ความคิดเห็นที่ 10
b>1.ความเป็นมา
แนวคิดในการขุดคลองกระ มีมานานกว่า 300 ปีแล้ว ได้มีการสำรวจมาหลายสมัย ซึ่งมีทั้งผู้สนับสนุนและต่อต้าน แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ตามที
เพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการนี้ ได้มีการศึกษาทั้งโดยหน่วยงานต่างๆหลายหน่วย ที่ได้ทำการศึกษาไม่ว่าในยุคใดสมัยใด ต่างก็ให้ผลค่อนข้างตรงกัน ซึ่งสถาบันพาณิชยนาวี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ดร.กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ ได้รวบรวมมานำเสนอ เพื่อประโยชน์ในการเรียนการสอน และได้เขียนในหนังสือ กลยุทธ์บริหารธุรกิจการขนส่งทางเรือ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังมีใจความสรุปได้ดังต่อไปนี้
2. ข้อเท็จจริง
- คลองกระ เป็นคลองที่จะขุดขึ้น เพื่อเชื่อมทะเลอันดามัน กับอ่าวไทย มีความยาวประมาณ 102 กิโลเมตร กว้าง 450 เมตร ลึก 20 เมตร คาดว่าสามารถรองรับเรือผ่านคลองได้ราว 40 ลำต่อวัน (ดูตารางเปรียบเทียบกับคลองอื่นๆในลักษณะเดียวกัน)
- ค่าขุดคลองโดยใช้วิธีการขุดปกติ ใช้เงินลงทุน 814,448 ล้านบาท ระยะเวลาขุด 10-15 ปี หรือถ้าขุดโดยใช้ระเบิดนิวเคลียร์ จะใช้เงินลงทุน 435,849 ล้านบาท ระยะเวลาขุด 8-13 ปี
- ประมาณการรายรับ แบ่งออกเป็น รายได้จากค่าผ่านคลอง และรายได้จากการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมบริเวณข้างคลอง ในสัดส่วน 80:20 โดยอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า ช่องแคบมะละกาถูกปิด และเรือจะวิ่งมาผ่านคลองกระแทน จำนวน 220000 ลำต่อปี โดยเป็นเรือบรรทุกน้ำมันจะมีสองขนาดคือ 250000 ตัน และ 500000 ตัน อย่างละ 50% โดยคิดค่าผ่านทางเฉลี่ย ที่ตันละ 0.50 - 1.00 เหรียญสหรัฐต่อตัน
- ค่าใช้จ่ายของเรือ สำหรับเรือบรรทุกน้ำมันขนาด 250,000 ตัน คิดอยู่ที่ $70,800 US ต่อวัน
- โครงการขุดคลองกระ เป็นโครงการที่เริ่มขุดทำแล้วต้องขุดให้เสร็จ มิฉะนั้นจะไม่ได้รับผลตอบแทน เลย โดยหากขุดแล้ว ไม่ขุดให้สำเร็จ จะเป็นการลงทุนที่เกือบจะเรียกได้ว่า สูญเปล่า ใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทบไม่ได้เลย
- การขุดคลอง ยังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบในเชิงนิเวศน์ รวมถึงการศึกษาแผนพัฒนาเขตอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในเขตบริเวณคลอง ซึ่งจากผลการดำเนินงานของคลองอื่นๆที่ได้มีการขุดไปแล้ว พบว่า เขตอุตสาหกรรมในบริเวณคลอง ไม่ประสบผลสำเร็จในเชิงเศรษฐกิจ
- เส้นทางผ่านคลองจะช่วยลดระยะทางเส้นทาง ยุโรป - ญี่ปุ่น ได้ 585 กิโลเมตร
3.1. ผลการศึกษาของบริษัทที่ปรึกษา TAMS ผลการศึกษาของ TAMS (Tippets Abbett McCarthy Straton) โดยสถาบัน Fusion Energy Foundation (FEF) ในปี 2516 และปรับปรุงล่าสุดโดยคณะกรรมกาธิการวิสามัญของรัฐสภาในเดือนกันยายน ปี 2540 สรุปประเด็นได้ว่า - คลองกระจะช่วยให้เรือประหยัดเวลาเดินทาง จากเดิมที่เคยผ่านช่องแคบมะละกา ลงได้ 11 ชม. (คิดที่ความเร็ว 29.6 กม./ชม.) - คิดเป็นรายได้รวมทั้งสิ้น 1.77 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลา 67 ปี - ระยะเวลาคืนทุน ไม่น้อยกว่า 50 ปี - รายได้นี้ คิดจากสมมุติฐานที่ว่า ช่องแคบมะละกาถูกปิด และเรือทุกลำ จำนวน 220000 ลำ ต่อมาวิ่งผ่านคลองกระแทน และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขยายตัวในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง - ค่าผ่านทางสำหรับเรือน้ำมันขนาด 250,000 ตัน จะอยู่ที่ 200,000 เหรียญสหรัฐต่อเที่ยว ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของเรือที่ลดลงเนื่องจากคลองสามารถช่วยประหยัดระยะเวลาเดินทางได้ 11 ชม. เป็นเงินเพียง 31,860 เหรียญสหรัฐต่อเที่ยว ซึ่งค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นนี้ อาจทำให้เรือยอมเสียเวลาเดินทางอ้อมผ่านช่องแคบมะละกาตามเดิมมากกว่า
3.2. ผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคม ผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคมในเดือน กรกฏาคม 2541 ได้วิเคราะห์ผลการดำเนินงานของการขุดคลองกระ โดยตั้งสมมุติฐานเบื้องต้นดังนี้ - อายุโครงการ 67 ปี - รวมเป็นค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 773,725 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าขุดคลอง 618,979 ล้านบาท และค่าดำเนินงาน/ค่าบำรุงรักษา (ตั้งแต่ปีที่ 15) จำนวน 154,745 ล้านบาท - คลองสามารถรับปริมาณการจราจรได้ 50,000 ลำต่อปี ที่การใช้ประโยชน์ของคลอง 80% - เรือทุกลำที่เคยวิ่งผ่านช่องแคบมะละกาจะต้องวิ่งผ่านคลองกระ - ขนาดของเรือที่ผ่านคลองกระ เฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 ตัน - จากอัตราค่าผ่านคลองที่ 0.5 เหรียญสหรัฐต่อตัน จะได้ค่าผ่านคลองราวปีละ 600 ล้านบาท เท่านั้น โดยมีประมาณการรายได้ขั้นสูงในปี 2000 อยู่ที่ 25,400 ล้านบาท ในขณะที่ถ้าต้องการ IRR 13% จะต้องมีรายได้ไม่น้อยกว่า 168,197 ล้านบาท ซึ่งนับว่า รายได้จริง ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก
3.3. ผลการศึกษาของสถาบันพาณิชยนาวี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลการศึกษาของจุฬาฯ ได้ใช้แนวทางในการคิดคำนวณทางตัวเลข 2 ตัว เพื่อตัดสินความเป็นไปได้ของโครงการ กล่าวคือ ระยะเวลาคืนทุน และอัตราผลตอบแทนการลงทุน โดยที่ เมื่อใช้ตัวเลข สมมุติฐานดังนี้ - ค่าใช้จ่ายในการขุดคลองด้วยวิธีปกติธรรมดา เป็นเงินประมาณ 800,000 ล้านบาท - คลองสามารถรับเรือได้ 14,000 ลำต่อปี โดยคิดค่าผ่านทาง 2 ล้านบาท โดยคิดจากอัตราสำหรับเรือน้ำมันที่มีขนาด 50,000 ตัน รวมเป็นเงินได้ 28,000 ล้านบาท ต่อปี
จะได้ระยะเวลาคืนทุนที่ 28.57 ปี (บวกระยะเวลาขุดคลองอีก 10 ปี รวมเป็น 38.57 ปี) โดยมีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 3.5 % ซึ่งเมื่อนำตัวเลขนี้มาคำนวณหาอัตราส่วนรายได้ต่อทุน (Benefit/Cost Ratio : BCR) , มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Worth : NPW) และ อัตราผลตอบแทนการลงทุนภายใน (Internal Return Rate : IRR) บนตัวเลขสมมุติฐาน ว่า รายได้จะเพิ่มขึ้นช่วงละ 25 % ทุกๆ 15 ปี จะได้ว่า
30ปี 40ปี 50ปี 60ปี BCR 0.473741 0.710985 0.903499 1.06186 NPW -269,595ล้าน -151,265ล้าน -51,349ล้าน 33,343 ล้านบาท IRR 1.9751 5.8570 7.3184 8.3173
อนึ่ง เกณฑ์การตัดสินใจในการลงทุน ของนักลงทุนทั่วไปนั้น จะพิจารณาจาก - ค่า BCR ต้องมากกว่า หรืออย่างน้อย เท่ากับ 1 - ค่า NPW ต้องมากกว่า หรืออย่างน้อย เท่ากับ 0 - ค่า IRR ต้องมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมแห่งชาติกำหนดไว้ที่ 8% ส่วนธนาคารโลกกำหนดไว้ที่ 12%)
เมื่อเปรียบเทียบ ตัวเลขที่คำนวณได้ข้างต้น และ เกณฑ์มาตรฐานของนักลงทุน จะพบว่า ดัชนีตัวเลขทุกตัวยืนยันตรงกันว่า ความเป็นไปได้ของโครงการนี้มีค่อนข้างน้อย และหากก่อสร้างจริง จะมีระยะเวลาคืนทุนไม่น้อยกว่า 60 ปี และยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขที่ได้นี้ ตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่ว่า สถานการณ์เป็นใจแบบสุดๆ เช่น เรือวิ่งผ่านคลองจำนวนมาก เป็นเรือขนาดใหญ่ที่ยอมจ่ายค่าผ่านทางราคาโหดๆ และสภาพเศรษฐกิจเอเชียรุ่งเรืองมากๆ ทำให้เก็บค่าผ่านคลองได้เพิ่มขึ้น 25% ทุกๆ 15 ปี ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
จาก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=spark&group=6 (ตอนนี้ไม่มีแล้ว)
จากคุณ :
เซ็ง (นารุ)
- [
2 ก.ย. 50 14:24:58
A:124.121.3.225 X:
]
|
|
|