หมายศาล ค้นบ้านพัก ไม่ต้องมี? ม 32 ม 3
รัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชน ต้องสนใจ และพิจารณาให้ดี ก่อนจะไปลงมติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ว่า จะเห็นชอบ หรือ ไม่เห็นชอบ โดยเฉพาะ มาตรา 32 และ มาตรา 33 ซึ่งเป็นอันตรายแก่ประชาชนอย่างมาก เพราะเปิดโอกาสให้ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร กลั่นแกล้งประชาชนได้โดยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย และปิดโอกาสประชาชน ที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี เพื่อปกป้องตัวเองด้วย
มาตรา 32 เขียนไว้ว่า การจับกุม และ การคุมขังบุคคล จะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่ง หรือหมายของศาล หรือ มีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ การค้นตัวบุคคล หรือ การกระทำใดอันกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้ เว้นแต่ มีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 33 เขียนไว้ว่า การเข้าไปในเคหสถาน โดยปราศจากความยินยอมของผู้ครอบครอง หรือการตรวจค้นเคหสถาน หรือในที่รโหฐาน จะกระทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่ง หรือ หมายของศาล หรือ มีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
มาตรา 32 และ มาตรา 33 เขียนไว้ว่า การจับกุม คุมขัง ค้นตัว ค้นบ้านพักอาศัย สถานที่ทำงาน สถานที่ส่วนตัวของประชาชน ทำได้ 3 วิธี คือ
1. คำสั่งของศาล 2. หมายของศาล และ 3. เหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติ
หากลงมติ เห็นชอบ รัฐธรรมนูญ 2550 ประชาชน จะต้องพบกับสภาพการณ์เช่นนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การที่รัฐธรรมนูญ 2550 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ข้าราชการ กระทำเช่นนี้ได้ จะกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน อย่างมาก และเป็นการเปิดโอกาสให้ข้าราชการที่ไม่ดี กลั่นแกล้ง รังแก ปฏิบัติด้วยความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน ได้ตามอำเภอใจ เพราะเพียงแต่อ้างว่ามี เหตุ ก็ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องมีหมายศาลมาแสดง และไม่ต้องรับผิด เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ความคุ้มครอง
ตำรวจ ค้นตัว ค้นบ้าน จับกุม คุมขัง ประชาชนได้ โดยอ้าง..... เหตุตามกฎหมายอาญา.....ว่าจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่ามียาเสพติดไว้ในครอบครอง ลักลอบเล่นการพนัน เป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน ซึ่งมีโทษถึงยึดทรัพย์
ทหาร ค้นตัว ค้นบ้าน จับกุม คุมขังประชาชนได้ โดยอ้าง .....เหตุตามกฎหมายรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร..... ว่ามีพฤติกรรมเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หรือ กองทัพ
ป่าไม้ ค้นบ้าน จับกุม คุมขังประชาชนได้ โดยอ้าง..... เหตุตามกฎหมายป่าไม้ .....ว่าได้รับแจ้งครอบครองไม้เถื่อน บุกรุกเขตป่า ตัดไม้ เผาถ่าน หาของป่า มาขาย
สรรพสามิต ค้นบ้าน จับกุม คุมขังประชาชนได้ โดยอ้าง .....เหตุตามกฎหมายสรรพสามิต .....ว่าได้รับแจ้งต้มเหล้าเถื่อน หรือ ขายเหล้า หรือ ขายบุหรี่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
สรรพากร ค้นบ้าน ค้นที่ทำงาน บริษัท ห้างร้าน ได้โดยอ้าง.....เหตุตามกฎหมายรัษฎากร......ว่าตรวจสอบพบว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายหลีกเลี่ยงการเสียภาษี
พาณิชย์จังหวัด ค้นร้านจำหน่ายวีซีดี ดีวีดี โรงงานผลิต วีซีดี เคเบิลทีวี ได้ โดยอ้าง..... เหตุตามกฎหมายลิขสิทธิ์ .....ว่าได้รับแจ้งมีการขายซีดีเถื่อน ปั๊มซีดีเถื่อน
อำนาจที่เจ้าหน้าที่รัฐ หรือข้าราชการ ได้รับจากรัฐธรรมนูญ 2550 นี้ ก็เหมือนกับก่อนที่จะมีรัฐธรรมนูญ 2540 คือ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ข้าราชการอื่นๆ มีอำนาจค้นตัว ค้นบ้าน ประชาชน โดยไม่ต้องมีหมายศาล แต่ อำนาจนี้หมดไป เพราะรัฐธรรมนูญ 2540 ที่เขียนโดยตัวแทนประชาชน กำหนดไว้ว่า การจับกุม คุมขัง ค้นตัว ค้นบ้าน สถานที่ส่วนตัวของประชาชน จะกระทำมิได้ จนกว่าศาลจะออกหมายค้นให้ เท่านั้น
แต่เมื่อคณะทหาร ตำรวจ ข้าราชการ มาเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 ก็คืนอำนาจให้ข้าราชการ เป็นใหญ่ ไม่ต้องรับผิด ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง จากการกระทำละเมิดสิทธิประชาชน เหมือนก่อนจะมีรัฐธรรมนูญ 2540 อีก ทำให้ประชาชนต้องเสียเปรียบ และไม่สามารถป้องกันตัวเอง จากการถูกข้าราชการรังแก กลั่นแกล้ง ได้อีกครั้ง
ประชาชนสามารถหยุดยั้งการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของข้าราชการ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้ด้วยการลงมติ รัฐธรรมนูญ 2550 ในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 เพื่อเป็นการแสดงพลังประชาชนให้ปรากฎว่า ประชาชนไม่ต้องการตกเป็นเบี้ยล่างข้าราชการ และไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ที่ให้ข้าราชการมีอำนาจรังแกประชาชน โดยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย..
เพียงแต่อ้างว่ามี เหตุ ก็ดำเนินการได้ โดยไม่ต้องมีหมายศาลมาแสดง และไม่ต้องรับผิด เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ให้ความคุ้มครอง
เหตุ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ เอง มิใช่ดุลพินิจของศาล ซึ่งการจะอ้างว่ามี เหตุ สามารถทำได้ง่ายมาก เช่น จากการสืบสวนสอบสวน ได้รับข้อมูลจากใบปลิว บัตรสนเท่ห์ จดหมายร้องเรียน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ต และพิจารณาแล้ว เห็นว่ามี เหตุ อันสมควรเข้าค้น จับกุม คุมขัง ได้ เนื่องจากกฎหมายให้อำนาจไว้ เช่น....
มาตรา 36 เขียนไว้ว่า....
บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย
การตรวจ การกัก หรือ การเปิดเผยสิ่งสื่อสารที่บุคคลมีติดต่อถึงกัน รวมทั้งการกระทำด้วยประการอื่นใดเพื่อให้ล่วงรู้ถึงข้อความในสิ่งสื่อสารทั้งหลายที่บุคคลมีติดต่อถึงกัน จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
สาระสำคัญของ มาตรา 36 นี้ก็คือ ว่า เจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ข้าราชการ ทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง มีอำนาจดักฟังโทรศัพท์ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องรับโทษ ไม่มีความผิด เมื่อมีกฎหมายรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร บังคับใช้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาล และ คมช. กำลังผลักดันออกมาด้วยความเร่งรีบ เพื่อให้การดักฟังโทรศัพท์ เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าขณะนี้กฎหมายรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ยังไม่บังคับใช้ แต่หากประชาชนลงมติ เห็นชอบ รัฐธรรมนูญ 2550 ก็เท่ากับว่ายินยอมให้ตำรวจ ทหาร ดักฟังโทรศัพท์ได้ทันที ในจังหวัดต่างๆ เกือบครึ่งประเทศ เนื่องจากขณะนี้มี 36 จังหวัด ที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายรักษาความมั่นคงของรัฐ ฉบับหนึ่ง
ดังนั้น ก่อนจะลงมติในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ประชาชนทุกคน จะต้องพิจารณาให้ดี ให้ถี่ถ้วน และเห็นอันตราย ที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เสียก่อน หากลงมติ เห็นชอบ ก็เท่ากับว่า ยินยอมที่จะให้ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง มีอำนาจเหนือประชาชน ละเมิดสิทธิของประชาชน ได้ โดยไม่ต้องรับผิด ทั้ง ค้นตัว ค้นบ้าน ค้นที่ทำงาน จับกุม คุมขัง ดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ ที่ร้ายแรงมากที่สุด และจะส่งผลให้ประเทศไทยไม่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ หรือ ระดับสากล การลงทุน การค้า การธุรกิจระหว่างประเทศ ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
ที่มา :
http://www.sae-dang.com/cgi-bin2/dangBoard/OpenMessage.php?no=22308
--------------------------
พวกนี้ พรบ.ความมั่นคงถูกด่าถูกดอง เลยเตรียมแผนสองไว้จริงๆ ด้วย ยังดีนะที่มีคนรู้ทัน ( ผมอ่านผ่านตรงนี้ตอนแรกยังไม่เอะใจเลย )
จากคุณ :
TonyMao_NK51
- [
วันรพี 23:07:32
A:58.9.234.186 X:
]