ถ้าจะว่าไป เงื่อนไขหนึ่งที่มีส่วนในการทำให้การทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ประสบผลสำเร็จทั้งก่อนและหลังเหตุการณ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากสื่อมวลชนทุกแขนง
โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ ที่เราเรียกกันว่า ฐานันดรที่ 4*1
ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่รากหญ้าไปจนถึงศักดินา
ช่วงก่อนและหลังปฏิวัติเกือบขวบปี ไม่มีสื่อมวลชนแขนงใด
กล้านำเรื่องราวความจริงมาเล่า มีการบิดเบือนข้อมูล ลวงหลอกประชาชน
หรืออาจจะมีบ้างที่เสนอความจริง แต่ก็ต้องทำตัวเนียน ผลุบโผล่หลบซ่อนเพื่อความอยู่รอด
จนเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งหลงเชื่อคล้อยตามและสนับสนุนคณะผู้ก่อการรัฐประหาร
ยุคสมัยนั้นสามารถเรียกว่าเป็น "ยุคสื่อเลวครอบงำเมือง" ตามก้นผสมโรงนักวิชาการเผาตำรา
กลายเป็นเทรนแฟชั่นกลัวไม่ย้อนยุคไปกับม้อบกู้ชาติจอมอันธพาลข้างถนนที่กลาดเกลื่อนเต็มบ้าน
ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า เป็นช่วงเหตุการณ์ที่ไม่สามารถถามหาจรรยาบรรณ
ทวงถามความเป็นธรรมในความเป็นกลางที่ไม่สามารถหาได้จากสื่อเลว
ยุคแห่งความเสื่อมทรามในหน้าที่ ไร้จรรยาบรรณ หมดซึ่งจิตวิญญานในวิชาชีพสื่อมวลชน
บัดนี้เกิดอะไรขึ้นในไทยรัฐ บรรดาคอลัมนิสต์ถึงได้ช่างกล้าท้าชนอำนาจเผด็จการ
กล้าถ่ายทอดความเป็นจริงในแต่เรื่องราว ลำดับเท้าความที่มาที่ไป
กล้าสาวหาต้นตอ ความไม่ชอบมาพากลต่างๆ นาๆ ที่ได้กระทำขึ้น
จากสิ่งที่เคยกลัว ช่วยกันปกปิดและนำมาเสริมแต่งบิดเบือน "สู่ความเป็นจริงแท้"
สิ่งที่คอลัมนิสต์เขียนนั้นโดยเฉพาะไทยรัฐ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับชาวราชดำเนิน พันทิป*2
แต่ได้สร้างแปลกใจและดูแปลกประหลาดให้กับคนในสังคมส่วนหนึ่ง
กลุ่มชนที่เคยได้ถือหางสนับสนุนคณะผู้ก่อการรัฐประหารทั้งก่อนและหลัง
คนกลุ่มนี้คงต้องเกิดคำถามที่ชวนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสื่อที่เคยยืนขั้วเดียวกัน
ทำไมจากขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เท็จเป็นจริงในอดีตถึงได้กลับตาลปัตร
ทุกสิ่งที่คณะรัฐประหารทำ เคยเป็นความถูกต้อง สมควรเห็นดีเห็นงาม
พอกาลเวลาเปลี่ยน ความจริงเริ่มโผล่ ความชั่วก็ปรากฎ กลับกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย
ความแสลงใจเลยเข้ามาแทนที่ความภาคภูมิใจ ปลืมปิติยินดีถึงขนาดพากันแห่แหนไปมอบดอกไม้ติดปลายปืน
ผู้ที่ทำการถือหาง เลือกข้างอินเทรนตามกระแสยาม (เผาแผ่นดิน) จึงทำใจลำบาก
พวกที่ยังพอมีสติ มีปัญญากล้ายอมรับว่าหลงผิด เสียรู้ เสียสตางค์ ถูกต้มตุ๋น แล้ว u-turn กลับตัวกลับใจ
ออกมาร่วมแสดงตน ร่วมต่อต้านเผด็จการรัฐประหารยังถือว่าน่าชื่นชม ยกย่อง
สำหรับสื่อมวลชนที่ยังไม่ตื่นจากภวังค์ และยังพอมีจิตสำนึกความเป็นสื่อหลงเหลืออยู่บ้าง
ประชาชนชาวไทยส่วนหนึ่งขอส่งเสียงเรียกร้องไปยังคอลัมนิสต์ทั้งหลายว่า
"หลงทางเสียเวลา หลงศักดินาเสียอนาคต"
อย่าทำตัวถลำลึกลงไปยิ่งกว่านี้เลย กลับตัวกลับใจมาช่วยชาติบ้านเมืองตอนนี้ก็ยังไม่สาย
การมีอำนาจชั่วร้าย+ปืน มากดหัว ทำให้หลงผิด เห็นดีเห็นงามไปด้วย ยังพอจะเข้าใจได้
สิ่งที่คอลัมนิสต์ไทยรัฐหลายท่านได้กลับลำนำความจริงมาเปิดเผยสู่สาธารณะชน
เขียนข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินวิเคราะห์เอง
ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การทำดีย่อมได้ดีตอบแทน อีกทั้งยังสามารถช่วยฟื้นฟูจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ
สื่อที่ดีต้องกล้าแสดงความเป็นกลาง นำเสนอข่าวสารครบถ้วนทั้งสองด้าน และร่วมทวงถามความถูกต้อง
กลับมายืนเคียงอยู่ข้างประชาชน ช่วยต่อต้านอำนาจที่ไม่เป็นธรรมของเผด็จการ
สื่อทั้งหลายหากพร้อมที่จะกลับตัวกลับใจ ประชาชนคนไทยพร้อมให้โอกาสเสมอ
นอกเสียจากยอมรับว่า ตนเองเป็นลูกสมุน ขายจิตวิญญาน ตกเป็นทาสไพร่
ยอมเป็นสุนัขรับใช้เผด็จการ พลีทั้งกาย วาจา ใจ เพื่อหวังเศษ หวังเดน
*หมายเหตุ :
*1. ฐานันดรที่ 1 พระเจ้าแผ่นดินและขุนนาง
ฐานันดรที่ 2 พระ นักบุญ นักบวช (เพศบรรพชิต)
ฐานันดรที่ 3 กลุ่มชนชั้นปกครองบริหารราชการแผ่นดิน อาทิ เช่น ครม. สว.
ฐานันดรที่ 4 หนังสือพิมพ์
ฐานันดรที่โหล่ ภาระประชาชน ผลประโยชน์ส่วนตนต้องมาก่อน ทิ้งผลเสียผลักภาระยกให้เป็นเคราะห์กรรมของประชาชน
*2. ในช่วงเวลาที่สื่อแท้เป็นสื่อเทียม ทำหน้าที่บกพร่อง ไม่มีความสุจริตในหน้าที่
ชาวพันทิปกลุ่มหนึ่งได้ก้าวเข้ามาอาสาทำหน้าที่แทน อุทิศตน เสียสละทั้งเงินและเวลา
ลงพื้นที่ คุ้ยข้อมูล ค้นข่าวสาร หาความจริง มานำเสนอหักล้างกับสื่อแท้ที่ทำตัวเป็นสื่อเทียม
ใช้อินเตอร์เน็ตและเว็บไซค์เป็นช่องทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ในขณะนั้นในการนำเสนอ
ไม่ต้องไม่มีใครจ้าง ไม่หวังสิ่งตอบแทน มีมังกรดำเป็นคนแรกที่เป็นผู้ริเริ่มและทำ
เป็นต้นแบบที่ดีในการปฏิบัติ ตามมาด้วยสมาชิกหลายๆ ท่านที่เอาแบบอย่างจนปัจจุบัน
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 50 16:29:50
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 50 15:51:24
จากคุณ :
นักกวนเมือง
- [
3 ก.ย. 50 15:11:07
A:58.8.202.235 X:
]