เอกสารประมวลผลการดำเนินงานของรัฐบาล 5 ปี ภายใต้การบริหารงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ปรากฏว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประเทศโตขึ้นจาก 4.9 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2544 และเมื่อสิ้นสุดปี 2548 เพิ่มเป็น 7.1 ล้านล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มกว่า 40% (แล้วจะให้ใครมาทำให้ว่ะเนี้ยะ หันไปทางไหนก็มีแต่หน้าจริยะทำทั้งนั้น)
ประชาชนไทยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น 38.7% จาก 79,100 บาท เมื่อปี 2544 เพิ่มขึ้นมาเป็น 109,700 บาท ในปี 48 (ใบ้แดกเลยเมิง แล้วใครจะมาทำให้คนรากหญ้าได้ละว่ะที่นี้ สมน้ำหน้าอยากไล่กันดีนัก)
ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เงินสำรองของประเทศมีจำนวน 32,600 ล้านเหรียญสหรัฐ จนมาถึงปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 53,370 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับสูงขึ้น 63.4% (เป็นไงหล่ะ ถลุงกันใกล้เกลี้ยงหรือยัง)
ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี หนี้ต่างประเทศอยู่ที่ 79,715 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน ลดลงเหลือ 51,588 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือลดลง 33.3% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงจาก 17.9% เหลือ 8.2% (เอ้า....เอาไปต้มกินบ้างก็ได้นะ สำหรับพวก 2.4 นะ....เพราะข้อมูลพวกเนี้ยะ มันอาจทำให้ต่อมสำนึกดี ทำงานได้เป็นปกติได้)
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 151.5% มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 242.0% การจ้างงานเพิ่มขึ้น 12.4% อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 1.8% เส้นความยากจนได้มีการปรับให้เป็น 1,243 บาทต่อเดือน คนจนลดลงเหลือ 7.5 ล้านคน
กล่าวสำหรับ รายได้เกษตรกรต่อคน ต่อปี ตอนต้นปี 2544 เท่ากับ 32,120 บาท ต้นปี 2548 รายได้เกษตรกรต่อคน ต่อปี เท่ากับ 52,320 บาท คิดแล้วเพิ่มขึ้น 62.9% ที่เป็นเช่นนี้ย่อมสัมพันธ์กับราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง (คนจนๆหายไปบานเลย คนที่เป็นคนชั้นกลางกระทบนิดหน่อยแน่ๆเลย กับการกินดีอยู่ดีของพวกเกษตรชาวรากหญ้าแค่นี้ก็อิจฉาแล้วหรือว่ะ)
ต้นปี 2544 ข้าวเปลือกเจ้า 10% กิโลกรัมละ 4.37 บาท ต้นปี 2548 ข้าวเปลือกเจ้า 10% กิโลกรัมละ 6.45 บาท
ต้นปี 2544 ข้าวหอมมะลิ กิโลกรัมละ 6.47 บาท ต้นปี 2548 ข้าวเปลือกเจ้า 10% กิโลกรัมละ 7.63 บาท
ต้นปี 2544 ยางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกรัมละ 21.90 บาท ต้นปี 2548 ยางแผ่นดิบชั้น 3 กิโลกัมละ 65.28 บาท (ตอนนี้เป็นไงหล่ะตายห่ากันหมดหรือยัง)
ขณะเดียวกัน การแบ่งรายได้และสัดส่วนผู้ประกอบการก็มีการเปลี่ยนแปลง
ปี 2543 ส่วนแบ่งรายได้ของคนระดับกลาง เท่ากับ 38.3% มาถึงปี 2547 ส่วนแบ่งรายได้ของคนระดับกลาง เท่ากับ 45.2%
ปี 2543 ส่วนแบ่งรายได้ของคนรายได้น้อย เท่ากับ 4.2% มาถึง 2547 ส่วนแบ่งรายได้ของคนรายได้น้อย เท่ากับ 6.4%
ปี 2543 ส่วนแบ่งรายได้ของคนรายได้สูง เท่ากับ 57.8% มาถึงปี 2547 ส่วนแบ่งรายได้ของคนรายได้สูง เท่ากับ 48.4%
แสดงว่ามาตรการสร้างเสถียรภาพและการฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วยสร้างและเพิ่มรายได้ ทำให้จำนวนคนจนลดลงจาก 12.8 ล้านคนในปี 2543 เป็นประมาณ 7.5 ล้านคนในปัจจุบัน มีการกระจายรายได้ที่ดีขึ้นโดยที่คนระดับกลาง (60%) ของประเทศมีส่วนแบ่งรายได้สูงขึ้น
(บทสรุป จาก "สภาพัฒน์" 5 ปี รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร)
ไม่อยากอ่านต่อแล้ว มันเสียดายและเสียใจ
ที่มา มติชนรายสัปดาห์ 3 มีนา 49
จากคุณ :
chiangraiplusสวัสดี
- [
16 ส.ค. 50 22:04:46
A:61.7.168.198 X:
]