นกสองหัว ที่คนไทยรู้จัก มิใช่สัตว์ประหลาด หากแต่เป็นสัตว์อัปมงคล ที่ไม่ควรคบหาและเข้าใกล้ จะนำเภทภัยมาสู่ตัวเอง
นกสองหัว คือคำเปรียบเทียบคนที่ไม่ซื่อสัตย์ คบไม่ได้ เดี๋ยวอยู่ข้างโน้น เดี๋ยวอยู่ข้างนี้ หรืออยู่ทั้งสองข้าง แล้วหาประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย ร้ายที่สุด นกสองหัว พร้อมที่จะเข้ากับอีกฝ่ายเข่นฆ่าอีกฝ่าย เมื่อสบโอกาสทันที
นกสองหัว ไม่มีอยู่จริง แต่ คนจำพวกนกสองหัว มีอยู่จริง
คนจำพวกนกสองหัว เป็นคนอันตราย ที่ไม่ควรเข้าใกล้
คนจำพวกนกสองหัว คือ คนที่น่ารังเกียจ ชิงชังที่สุด สำหรับคนไทย และวัฒนธรรมไทย ไม่ให้ราคากับคนจำพวกนกสองหัว ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งฉกาจขนาดใดก็ตาม เพราะค่านิยมแรกที่ต้องนับของสังคมไทย ในการคบหากันฉันท์มิตร ก็คือ ความซื่อสัตย์ ที่มีต่อกัน มิใช่ ความเก่ง หรือ ความกล้า
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นคนจำพวกนกสองหัว ในสายตาของประดาบ
ใช่แล้ว... สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่กำลังเป็นหัวเรือใหญ่ให้กับนักการเมือง ขี้หมูไหล ที่ไปรวมกันอยู่ใน ว่าที่พรรคการเมืองรวมใจไทย นั่นล่ะครับ
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จัดได้ว่าเป็น นกสองหัวตัวใหญ่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงในสังคมการเมืองไทย และ สังคมไทยในทุกวงการ ด้วยซ้ำไป
สืบสาวราวเรื่องความเป็นมาของสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จากอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลไทยรักไทย ก่อนจะก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ต้องหัวคะมำ เพราะการรัฐประ หาร แต่ก็ยังอาสานำนักการเมืองขี้หมูไหล กลับสู่อำนาจทางการเมือง แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะได้รู้ว่าทำไมเขาจึงคู่ควรกับตำแหน่งนกสองหัว เป็นยิ่งนัก
วันหนึ่งในขณะที่ยังเป็นอาจารย์สอนหนังสือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งมีรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วยการเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ก็ได้รับการชักชวนจากสนธิ ลิ้มทองกุล ให้มาเป็นกรรมการบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาช่วยกันสร้างสรรค์ และสยายปีกอาณาจักรธุรกิจของสนธิ ลิ้มทองกุล ให้เติบใหญ่ ด้วยการนำเงินประชาชนที่เข้าไปเสี่ยงโชคในตลาดหุ้นออกมาเป็นทุน ด้วยเกมปั่นหุ้น
กว่า 10 ปี กับการรับหน้าที่กรรมการบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สร้างความร่ำรวยและมั่งคั่งให้กับสนธิ ลิ้มทองกุล อย่างคุ้มค่ากับค่าตอบแทนในฐานะผู้บริหารบริษัทคนหนึ่ง
กำไรมากมายจากตลาดหุ้น เงินจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้ามาจากการออกหุ้นกู้ เงินกู้จำนวนมากที่ได้มาจากการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ ทั้งกรุงไทย กสิกรไทย นครหลวงไทย ทหารไทย ไหลเข้ากระเป๋าสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนั้น และกลายมาเป็นหนี้เน่าที่รัฐบาลต้องเอาภาษีประชาชนไปชดใช้แทน ในวันนี้
กระทั่งเงินกู้จำนวน 151 ล้านบาทที่ เป็นต้นเหตุให้ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ฟ้องล้มละลายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะผู้ค้ำประกันให้กับบริษัทเดอะแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่นายสม จาตุศรีพิทักษ์ พี่ชายของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารหลวงไทย และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น กรรมการบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้แนะนำให้สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และสนับสนุนให้เข้าไปทำงานกับพ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำธุรกิจ และเมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ วางมือจากธุรกิจ เข้ามาทำงานการเมือง จัดตั้งพรรคไทยรักไทย จึงชักชวนสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาร่วมทำงานการเมืองด้วยกัน เพราะเห็นว่า สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สนใจทำงานการเมืองอยู่แล้ว
เมื่อเข้าสู่เวทีการเมือง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงได้รับตำแหน่งใหญ่โต เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อพรรคไทยรักไทย ได้เป็นรัฐบาล
งานแรกที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทำเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ มิใช่ การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน และพักหนี้สินเกษตรกร ดังที่ผู้คนทั้งหลายเข้าใจกัน เพราะประชาชนมิได้เป็นผู้มีพระคุณแก่เขา หากแต่เป็นการเร่งรัดตัดหนี้ให้กับกลุ่มธุรกิจเดอะ เอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวนกว่า 6,000 ล้านบาท ลดภาระหนี้สินให้กับ สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้านายเก่าผู้มีพระคุณ ต่างหากเล่า โดยอ้างว่าเป็นนโยบายรัฐบาล ที่จะตัดหนี้เน่าภาคเอกชนออกจากระบบธนาคาร แล้วให้รัฐไปรับภาระแทน
วีรกรรมของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เลือกปฏิบัติตัดหนี้ให้กับสนธิ ลิ้มทองกุล ทำให้เขาถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากพรรคประชาธิปัตย์ และ ถูกตั้งคำถามจากสื่อมวลชน และนักธุรกิจทุกคน ว่าเลือกปฏิบัติ ใช้การพิจารณาลดหนี้แบบสองมาตรฐาน
มีแต่ สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้านายเก่าของเขา ที่ได้ประโยชน์ แต่กลุ่มธุรกิจอื่น ไม่ได้รับอานิสงส์ ไปด้วย แต่ด้วยมือจำนวนมากมายเกินกว่ากึ่งหนึ่งของพรรคไทยรักไทย ในสภาผู้แทน ราษฎร ทำให้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เอาตัวรอดมาได้ ชนิดที่ไม่น่ารอด
ระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ รองนายกรัฐมนตรี ของรัฐบาลไทยรักไทย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ใช้อำนาจสั่งการให้หน่วยงานต่างๆ ในกำกับดูแลของเขา โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ให้แก่ธุรกิจสื่อของสนธิ ลิ้มทองกุล ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และ เวปไซต์
จากคุณ :
ห่านแดง
- [
19 พ.ย. 50 16:59:53
A:202.28.27.3 X:
]