การจำกัดคู่แข่งขั้วอื่น ที่เปรียบเสมือนตัวแทนประชาชน
อาทิเช่น พรรคพลังประชาชน ที่ยืนอยู่อีกข้าง (41%)
เป็นรายการมัดมือชกจากอำนาจเผด็จการชัดเจน
เพื่อให้เลือกตั้งพรรคขั้วเดียว มันไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว
การจับขั้วของพรรคการเมืองฝ่ายค้านเดิม+ฝ่ายแค้นใหม่
ที่เป็นเนื้อเดียวกันจนแทบจะแยกไม่ออกจากกัน
จะว่าไปแล้ว ขั้วที่ว่านี้ เปรียบเสมือนได้เป็น
"พรรคตัวแทนของกลุ่มอำนาจอำมาตยาธิปไตย"
หรือเปรียบได้ว่าเป็นการรวมตัวหลวมๆ จับขั้ว
เพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองแห่งชาตินั่นเอง
มีการอ้าง 3 สถาบัน เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตลอด
มองไปแล้วก็ไม่ต่างจากพรรคฟุนซินเปกของกัมพูชาเท่าใดนัก
ดังนั้นการที่มีพรรคการเมืองเดียว คนเดียวเข้าสมัคร
แม้จะมีคู่แข่งจากขั้วเดียวกันแต่ต่างพรรค ก็ถือเป็นนอมินี
ไม่นับเป็นตัวเลือกที่แตกต่างแต่อย่างไร เพราะถือเป็นการเกี้ยเซียะ
สัญญาณอันตรายนี้นับเป็นภัยวิบัติต่อระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่งยวด
ถือเป็นความไม่แนบเนียน ที่แสดงเจตนารมณ์จงใจตั้งธง
ในการนำสารพัดกลยุทธวิธีที่ค้นคิดขึ้นมาเพียงเพื่อใช้ช่วยเหลือพวกพ้อง
ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของกระบวนการต่างที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
กลไกของรัฐที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความได้เปรียบ
สุดท้ายคงลงเอยที่กระบวนการยุติธรรมในการให้คุณให้โทษ
ถ้ามีการยุบพรรคพลังประชาชนจริงก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
ประเทศไทยคงไปไกลจากคำว่า ประชาธิปไตย
ถึงชนิดที่ว่ากู่ไม่กลับ ไปไกลลิบลับ จนยากเกินจะเยียวยา
ความสมานฉันท์ ปรองดอง เริ่มต้นใหม่ เป็นแค่ลมปากเผด็จการ
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเผด็จการอำมาตยาธิปไตยคือ
ล้ม ทักษิณ
ล้าง ไทยรักไทย
เลิก ประชาธิปไตย
หากผู้มีอำนาจคิดว่าไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ คิดผิดไปซะแล้ว
เพราะนั่นคือหนทางแห่งหายนะ จุดจบของเผด็จการ
ด้วยพลังของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 50 12:36:11