นับจากที่พรรคพลังประชาชนได้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ของพลพรรคไทยรักไทย ภายหลังที่ต้องไร้ที่พักพิงเนื่องจากบ้านหลังเก่าถูกเผาด้วยฝีมือของเครือข่ายที่ยอมไม่ได้ที่จะเห็นความรุ่งเรื่องของพรรคไทยรักไทย
ย้อนกลับไปมองก่อนหน้านั้นสักนิด ก็จะเห็นว่า หลังจากที่พรรคไทยรักไทยมีคำสั่งถูกยุบพรรค หลายกลุ่มก็เริ่มเดินหมากการเมืองกันใหม่ ประชาธิปัตย์ "นั่งตีขิมอยู่บนกำแพง" พร้อมกับความคิดที่ว่าอีกไม่นานก็จะได้ผลลัพธ์ ของการลงทุนที่แสนจะคุ้มค่า "การเป็นผู้นำรัฐบาล กับ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอภิสิทธิ์" พรรคชาติไทย การเป็นแนวร่วมฝ่ายค้านเดิม รวมถึงการร่วมบอยคอตการเลือกตั้ง ตลอดจนการออกมาแสดงบทบาท "ทาสในเรือนเบี้ย" ให้กับฝ่ายยึดอำนาจ ก็จะได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกัน สมาชิกของพรรคไทยรักไทยเดิมคงจะแห่กันเข้ามาในพรรคชาติไทย เสมือนกับการดักปลาไว้ปากทางน้ำของบ่อปลาที่แตก พรรคชาติไทยคงถึงเวลาที่เติบโต และจะได้มีอำนาจในการต่อรองทางการเมือง หลังจากที่เฉามานานจากการเติบโตและการได้รับความไว้วางใจจากประชาชนของไทยรักไทย แนวความคิดเช่นนี้ยังรวมไปถึง "มหาชน"ของ เสธฯ หนั่น ผู้เฒ่าที่ยังไม่เลิกหวัง และ "ประชาราช" ของเสนาะผู้หลุดพ้นโซ่ตรวนทางการเมือง
นอกจากนั้น ยังมีนักการเมืองผู้"เชี่ยว"ในเกมการเมือง และไม่สนใจกับคำว่า "สุภาพบุรุษ" หรือ "เพื่อนแท้" ว่ามีความหมายอย่างไร อย่างนายสมศักดิ์ฯ หรือ นายสุวัจฯ ที่มองสถานการณ์แล้ว มีข้อสรุปว่า สิ่งที่ควรจะทำเมื่อเห็น "บ่อปลาใหญ่แตก" นั่นคือ การดักไซปากบ่อปลา หมายที่จะเห็นปลาที่ไร้ที่อยู่เข้ามาหวังพึ่งอาศัย และสร้างผลกำไรให้กับเจ้าของ
ทุกอย่าง กำลังเดินไปสู่ทิศทางที่หลายฝ่ายคาดหวัง "ง่ายกว่าที่คิดไว้"
แต่แล้ว ท่ามกลางแดดการเมืองอันแผดกล้า ก็พลันเกิดสิ่งที่ทำให้ความหวังของหลายฝ่ายนั้นต้องพังครืน ปลาที่บ่อเลี้ยงแตก และ ว่ายหนีออกมาอย่างไร้ทิศทาง กลับมีน้ำวนพัดหมุนให้มารวมกัน พบหน้ากัน และรวมพลังกัน ที่จะว่ายไปในทิศทางเดียวกัน เป็นบ่อเลี้ยงสำรองที่แสนจะอบอุ่นเช่นเดิม
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำให้การเมืองเปลี่ยนโฉม เกมส์เปลี่ยนแผน และ เป้าหมายเปลี่ยนผล พรรคประชาธิปัตย์ที่นั่งกระหยิ่ม พรรคชาติไทย มหาชน และ ประชาราช ที่มีความหวังเต็มเปี่ยมกับความเติบโตและอำนาจต่อรองทางการเมือง กลุ่มการเมืองที่หวังจะได้ตัวบุคคลที่จะเสริมบารมีให้เกิดกับกลุ่มและเป็นฐานรองรับให้กับใครบางคนทางการเมือง ล้วนต้องผิดหวัง และกลับมาสวมหน้ากากเล่นละครบทใหม่ให้ประชาชนดู โดยเก็บความชอกช้ำจากความหวังที่พังครืนไปไว้ไม่ให้ใครเห็น
ครั้นเมื่อ พรรคพลังประชาชน มีการประกาศหัวขบวนขึ้นมาอย่างชัดเจน "สมัคร สุนทรเวช" ชื่อนี้ เป็นที่รับรู้กันในทางการเมืองว่า ไม่ใช่ธรรมดา โดยเฉพาะการแข่งขันในสนามกรุงเทพฯ การเบียดชิงกันอยู่เดิมระหว่าง ไทยรักไทย กับ ประชาธิปัตย์ เมื่อมีนายสมัครฯเข้ามาเป็นปัจจัยใหม่อีกตัว ก็จะเป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญ และจะส่งผลต่อจำนวนผู้ได้รับเลือก มาก-น้อย ของประชาธิปัตย์
อันมีผลสำคัญยิ่งที่จะแย่งธงในการเป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่
"พลังประชาชน" จึงไม่ใช่แค่ปรากฎการณ์รวมตัวของนักการเมืองใหม่เท่านั้น ถึงเวลานี้ กลับเป็นหนามยอกอกทางการเมืองให้กับหลายพรรค และนักการเมืองหลายกลุ่ม ที่ยังเก็บอาการเจ็บไว้ในอกจนจุกเสียดไปหมด
.
แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 50 14:20:37
จากคุณ :
ศรีธนญชัย 
- [
1 ก.ย. 50 14:16:21
A:203.113.71.200 X:
]
ความชัดเจนของ"พรรคพลังประชาชน" สร้างความระส่ำได้มากกว่าที่เห็น
