อา....... พลพรรค พิทักษ์ลุงหมัก และสานุศิษย์ ณ สำนักลอนดอน อย่าเพิ่ง ล้อมกรอบ ทำตาเขียว ตาปูด มองหยั่งกะผมเป็นแมวน้อย ในฝูงอะไรสักอย่าง สิ่งที่กำลังจะอรรถาธิบายต่อไปนี้ คงมีเหตุผล พอจะมีเนื้อให้เอาไปฉุกคิดกันอยู่บ้าง....
เหตุผลที่จะบอกว่า อภิสิทธิ์ ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ โดยมิพักต้องพึ่งพิงโหราพยากรณ์อย่างแน่นอน ก็เพราะว่า
1. หลากสำนักโพล ส่วนใหญ่มักเชื่อถือได้ โดยเฉพาะแนวโน้มที่ พปช อาจได้คะแนนเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะแรงดัน แรงผลัก ที่ยังพอจะเหลืออยู่บ้างใน ภาคอีสาน และเหนือบางส่วน แต่ปัญหาก็คือ แม้ได้เสียงอันดับหนึ่งก็ใช่ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะทุกวันนี้ พปช คือพรรคที่ แทบจะบอกได้ว่า ถูกโดดเดี่ยว ถูกโดดเดี่ยวทั้งจากกลุ่มก๊วนเก่าที่ผละไปซบอกหรือไปสร้างพรรคใหม่ แม้ในครั้งแรก ๆ จะมองว่า แต่ละคนที่ย้ายออกจาก พปช ไปกระจัดกระจายอยู่ตามพรรคอื่น ๆ ดู ๆ ก็คล้ายกับการแตก เพื่อรวม หรือแยกกันตีก่อน แต่ยิ่งดูไปดูมา มันชักจะห่างออกไปทุกที ๆ
เพราะอย่างน้อย พรรคเล็กพรรคน้อยที่กระจัดกระจายออกไป ย่อมรู้ดีว่า การทีตนเองจะร่วมกับพรรคการเมืองใดได้อย่างถาวร และมีอายุของ สส. ในซีกรัฐบาลได้ยาวนานนั้น การเลือกร่วมกับค่าย ปชป ดูจะใกล้ความจริงมากที่สุด
2. พรรคประชาธิปัตย์ มีข้อได้เปรียบก็ตรงที่ ไม่เป็นปฎิปักษ์ต่อฝ่ายใด ๆ แบบไม่พยายามสร้างศัตรูรอบด้านแบบที่ พปช กระทำผ่านทางวาทกรรม แบบทะเลาะ เจ๊าะแจ๊ะให้เสียงรังวัดไปเรื่อย ปฎิปักษ์ตรง ๆ ของ ปชป ตอนนี้ก็ดูจะเป็นแค่พรรคการเมือง พปช ซึ่งก็คือทายาทของขั้วอำนาจเก่า
3. พรรคชาติไทย,และ2-3 พรรค คือตัวแปรสำคัญ ที่วันนี้ แม้นป๋าเติ้ง อาจจะออกมาสร้างภาพให้น้าหมักใจชื้นว่า ตนเองนั้นสลายขั้วการเมืองแล้ว.....ทว่า ลึก ๆ ถ้าใครได้รู้จัก ป๋าเติ้งดีก็จะพบว่า คนๆ นี้ มีความเฉลียวฉลาดสูงกว่าที่คิด และก็เชื่อว่า ป๋าเติ้งเองก็รู้อยู่แล้วว่า ตนเองไม่มีทางจะไปเข้ากับ พปช เพือสร้างปัญหายุ่งยากทั้งตัวเองและพรรคที่จะมีต่อบุคคลที่ป๋า ให้ความเคารพ รวมทั้ง ทหาร และป๋า เองก็รู้อยู่ว่า ถ้าเลือก ปชป โอกาสที่รัฐบาลจะยาวนาน และได้ทำงานกันซะทีนั้น มีสูงกว่าแยะ
4. พปช ชั่วโมงนี้นั้น มีข้อจำกัดในเรื่องขุนพลมือดี ที่ต่างแยกตัวออกไปอย่างที่ลึก ๆ ก็รู้กันว่า ขาดกัน ก็มีหลายคน ส่วนที่เหลืออยู่และที่เข้ามาใหม่ รวมทั้งนโยบายพรรค ที่เขียนขึ้นอย่างเร่งรีบและไม่มีอะไรโดดเด่น ยกเว้นการนำนโยบายเดิมมาเติมแต่ง แบบใส่ตัวเลขที่จะทุ่มลงไปให้มันดูมโหฬาร นั้น ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจในระยะยาว ได้ ตัวอย่างนโยบายบางเรื่องที่ระบุว่า จะนิรโทษกรรม 111 คนนั้น ไม่ได้ทำให้ประชาชนคิดว่า นี่ก็แค่นโยบายเพื่อตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ดังนั้น ถ้าพปช แพ้ในกรุงเทพฯ ก็เชื่อขนมได้เลยว่า....สุดท้ายจะกลายเป็นมวยยกต้น ที่เมื่อผ่านยก 3 ก็หมดแรงบ้อท่าในที่สุด
5. แรงต้าน ที่มีต่อขั้วอำนาจเก่า ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มพันธมิตรฯ เดิม, คมช.เดิม ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนเป็นอุปสรรคที่จะทำให้ พปช ไม่สามารถขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ หรือได้ แต่สุดท้ายก็ต้องล่มสลายแค่ยกต้น ๆ
ดังนั้น ชั่วโมงนี้............. ไม่ใช่เป็น ชั่วโมงของ คิดใหม่ ทำใหม่ แต่เป็นเรื่องของ วาระประชาชน กับคนชื่อ มารค์ ร้อยเปอร์เซ็นต์....
จากคุณ :
phongthai
- [
4 ธ.ค. 50 09:07:13
A:222.123.101.58 X:
]