทศไทย มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขึ้นมาจาก 1.5 ล้านล้านบาท ขึ้นมาถึง 5 ล้านล้านบาท ราคาหุ้นบริษัทต่างๆ ขึ้นมาแทบทุกบริษัท ไม่ว่าจะเป็นหุ้นที่พล.อ.เปรม เป็นที่ปรึกษา ธนาคารกรุงเทพ กลุ่มซีพี กลุ่มคุณเจริญ หรือรัฐวิสาหกิจของไทย หรือกลุ่มที่ให้การสนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หุ้นขึ้นทั้งหมด เพราะว่าเศรษฐกิจดี ตลาดหลักทรัพย์ดี ดัชนีขึ้นจาก 200 กว่าจุด ขึ้นมาเป็น 700 กว่าจุด หุ้นกลุ่มชินฯที่ขึ้นก็ขึ้นในอัตราเฉลี่ยของทั้งตลาด ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่คตส.บอกว่าผมร่ำรวยผิดปกติ ถ้าอย่างนี้ต้องอายัดทรัพย์เจ้าของบริษัททั้งตลาดด้วยใช่หรือไม่
และคตส. ก็บอกว่าเงินผมที่ขายหุ้น 7 หมื่นกว่าล้านบาท เหลือ 5 หมื่นกว่าล้านบาท มีการยักย้ายถ่ายเท เอาอะไรมาพูดครับ คำว่ายักย้ายถ่ายเท หมายถึงว่า เอาไปใส่ชื่อคนนั้นคนนี้ แต่นี่เป็นการที่ครอบครัวเก็บเงินสดได้มาเยอะก็ต้องเอาไปลงทุน(หลักการกระจายความเสี่ยง) ไม่มีใครสำหรับการลงทุน ที่เรียกว่าเอาไข่ไปไว้ในตระกร้าเดียวกัน ถ้ามีอะไรแตกก็หมด ไม่เหลือ เขาก็แบ่งเอาไปลงทุนที่ดินบ้าง เอาไปลงทุนหุ้นบ้าง ลงทุนในบริษัทต่างๆ บ้าง ลงทุนในประเทศบ้าง เอาไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง นี่คือรูปแบบการลงทุนธรรมดา ซึ่งตรวจสอบได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็สามารถตรวจสอบได้ ทุกอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับทึกทักว่า ร่ำรวยผิดปกติ เพราะหุ้นขึ้น เอาเงินไปลงทุนก็บอกว่ายักย้ายถ่ายเท นี่คือ สิ่งที่เป็นการทั้งหมิ่นประมาท และเป็นการพิจารณาที่ขาดทั้งคุณธรรม จริยธรรม และหลักนิติธรรม
พี่น้องครับ ผมถูกกลั่นแกล้งในทางการเมืองมาโดยตลอด ทั้งครอบครัว ไม่เคยคิดว่า ครั้งหนึ่งที่เราทุ่มเททำมาหากิน กันมาทั้งชีวิต บางครั้งผมก็ลำบาก ตอนช่วง ผมไม่มีเงินผมลำบาก ผมผลัดหนี้ ผมเช็คเด้ง ต้องขึ้นศาล ต้องแลกเช็คเสียร้อยละ 5 ต่อเดือน ร้อยละ 3.25 ต่อเดือน เพื่อดำรงให้ธุรกิจอยู่รอด จนตั้งตัวขึ้นมา ถ้าผมไม่รอด ผมติดคุก เพราะไม่มีสตางค์จ่าย ก็คงไม่มีใครรู้จักผม แต่พอผมรอด ผมมาถึงวันนี้ เมื่อผมมีฐานะดีแล้ว ผมก็คิดว่า ผมควรจะตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ผมเคยเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ผมปฏิญาณตนว่าจะจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เมื่อเป็นนักเรียนทุนของรัฐบาล ก็เป็นเงินภาษีอากรจากประชาชน ผมสำนึกถึงบุญคุณเหล่านี้
ผมถึงได้อาสามาทำงานการเมือง เมื่อผมทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมทุ่มเทอย่างสุดชีวิต เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อชาติ เพื่อเรียกร้องให้ความน่าเชื่อถือกลับคืนมาหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลผมสามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปี เป็นที่ยกย่องไปทั่วโลก เมื่อมีเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ พวกเราก็ทุ่มเทกัน จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ว่าประเทศไทยได้จัดการเรื่องนี้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศที่ประสบปัญหาเดียวกัน มีโรคซารส์ มีโรคหวัดไข้นกระบาด เราก็ช่วยดูแลกันเต็มที่ พี่น้องประชาชนมีปัญหายาเสพติด เราก็ช่วยกันปราบปราม ปัญหาภาคใต้เราก็พยายามทำ ถึงขนาดนั้นก็ยังมีคนคัดค้าน จนในที่สุดวันนี้ยิ่งแย่กว่าเดิม จนวันนี้การแบ่งแยกดินแดนยิ่งมากกว่าเดิม แต่ไม่ยอมพูดความจริงกัน
พี่น้องครับ ผมถูกกลั่นแกล้งในทางการเมืองมา ตั้งแต่ผมยังเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าเข้ามาแทรกแซงในระบบราชการ ที่ผมสั่งงาน และสั่งการไม่ได้ แทรกแซงระบบกระบวนการยุติธรรม และวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นปรากฏชัด เขาตั้งธงไว้ 1.ให้ผมพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่พ้นดีๆ ก็ต้องถูกลอบฆ่า ในที่สุดก็จับได้หลักฐานชัดเจน ตำรวจสั่งฟ้อง อัยการศาลทหารรับฟ้อง แต่เรื่องก็ยังเงียบอยู่ พอผมไม่ตาย ผมเดินทางมาราชการต่างประเทศ มาทำงานเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง ก็แอบปฏิวัติลับหลัง เมื่อปฏิวัติเสร็จ ผมได้ข่าวมาตลอดว่าจะดำเนินคดี ตั้งข้อหาผมและครอบครัว แล้วก็จะหาเรื่องให้ได้ เพื่อจะเอาผมติดคุก จะหาเรื่องให้ได้เพื่อจะอายัดทรัพย์ผม แล้วก็จะยุบพรรคไทยรักไทย จะห้ามเล่นการเมือง ผมก็ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว
แต่วันนี้สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดครับว่า การอายัดทรัพย์ครั้งนี้ เพื่อต้องการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ผมไม่มีสตางค์แล้ว นักการเมืองทั้งหลายอย่าไปรวมกันอยู่ในฝั่งไทยรักไทย เพราะขณะนี้กำลังจะกำหนดว่าใครจะเป็นรัฐบาลครั้งต่อไป นี่หรือครับประชาธิปไตย คืนอำนาจให้ประชาชนเถอะครับ อย่าบังคับประชาชน ให้ประชาชนเขาตัดสินใจ ให้เขาเลือก เพราะประเทศของเขา ไม่ใช่ประเทศของพวกท่าน ประเทศของคนไทยทุกคน ที่จะรวมกันว่าจะเลือกใครมาทำหน้าที่ให้เขา ถ้าทำหน้าที่ได้ดีเขาก็เลือกต่อ ถ้าทำหน้าไม่ดีเขาก็ไม่เลือก นั้นคือกระบวนการประชาธิปไตย เราเผด็จการพอกันหรือยัง
เรากำลังนำประเทศถอยหลังไปอีกหลายสิบปี เพราะเรากำลังทำอะไรที่ไร้หลักนิติธรรม เรียกว่าลวงหลอก ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเขาเชื่อถือ ถ้าไม่เชื่อถือแล้ว ก็หมดกันประเทศไทย การลงทุนจากต่างชาติหมด ถามว่าเม็ดเงินเราพอเพียงหรือไม่ที่จะพัฒนาประเทศ ที่จะแก้ปัญหาความยากจนให้กับคนไทย วันนี้ลูกหลานไม่ได้เรียนหนังสือ หวยบนดินก็บอกว่าไม่ถูกต้อง เอาไปลงใต้ดินเอาไปคืนให้กับพันธมิตรทั้งหลาย รัฐบาลเคยกำไรจากหวยบนดินปีละหมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินเหล่านี้มาให้เด็กยากจนได้มีโอกาสเรียนหนังสือ แต่วันนี้หมื่นล้านบาทกลับไปอยู่ในมือเจ้ามือหวยใต้ดินหมดแล้ว ถามว่าอย่างนี้ถูกต้องใช่มั๊ยครับ และสิ่งที่ผมทำอะไรก็ไม่ถูกซักอย่าง
ฉากต่อไปของการกลั่นแกล้ง คือ จะให้ผมเข้าคุก แล้วเรื่องทุกเรื่อง หาเรื่องทั้งนั้นครับ คนที่ไปให้การก็พยายามถามนำแล้วบังคับให้เขาตอบเพื่อมาซัดทอดผมให้ได้ เขาไม่ซัดทอดก็โยงมาเพื่อให้เขาซัดทอดให้ได้ ผมเจอหลายคนที่ถูกตรวจสอบ เขาก็มาบอกผมว่าพยายามเหลือเกิน
จริงๆ แล้ว การทำงานของนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้กำหนดนโยบาย ไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ปรากฏว่าความผิดต้องเป็นผมให้ได้ เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรมที่สุด
พี่น้องครับ ผมจะต่อสู้เพื่อเรียกศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิคืน แต่แค่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญครับ เรื่องสำคัญกว่านั้นก็คือว่า เพื่อจะเรียกความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรม และกฎหมายไทยคืน ถ้าไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะไม่ได้รับความเชื่อถือเลย แล้วประเทศเราจะล่มจมเสียหายในที่สุด
เราจะนำประเทศถอยหลังไปอีกเป็นสิบๆ ปี เพียงเพื่อสะใจ เพื่อให้คนๆ หนึ่ง หรือคนกลุ่มหนึ่งสะใจที่ได้ชนะแค่ผม ผมคนเดียว จะจัดการผมคนเดียว โดยเอาประเทศทั้งประเทศเป็นเดิมพันอย่างนั้นหรือ ความน่าเชื่อถือประเทศเป็นเดิมพันอย่างนั้นหรือ ความไม่มีประชาธิปไตยของประเทศเป็นเดิมพันอย่างนั้นหรือ
ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับมานาน แต่วันนี้ท่านทั้งหลายกำลังทำประเทศถอยหลังมาก สิ่งที่ท่านเคยว่าผมวันนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ท่านทำยิ่งกว่าที่กล่าวหา เรื่องภาคใต้ก็แย่ลง เรื่องคอรัปชั่นก็เต็มไปหมด รัฐวิสาหกิจก็ร้อง ผู้รับเหมาก็ออกมาโวยวาย ไปรีดไปไถเขา แม้กระทั่งรายการโทรทัศน์ก็ยังโดย ปิดกั้นสื่อ วันนี้ท่านไม่ได้ปิดกั้น แต่เขาเรียกว่าบังคับ บางครั้งจอขาว หยุดออกอากาศดื้อๆ ผมโทรศัพท์เข้าไปในรายการหนึ่ง ความจริงแล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะโทรศัพท์ เพราะเขาต่อสายเข้ามาขอพูดสายด้วย ผมเห็นว่าเขาให้กำลังใจ ก็เลยพูดตอบโต้ไป ก็ไปปิดสถานีวิทยุของเขา อย่างนี้เขาเรียกว่าปิดกั้นหรือเรียกอะไร...?
............................ มีต่อครับ ...............................
จากคุณ :
ฝนเหนือ
- [
15 มิ.ย. 50 23:23:18
A:85.17.1.25 X:
]