PANTIP.COM : P5570500 << กบฏ จงพินาศ >> โคลงโลกนิติ : ก ร ะ เ ห ว่ า เ สี ย ง เ พ ร า ะ เ เ ท้ . . เ เ ก่ ตั ว [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 19

*

รัฐบาลขิงแก่บอกว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตไม่หยุด...แต่

นายกฯ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวไม่หยุด [30 มิ.ย. 50 - 10:28]

วันนี้ (30 มิ.ย.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ว่าแนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้จะไม่ลดลง โดยช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวไปร้อยละ 4.3 และภายในปีนี้น่าจะอยู่ประมาณร้อยละ 4-4.5 เนื่องจากการส่งออกที่ผ่านมาขยายตัวประมาณร้อยละ 20 ถือเป็นเครื่องจักรสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัว รวมทั้งมีการลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น การลงนามความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ประเทศญี่ปุ่น การปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่มาบตาพุด จะส่งผลให้บริษัทมหาชนขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนเพิ่ม นอกจากนี้ รัฐบาลได้เร่งผลักดันการใช้งบประมาณช่วงไตรมาสสุดท้าย โดยจะนำงบกระตุ้นให้เกิดการสร้างงานและการบริโภคมากขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า จากภาพรวมเสถียรภาพของค่าเงินบาท การดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น จึงมั่นใจว่าประเทศจะไม่อยู่ในสภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำหรือฟองสบู่แตกอีกอย่างแน่นอน

http://www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=52362

.
.
.

แต่เอกชนซึ่งเป็นบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบอกไว้ว่า

.
.
.

บิ๊กสหพัฒน์ให้รัฐรับความจริง รากหญ้ายังพะงาบ ศก.จะโตได้ไง [30 มิ.ย. 50 - 04:28]

นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือ สหพัฒน์ เปิดเผยว่า ในมุมมองของภาคเอกชนยังยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือจีดีพีปี 2550คงเติบโตไม่ถึง 4% แน่นอน หากทำได้ถึง 3% ก็น่าดีใจแล้ว แต่ส่วนตัวแล้ว มองว่าไม่น่าจะถึง 3% หมายถึงติดลบ แม้ที่ผ่านที่มา พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีจะออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีการเลือกตั้งและทั้งปีจีดีพีจะเติบโตประมาณ 4-4.5% ก็ตาม “ยอมรับว่ามุมมองของภาคเอกชนและรัฐบาลไม่เหมือนกันโดยมุมมองของภาคเอกชนเป็นการมองและประเมินผลจากความเป็นจริงแบบวันต่อวันและประเมินผลจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง รากหญ้าไม่มีเงินซื้อ ขณะที่รัฐบาลดูตัวเลขก่อน กว่าจะรู้ผลก็ครึ่งปีแล้ว จึงทำให้มุมมองแตกต่างกัน หากรัฐบาลติดดินยอมรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนและนำเอาข้อเสนอแนะของเอกชนไปปรับใช้บ้างเชื่อว่าปัญหาต่างๆจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น”

นายบุณยสิทธิ์กล่าวว่า ขอยืนยันข้อมูลเดิม เพราะสิ่งที่พูดออกไปคือความจริง ถ้าภาครัฐทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ภาคเอกชนก็มั่นใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม จึงอยากให้รัฐบาลออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่ออกมาพูดอย่างเดียว อยากให้ภาครัฐดูประเทศเพื่อนบ้านบ้างว่าขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยแข็งที่สุดในภูมิภาคแล้ว ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น เนื่อง จากธุรกิจหลักของประเทศดังกล่าวอยู่ในภาคบริการ ส่วนไทยเป็นภาคเกษตรกรรม เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อระดับรากหญ้าและการส่งออกของประเทศ หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้มองว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะซึมยาวไปอีกไม่ต่ำกว่า 3 ปีแน่นอน

“ภาวะเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศหลังมีการเลือกตั้งว่ามีนโยบายเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไร หากปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อ เศรษฐกิจไทยจะทรุดหนักและทรุดยาวเหมือนกับประเทศญี่ปุ่นที่ก่อนหน้านี้ถูกสหรัฐอเมริกากดดันให้ใช้นโยบายค่าเงินเยนแข็งทำให้เงินส่วนหนึ่งถูกดูดออกจากระบบไม่ลงถึงรากหญ้า กว่าจะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าล็อกต้องใช้เวลานานถึง 12 ปี”

ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งเข้ามาดูแลและดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวโดยด่วน โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้เข้ามาดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้มีความเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ที่ระดับ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 34 บาท

นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังองค์การส่งเสริมการค้าของประเทศญี่ปุ่น (เจโทรกรุงเทพ) เข้าพบ รมว.พาณิชย์ว่า เจโทรแสดงความเป็นห่วงกรณีที่ไทยเกิดปัญหาต่างๆขึ้นในประเทศ ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนลดลงจึงต้องการให้ไทยปรับปรุงปัจจัยด้านต่างๆ เพื่อทำให้ความน่าสนใจลงทุนกลับคืนมา “เจโทรได้ติงปัจจัยแวดล้อมภาพรวมที่ทำให้การลงทุนในไทยน่าสนใจลดลง ทั้งเรื่องความอ่อนแอทางสังคม บุคลากรไม่มีทักษะทางด้านแรงงาน ไม่มีการจัดการวางแผนที่ดีพอ ผลกระทบจากค่าเงินบาท ปัญหาการเมือง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ไทยสูญเสียการแข่งขันเรื่องการลงทุนเพราะถนนการลงทุนทุกสายมุ่งเข้าสู่เวียดนามแทน แต่เจโทรย้ำว่า จนถึงขณะนี้นักลงทุนญี่ปุ่นในไทยยังเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทยต่อไป”

นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของเดือนพ.ค.ปีนี้ยังขยายตัวดีขึ้น การบริโภคภายในประเทศและทิศทางการลงทุนภาคเอกชนที่เคยเป็นห่วงก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงไตรมาสแรกของปีนี้โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 1% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ติดลบ 0.4% และสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่เคยติดลบ 1.7%

ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนน่าจะฟื้นขึ้นได้จากปัจจัยที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายเพิ่ม ภาวะดอกเบี้ย อยู่ในระดับต่ำ และการเมืองเริ่มชัดเจนจากกำหนดวันเลือกตั้งได้แน่นอนน่าจะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นมากขึ้น และดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจด้านการลงทุนได้ปรับสูงขึ้นกว่าระดับ 50 จุด ได้เป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ต้นปี โดยอยู่ที่ 50.7% และความเชื่อมั่นในระยะ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 55.1 จุดแล้ว จึงเชื่อว่าการลงทุน จะปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงต่อไป.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=52335

แล้วผมจะเชื่อใครดีครับเนี่ยท่านนายกสุรยุทธแกเป็นชายชาติทหารแถม "จริยธรรมล้นปรี่" อีกตะหากแกบอกว่าเศรษฐกิจจะโตไม่หยุด คนดีๆอย่างท่านคงไม่โกหก:-)ตลบแตลง(มั๊ง)

แต่อีกท่านเป็นเอกชนที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคบอกว่า "จะบ้าเรอะ ของตูขายไม่ออก คนไม่มีตังค์ซื้อ" แล้วที่นี้ผมจะเชื่อใครดีล่ะครับ ใครทราบบอกผมที...

แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 50 13:37:10

จากคุณ : ผีน่ารัก - [ 30 มิ.ย. 50 13:22:24 ]

http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5562048/P5562048.html

______________________________________________________

.

จากคุณ : หนึ่ง [ ๑ ] - [ 3 ก.ค. 50 12:18:56 A:124.121.66.168 X: ]