ความคิดเห็นที่ 1
แต่ดีนะครับที่ท่านทักษิณไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เพราะถ้ารู้จักใช้หลักกาลามสูตร ลองตรองดูแล้วท่านน่าจะถูกกล่าวหาโดยข้อหาปัญญาอ่อนไร้สาระ ไม่ประเทืองปัญญาซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มความเกลียดชังให้สาวกซะมากกว่าเพราะถ้าลองตรองดีๆจะพบว่า
1.มติคณะรัฐมนตรีเรื่องนี้ออกมาในวันที่ 25 พย. 46และเป็นวันเดียวกันกับที่กองทุนฟื้นฟูประกาศให้มีการประมูลที่ดินรัชดารอบ 3 ทักษิณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะประมูลได้หรือเปล่ากระบวนการจะเสร็จวันไหนจะประกาศให้วันที่ 31 ธันวา 49เป็นวันทำงานเพื่อประโยชน์ตัวเองได้อย่างไรครับ....
2.มติครม.ในวันนั้นให้เหตุผลว่าอย่างนี้ครับ...
คัดลอกพอสังเขป...
. . .
31. เรื่อง กำหนดให้วันที่ 2 มกราคม 2547 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ กำหนดให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2547 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ และให้วันพุธที่ 31 ธันวาคม 2546 เป็นวันปฏิบัติราชการ
ทั้งนี้ การกำหนดให้วันที่ 2 มกราคม 2547 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เป็นการดำเนินการแนวทางเดียวกับวันหยุดเทศกาลปีใหม่ในปีที่แล้ว จะช่วยลดปัญหาการใช้สิทธิลาก่อน หลังวันหยุดราชการเพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่องกับวันหยุดประจำสัปดาห์ ทำให้ข้าราชการ ลูกจ้างของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมครอบครัว และภูมิลำเนาของตน รวมทั้งเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ สำหรับรัฐวิสาหกิจ และหน่วยราชการใดที่มีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนหรือราชการสำคัญที่จะต้องดำเนินการในวันดังกล่าว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายต่อทางราชการหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ก็ให้รัฐวิสาหกิจและหัวหน้าส่วนราชการนั้น ๆ พิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
http://www.eppo.go.th/admin/cab/cab25nov46.htm
ผมถือว่าเหตุผลฟังขึ้นนะครับเพราะนอกจากจะช่วยไม่ให้ลูกจ้าง,ข้าราชการสิ้นเปลืองวันลาโดยใช่เหตุแล้วยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกตะหาก เก่งจัง...
แล้วช่วยไม่ให้ข้าราชการและลูกจ้างสิ้นเปลืองวันลาอย่างไร...ก็ลองเปิดปฏิทินดูก็จะพบว่าในปี 2546 วันที 31 ธค.ตรงกับวันพุธ ดังนั้นในวันที่ 2 มกราคม 2547ซึ่งตรงกับวันศุกร์ก็จะเป็นวันทำการซึ่งคงไม่มีใครอยากมาเท่าไร บางคนบ้านไกลๆก็กลับบ้านไม่ได้เพราะวันหยุดไม่ติดต่อกัน รัฐบาลทักษิณก็เลยให้มาทำงานในวันที่ 31 ธค.และให้หยุดในวันที่ 2 มกราคมไงครับ
3.ในคำฟ้องของคตส.คดีที่ดินรัชดามีตอนหนึ่งว่าอย่างนี้ครับ
คัดลอกพอสังเขป
. . .
ต่อมากองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินแปลงดังกล่าวใหม่ โดยกันส่วนที่เป็นสาธารณะประโยชน์ออก การแบ่งแยกที่ดินจาก 13 โฉนด เหลือเพียง 4 โฉนด เลขที่ 2298, 2299, 2300 และ 2301 เหลือเนื้อที่เพียง 33-0-78.9 ไร่ แล้วประกาศประมูล เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 โดยกำหนดให้ผู้เข้าประกวดราคาต้องวางเงินมัดจำการยื่นซองเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท ซึ่งเกิน 10% ตามที่ระบุในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นระเบียบที่นำมาใช้ในการปฏิบัติ มีผู้ซื้อแบบ 4 ราย แต่มีผู้ยื่นซองเสนอราคาและชำระเงินมัดจำการยื่นซอง 3 ราย คือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 730,000,000 บาท, บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 750,000,000 บาท และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นคู่สมรสจำเลยที่ 1 เสนอราคา 772,000,000 บาท
กระทั่งคณะกรรมการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯอนุมัติให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ชนะการประมูลและกำหนดให้จำเลยที่ 2 นำเงินมาชำระก่อนวันที่ 29 ธันวาคม 2546 ต่อมาได้ทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิพร้อมส่งมอบที่ดินวันที่ 30 ธันวาคม 2546 โดยการทำนิติกรรมจำเลยที่ 1 ได้ลงนามยินยอมพร้อมแสดงสำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทข้าราชการการเมือง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=59451
สรุปสั้นๆได้ว่า คุณหญิงพจมานได้ชำระเงินตั้งแต่วันที่ 29 ธันวา(เป็นอย่างน้อย)และการโอนเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 49 แล้วครับไม่มีความจำเป็นต้องประกาศให้วันที่ 31 ธค.เป็นวันทำงานแต่อย่างใด...
ดังนั้นการปล่อยข่าวให้ร้ายผู้อื่นทั้งที่ตนเองก็รู้อยู่แล้วว่าไม่จริงโดยมีเป้าหมายหลอกลวงคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์(ถ้าสำนวนที่สนธิใช้ก็ต้องบอกว่า เข้าไม่ถึงข้อมูลเหมือนที่คนดูเอเอสทีวีได้รับ)นั้น ผมถือว่าชั่วซะยิ่งกว่าที่ผมด่าเอาไว้ด้านบน และขอให้ที่ผมแช่งเอาไว้ตามกระทู้กลับไปหาคนปล่อยข่าวเพื่อสร้างความแตกแยกในสังคมเพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเองโดยเร็วครับ 555555
จากคุณ :
Casper (ผีน่ารัก)
- [
18 ก.ค. 50 14:45:22
A:125.27.5.242 X:
]
|
|
|