การออกมาให้สัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการส่วนใหญ่ของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะมีคนต่อสายโทรศัพท์พูดคุยข้ามทวีปโดยมีคนกลางต่อสายให้ ก็มักจะเป็นการบันทึกแห้งในรูปแบบสื่อมัลติมีเดียหรือส่งตรงจากอังกฤษมายังเมืองไทยด้วยอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากนั้นก็มักจะให้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายออกมานั่งแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเพื่อใช้ในการตอบโต้ข้อสงสัยหรือข้อกล่าวหาทางคดีความของคณะทำงานต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นจากคมช.เพื่อมามุ่งเล่นงาน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร และผู้ที่ใกล้ชิดเป็นการเฉพาะเจาะจง

"อดีตนายกคุยเปิดอกกับประชาชนข้ามทวีป" จากที่ผ่านๆ มา นอกจากเนื้อหาหลักจะเป็นการทักทายปราศรัยห่วงใยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ซึ่งเป็นสายใยแห่งความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร กับ พี่น้องประชาชนเป็นอันดับแรกแล้ว ยังเป็นการถือโอกาสส่งสัญญาณผ่านไปยังผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญทุกครั้งมาโดยตลอด โดยมีนัยยะบ่งบอกถึงการถอยด้วยการวางมือทางการเมือง แต่ที่ผ่านๆ มามักได้รับการปฏิเสธตอบกลับจากฝ่ายตรงข้ามด้วยคำพูดตอบโต้และการกระทำทุกวิถีทางที่มุ่งขจัดทำลายรากฐานเครือข่ายทางการเมืองให้สิ้นซาก มีทั้งทำสำเร็จบ้าง อาทิเช่น คดียุบพรรคและตัดสิทธิการเลือกตั้งทั้ง ๑๑๑ คน และที่ทำไม่สำเร็จบ้างถ้ากิจอันใดที่มีเงื่อนไขโดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเกี่ยวข้องด้วย เช่น การทำลายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรและกลุ่มการเมืองพรรคไทยรักไทยเดิมไม่ประสบผลสำเร็จ หรือผลโหวตประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ 50 ที่เหนือความคาดหมาย ทั้งที่กลุ่มการเมืองไทยรักไทยไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนอย่างเต็มที่เท่าใดนัก

การปรากฏตัวครั้งล่าสุดผ่าน vcd ที่ใช้แจกจ่ายไปตามภูมิภาคตอนบนของประเทศ นอกจากจะมีการฝากฝังพรรคพลังประชาชนแล้ว ยังเป็นการบอกถึงเงื่อนไขในการขอกลับคืนเข้าประเทศอีกประการหนึ่ง ว่าจะกลับได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลของการเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยนำมาใช้เป็นปัจจัยที่ทรงอิทธิพลอันถือเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความกดดันในการเจรจาต่อรองเชิงรุกผ่านไปยังผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ว่าตนเองนั้น “ฆ่าไม่ตาย ขายไม่ขาด” แม้จะถูกย่ำยีทำลายเพียงใดแต่ก็ยังมีฐานมวลชนให้การสนับสนุนที่เกิดจากความศรัทธาของประชาชนที่มอบให้ หล่อหลอมรวมกันกับพรรคการเมืองไทยรักไทย รวมกันเป็นหนึ่งเดียวนิรันดร์ กลายเป็นสถาบันทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลศรัทธาบารมีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ผิดแผกแตกต่างไปจากศรัทธาที่สร้างด้วยภาพโฆษณาชวนเชื่อ เมื่อความจริงที่ซ่อนความชั่วร้ายปรากฏก็ได้เกิดปรากฏการณ์วิกฤตศรัทธาที่แผ่ขยายไปเป็นวงกว้างอย่างที่ไม่คาดคิด “ศรัทธาบารมีใหม่ที่เกิดจากผลงานจนเป็นที่ประจักษ์ได้สามารถมาแทนที่ศรัทธาบารมีเก่าที่เกิดจากอำนาจและภาพที่สร้างสะสมกันมาอย่างยาวนานได้อย่างสิ้นเชิงบนพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศ”

จากสถานการณ์ความได้เปรียบในรอบด้านไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ภายในประเทศและต่างประเทศที่เป็นใจในทุกด้าน แม้กระทั่ง “ไก่ต่างเข่งจิกกันเอง” สนช.ซักฟอกนายกรัฐมนตรีโดยมีบ้านพักเขายายเที่ยงเป็นเป้าหลัก ซึ่งเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มวิชามารที่คาดว่าไม่มีผลสั่นสะเทือนเขย่าบัลลังก์พล.อ.สุรยุทธ์จนไปเหตุไปสู่การเลื่อนการเลือกตั้ง ในกรณีนี้ทางพรรคพลังประชาชนก็มิได้ฉกฉวยโอกาสซ้ำเติมฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแต่ประการใด หากเป็นเพราะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ต้องการทำให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันทางการเมืองที่เล่นการเมืองอย่างใสสะอาด แข่งขันด้วยผลงานตามนโยบายที่นำเสนอ มากกว่าการเล่นการเมืองน้ำเน่าแบบเก่าที่มุ่งโจมตีทำลายซึ่งกันและกันในอดีต บวกกับความมั่นใจและความเชื่อมั่นในศรัทธาของประชาชนบวกบารมีจอมทัพพรรคพลังประชาชนชายที่ชื่อว่า สมัคร สุนทรเวช ผู้ถือเป็นเกราะคุ้มกันภัยอันตรายจากศาสตราวุธของศัตรูที่คอยทิ่มแทงลงมาจากเบื้องสูงและเบื้องล่าง

การปรากฏตัวในฐานะจอมทัพก็ได้แสดงลีลาวาดลวดลายโชว์ชั้นเชิงออกรอบกันพอหอมปากหอมคอ กับการแสดงความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ไม่ออกมาต่อกรตอบโต้คู่กรณีแบบพร่ำเพรื่อ ถ้าเหตุการณ์นั้นไม่เป็นพิษภัยและยังอยู่ในกรอบกติกาไม่เกินเลยไป ล่าสุดกับการเปิดเวทีปราศรัย ณ ท้องสนามหลวง พรรคพลังประชาชนพบประชาชนในวันที่ 12 ต.ค. “ปรับทุกข์ ผูกสัมพันธ์ ก่อนวันเลือกตั้ง” นอกจากการบอกกล่าวเล่าเรื่องถึงที่มาที่ไปของเหตุบ้านการณ์เมืองอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ท่านหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ทำหน้าที่ฑูตสันถวไมตรี หยิบยื่นน้ำจิตแสดงความห่วงใยต่อรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ที่ยืนยันจะจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างแน่นอนภายในวันที่ 23 ธันวาคม หยิบยื่นน้ำใจแสดงความขอบคุณท่านประธานกกต.ที่พิจารณาว่าการเปิดปราศรัยที่บุรีรัมย์ของนายสมัคร-เนวินและพรรคพลังประชาชนว่าไม่ผิดกฎกติกาบ้านเมือง และสุดท้ายคือการหยิบยื่นไมตรีแสดงความเชื่อมั่นต่อผบ.ทบ.พล.อ.อนุพงษ์ ที่ปรารภนำกองทัพกลับเข้าสู่กรมกอง

การขึ้นเดี่ยวไมโครโฟนในช่วงปิดท้ายสะกดประชาชนนับแสนสลับการเป็นพิธีกรดำเนินรายการถือเป็นการเปิดตัวโชว์การปราศรัยที่เต็มไปด้วยศักยภาพระดับคุณภาพอันเต็มเปี่ยม เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งเหมาะสมเพียบพร้อมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิที่มาด้วยประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว เผชิญเหตุมาทุกสภาวะผ่านยุคร่วมสมัยวิกฤตการณ์ทางการเมืองการปกครองนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ควรค่าแก่การรับอาสามาเป็นผู้ถือธงสานต่อนโยบายที่เป็นคุณประโยชน์ต่อประชาชนในชาติ ประกาศเจตจำนงค์เป็นที่แน่ชัดกับการทวงคืนความยุติธรรมถามหาความเป็นธรรมและความจริงใจในการสร้างความสมานฉันท์ปรองดองเพื่อนำไปสู่ความสามัคคีของชนในชาติ ร่วมกันฟื้นฟูประเทศชาติ และประกาศชัดถ้อยชัดคำไม่มีติดใจสอบสาวราวเรื่องเอาคืนทางการเมืองแต่ประการใด

สุดท้ายกับการเคาะรหัสมอสเตือนภัยส่งสัญญาณเคาะสติสัมปชัญญะเรียกปัญญากลับคืนแก่ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หลงทางเสียเวลา หลงอิจฉาเสียชาติบ้านเมือง “หยุดอิจฉาก่อนตาย ให้อภัยก่อนชาติหายวายวอด”  บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ ประเทศจะกลียุค ถ้าไม่มีความเป็นธรรมในสังคม ไม่สามารถถามหาความยุติธรรมจากคนกลางได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ายังไม่สามารถหยุดยุค “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน เผด็จการทหารครองบ้าน แกงค์อันธพาลข้างถนนครองเมือง” ความบรรลัยจะมาเยือนอย่างแน่นอน

ด้วยความกล้าที่อาจหาญในการส่งซิกของนายสมัคร สุนทรเวช คงมาจากความเชื่อมั่นในความบริสุทธ์ใจของตนเองที่พร้อมเอาตัวเข้าแลกโดยมีชาติเป็นเดิมพัน ประชาชนเป็นตัวประกัน เป็นความพยายามในการผลักดันอำนาจนอกระบบที่เข้ามาครอบงำระบบกลไกออกไปอย่างนิ่มนวล เป็นผู้ช่วยหาทางลงให้กับกับทุกฝ่ายอีกทอดหนึ่ง ด้วยวิถีทางแห่งประชาธิปไตยผ่านระบบการเลือกตั้งซึ่งถือเป็นภารกิจสุดท้ายของคมช.และรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ให้สำเร็จลุล่วงผ่านพ้นไปได้ด้วยดีในการส่งคืนอำนาจกลับคืนสู่ประชาชน และให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเองในการเลือกสมาชิกผู้แทนราษฎรเพื่อเข้ามาทำการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองกันในสภาตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย “การเมืองจะต้องแก้ด้วยการเมือง” ตามสัจจะวาจาที่พล.อ.อนุพงษ์ ผบ.ทบ.คนปัจจุบันว่ากล่าวไว้ มิใช่การรุมกินโต๊ะจากกลุ่มก๊วนนักกวนเมืองต่างๆ จนนำไปสู่การชักชวนกองทัพซึ่งเป็นถืออำนาจปืนซึ่งเป็นอำนาจนอกระบบมาทำการก้าวก่ายล้มกระดาน ทำลายดุลอำนาจ 3 ดุลที่ถ่วงดุลกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ต้องพลอยพังไปทั้งระบบ ด้วยการยักยอกโยกย้ายสับรางให้เอกสิทธิ์บางดุลอำนาจสามารถวิ่งสวนเลนยกล้อสวนทาง เป่าคดีความที่เกิดขึ้นจากผลพวงของอุบัติเหตุทางการเมือง

รวมไปถึงการเปิดตัวนายเนวินและนายยุงยุทธคือการวางตัวแม่ทัพระดับขุนศึกขุนพลเพื่อทำงานทางด้านมวลชนเป็นการเฉพาะ โดยมีเป้าหมายใหญ่ที่มองอยู่ข้างหน้านอกเหนือไปจากเกมทางการเมืองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ "อุบัติเหตุทางการเมือง" ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไปของกลุ่มคนส่วนน้อยที่ไม่ยอมรับประชามติทำตามเสียงส่วนใหญ่ ทำการตีรวนกวนเมืองที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เป็นภัยวิบัติที่เซาะกร่อนทำลายระบบประชาธิปไตย

งานนี้ต้องบอกว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมพร้อมเต็มที่แล้วกับการถอยเพื่อรุกครั้งสุดท้าย ถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงในการเปิดโต๊ะเจรจายอมความเป็นที่พึงยอมรับและแน่ใจได้ในหลักประกันความปลอดภัยแก่ชีวิต ก็จะทำการกลับคืนถิ่นประเทศไทย ร่วมยืนหยัดอดทนกับประชาชนรอคอยวันแห่งการประกาศศึกปลดปล่อย “อิสรภาพ” เอกราชที่เป็น “ไท” มีความเสมอภาค สิทธิ เสรีภาพที่เท่าเทียมกัน

ข่าวล่ามาเรือเกลือกับการเปิดเกมรุก ด้วยการออกเรียลลิตี้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในต่างแดนมาจุดกระแสอย่างต่อเนื่อง เก็บแต้มทำคะแนนด้วยการโชว์วิสัยทัศน์ผ่านจอข้ามทวีปแนะนำสอนเชิงกลยุทธ์เพิ่มขีดศักยภาพการแข่งขันของสินค้าไทยผ่านสื่อมัลติมีเดีย แม้ตัวไกลแต่ใจไม่ห่างถึงอยู่แดนไกลก็สามารถทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติได้เสมอ ฮอตข้ามทวีปจริงๆ