ความคิดเห็นที่ 1 เสียงข้างมาก และความถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความถูกต้อง ไม่มีในหมู่นักการเมือง เสียงข้างมาก  ได้มาจากการโกงหรือซื้อเสียง โอย  เป็นมาตั้งแต่เกิดจนตาย................ จากคุณ : ยัยปุย - [ 10 ก.ค. 50 09:09:07 A:202.29.6.19 X:202.29.6.226 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คนเดียวเสียงเดียว ยุติธรรมที่สุดแล้ว อย่าไม่กล้ำกลายสิทธิ ของผู้อื่นน่ะ ดีที่สุดแล้ว สังคมจะได้ไม่ยุ่งเหยิง จนเสียกระบวนจนขัดแย้ง ทางความคิดกันไปหมด แตกแยกทางความคิด ก็เอามาขยายความจนเป็น ข้อขัดแย้งทางสังคม คิดกันบ้างไหมทำอะไร ให้บ้านเมืองบ้างในยาม บั้นปลายของชีวิตแล้วน่ะ หัวก็หงอกกันหมดแล้วผ่านโลกก็มาก ทำไมไม่คิดว่าที่ผ่านมาในชีวิตก็ปกติสุขดีอยู่แล้ว......เฮ้อออออ จากคุณ : bckan5 - [ 10 ก.ค. 50 09:24:27 A:125.27.91.38 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลักสำคัญของประชาธิปไตยคือทุกคนเท่าเทียมกันเสมอภาคกัน แต่ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ละเมิดหลักความเท่าเทียมกัน อย่างชัดเจน ในรธน.กำหนดว่าสว.มาจากสองส่วนส่วนแรกแต่งตั้งโดยองค์กรชั่วคราว 74 คน  เมื่อเวลานี้บ้านเมืองถูกครอบงำจาก คมช.องค์กรนี้ก็ย่อมถูกครอบงำด้วย คมช. ทำให้เสียงในสว. เป็นของ คมช.ถึง 74 เสียง คมช.คือเผด็จการ สว.ในส่วนนี้จึงรับใช้เผด็จการมากกว่าประชาชน วุฒิสภาส่วนที่สองมาจากการเลือกตั้ง จังหวัดละหนึ่งคน จังวัดมีประชากรมากกว่าล้านหรือไม่กี่แสนคนก็มีสมาชิกวุฒิสภาเท่ากันคือหนึ่งคน เช่นโคราชประชากร กว่า สามล้านคน มี สว.เพียง 1 คนเท่ากับ ระนองที่มีประชากร เพียง สองสามแสน เลียนแบบอเมริกา วุฒิสมาชิก หนึ่งรัฐต่อหนึ่งคน แต่อเมริกาวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมดจึงมีสภาพเป็นหัวมงกุฏท้ายเควี้ย เป็นการละเมิดหลักความเท่าเทียมกันอย่างชัดเจนเสียงของวุฒิส่วนนี้จึงไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนทั้งหมด วุฒิสภามีอำนาจมากมายตาม รธน.40 ซึ่งรธน.50ก็ยกมาบัญญัติไว้ทั้งดุ้น แต่เดิมวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งตามหลักความเท่าเทียมกัน ถือได้ว่าเป็นของประชาชนแท้จริง เท่ากับเอาภูตผีปีศาจมาสวมชุดประชาธิปไตยนั่นเอง แต่เพียงบทนี้ ก็รับไม่ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีการละเมิดหลักความเท่าเทียมกันแฝงไว้หลายส่วนเช่น การเลือกตั้ง สส. พวงใหญ่เบอร์เดียว เป็นตัน สว.และ สส.เป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชนเมื่อไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง การออกกฏหมายจึงไม่มีทางที่จะทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง บ้านเมืองไปในทิศทางใด ??? ถ้า รธน.50 ไม่ผ่าน และ คมช.ออกไป จะมีการเลือกตั้งโดย กติกาตาม รธน.ฉบับเดิมคือ 40 ใน 60 วัน การกระทำใดๆที่คมช.ทำไปเป็นโมฆะทั้งสิ้น คมช.จะต้องรับโทษฐานกบฎ บ้านเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ววัน เป็นปกครองโดยคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ถ้า รธน.50 ไม่ผ่าน และคมช.ยังอยู่ ก็มีการเลือกตั้งตาม รธน.ที่คมช.ยกมาใช้ ถ้าเอา รธน.2540 หรือ รธน.2517 มาใช้ ปัญหาจะน้อยกว่า เอารธน.อื่นมาใช้ คมช.จะออกกฏหมายเผด็จการเพิ่มอำนาจให้ตนเองมาบังคับใช้ บ้านเมืองจะวุ่นวายไม่จบสิ้น ถ้า รธน.50ผ่านและคมช.สลายตัวไปเป็นสภากลาโหมหรือส่งนอมินีมาเป็น สว.บ้านเมืองจะวุ่นวายต่อไปเพราะ เป็นสภาเผด็จการจะมีการออกกฏหมายเผด็จการเช่น พรบ.ความมั่นคง ขึ้นมาใช้เพราะเผด็จการกลัวการเอาคืน สรุบก็คือ ถ้า รธน.2550 ผ่านออกมาบังคับใช้บ้านเมืองจะวุ่นวายต่อไป เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงต่อต้านแต่ถูกบังคับกดหัวเอาไว้ด้วยกระบอกปืน ประชาชนเหล่านั้นก็ย่อมหาทางต่อสู้ด้วยวิธีการอื่นๆเช่น เป็นขบวนการใต้ดิน เป็นขบวนการก่อการร้าย จากคุณ : NOOKLOOK - [ 10 ก.ค. 50 10:14:17 A:125.27.91.170 X: ]