ความคิดเห็นที่ 1 ผมคิดว่าข้อมูลพวกนี้ ไม่ใช่ข้อมูลที่มันปกปิดอะไร แต่ไม่มีใครเคยรวบรวมเท่านั้นเอง ผมรู้สึกว่ามันเยอะมากน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ จากคุณ : Devil_electric - [ 8 ธ.ค. 50 08:42:14 A:58.64.125.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 กลาโหมของบ 1.5พันล้านเพิ่มเบี้ยเลี้ยงทหาร ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมครม.วันที่ 27 ก.พ. ทางกระทรวงกลาโหม ได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยง หรือผู้ควบคุมตัวและค่าอาหารผู้เจ็บป่วย ให้ครม.พิจารณา โดยเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ซึ่งต้องใช้งบปี 2550 เพิ่มเติมรวมทั้งสิ้น จำนวน 1,557,436,685 บาท ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการทหารที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างเสียสละด้วยความยากลำบาก เสี่ยงต่อความทุพพลภาพและชีวิตเพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ ประกอบกับปัจจุบันมีปัญหาสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตต่อการดำรงชีพของข้าราชการและประชาชนทั่วไป http://www.dailynews.co.th/dailynews/pages/front_th/popup_news/Default.aspx?Newsid=119026&NewsType=1&Template=1 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:01:33 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอครม.1.5พันล้าน ปลุกขวัญพลทหาร โพสต์ทูเดย์ — กองทัพชง ครม.ของบเพิ่ม 1.5 พันล้าน จ่ายเบี้ยเลี้ยงพลทหาร อ้าง ค่าครองชีพ ฐานเงินเดือนและสร้างขวัญกำลังใจ กระทรวงกลาโหมได้เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงแก้ไขอัตราเบี้ยเลี้ยงทหาร เบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกควบคุมตัว และค่าอาหารผู้เจ็บป่วยเพิ่มขึ้น 50% ซึ่งต้องใช้งบในปีงบประมาณ 2550 เพิ่มเติมรวมทั้งสิ้นจำนวน 1,557 ล้านบาท ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2550 แบ่งเป็นเงินให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 8,139,033 บาท กองบัญชาการทหารสูงสุด 39,552,297 บาท กองทัพบก 1,056,597, 490 บาท กองทัพเรือ 323,682,000 บาท กองทัพอากาศ 129,465,864 บาท ทั้งนี้ กองบัญชาการทหารสูงสุดอ้างว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 และวันที่ 1 ตุลาคม 2548 เพราะในปัจจุบันปัญหาสภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพของข้าราชการและประชาชนทั่วประเทศ ประกอบกับได้มีการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการ ค่าจ้าง และค่าตอบแทนพนักงานราชการ รวมถึงการปรับอัตราเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการระดับต้น ลูกจ้างประจำส่วนราชการ พนักงานราชการ และอาสาสมัครทหารพราน รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ข้าราชการทหาร ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเสียสละด้วยความยากลำบากตรากตรำ ไม่น่าอภิรมย์ เสี่ยงต่อความทุพพลภาพ และชีวิต เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ความสงบสุขของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ อนึ่ง อัตราเบี้ยเลี้ยงพลทหาร สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี และนักเรียนทหาร เบี้ยเลี้ยงประจำอัตราเดิม 50 บาทต่อคนต่อวันเพิ่มเป็น 75 บาทต่อคนต่อวัน เบี้ยเลี้ยงไปราชการต่างจังหวัดจากเดิม 63 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มเป็น 94 บาทต่อคนต่อวัน เบี้ยเลี้ยงกรณีไปปฏิบัติการพิเศษเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ อัตราเดิม 63 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มเป็น 94 บาทต่อคนต่อวัน อัตราเบี้ยเลี้ยงผู้ต้องขังและผู้ถูกควบคุมตัว อัตราเดิม 35 บาทต่อคน ต่อวัน เพิ่มเป็น 52 บาทต่อคนต่อวัน และค่าอาหารผู้เจ็บป่วย พลทหาร สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี และนักเรียนทหารอัตราเดิม 50 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มเป็น 75 บาท ต่อคนต่อวัน จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:01:50 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 อนุมัติเลื่อน2 ขั้นพิเศษทีมปฏิวัติ [4 เม.ย. 50 - 04:37] ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 เม.ย. ที่ตึกสำนักเลขาธิการ ครม. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำเหล่าดาราช่อง 3 และช่อง 7 อาทิ “แมน” การิน ศตายุ “จินนี่” ธนิดา กาญจนวัฒน์ “เกรซ” กานต์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า มาติดดอกลำดวน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุให้แก่บรรดารัฐมนตรี เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติวันที่ 13 เม.ย. เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ศักยภาพของผู้สูงอายุในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม และสร้างความสำคัญในคุณค่าของผู้สูงอายุ สำหรับการประชุม ครม.ครั้งนี้ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจที่ประเทศญี่ปุ่น ขณะที่รัฐมนตรีส่วนใหญ่ต่างสวมชุดไทยเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่รณรงค์ให้ ครม.ใส่ผ้าไทยเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย ปิดห้องถกลับถกแก้เกมไร้ผลงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายการประชุม บรรดา ครม.ได้ข้อให้ข้าราชการและผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม เพื่อประชุมลับแบบเปิดอกเฉพาะ ครม. ใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที เกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคในการเสนอกฎหมายเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ประชุมสนช.มีมติคว่ำร่าง พ.ร.บ.วิชาชีพสาธารณสุข โดยนายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว. ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานคิดว่า การเสนอกฎหมายเข้าสู่สภาต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับวิปของสภา ด้านนายพลเดช ปิ่นประทีป รมช.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า ถ้าจะให้การทำงานกระชับควรเร่งจัดลำดับกฎหมายสำคัญแค่ 10 ฉบับเสนอไป สนช.ก็คงแฮปปี้แล้ว ขณะที่นายประสิทธิ์ โฆวิไลกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้มีการจัดลำดับกฎหมายสำคัญออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กฎหมายที่ค้างมาหลายรัฐบาล 2. กฎหมายที่หน่วยงานราชการเตรียมไว้ในการแก้ปัญหาของแต่ละส่วนราชการ 3. กฎหมายที่ริเริ่มโดยรัฐบาลนี้ ต้องใช้เวลาในการยกร่าง 2-3 เดือนและไปค้างอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าในเดือน เม.ย.กฎหมายเหล่านี้จะทยอยออกมา ส่วนนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ทุกกระทรวงจะแถลงผลงานครบรอบ 6 เดือนในวันที่ 8 เม.ย.นี้ จึงขอให้ดำเนินการไปเลย ไม่ต้องรอ อนุมัติเลื่อน 2 ขั้นพิเศษทีมปฏิวัติ นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบขยายการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติจากงบส่วนกลาง) เพิ่มอีก 15% จากเดิม รวมเป็น 30% ให้แก่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ ให้ คมช. ตามที่สำนักงานเลขาธิการคมช.เสนอมา โดยให้ใช้จ่ายจากการปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2550 ของส่วนราชการต้นสังกัดก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ส่วนราชการต้นสังกัดขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อเบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนขั้น เลื่อนอันดับ เงินเดือน และเงินปรับวุฒิข้าราชการต่อไป เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่ปฏิบัติงานเพื่อความมั่นคงของประเทศอย่างไม่ย่อท้อ ทุ่มเทสติปัญญาความสามารถในการปฏิบัติงานด้วยความขยันขันแข็งมาโดยตลอด ตอบแทนผู้เสียสละเพื่อประเทศ นายณัฐฐวัฒน์กล่าวด้วยว่า จำนวนของผู้ปฏิบัติงาน ที่ได้รับการเสนอเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษในครั้งนี้มีทั้งสิ้น 423 นาย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้แก่สำนักเลขาธิการ คมช. 60 นาย ศูนย์ปฏิบัติงานราชการ 355 นาย และจาก คมช. 8 นาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ข้าราชการที่สมควรได้รับพิจารณาการเลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 423 นายจะได้รับอนุมัติทั้งหมด ผู้สื่อข่าวถามว่า การเสนอขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้รวม ถึงประธานคมช.และคณะคมช.ด้วยหรือไม่ นายณัฐฐวัฒน์ ตอบว่า รวมอยู่ใน 423 คนด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อในครั้งนี้จะได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน ทุกคน ขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากผลงานการปฏิบัติหน้าที่ ด้วย เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะถูกสังคมครหา และหยิบยกเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและคมช. นายณัฐฐวัฒน์ตอบว่า อยากให้มองถึงความเสียสละในการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเวลาราชการปกติและวันหยุดราชการ และเป็นการปฏิบัติงานเพื่อความมั่นคงของประเทศมาโดยตลอด ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.สุวรรณภูมิมหานคร นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบให้ยกเลิกการจัดทำร่าง พ.ร.บ.สุวรรณภูมิมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เนื่องจากมีการคัดค้านในประเด็นที่สำคัญจากหลายฝ่ายอาทิ กทม.เห็นว่าได้จัดให้มีการวางแผน พัฒนาพื้นที่เขตลาดกระบัง และเขตประเวศ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาพื้นที่ให้มีศักยภาพเพียงพอแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตัดพื้นที่ของ กทม.ไปรวมเป็นส่วนหนึ่งของสุวรรณภูมิมหานคร ขณะที่กระทรวงมหาดไทยระบุว่าประชาชนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ มีความเห็นว่า หากแยกอำเภอบางพลีและกิ่งอำเภอบางเสาธงไปรวมเป็นสุวรรณภูมิมหานคร จะทำให้อำเภอที่เหลือของสมุทรปราการ ได้รับผลกระทบ ทำให้รายได้และงบประมาณลดลง อาจส่งผลให้การพัฒนาจังหวัดไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ประชาชนไม่เห็นด้วยในการสร้างเมืองล้อมรอบสนามบิน จึงเสนอให้มีการจัดตั้งองค์การขึ้นมารับผิดชอบในรูปแบบคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาบริการพัฒนาพื้นที่รอบสนามบินสุวรรณภูมิแทน เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่ โดยรอบสนามบินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ “สนธิ” บอกเพิ่งรู้ข่าวขึ้นเงินเดือน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติขั้นเงินเดือนพิเศษให้กับ คมช.ว่า ปกติกองทัพจ่ายบำเหน็จ 15% ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในภาคสนามอยู่แล้ว หากใครทำงานดีเด่นจะให้อีก 15% รวมเป็น 2 ขั้น ในจำนวน 100 คนอาจจะได้บำเหน็จ 2 ชั้น 15 คนก็เป็น 30 คน ไม่มีอะไรซับซ้อน ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะนำไปขยายความจนทำให้ประชาชนสับสน พล.อ.สนธิกล่าวว่า ตอบไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเพิ่งรู้ว่า ครม.อนุมัติบำเหน็จให้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผู้อำนวยการสำนัก งบประมาณกลาโหม และหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคมช.กล่าวว่า โดยปกติข้าราชการเมื่อทำงานครึ่งปีก็จะมีการพิจารณาบำเหน็จ แต่ในกรณีของ คมช.ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ เป็นการทำงานในยามที่ไม่ปกติ พูดง่ายๆคือทำงานเกือบตลอด จึงได้เพิ่มขึ้นอีก 15% โดยสรุปกำลังพลที่มี 20 คน ถ้าโดยปกติ 15% ก็จะได้บำเหน็จ 1 ขั้น 3 คน แต่สำหรับ คมช.ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ ได้รับเพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 6 คน ที่ผ่านมาก็เคยมีการอนุมัติแบบนี้ใน กอ.รมน. และในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ แต่สมาชิก คมช.ทั้ง 8 คนไม่ได้รับขั้นดังกล่าว เพราะขั้นเงินเดือนเต็มหมดแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้จะไปตกที่ข้าราชการชั้นผู้น้อย http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics&content=42435 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:02:31 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 งบฯ"อยู่ดีมีสุข"5.8หมื่นล. กอ.รมน.ฝันใช้สลายขั้วเก่า คอลัมน์ เคียงข่าว ภายหลังจากภาคอีสานและภาคเหนือ 24 จังหวัดไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก เชื่อว่าเหตุผลสำคัญมาจากปัญหาเรื่องงบประมาณแก้ไขปัญหาความยากจนไม่มีความต่อเนื่อง ไปถึงประชาชนล่าช้า จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาในการใช้งบประมาณปี 2551 เขายังกล่าวถึงการเร่งรัดนำโครงการการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน ของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ดูแลอยู่ มาใช้ดึงมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือและอีสานให้กลับมาอยู่กับฝ่ายรัฐ จากการตรวจสอบงบกลางในปี 2551 เรื่อง "ยุทธศาสตร์การแก้ไขความยากจนกระจายความเจริญสู่ชนบทและลดช่องว่าง" ซึ่งกระจายอยู่ตามกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ รวมถึงกองทัพบก แต่ส่วนใหญ่อยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี แบ่งเป็นยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1.ค่าใช้จ่ายขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ "อยู่ดีมีสุข" ระดับจังหวัด 15,000 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน ให้สามารถพึ่งตนเองตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้กลไกชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อนให้เชื่อมโยงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานส่วนภูมิภาค มีจุดเน้นและกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่กิจกรรมและโครงการที่ริเริ่มและบริหารจัดการโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ท้องถิ่น และทุกภาคส่วน พร้อมทั้งปรับปรุงบทบาทของผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานภาครัฐให้เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพของชุมชน 2.ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3,000 ล้านบาท วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้หมู่บ้าน ชุมชน สามารถจัดการและพึ่งตนเองตามวิถีชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการเอง (ร่วมคิด-ร่วมทำ) บนพื้นฐนของความพอดี ความพึงพอใจ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน 3.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 40,001.8 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่ส่วนรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐ ปัญหาอยู่ที่จะใช้งบฯกว่า 58,000 ล้านบาทอย่างไรเพื่อทำให้มวลชนทั้งสองภาคเปลี่ยนใจไปจากกลุ่มอำนาจเก่า ในขณะที่มีเวลาไม่ถึง 4 เดือน http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0107240850&day=2007-08-24&sectionid=0101 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:03:39 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 งับลบ งบลับ จากคุณ : ~รักความรุนแรง~ - [ 8 ธ.ค. 50 09:04:00 A:195.189.142.148 X:202.91.18.245, 195.189.142.181 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เก็บไว้เยอะ แต่อาจจะไม่ครบทั้งหมด ไว้เลือกตั้งเสรี ค่อยเปิดเผย  ( เดี๋ยวเวบบอร์ดจะโดนปิด ซะก่อน ดิ )   จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:04:52 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาแล้วคับ เร็วดีจัง 1.) 1,557,436,685 บาทสำหรับตอบเบี้ยเลี้ยง เหอๆๆๆ จากคุณ : Devil_electric - [ 8 ธ.ค. 50 09:08:48 A:58.64.125.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้ว งบ กรอมน อีก 5.8 หมื่นล้าน ผมรวมให้น่ะ ตอนนี้ก็เท่ากับ 5.95 หมื่นล้านแล้ว จิ้บๆๆ งบซื้ออาวุธล่ะ ที่ชงๆกันมาอ่ะ เห็นมีทั้งรถถัง เฮลิคอปเตอร์ รถหุ้มเกราะ ปืนใหญ่ ไม่แน่ใจเครื่องบินขับใล่กับเรือดำน้ำซื้อรายละเอียดเป็นเช่นไร แหม คุณล้อเล่นน่ะ พวกนี้เป็นข้อมูลทั่วไปนี่ มีเอกสรอ้างอิง แต่ไม่มีใครเอามารวบรวมไว้เองมั้ง  ไม่น่าจะถึงขั้นปิดเวปน่ะเนี่ย จากคุณ : Devil_electric - [ 8 ธ.ค. 50 09:14:06 A:58.64.125.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ฟัง พระราชดำรัส ปีนี้แล้วขนลุก โดยเฉพาะเรื่อง  " งบกลาโหม " จากคุณ : ข้าวก่ำ - [ 8 ธ.ค. 50 09:23:48 A:125.25.176.60 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 กลาโหม ชงงบยุทโธปกรณ์ 6 พัน ล.ครม.เซ็นทิ้งทวน โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2550 20:10 น. พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ที่ประชุม ครม.อนุมัติ งบทิ้งทวน 6 พันล้าน ตามข้อเสนอกลาโหม เพิ่มยุทโธปกรณ์ ปืนกลเล็ก รถหุ้มเกราะ ปืนเล็กยาว ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พร้อมรถยนต์ตรวจการขบวนเสด็จฯ วันนี้ (25 ก.ย.) นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ จำนวน 4 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติในหลักการไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 \"พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เน้นย้ำต่อที่ประชุม ว่า การจัดซื้อทั้งหมดดำเนินการอย่างถูกต้อง และโปร่งใสตามขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีวาระซ่อนเร้น\" นายณัฐวัฒน์ กล่าว ทั้งนี้ 4 โครงการดังกล่าว ได้แก่ เห็นชอบการผูกพันงบประมาณโครงการจัดหาปืนกลเล็กขนาด 5.56 มม.จำนวน 992 กระบอก ระหว่างรัฐบาลไทย กับอิสราเอล วงเงิน 259,214,659 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2552 โดยในปีงบประมาณ 2550 ใช้วงเงิน 54 ล้านบาท ปีงบ 2551 และปี 2552 จำนวนปีละ 108 ล้านบาท ส่วนที่เลือกซื้อปืนกลเล็กจากอิสราเอล เพราะอาวุธของอิสราเอลมีประสิทธิภาพสูง และเป็นอาวุธที่มีความเหมาะสมกับการใช้ในเมืองมากกว่าภูมิประเทศอื่น เห็นชอบให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปี โครงการจัดหารถหุ้มเกราะจำนวน 96 คัน ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2553 วงเงิน 3,898,892,400 บาท และให้ ผบ.ทบ.หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงซื้อขายรถหุ้มเกราะ ระหว่างรัฐบาลไทย กับยูเครน เห็นชอบโครงการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการจัดหาปืนเล็กยาวขนาด 5.56 มม.ของกระทรวงกลาโหม จำนวน 15,000 กระบอก วงเงิน 960,856,182 บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2552 เห็นชอบให้กองทัพเรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นทดแทน C-801 พร้อมลูกอาวุธปล่อยนำวิถี ให้กับเรือฟริเกต ชุดเรือรบหลวงเจ้าพระยา โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปีตั้งแต่ปี 2250-2552 วงเงิน 1,599,962,510 บาท ............ ปล หาจาก Google นา จามาปิดเวปไม่ได้นา ตอนนี้ก็รวมต่อ ปืนกล 992 กระบอก = 259,214,659 บาท รถหุ้มเกราะจำนวน 96 คัน = 3,898,892,400 บาท ปืนเล็กยาว 15000 กระบอก = 960,856,182 บาท จรวดเรือฟรีเกต = 1,599,962,51 บาท รวมแล้วตอนนี้เหอๆๆ....... เด๋วไปหาเครื่องคิดเลขก่อน จากคุณ : Devil_electric - [ 8 ธ.ค. 50 09:33:09 A:58.64.125.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 แฉงบลับ4หมื่นล้าน แฝงนอกบัญชีปี’51 โพสต์ทูเดย์ — ผอ.สำนักงบประมาณยัน งบลับซื้อเครื่องบินขับไล่ของกลาโหมกว่า 3-4 หมื่นล้าน อยู่นอกบัญชีงบประมาณปี 2551 นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ยืนยันว่า การเสนอของบประมาณซื้อเครื่องบินขับไล่ของกระทรวงกลาโหมเป็นงบลับ มูลค่า 3-4 หมื่นล้านบาท ไม่ได้อยู่ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 และยังไม่มีการนำเสนอผ่านถึงสำนักงบประมาณแต่อย่างใด ผอ.สำนักงบฯ ชี้แจงว่า เท่าที่ได้รับแจ้งขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ที่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม.นั้น หากเป็นจริงอาจเป็นงบลับที่มีจำนวนมาก จึงไม่ผ่านสำนักงบฯ ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า งบลับทุกประเภทมีระเบียบควบคุมไว้ชัดเจน สำหรับข้อมูลที่ระบุว่ามีการเสนอของบประมาณผูกพันนับแสนล้านบาทนั้น เป็นเพียงการประมาณการงบประมาณในอนาคตในระยะปานกลางเท่านั้น นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกฯ และ รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 ว่า การจัดสรรงบกลาง 2.45 แสนล้านบาทที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามากกว่าปี 2550 ซึ่งมีการจัดสรรงบกลางไว้ที่ 1.9 หมื่นล้านบาทนั้น เพราะต้องการจัดสรรให้สอดคล้องกับปัญหาและภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ หากพิจารณาในรายจ่ายทั้ง 16 รายการจะพบว่า งบส่วนใหญ่เป็นรายการที่มีพันธะผูกผัน เช่น การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 4% เป็นเงิน 7.3 หมื่นล้านบาท ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 3% ของงบประมาณที่ลงไป สู่ชนบทเท่านั้น และมีการตั้งงบฉุกเฉินไว้ 4.1 หมื่นล้านบาทซึ่งไม่มากนัก นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.การคลัง กล่าวว่า โครงการศูนย์ราชการแห่งใหม่ที่แจ้งวัฒนะ เงินกว่า 8 หมื่นล้านบาทผูกพันไว้ 30 ปีนั้นเป็นเหมือนการซ่อนภาระหนี้สาธารณะ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=176610 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:50:04 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 สนธิยันซื้อรถหุ้มเกราะโปร่งใส ผบ.ทบ.ยันจัดซื้อ รถหุ้มเกราะล้อยาง มูลค่ากว่า 4 พันล้านโปร่งใส ปัดไม่รู้เรื่องค่าคอมมิสชั่น ให้ไปถามบริษัทค้าอาวุธจ่ายเงินให้ใคร พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวให้สัมภาษณ์ ถึงการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง จากยูเครนมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,056 ล้านบาท) ในปีนี้ ของกองพลทหาราบที่ 2 รักษาพระองค์ หรือ พล.ร.2 รอ. ว่า กองทัพ ได้ระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ดังกล่าว เพื่อให้ตรงขีดความสามารถ และภารกิจของหน่วย ยืนยันว่าทุกกระบวนการเป็นไปด้วยความโปร่งใส เนื่องจากมีการตั้งคณะกรรมการในการพิจารณา ทั้งในส่วนของ พล.ร.2 รอ.และกรมสรรพาวุธทหารบก โดยได้เดินทางไปศึกษาดูงานยังโรงงานผลิตที่ประเทศยูเครน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอเรื่องพิจารณามายังตนเอง และเสนอไปยัง พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไป เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวระบุว่า บริษัทค้าอาวุธจ่ายค่าคอมมิสชั่นให้กับคณะกรรมการพิจารณาจัดซื้อ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ ต้องถามบริษัทค้าอาวุธว่าได้จ่ายให้ใครหรือไม่สำหรับงบประมาณในการจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยาง จำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อพิจารณาถึงความจำเป็น และขีดความสามารถแล้ว สามารถจัดซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางได้ทั้งหมด 96 คัน วานนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยรายงานการให้สัมภาษณ์ ของ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยยอมรับว่า ทางกองทัพตั้งใจที่จะซื้อรถหุ้มเกราะล้อยางจากยูเครนมูลค่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,056 ล้านบาท) ในปีนี้ และยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องซื้อรถถัง เรือรบ เครื่องบินรบ เฮลิคอปเตอร์รุ่นใหม่เข้าประจำการในกองทัพ เนื่องจากนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียเมื่อปี 2540 ทำให้งบประมาณทางทหารถูกจำกัดอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาทต่อปี ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม พล.อ.บุญรอดกล่าวว่า งบประมาณทางทหารในปีงบประมาณนี้ ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนอยู่ที่ 115,000 ล้านบาท แต่งบประมาณดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับการซื้ออาวุธใหม่แต่เพียงพอแค่การซ่อมแซมอาวุธเก่าที่มีอยู่แล้วเท่านั้น. รอยเตอร์ระบุด้วยว่า ทางกองทัพไทยกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาซึ่งเกิดจากสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายหลังจากการรัฐประหาร http://www.posttoday.com/topstories.php?id=183104 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:51:09 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ครม.เทงบ500ล.ซื้อรถกวาดตะปูเรือใบแดนใต้ โพสต์ทูเดย์ — ครม.อนุมัติงบ 500 ล้านซื้อรถกวาดตะปูเรือใบชายแดนใต้ 37 อำเภอ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดหารถยนต์ดับเพลิงและอุปกรณ์กู้ภัยให้แก่อำเภอในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา รวมทั้งหมด 37 อำเภอ วงเงิน 508.75 ล้านบาท ทั้งนี้ รายละเอียดการจัดซื้อ ได้แก่ 1.รถยนต์เก็บกวาดตะปูเรือใบ พร้อมอุปกรณ์กู้ภัยและระบบไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 37 คัน เป็นเงิน 162.8 ล้านบาท 2.รถยนต์ดับเพลิงขนาดกลาง ชนิดมีถังน้ำในตัว ขนาด 4,000 ลิตร 37 คัน รวม 183.15 ล้านบาท 3.รถยนต์บรรทุกน้ำสนับสนุนการดับเพลิง ขนาด 5,000 ลิตร 37 คัน รวม 162.8 ล้านบาท ด้านเหตุการณ์ในพื้นที่คนร้ายได้วางระเบิดทหารชุดลาดตระเวน ระหว่างรักษาความปลอดภัยเส้นทางสายบ้านยือลาแป-ลาเกาะ ม.3 บ้านคลองช้าง ต.เกาะจันทร์ อ.มายอ จ.ปัตตานี ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่เวลา 04.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เข้าตรวจค้นตามจุดต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุไหง โก-ลก 6 จุด พบยาเสพติดและวัตถุต้องสงสัยจำนวนมาก อาทิ ยาบ้า 85 เม็ด เงินสด 5.2 พันบาท อุปกรณ์การเสพยา ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ ได้ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้เข้าค้นบ้าน 50 หลังใน อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 4 คน พร้อมของกลาง 29 รายกาย ด้าน จ.ยะลา เจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านในหมู่ 3 บ้านลิมุด ต.ท่าสาป อ.เมือง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 16 คน ขณะที่ อ.รามัน ก็สามารถรวบได้อีก 11 ผู้ต้องสงสัย รวม 3 วัน ของการค้นรวบผู้ต้องสงสัยได้ 32 คน http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=183621 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:51:33 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 ครม.ไฟเขียวบิ๊กบังซื้อจรวด ใจป้ำให้ใช้วิธีพิเศษ19ล้าน โพสต์ทูเดย์ — ทิ้งทวนก่อนเกษียณ ครม.ขิงแก่ให้อำนาจ ผบ.ทบ.ใช้วิธีพิเศษซื้อจรวดจีน มูลค่า 19 ล้านบาท แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 8 ก.ย. กระทรวงกลาโหม โดย พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ได้ขอให้ ครม. พิจารณาอนุมัติให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก หรือผู้แทน เดินทางไปลงนามในเอกสาร ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขอซื้อขายจรวดขนาด 40 มิลลิเมตร ซึ่งปรากฏว่า ครม. เห็นชอบอนุมัติตามข้อเสนอดังกล่าว แต่กลับไม่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับการซื้อจรวดดังกล่าว เป็นจรวดชนิดระเบิดต่อสู้รถถังแบบ 69 หรือแบบ PG-7 จำนวน 5,745 นัด เป็นเงิน 551,520 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,181,865.60 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ เท่ากับ 34.78 บาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2550) ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ได้ข้อยกเว้นมติ ครม.โดยไม่ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ละให้ใช้ข้อตกลง ที่กำหนดขึ้นด้วยความเห็นชอบระหว่างกำแพงการทำสัญญาได้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำหรับการจัดซื้อวิธีดังกล่าวเป็นแบบ FMS หรือแบบสินเชื่อภายในวงเงินที่สำนักงบประมาณเสนอ ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. วันที่ 17 มิ.ย. 2518 โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1.รัฐบาลไทยต้องผ่อนใช้พร้อมดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 10 ปี 2.กองทัพไทยต้องเสนอความต้องการยุทโธปกรณ์หลักตามลำดับเร่งด่วน 3.หลังลงนามข้อตกลง จะสามารถใช้เวลาพิจารณาใช้เงินได้ภายใน 2 ปี ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ดอกเบี้ยจะเริ่มคิดเมื่อเริ่มตกลงซื้ออาวุธไปแล้ว และ 4.อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารทั่วไปของสหรัฐอเมริกา http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=192313 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:52:02 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ครม.เทกระจาดก่อหนี้ผูกพัน อนุมัติโครงการจัดซื้อ รถหุ้มเกราะ 96 คันรวด [26 ก.ย. 50 - 03:41] ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุม ครม. วานนี้ (25 ก.ย.) ที่มีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปราชการที่ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นปีงบประมาณ 2550 ในวันที่ 30 ก.ย. 2550 ปรากฏว่ากระทรวงต่างๆได้เสนอให้ ครม. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณไปยังปีถัดๆไป ในวันเดียวรวมวงเงินกว่า 11,872 ล้านบาท นำโด่งโดยกระทรวงกลาโหม 7,828 ล้านบาท ทั้งนี้ กองทัพบกขอก่อหนี้ผูกพันสำหรับโครงการจัดหารถหุ้มเกราะ 96 คัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2553 วงเงิน 3,898 ล้านบาท ระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท Ukspetes export ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของยูเครน โดยจะใช้งบประมาณปี 2550 จำนวน 584 ล้านบาท ปี 2551 จำนวน 974 ล้านบาท ปี 2552 จำนวน 1,167 ล้านบาท และปี 2553 จำนวน 1,167 ล้านบาท อีกทั้งเป็นการปรับแผนจากเดิมที่จะจัดซื้อ 48 คัน เป็น 96 คัน เพราะสามารถจัดหาได้ต่ำกว่าราคากลางที่เสนอไว้ในคำของบประมาณ ขณะเดียวกัน ได้ขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีโครงการจัดหาปืนยาวเล็ก ขนาด 5.56 มม. TAVOR แบบ TAR 21 จำนวน 15,000 กระบอก วงเงิน 960 ล้านบาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550-2552 รวมทั้งขออนุมัติให้ ผบ.ทบ. หรือเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ลงนามในเอกสารความตกลงซื้อขายปืนกลเล็ก ขนาด 5. 56 มม. NEGEV 992 กระบอก ราคากระบอกละ 261,305 บาท รวมทั้งสิ้น 259.21 ล้านบาท ใช้งบประมาณปี 2550 วงเงิน 54 ล้านบาท งบประมาณปี 2551 และ 2552 ปีละ 108 ล้านบาท การซื้อปืนทั้ง 2 รายการ มาจากรัฐบาล อิสราเอล ด้านกองทัพเรือขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีโครงการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-พื้น ทดแทน C-801 พร้อมลูกอาวุธปล่อยนำวิถีให้กับเรือฟรีเกต ชุดเรือรบหลวงเจ้าพระยา วงเงิน 1,599 ล้านบาท ผูกพัน ตั้งแต่ปี 2550 วงเงิน 320 ล้านบาท ปี 2551 วงเงิน 640 ล้านบาท และปี 2552 วงเงิน 639 ล้านบาท เป็นการจัดซื้อจากบริษัท CPMIEC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน เนื่องจากอาวุธปล่อยนำวิถีแบบ C-801 ที่เข้าประจำการปี 2534 ได้หมดอายุตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่กองทัพอากาศขออนุมัติก่อหนี้โครงการปรับปรุงระบบเครื่องบินลำเลียงแบบ 8 (C 130H) จำนวน 6 ลำ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2550-2553 นายณัฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รมว.กลาโหมได้ชี้แจงว่าการเจรจาและจัดซื้อทุกอย่างทำตามขั้นตอนโปร่งใส และปืนของอิสราเอลมีสมรรถนะเท่ากับปืนของสหรัฐฯ ซึ่งเหตุผลที่ไม่จัดซื้อจากสหรัฐฯเหมือนในอดีต เพราะปืนของสหรัฐฯต้องส่งไปที่ประเทศอิรักทั้งสิ้น ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ ได้ให้ข้อสังเกตว่าในการเจรจาจัดซื้อ ให้ระบุว่าไทยไม่ได้เจาะจงนำปืนดังกล่าวไปใช้ในพื้นที่ใด เพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่านำไปใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ครม.อนุมัติให้กระทรวงกลาโหมจัดซื้อรถตรวจการณ์รับเสด็จ จำนวน 21 คัน วงเงิน 112 ล้านบาท สำหรับวงเงินที่เหลือ กระทรวงมหาดไทยได้ขออนุมัติก่อหนี้ให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในวงเงิน 1,260 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาสมุทรสาคร ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขออนุมัติก่อหนี้ในรายการเข้าร่วมงานเวิลด์ วอเตอร์ เอ็กซ์โป 2008 หรือเอ็กซ์โป ซาราโกซา 2008 ที่ประเทศสเปน วงเงิน 143.18 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ขอเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง และขยายเวลาการก่อหนี้ค่าก่อสร้างอาคารเรียน จ.นราธิวาส 21.7 ล้านบาท และอาคารเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ปัตตานี 1 หลัง จากวงเงินเดิม 30 ล้านบาท ขยายเป็น 46.5 ล้านบาท ด้านกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขออนุมัติให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ก่อหนี้ผูกพันรายการค่าก่อสร้างและควบคุมงานอาคารนวัตกรรม 2 ในวงเงิน 1,859 ล้านบาท ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ขอสร้างอาคารเรียน ห้องสมุด และอาคารหอพัก โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ วงเงิน 9.4 ล้านบาท และอาคารหอนอนนักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก จ.นนทบุรี 31 ล้านบาท รวมการก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 144 เตียง โรงพยาบาลบุรีรัมย์ วงเงิน 56 ล้านบาท โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท 6 รายการ วงเงิน 118 ล้านบาท และวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จ.ยะลา 80 ล้านบาท โดยผูกพันจากปี 2549-2553 ส่วนสำนักนายกรัฐมนตรีขออนุมัติปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังส่งวิทยุกระจายเสียงของกรมประชาสัมพันธ์ กทม. และปรับปรุงอาคารที่พัก รวม 97 ล้านบาท. http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=62394 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:52:28 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ชงครม.แยกบัญชีเงินเดือนทหารเป็นอิสระ โพสต์ทูเดย์ — ครม.ชงแยกบัญชีเงินเดือนทหารเป็นอิสระต้อนรับสนธิบนเก้าอี้รองนายกฯ แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ต.ค. กระทรวงกลาโหม จะเสนอให้ ครม.พิจารณาสิทธิประโยชน์ของกองทัพ โดยร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบราชการทหาร ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการทหาร ร่าง พ.ร.บ.บำเหน็จบำนาญข้าราชการ และร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำหรับวัตถุประสงค์ที่ต้องออกร่างกฎหมายเหล่านี้ เพื่อต้องการแยกบัญชีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มอื่นๆ ของข้าราชการทหารไว้เป็นการเฉพาะ ไม่ขึ้นตรงต่อคณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้ต่อไปการจัดทำบัญชีเงินเดือนทหาร การกำหนดโครงสร้างเงินเดือนทหารมีความเป็นอิสระ เหมือนอย่างเช่นข้าราชการครู หรือข้าราชการตุลาการ พร้อมกันนี้ต้องการที่จะปรับยุบรวมแท่งเงินเดือนในกลุ่มชั้นยศต่างๆ เพื่อเปิดเพดานเงินเดือนให้กำลังพลระดับล่างของแต่ละกลุ่มที่มีเงินเดือนเต็มขั้น ได้มีโอกาสเลื่อนไหลได้อีก ทั้งต้องการปรับเงินเดือนทหารกองประจำการที่ผ่านการฝึกแล้วให้เท่าหรือใกล้เคียงค่าจ้างขั้นต่ำ และใช้เป็นจุดอ้างอิงในการปรับในแต่ละระดับชั้นของแท่งเงินเดือน อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายเหล่านี้ เคยมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่อง เสนอที่ประชุม ครม.คณะที่ 2 ซึ่งมีนายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกฯ เป็นประธาน แต่ปรากฏว่าได้มีความเห็นแย้งจากตัวแทนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และกรมบัญชีกลาง ให้เหตุผลว่าหากแยกบัญชีเงินเดือนข้าราชการออกไปจะสร้างภาระงบประมาณอย่างมหาศาล สมควรให้คณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) พิจารณาก่อน แต่เมื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ สำนักเลขาธิการ ครม. ได้นำเรื่องดังกล่าวจัดเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ครม.ทันที สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการทหาร มีการกำหนดให้ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการทหารได้รับเงินเดือนตามชั้นยศในระดับตามที่กำหนด และกำหนดให้มีเงินประจำตำแหน่งวิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ระดับกลาง ระดับต้น และระดับหน่วย เงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่ประจำอยู่ในต่างประเทศหรือตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ โดยให้ได้รับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งนับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง สำหรับการปรับบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหารและบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการทหารให้คณะกรรมการข้าราชการทหารกำหนด โดยความเห็นของรัฐมนตรีและให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=196214 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:53:02 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทหารวัดใจรัฐบาลหน้าขอ3แสนล.ซื้ออาวุธ โพสต์ทูเดย์ — ผบ.เหล่าทัพเห็นชอบจัดทำบัญชีซื้ออาวุธ “แพ็กเกจ” เสนอต่อรัฐบาลหน้ากว่า 3 แสนล้าน พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมสัมมนาการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยให้สอดคล้องกันภัยคุกคามในอนาคต เห็นชอบให้จัดทำบัญชีรายการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของ ทุกเหล่าทัพเสนอรัฐบาลชุดใหม่ในลักษณะแพ็กเกจเพื่อขอให้รัฐบาลอนุมัติงบประมาณ โดยใน 5 ปีแรก (2552-2556) วงเงิน 1.17 แสนล้านบาท และใน 5 ปี หลัง (2557-2561) ประมาณ 2 แสน ล้านบาท ทั้งนี้ ทุกเหล่าทัพได้ทำบัญชีความเร่งด่วนใน 5 ปีแรกมาให้คณะอนุกรรมการในการพิจารณาแล้ว โดยมีทั้งการจัดซื้อเรือ ดำน้ำที่กองทัพเรือจัดทำบัญชีไว้เป็นอันดับแรกที่ต้องการ ส่วนกองทัพอากาศ ก็มีการเสนอในเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินรบ และเช่นเดียวกับกองทัพบก ซึ่งที่ผ่านมาความ พร้อมรบขาดไปเยอะ ดังนั้นสิ่งที่กองทัพบกต้องการคือขอให้มีความพร้อมรบ 1 ใน 3 ก็พอใจ อย่างไรก็ตาม แม้ทุกอย่างไม่แน่นอน แต่เตรียมการไว้ก่อนเพื่อวางรากฐานไว้ให้กับรัฐบาลชุดใหม่ในการพิจารณาให้ง่ายขึ้น โดยจะจัดทำบัญชีไว้ให้เรียบร้อย ว่า 5 ปีแรกอยากจะได้อาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ในการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่เกิดขึ้น “เราถึงทำ 2 หนทางปฏิบัติ คือการขอซื้อเป็นแพ็กเกจและการขอเพิ่มตามสัดส่วนจีดีพี ที่ 5 ปีแรกขอเพิ่ม จากเดิมที่ได้รับ 1.58% เป็น 1.8% และช่วง 5 ปีหลังขอเพิ่มเป็น 2% ของจีดีพี ซึ่งจะเอาส่วนที่เพิ่ม นำมาจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และขอซื้อเป็นแพ็กเกจ” พล.อ.บุญรอด กล่าว ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นมา จะต้องไปชี้แจงถึงความจำเป็นในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กับรัฐบาลชุดใหม่ด้วยเพราะคนที่จะพิจารณาได้ดีที่สุดคือท่านนายกรัฐมนตรี กับสำนักงบประมาณ ด้าน พล.ท.พิชษณุ ปุจฉาการ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การจัดทำกำหนดความเร่งด่วนในการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกระทรวงกลาโหมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำเหล่าทัพทุกท่านได้มาประชุมด้วยตนเอง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเสนอความต้องการพัฒนาของกองทัพ ภายใต้กระบวนการของกรอบความคิดเดียวกัน และกระจายความต้องการ ความจำเป็นให้กับแต่ละเหล่าทัพ ตามลำดับความเร่งด่วน นอกจากนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพ และอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบที่แท้จริง ไม่ยิ่งหย่อนต่ออำนาจกำลังรบ ของประเทศเพื่อนบ้านในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า “กองทัพมิได้ตั้งหลัก หรือจะถือโอกาสจัดหายุทโธปกรณ์ด้วยเงินจำนวนสูงเพื่อผลประโยชน์ในทางมิชอบ แต่กองทัพต้อง ตระเตรียมความพร้อมรบให้สอดคล้อง และรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง” พล.ท.พิชษณุ กล่าว http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=205631 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:53:19 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ครม.สานฝัน‘แอ้ด’ ตั้งสถาบันปั๊มอาวุธ โพสต์ทูเดย์ — ขิงแก่เห็นชอบตั้งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ นายไชยา ยิ้มวิไล โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.จัดตั้งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศเป็นองค์กรมหาชนตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ นายไชยา กล่าวว่า สถาบันแห่งนี้จะมีงบประมาณสนับสนุนจำนวน 724 ล้านบาท โดยตั้งเป็นงบผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551-2553 สำหรับอัตรากำลังพลกำหนดให้ปี 2551 บรรจุกำลังพล 73 อัตรา ปี 2552 บรรจุกำลังพล 40 อัตรา และ ปี 2553 บรรจุกำลังพล 40 อัตรา แหล่งข่าวในที่ประชุม ครม. กล่าวว่า พล.อ.สุรยุทธ์ แจ้งต่อที่ประชุมว่าโครงการดังกล่าวเป็นความริเริ่มของตนเองตั้งแต่สมัยเป็น ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพราะเห็นว่าการพัฒนากองทัพในอนาคต ประเทศไทย ควรผลิตอาวุธได้เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องการผลิตจรวด และปืนใหญ่ ขณะที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงด้วยว่าสถาบันแห่งนี้ไม่ได้ซ้ำซ้อนกับสถาบันวิทยาศาสตร์ของกระทรวง แต่สถาบันลักษณะนี้มีอยู่ทุกประเทศ “นายกฯ เน้นมากให้ไปศึกษาเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ จึงอยากให้ไปศึกษาวิจัยให้ดีเพราะไม่ต้องให้งบประมาณสูญเปล่า หรือเกิดทุจริตคอร์รัปชัน” แหล่งข่าวเปิดเผย โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงด้วยว่า กรณีที่กระทรวงกลาโหมเตรียมเสนอแผนการจัดซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์จำนวน 3.1 แสนล้านบาท ระยะเวลา 10 ปีข้างหน้านั้น มี ความเห็นว่าควรให้ ครม.ชุดใหม่ ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ตัดสิน http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=206050 จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 09:53:45 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 งบลับ 12000 ล้านบาท เพื่อผันเข้ากะเป๋าคนอนุมัติส่วนหนึ่ง มากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า จากคุณ : แมวมหาประลัย - [ 8 ธ.ค. 50 10:00:58 A:222.123.69.213 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 พอดีมีธุระด่วน เด๋วจากลับมาบวกให้ ตอนนี้มึน ตาลาย เยอะโครต จากคุณ : Devil_electric - [ 8 ธ.ค. 50 10:08:33 A:58.64.125.95 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 งบพัฒนา 3 จว. อีก หลายแสนล้านครับ รวมเข้าไปได้หรือเปล่า จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 10:27:00 A:58.147.98.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 งบทหารนั่น เอาไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ตั้งเยอะ เสียดายจัง จากคุณ : โป๊งโป๊งชึ่ง - [ 8 ธ.ค. 50 10:49:44 A:64.62.138.13 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีงบลับ ที่เบิกช่วงแรกๆ อีก 2 พันล้าน ที่สำนักงบ แบะๆๆๆ ตรวจสอบไม่ไดู้่ จนถึงปัจจุบัน จากคุณ : ล้อเล่นนะ - [ 8 ธ.ค. 50 12:34:40 A:117.47.12.173 X: ]