ความคิดเห็นที่ 5 . ขออภัยที่ความต่อเนื่องของกระทู้ไม่ประติดประต่อกัน เครื่องคอมฯ ของเราทำงานอืด...มันคงเหนื่อย เหมือนเจ้าของของมัน ที่เหนื่อยทั้งกายและใจ   เหนื่อยเหลือเกิน........... ไปอ่านข่าวเพิ่มเติมจากที่นี่..... http://webboard.mthai.com/5/2006-04-06/219702.html . . . . . 10.เราจะรวมพลังกันต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพอย่างเข้มแข็งบนพื้นฐานหลักการแห่งจริยธรรมและความถูกต้อง เราเชื่อมั่นว่า เสรีภาพของสื่อคือเสรีภาพของประชาชน และการคุกคามสื่อคือการคุกคามประชาชน คุกคามประชาธิปไตย และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์สังคมประชาธรรม 11.เราขอให้ทุกฝ่ายเคารพและร่วมกันแปรเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 39, 40, 41 และ 42 ให้เป็นจริงทั้งทางอุดมการณ์และทางปฏิบัติ 12.เราขอประกาศเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอต่อสาธารณชนอย่างตรงไปตรงมา และทำหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบพัฒนาการทางการเมืองจากคำมั่นสัญญาของผู้มีอำนาจทางการเมือง ในการที่จะปฏิรูปการเมืองภายหลังการเลือกตั้งว่า ให้มีความจริงใจในการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เป็นสำคัญ 13.เราจะธำรงไว้ซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสาร โดยตระหนักถึงความรับผิดชอบ ยืนยันหลักการของการควบคุมและตรวจสอบสื่อมวลชนด้วยกันเอง และจะปฏิรูปสื่อมวลชนให้ทำงานโดยตระหนักถึงจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป จึงประกาศเจตนารมณ์ดังกล่าวข้างต้นนี้ให้ทราบทั่วกัน แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 15:04:25 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 14:48:42 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ณ เวลาที่ประชาชนทั้งหลาย ที่พอจะรวบรวมพลังที่เล็ดรอดเหลือจากการปิดกั้น ทั้งจากข่าวสารที่ควรจะได้รับรู้ และการตั้งด่านสะกัดกั้นในทุกสารทิศ ไม่ให้สามารถมารวมตัวกันได้...... เพื่อมารวมพลังกันขับไล่พวกกบฎ ค.ม.ช. และเรียกร้องประชาธิปไตยกลับคืนมา พวกสื่อฯ เลวทั้งหลายกลับพากันเมินเฉยต่อเจตนารมณ์ ที่พวกมันประกาศต่อสาธารณชนอย่างไม่นึกละอายแก่ใจ พากันลงข่าวบิดเบือน เหน็บแนม กระแนะกระแหนกับการชุมนุมของประชาชน อย่างที่ไม่น่าเชื่อว่า ...นี่คือผู้ที่เรียกตัวเองว่า "สื่อสารมวลชน" ลองอ่านข่าวพวกนี้ดูสักนิด http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=174235 ม็อบขับไล่คมช. แผนดีไม่มีโชค ฝนถล่มแพ้น็อก โพสต์ทูเดย์ — ม็อบ นปก.เคลื่อนพลบุกหน้า บก.ทบ. ขู่ฟุ้งก่อนเคลื่อน คมช.ไม่ลาออกไม่สลาย เจอฝนกระหน่ำม็อบกระเจิง แกนนำสั่งถอยกลับสนามหลวงหมดรูป แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้เคลื่อนผู้ชุมนุม ประมาณ 4 พันคน จากท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. เวลา 14.30 น. มุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการกองทัพบก เพื่อทวงคำตอบตามข้อเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ลาออก อีกสักข่าว.. คนเหนื่อยใจชุมนุมประท้วง http://www.posttoday.com/topstories.php?id=174325 แอแบคโพลล์ เผยปชช.59.4 เหนื่อยหน่ายใจการชุมนุมประท้วง และความขัดแย้งทางการเมือง แต่ยังมีความสุขรับข่าวการเลือกตั้งใหม่ แต่กังวลใจต่อกรณีสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 15:06:14 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 15:03:19 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 15:00:00 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทั้งข่าวทีวี.... บรรดาพิธีกรอ่านข่าวต้นทุน 8 บาท พากันใส่สีตีข่าว ด้วยความเห็น และสีหน้าท่าทางเยาะเย้ยถากถาง ดูเหมือนพวกเขามีความสุข และเต็มใจขานรับกับระบบเผด็จการทหารในยุคนี้ซะเหลือเกิน...... . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 15:11:33 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 สื่อมารชน สื่อมารชั่ว สื่อมารโจร จากคุณ : วางไว้ - [ 24 มิ.ย. 50 15:25:53 A:210.86.214.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 วันนี้ลองมาเปิดใจกว้าง มาฟังความเห็นของนักข่าวที่เป็นนักข่าวจริงๆ เป็นนักข่าวที่ติดตามนักการเมือง ไม่ใช่เป็นพวกนักข่าว หรือบรรณาธิการข่าวที่นั่งอยู่ในสำนักงาน คอยตัดต่อข่าวโดยไร้จรรยาบรรณ เพียงเพื่อให้ขายข่าวได้ ความเห็นที่จะอ่านต่อไปนี้มีทั้งด้านดี และไม่ดี ของรัฐบาลทักษิณ แต่จะเห็นว่าไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ปรากฏออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ อยากให้อ่านดูค่ะ http://www.tja.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=338&Itemid=81 ".....  เคยถูกขอร้องจากคนใกล้ชิดนายกฯ หรือไม่? ..... ด้วยความเป็นนักข่าวทำหน้าที่ซื่อตรงมาตลอด   แม้เราจะถูกมองว่า ใกล้ชิดกับนายกฯ   แต่แหล่งข่าวทุกคนจะรู้ว่าเราเป็นคนอย่างไร เขาไม่กล้าที่จะขอเราในเรื่องที่มันเป็นข่าว อย่างมากที่สุดก็แค่ถามว่าเป็นไปได้ไหม อย่างนั้น อย่างนี้   แต่เขาก็ยอมรับความคิดเห็นของเราว่ามันเป็นไปไม่ได้ ......." "..ขอพูดแทนพี่ๆน้องๆในวงการสื่อด้วยกันว่า ใครรักใครชอบใครก็มีบ้าง เป็นเรื่องปกติของปุถุชนธรรมดา แต่ด้วยหน้าที่แล้วทุกคนมีจรรยาบรรณ มีระยะห่าง   แต่อยากบอกว่า  สิ่งที่เกิดขึ้นดีหรือไม่ดี   ทุกคนตัดสินใจได้เองว่าใช่หรือไม่ใช่   ถ้าถามว่า วันนี้บ้านเมืองสงบไหมมันก็สงบ แต่ถามว่าความเป็นประชาธิปไตยอยู่ตรงไหน ณ วันนี้ยังไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง...." แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 15:32:29 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 15:31:14 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถึงวันนี้แล้ว...... วันที่ประชาชนคนไทยไม่มีสิทธิเลือก ขึ้นอยู่กับว่าพวกกบฏจะโยนอะไรมาให้ ก็ต้องจำใจรับ ตั้งแต่สิทธิ เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ถูกจำกัด อำนาจอธิปไตยที่แปรรูปไป รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยกลุ่มเผด็จการ กฏหมายที่กำหนดขึ้นเอง หรือเลือกหยิบใช้ในสิ่งที่หวังประโยชน์ ไม่เว้นแม้แต่ข่าวสารความเป็นจริง ที่ประชาชนคนไทยควรจะได้รับรู้................... . [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 15:45:31 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอถามบรรดาสื่อฯ ทั้งหลาย ที่เราเชื่อแน่ว่า พวกท่านคงมาสอดส่ายสายตาในห้องนี้กันอยู่บ้าง ว่าทำไมจึงเลือกข้าง "ระบอบเผด็จการทหาร" ที่มาจากการปล้นอำนาจ มากกว่า "ระบอบทักษิณ" ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน "ระบอบทักษิณ"  ช่างเลวร้าย น่ากลัวยิ่งกว่า "ระบอบเผด็จการทหาร" เชียวหรือ ??????? แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 15:57:14 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 15:56:32 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัจจุบัน เขาทั้งหลาย กำลังเฮโล สาระพา ลิ้มรสอร่อยของ จริยธรรม ในท่ามกลางช่องว่างระหว่าง คนรวยกับคนจน ที่ถ่างอออกไปเรื่อยๆ เขาบอกว่าเขาเป็นคนที่มีวิจารณญาน ปัจจุบัน เขาอยู่ในบทบาทของผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งของประชาชน และสร้างความสามัคคีให้กับคนในชาติ ดังนั้นเขาจึง ยินดีเปิดบ้านต้อนรับ รัฐบาลทหาร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การต่อสู้ของสื่อมวลชน เขาเองก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าประชาชนโดยรวมไม่ค่อยฉลาดนัก และไม่ค่อยมีจริยธรรม และคิดอยากจะรวย ในมุมกลับ เขามั่นใจว่า เขามีอิทธิพลต่อคนอื่น เป็นผู้นำทางความคิด สามารถปลุกปั่นประชาชนได้ เขาคือผู้สร้าง Content ที่ไม่ว่าอย่างไร ประชาชนก็ต้องซื้ออ่านอยู่วันยังค่ำ เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ส่วนหนึ่งเพราะเขาคือเจ้าของข้อมูลข่าวสาร เป็นเจ้าของข้อเท็จจริง ที่เขาเอาไว้ขาย แต่สำหรับโลกในปัจจุบัน ที่ผู้บริโภค สามารถสร้าง Content ได้เอง เขาย่อมมีคู่แข่ง หรือย่อมมีพลังต่อรองมากขึ้น เชื่อว่า ยังไงเขาต้องแคร์ประชาชนอยู่บ้าง สำหรับผม ชอบเตือนแรงๆ ถ้ามีโอกาส โพสท์ รวมทั้ง จะซื้อมากกว่าหนังสือพิมพ์ คือซื้อหนังสือเลย (ไม่ต้องรอตัดเก็บความรู้ไว้ ในแต่ละวัน) ที่เป็นแหล่งความรู้โดยตรง แล้วก็คิดให้มากขึ้น ท้าทายหนังสือพิมพ์ และนักวิชาการ ทั้งหลาย ให้มากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็ควรจะรวมตัวกัน เพื่อสร้างพลังต่อรอง ในฐานะผู้เสพ อาจจะอยู่ในรูปแบบของ สมาคม องค์กร อะไรสักอย่าง ก็ย่อมได้ อันที่จริง ข้อเท็จจริง นั่นเป็นรองความจริง ความจริงก็คือว่า มนุษย์นั้น ย่อมมีกิเลส และมีข้อบกพร่องบ้าง เรื่องบนหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีอยู่แค่นี้เอง "วิธีการแก้ปัญหา" นั่นต่างหากที่สำคัญกว่าการก่นด่า และ หรือการค้นหาว่า "เกิดอะไรขึ้น"ในวันนี้บ้าง จากคุณ : เนื่อง มาจากเหตุ (เนื่อง มาจากเหตุ) - [ 24 มิ.ย. 50 16:05:34 A:125.24.31.140 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ก็ได้แต่หวังว่า มันจะเป็นกรณีศึกษา มีใครเอาไปทำวิทยานิพนธ์ จารึกในประวัติศาสตร์ ว่าครั้งหนึ่งในประเทศไทย มีสื่อมวลชนที่ทรยศต่อวิชาชีพ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมวลชน บิดเบือนข่าว ร่วมทำลายระบอบประชาธิปไตย จากคุณ : กนกลาย - [ 24 มิ.ย. 50 16:05:46 A:58.64.120.126 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 กลับไปรื้อเอาบทความเก่าๆ เมื่อปลายปี 2546 ของ ดร. วีรพงษ์ รามางกูร   ที่เคยลงประชาชาติธุรกิจ หน้า 2 วันที่ 15 ธันวาคม 2546   เอามาให้อ่านดูอีกครั้ง... ............................................................................................ ปี 2546 นี้ เป็นปีที่เศรษฐกิจของเราได้ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะอัตราการขยายตัวของรายได้ประชาชาติ คงจะตกอยู่ระหว่างร้อยละ 6.5 ถึงร้อยละ 7 ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 5-6 พันล้านเหรียญสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าร้อยละ 2 ค่าเงินบาทแข็งขึ้นประมาณร้อยละ 10 ทั้งที่ทางการพยายามดึงไว้ไม่ให้แข็งอย่างเต็มที่แล้ว ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 41 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ จำนวน 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐหมดก่อนกำหนด การคาดการณ์ว่าปีหน้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าปีนี้ ด้วยปัจจัยบวกที่ต่อเนื่องจากปีนี้ และปัจจัยบวกอย่างอื่นอีก เป็นไปได้ที่อัตราการขยายตัวของรายได้ประชาชาติอาจจะถึงร้อยละ 8 จึงเป็นเรื่องที่น่าจะวิเคราะห์และจดเอาไว้เป็นหลักฐานว่า เหตุใดเศรษฐกิจจึงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และคงจะต่อเนื่องเป็นเศรษฐกิจขาขึ้นไปอีกหลายปี นโยบายของรัฐบาลทักษิณ แตกต่างกับนโยบายของรัฐบาลก่อนหน้านั้นอย่างไร จนกลายเป็น "ทักษิโณมิค" ที่สื่อมวลชนไทยและเทศตั้งให้............. ยังมีต่อ.... แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:21:15 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:20:27 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 16:16:19 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทำได้แค่เพียงเลิกดูทุกรายการของสอรายุทธ ทั้งที่เป็นแฟนมาตั้งแต่เริ่ม จากคุณ : nitanlove - [ 24 มิ.ย. 50 16:19:09 A:203.188.2.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ประการแรก การกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายของทักษิณแจ้งชัดกว่า นโยบายของรัฐบาลที่แล้ว ( รัฐบาลชวน :จขกท.) กล่าวคือ รัฐบาลนี้ประกาศว่าจะเป็นนโยบาย "รางคู่" และมีมาตรการที่ชัดเจนตั้งแต่ตอนหาเสียงเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง กล่าวคือ จะกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน โดยกระจายทรัพยากรทางการเงิน ไปสู่ประชาชนระดับ "รากหญ้า" คงจะแปลมาจากภาษาอังกฤษ "grass root" ผ่านทางโครงการต่างๆ  ขณะเดียวกันจะผลักดันเรื่องการส่งออก และการท่องเที่ยวเพื่อนำเงินเข้ามาในประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ต่างกับตำราเศรษฐศาสตร์ของเคนส์ ซึ่งรัฐบาลที่แล้วนำเอามาใช้ โดยใช้นโยบายการคลัง และเป็นการแนะนำของไอเอ็มเอฟ กล่าวคือ ใช้จ่ายจากการตั้งงบประมาณขาดดุล เพื่อทำโครงการต่างๆ หรือไม่ก็ยืมเงินจากต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ยืมจากกองทุนมิยาซาวา หรือจากธนาคารโลกเพื่อการปรับโครงสร้าง (stractural adjustment loan) โดยวิธีการตั้งงบประมาณ ให้หน่วยงานจัดซื้อของ หรือโครงการก่อสร้างในชนบท การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยวิธีการเช่นนี้ เป็นวิธีการเก่าตามตำราแบบนี้ มีข้อจำกัด และข้อเสียหลายอย่าง เป็นต้นว่า การตั้งงบประมาณล่าช้า การเขียนโครงการไม่เหมาะสม ในกรณีที่จัดสรรเงินงบประมาณให้หน่วยงานจัดซื้อ หน่วยราชการก็รีบจัดซื้อ และซื้อของที่ไม่จำเป็น ส่วนโครงการก่อสร้างส่วนมาก ก็ไม่ถึงประชาชนเป้าหมาย ตกหล่นเบี้ยบ้ายรายทางเสียเป็นส่วนมาก การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงไม่ได้ผล แล้วก็กลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เช่นกรณีการใช้เงิน 55,000 ล้านบาท จากการกู้ยืมจากกองทุนมิยาซาวา รวมทั้งการใช้จ่าย จากการขาดดุลงบประมาณแผ่นดิน ก็ไม่เกิดผล จ่ายออกไปแล้วหายไปเลย กลายเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ...... ยังมีต่อ... แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:29:06 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 16:28:05 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่รู้จะเรียกว่ายุคนี้คือยุคอะไรดี มันผิดฝาผิดตัวไปหมด เขาปาว ๆ ว่าเป็นยุคจริยธรรม แต่ผู้คนไม่มีสำนึกในจริยาบรรณในสัมมาอาชีพของตนเองเลย ทหารไม่ปกป้องประเทศ สื่อสารมวลชนไร้วิญญาณ ระบบศาลอยุติธรรม ข้าราชการโกงกินอย่างหนา และอีกมากมาย ทีไม่คิดว่าอยู่มาจนอายุขนาดนี้จะได้เจอะเจอในเมืองไทย จากคุณ : ป้าปูเองค่ะ - [ 24 มิ.ย. 50 16:36:03 A:124.120.100.205 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 รัฐบาลนี้กระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือน โดยใช้นโยบายการเงิน เป็นต้นว่า โครงการพักการชำระหนี้ของเกษตรกร โดยธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร โครงการธนาคารประชาชนโดยธนาคารออมสิน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการบ้านเอื้ออาทร ฯลฯ โครงการเหล่านี้รัฐบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณชดเชย แต่ใช้สถาบันการเงินของรัฐบาลปล่อย หรือยืดเวลาการชำระหนี้ให้ ในกรณีของ ธ.ก.ส. และ ให้สินเชื่อแก่กองทุนต่างๆ เพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีใหม่ที่ไม่มีในตำรา ถ้าหากจะเสียหาย ก็ค่อยตั้งงบประมาณชดเชยในภายหลัง ( เช่น*** นโยบายการจำนำข้าวเปลือก ซึ่งจะขอนำคำพูดของนายกฯ ทักษิณ ที่กล่าวในคลิปแสดงความห่วงใย จากลอนดอน มาให้อ่านในท้าย คห.  : จขกท.) วิธีการดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า ทำให้ชาวบ้านเสียนิสัย เป็นการเอารายได้ในอนาคตมาใช้ เป็นการสร้างหนี้ให้ครัวเรือนโดยเปล่าประโยชน์ เพราะชาวบ้านไม่ได้เอาไปลงทุน แต่เอาไปซื้อจักรยานยนต์ ซื้อรถปิกอัพ ซื้อโทรศัพท์มือถือ หรือเอาไปต่อเติมบ้าน ฯลฯ กลายเป็นนโยบาย "ประชานิยม" หรือ "populist policy" ผมเองเมื่อ 3 ปีที่แล้วก็มีความรู้สึกเช่นนั้น........... ...................................................................................... *** อีกเรื่องที่ห่วงก็คือ เรื่องการจำนำข้าวเปลือก ในอดีตเราจำนำข้าวเปลือกไปพอราคาข้าวตก เราก็ต้องถือว่าทางรัฐยอมขาดทุน แล้วก็เอาข้าวเปลือกไปขายต่อ ขายต่างประเทศ แต่วันนี้วิธีการเปลี่ยนไป ก็เป็นลักษณะที่ไม่เอาข้าว เมื่อจำนำแล้วก็ให้เอาข้าวไปขายเอง ขายไม่ได้ราคาขาดทุนก็เป็นหนี้ค้างไว้ ซึ่งอันนี้เกษตรกรลำบาก ผมก็อยากจะวิงวอนเจ้าหน้าของรัฐที่ทำตรงนี้ว่า เนื้อช้างแปะเนื้อหนูมันไม่เป็นไร ถ้าเอาเนื้อหนูแปะเนื้อช้างมันลำบาก.... โดยเฉพาะเกษตรกรหาเช้ากินค่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อยากจะขอวิงวอนว่าช่วงภาวะเช่นนี้ ผู้ที่แข็งแรงกว่าต้องช่วยผู้ที่อ่อนแอกว่า ก็อยากจะขอวิงวอนว่าช่วยเกษตรกรเถอะครับ ให้โอกาสเขา เขาจะได้มีกำลังส่งลูกเรียน และลูกเขาก็คือ อนาคตของชาตินั่นเองก็อยากจะฝากไว้ ณ ที่นี้ ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ยังมีต่อ......... แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:46:52 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:45:32 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 16:44:35 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 16:43:22 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 . แต่เมื่อมาพิจารณาอย่างถ่องแท้ ตอนนี้กลับเห็นด้วย เพราะการกระตุ้นโดยวิธีนี้ ดีกว่าวิธีเดิมๆ หลายอย่าง ที่สำคัญคือ เงินถึงครัวเรือนถึงประชาชนโดยตรง ไม่ตกหล่นเสียหายกลางทาง ประการที่สอง เป็นภาระกับงบประมาณ น้อยกว่าวิธีแรก ถ้ารัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณชดเชย ก็คงชดเชยเฉพาะส่วนที่เสียหายเท่านั้น ซึ่งคิดแล้วน้อยกว่าการจ่ายทำโครงการก่อสร้าง ที่ไม่สู้เป็นประโยชน์ และตกหล่นระหว่างทางเสียมาก หนี้สินของครัวเรือนที่นักวิชาการว่าสูงขึ้น จะเป็นปัญหาอย่างมาก แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นปัญหาอย่างไร ความเห็นของผมก็คือ ก่อนที่จะมีเงินให้กู้ยืม ...ปัญหาเป็นของชาวบ้านที่อยากจะได้กู้ แต่เมื่อได้กู้แล้ว ...ปัญหาเป็นของผู้ให้กู้ ซึ่งก็คือสถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งอาจจะเป็นภาระกับผู้เสียภาษี ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว รายได้ของรัฐบาลไม่เข้าเป้า ก็จะเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินอย่างยิ่ง ที่จะต้องตั้งงบประมาณชดเชย แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวรัฐบาลเกินดุลเงินสด อย่างในปีงบประมาณ 2526 ปัญหาก็หมดไป และเข้าใจว่าหนี้ที่เสียหายมีไม่มาก ปัญหาระดับมหภาคจึงไม่น่าจะมี .... หรือมีก็อยู่ในขีดที่จะจัดการได้ โดยไม่เสียหายในด้านวินัยการคลัง ยังมีต่อ...... . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 16:54:17 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก็แค่พ่อค้า ขายน้ำลายขายกระดาษเปื้อนน้ำหมึกไปวันๆ อ้างตัวเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน แต่เป็นสุนัขที่ กระดิกหาง ให้โจรปล้นบ้าน และขยันเห่าคนของเจ้าของบ้าน จากคุณ : คนเหนือเขา - [ 24 มิ.ย. 50 16:54:52 A:203.188.35.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 แต่ข้อดีมีมากกว่าคือ ได้ผลตามเป้าหมาย คือสามารถกระตุ้นการจับจ่าย ของครัวเรือนได้จริงจัง ซึ่งข้อนี้เป็นจุดเด่นของ "ทักษิโณมิค" แต่ข้างหน้าไม่ควรจะใช้อีก เพราะเป็นการเอาสถาบันการเงินของรัฐเข้าเสี่ยง หรือไม่ก็อาจจะเสียวินัยทางการคลัง ประกอบกับสถานการณ์ในขณะนั้นจนถึงเดี๋ยวนี้ ระบบการเงินยังล้นระบบ สภาพคล่องมีมาก ดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล อัตราเงินเฟ้อต่ำมาก และที่สำคัญดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมาก เงื่อนไขอย่างนี้ ในอนาคตคงไม่มี เป็นสถานการณ์ที่เฉพาะจริงๆ มีคนถามว่าควรจะแก้ตำราไหม ? ผมตอบว่าไม่ควร เพราะถ้าจะแก้ก็ต้องใส่เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ลงไปด้วย เงื่อนไขที่ว่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ข้างหน้าคงจะไม่มี หลังจากเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นจากการจับจ่ายของครัวเรือน และเชื่อกันว่า ผลจากการกระจายทรัพยากรทางการเงิน ที่มีเหลือเฟือลงไปในระดับ "รากหญ้า" ก็พอดีกับการส่งออกไปประเทศจีน ญี่ปุ่น อาเซียน และภูมิภาคเอเชียขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ขยายตัวอย่างมาก อันเกิดจากปัญหาการเมือง และปัญหาการก่อการร้ายในบาหลี อินโดนีเซีย และประเทศจีนที่ผ่อนคลาย ให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น เพราะเศรษฐกิจจีนดีมาก การเร่งขยายตลาดการส่งออก และการท่องเที่ยว โดยการทำสนธิสัญญาเขตเศรษฐกิจเสรีกับจีน อินเดีย และเริ่มเจรจากับอเมริกาและญี่ปุ่น ก็น่าจะเป็นตัวกระตุ้นการส่งออก ซึ่งเรื่องนี้เป็นรางอันที่สอง สำหรับนโยบาย "รางคู่" ของ "ทักษิโณมิค" ยังมีต่อ.... ม่รู้ว่ามีคนอ่านกันหรือเปล่า กระทู้นี้ ค่อนข้างหนักไปหน่อยค่ะ.. แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:00:48 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 16:59:11 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 . นโยบายสำคัญอันที่สองรองจากนโยบาย "รางคู่" แล้ว ก็คือนโยบาย "ทุนสำรองระหว่างประเทศ" กับ "นโยบายอัตราแลกเปลี่ยน" ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งต่างจากนโยบายของรัฐบาลก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง รัฐบาลที่แล้วเห็นว่า เมื่อเราใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวแล้ว ก็ควรให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงเสรีตาม "กลไกตลาด" ผลก็คือเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐขึ้นลงปีละ 2 รอบ โดยประมาณต้นปีเงินบาท 44 บาท ผู้นำเข้าตาย ปลายปีเงินบาทมาอยู่ที่ 37 บาท ผู้ส่งออกตาย ตกลงสรุปว่าทั้งปีผู้ส่งออก และผู้นำเข้าตายหมด ไม่มีใครทำมาค้าขายได้ ... ดอกเบี้ยในประเทศไทยต่ำกว่าดอกเบี้ยต่างประเทศ เมื่อเงินบาทแข็ง ผู้คนก็เอาเงินออกไปไว้สิงคโปร์บ้าง ฮ่องกงบ้าง พอเงินบาทอ่อนก็เอาเข้ามา เอากำไรทุกปี โดยทางการไม่เคยรู้เรื่อง เป็นอย่างนี้อยู่ 3 ปี ตลอดเวลาที่รัฐบาลที่แล้ว บริหารประเทศ.............. พอเปลี่ยนรัฐบาล รัฐบาลก็เปลี่ยนตัวผู้ว่าการ ธปท.ใหม่ ผู้ว่าการคนใหม่ ก็จัดดอกเบี้ยให้ถูกต้อง พร้อมกับจัดการอัตราแลกเปลี่ยนให้คงที่ให้มากที่สุด แม้ว่าจะแข็งขึ้นก็ค่อยๆ แข็งขึ้น แต่ก็ไม่ให้ค่าเงินแข็งเกินไป และเร็วเกินไป ผู้คนจึงทำมาค้าขายได้ และเป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หรือเป็นสาระสำคัญอันที่สองของ "ทักษิโณมิค" ยังมีต่อ............ . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:11:02 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 รัฐบาลที่แล้วมีความเห็นว่า เมื่อมาใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ทางการปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นลงตาม "กลไกตลาด" ไม่ต้องเข้าไปจัดการทำอะไร ......... ดังนั้น ทุนสำรองระหว่างประเทศก็มีความสำคัญน้อยลง จึงควรเอาเงินสำรอง ส่วนที่เกินความจำเป็น ในการเป็นทุนสำรองเงินตรา ในการออกธนบัตร เอาออกไปใช้หนี้ไอเอ็มเอฟเสีย โดยการรวมบัญชีทุนสำรองเงินตราของฝ่ายออกบัตร กับเงินทุนสำรองในบัญชีทุนสำรองของฝ่ายกิจการธนาคาร จนได้รับการคัดค้านจากผู้คน รวมทั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป รัฐบาลนี้เปลี่ยนนโยบาย โดยเน้นในการรักษา และเพิ่มทุนสำรองระหว่างประเทศ ธปท. หาเงินตราต่างประเทศ เอาไปชำระหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ก่อนกำหนดถึงสองปี ยกเลิกความคิดที่จะรวมบัญชี การที่เรามีทุนสำรองที่เข้มแข็ง ทำให้เครดิตของประเทศสูงขึ้น และเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้เอสแอนด์พี ทริสต์ และมูดี้ส์ ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพิ่มลำดับให้ประเทศไทย และให้น้ำหนักกับเรื่องทุนสำรองอย่างมาก......... ยังมีต่อ อีกนิดเดียวค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:20:17 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:19:37 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 นโยบายที่สำคัญอีก 2-3 อย่าง ก็คือเร่งรัดเขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งเป็นแม่เหล็กสำคัญ ที่ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศ มาลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ลงทุนหวังจะใช้ตลาดอาเซียนเป็นสำคัญ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐาน พร้อมกันนั้น รัฐบาลก็ต้องเร่งลงทุน ในระบบการอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน หรือ "infrastructure" เช่น ไฟฟ้า ขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางด่วน ท่าเรือ ฯลฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่องต่อไป ที่ถูกใจมากก็คือ มีความกล้าหาญประกาศว่า ประเทศไทยจะไม่รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศอีกต่อไป ซึ่งคงไม่มีรัฐบาลไหนกล้าประกาศ นอกจากจะสร้างความเชื่อมั่น เกียรติภูมิของประเทศแล้ว ยังเป็นการเปลี่ยนทัศนคติของหน่วยงานราชการของเราอีกด้วย เพราะความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ เช่น งานก่อสร้าง ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ก็กลับไปสู่ประเทศที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ดี นอกนั้นแล้วประเทศที่ให้มักจะทวงบุญคุณ หรือใช้เป็นเงื่อนไขข่มขู่เราอยู่เสมอ อย่าลอยก็แล้วกัน......... จบค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:25:49 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:25:15 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:24:17 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 สื่อมวลชนไทยรายงานข่าวโกหกอย่างไร้ยางอาย วิเคราะหฺวิจารณ์ข่าวด้วยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน อย่างอคติ เมื่อวานนนี้ ผมไปร่วมชุมนุมด้วย เห็นประชาชนมาร่วมเต็มถนน จากแยก จปร ถึงฝั่งซ้ายทั้งหมดของถนนราชดำเนิน แต่สื่อรายงานเพียง 4000 - 13,000 คนเท่านั้น คิดแล้วก็สมนำหน้าสื่อไทย ถูกเผด็จการที่แท้จริงกดหัวซะหงอ และก็ขี้ขลาด ไม่กล้าไม่เห็นด้วย จากคุณ : worthy (worthy) - [ 24 มิ.ย. 50 17:25:10 A:125.24.2.255 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 อยากให้ช่วยกันระดมความคิดหาวิธีการ ที่แสดงความไม่พอใจ ในการทำหน้าที่ของสื่อต่างๆ  เช่น                    @  รณรงค์ให้เลิกดู เลิกอ่าน สื่อที่บิดเบือน ข่าวสารหรือยืนอยู่ข้างเผด็จการ                                           @ การโพสข้อความ  เรียกหาจริยธรรมจากสื่อต่างๆ             @ ทำหนังสือจากองค์กรต่างๆ เรียกร้องจริยธรรมและจรรยาบรรณจากสื่อ    ฯลฯ         คมช.ออกไปป   คมช.ออกไปป     คมช.ออกไปป   คมช.ออกไปป กบฎออกไปป   กบฎออกไปป       กบฎออกไปป    กบฎออกไปปป เผด็จการ ออกไปป    เผด็จการ ออกไปป   เผด็จการ  ออกไปปป เอาประชาธิปไตยของเราคืนมา//  คืนมา //  คืนมา //  คืนมา // แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:28:51 จากคุณ : PP_SVEN_BERG - [ 24 มิ.ย. 50 17:27:42 A:125.27.196.101 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 . ที่อุตส่าห์ว่ามายืดยาวทั้งหมด เพียงเพื่อจะยืนยันกับบรรดาสื่อฯ ว่า เหตุใดพวกท่านจึงเลือกข้างที่จะยอมรับ "ระบอบเผด็จการทหาร" มากกว่า "ระบอบทักษิณ" ทั้งหลายทั้งปวงตั้งแต่ กระบวนการโค่นล้มรัฐบาลไทยรักไทย เริ่มทำงานมาตั้งแต่ปลายปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ต้องยอมรับพวกสื่อฯ มีส่วนอย่างมาก ในการทำลายล้างภาพพจน์และความเชื่อมั่นของประเทศมาโดยตลอด ถามว่า จนถึงบัดนี้ พวกท่านได้ในสิ่งที่ต้องการหรือยัง ?????? ถามว่า พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่ เพียงเพื่อหวังจะโค่นล้มคนๆ หนึ่ง พวกท่านยอมร่วมมือกันทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยของชาติ เพียงเพื่อจะย้อนกลับไปสู่ระบอบเผด็จการ ระบอบอำมาตยธิปไตย ที่ไม่เคยนำพาประเทศชาติไปถึงไหนเลย เชียวหรือ ?????? . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:32:44 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 . แปลกใจที่พวกสื่อฯ ชอบภาพข้างบน มากกว่าภาพบรรยากาศอย่างนี้.......... . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:40:59 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ฝากไว้ว่า หากสื่อฯ อย่างพวกท่านจะบิดเบือนข่าว อย่างไร ก็ขอให้เคารพความหาญกล้าและอดทนของประชาชนอย่างพวกเรา... . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:44:04 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 จงสำเหนียกว่า..... ประชาชนอย่างพวกเรา........ ไม่ได้มีรายได้จากการมาร่วมชุมนุม เหมือนพวกท่านที่หารายได้จากการขายข่าวที่ไร้จรรยาบรรณ !!!! . จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:47:19 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 หัดถามตัวเองบ้างว่า สำนึกของความรักชาติ รักประชาธิปไตย ตามที่ปากว่า ........ "....เราจะรวมพลังกันต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพอย่างเข้มแข็งบนพื้นฐานหลักการแห่งจริยธรรมและความถูกต้อง เราเชื่อมั่นว่า เสรีภาพของสื่อคือเสรีภาพของประชาชน และการคุกคามสื่อคือการคุกคามประชาชน คุกคามประชาธิปไตย .........." และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์สังคมประชาธรรม.........." มันหายไปไหนหมด (วะ) ทำไมพวกคุณจึงปล่อยให้ประชาชน ต้องต่อสู้กันตามยถากรรม ต่อสู้กับพวกกบฏยังไม่พอ..... ยังต้องต่อสู้กับพวกคุณ ซึ่งละทิ้งจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชนไปจนหมดสิ้นแล้ว !!!!!! แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:55:44 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 17:53:42 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 17:53:21 A:124.120.178.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 เยี่ยมมากครับ คุณนางสาวหมอนทอง พวกสื่อทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน น่าจะสำนึกได้บ้าง ไม่มากก็น้อย จากคุณ : yacht98 - [ 24 มิ.ย. 50 18:43:29 A:124.120.96.195 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมเลิกซื้อเลิกอ่านไปนานแล้วครับ..สื่อชั่ว..ข่าวมั่ว..นึกว่าประชาชนโง่...ออกข่าวอะไรมาประชาชนจะต้องเชื่อพวกมันหมด หมดยุคแล้วครับที่ประชาชนจะรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อ หนังสือพืมพ์อย่างเดียว..ที่ขึ้นราคาเพราะไม่มีคนซื้ออ่านรึเปล่า...หรือรับเงินจาก..ฯลฯ..แล้วมันไม่พอยาไส้ไม่พอกิน..กรรมติดจรวดพวกสื่อไม่มีจรรยาบรรณ..คิดแค่วันๆจะขายข่าวเพื่อที่จะหาเงินมายาไส้ไปวันๆ..โดยไม่สนใจความทุกข์ยากความเดือดร้อนของผู้อื่น..และไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา..สื่อเลวๆๆ เลยทำตัว.เหมือนหมา..กินขี้... จากคุณ : phormod99 - [ 24 มิ.ย. 50 18:47:32 A:222.123.82.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 เอากาแฟมาส่งเพิ่มให้...นะครับ จากคุณ : สุทธิสาร - [ 24 มิ.ย. 50 18:59:43 A:58.8.109.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 หดหู่เศร้าใจจริงๆ .. พวกมันเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้ไง จากคุณ : sound of water - [ 24 มิ.ย. 50 19:09:52 A:61.7.182.200 X:61.7.182.200 ]

ความคิดเห็นที่ 36 วิธีคิดว่า การนำเอาเงินในอนาคตมาใช้ จะทำให้เกิดภาระหนี้ หรือวิธีคิดว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้เฉพาะเงินงบประมาณเท่านั้น ก็คือวิธีคิดในกรอบ นั่นเอง ที่พรรคการเมืองบางพรรคหัวเสีย กับวิธีการเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะ ตามวิธีคิดคนอื่น ไม่ทัน หรือคุ้นเคยแต่การคิดวนเวียนอยู่ในตำรา และคำบอกเล่าของคนอื่น โดยไม่เหลียวมองดูความจริง ในประเทศของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนิทานการล้มเหลวของอาเจนตินา..... เหนืออื่นใด พรรคการเมืองบางพรรค ไม่เชื่อมั่นในขีดความสามารถ(Competency) ของประชาชน จึงไม่กล้า ให้ประชาชนเป็นหนี้ ประเภทที่ต้องมีความรับผิดชอบ เขาไม่รู้รึว่า การลงทุนทุกอย่าง ล้วนเป็นการนำเงินในอนาคต มาใช้ ไม่เช่นนั้น การลงทุนจะต้องมีแผนการเงิน แผนกระแสเงินสด(Cash Flow) ไว้เพื่ออะไร  นี่จึงเป็นเรื่อง ธรรมดามาก และการลงทุนทุกอย่าง ย่อมมีความเสี่ยง แต่แม้จะขาดทุน อย่างน้อย วิธีคิดพื้นฐานของนักลงทุนก็คือ พวกเขาจะไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ต้องเสียทั้งหมด อย่างน้อยสิ่งที่เขาจะได้ย่อมมีอยู่เช่นกัน สิ่งนั้นก็คือความรู้ นั่นเอง และต่อไป ความรู้ที่เขาได้ ก็จะทำให้ เสี่ยงน้อยลง ทั้งหมดนี้จะคิดอะไรไม่ออกเลย หากคิดว่าประชาชนโง่ ขอย้ำ คิดไม่ได้เลย จากคุณ : เนื่อง มาจากเหตุ (เนื่อง มาจากเหตุ) - [ 24 มิ.ย. 50 19:24:13 A:125.24.22.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 สื่อโจร จากคุณ : mtct43 - [ 24 มิ.ย. 50 19:38:25 A:203.113.50.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 ค่ะ เห็นด้วยกับคุณเนื่อง มาจากเหตุ โปรดสังเกตว่าการปล้นอำนาจรัฐครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกลุ่มพันธมิตร อันประกอบด้วย เหล่าอำมาตย์ ราชนิกูล (เรามองพวกเขาเป็น just a one sperm) ทหาร อาจารย์ นักวิชาการ นักการเมืองอาชีพ (คือ ทำงานอย่างอื่นไม่เป็น) กลุ่มหนึ่ง คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์เงินเดือนแทบทั้งสิ้น พวกเขามีวิธีคิด และมุมมองในมุมที่แตกต่างออกไป พวกเขาแทบไม่เคยเรียนรู้กระบวนการทางธุรกิจของโลกปัจจุบัน พวกเขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง.....ไม่กล้าที่จะรับผิดชอบ เพราะพวกเขาไม่มีศักยภาพในการที่จะหารายได้แบบทวีคูณ .. ไม่กล้าแม้แต่จะคิด......... แต่น่าอนาถ....ที่พวกเขากล้าบังอาจมาคิดแทนประชาชน !!! แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 50 19:40:37 จากคุณ : นางสาวหมอนทอง - [ 24 มิ.ย. 50 19:38:42 A:124.120.174.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 สื่อเลว ๆ พวกเราต้องไม่เสพ ขอให้มันเจ๊งไปเร็ว ๆ จากคุณ : หลงดอย - [ 24 มิ.ย. 50 19:59:39 A:203.113.32.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 สื่อ........โดนครอบงำ โดนชี้นำ ทำให้ สื่อ......... ไร้จรรยาบรรณ จากคุณ : ไออิ_รักไทย (goldwing) - [ 24 มิ.ย. 50 21:12:40 A:203.153.173.200 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 ยถากรรม คำคำเดียว..แสนเข้าใจ และเข้าใจ ความรู้สึกได้ดีเช่นกัน.. ขอบคุณ..หมอนทอง ครับ จากคุณ : bookss - [ 24 มิ.ย. 50 21:34:25 A:58.10.6.188 X: ]