Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    คดีทุจริตที่ดินรัชดา ทักษิณผิดหรือไม่ผิดกันแน่???

    เนื่องจากห้องนี้เป็นห้องกฎหมายที่เป็นเวทีสำหรับถกกันในเรื่องกฎหมายระหว่างนักกฎหมายด้วยกัน  ฉะนั้น ผมก็ขอตั้งกระทู้นี้ไว้ในห้องนี้ก็แล้วกัน  คนที่เข้ามาอ่านจะได้มีโอกาสที่จะเข้าใจมากขึ้นว่าไอ้ที่เค้าบอกว่าทักษิณโกง ทักษิณโกง จริงๆ แล้วมันเป็นอย่างไร



    การจะบอกว่าใครโกงหรือไม่โกงได้  คงจะไม่ใช่แค่สักแต่ว่าเชื่อตามเค้าไปโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงอะไรเลย เพราะคนเรานั้นไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหาร จึงจำเป็นที่จะต้องใช้สมองไตร่ตรองด้วยว่ามันจริงอย่างที่เค้าพูดกันหรือไม่  หรือถ้าเราไม่ทราบข้อเท็จจริง เราก็ต้องวางใจให้เป็นกลางไว้ก่อน อย่าเพิ่งพูดว่าใครโกงหรือใครไม่โกง



    เรื่องของทักษิณนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องกับพันธมิตรใหม่ๆ  เพื่อนผมถามว่าตกลงทักษิณโกงจริงหรือไม่โกง  ผมก็บอกว่าไม่รู้สิวะ เพราะผมยังไม่รู้ข้อเท็จจริง ผมจึงเผื่อใจไว้ให้เป็นกลางๆ  และผมก็ขี้เกียจจะอ่านรายละเอียดเสียด้วย  ใครพูดมาปาวๆ อย่างไรว่าทักษิณโกงๆๆ  ผมก็รับฟังไว้เท่านั้น แต่ยังไม่ได้ตัดสินลงไป และผมก็ไม่ได้เชียร์ทั้งทักษิณหรือพันธมิตร แต่มาไม่กี่วันนี้ ผมลองไปค้นข้อมูลเรื่องที่ดินรัชดาดูว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร  เมื่อรู้ข้อเท็จจริงแล้ว  ผมถึงตัดสินใจได้ว่าทักษิณโกงหรือไม่โกง



    คดีทุจริตที่ดินรัชดาที่คุณทักษิณและคุณหญิงอ้อถูก คตส.สรุปสำนวนสั่งฟ้องนั้น เป็นคดีอาญา  ซึ่งนักกฎหมายด้วยกันก็คงจะรู้กันอยู่แล้วว่าในความผิดอาญานั้น  การกระทำจะต้องครบองค์ประกอบของความผิดที่กฎหมายบัญญัติไว้เสียก่อน  ถ้าขาดองค์ประกอบใดไป  การกระทำนั้นก็ไม่เป็นความผิด



    ข้อหาความผิดที่ คตส.หยิบยกขึ้นมาเล่นงานทักษิณนั้น ก็คือความผิดตาม พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 100(1)  ฉะนั้น เราลองมาดูกันก่อนว่ามาตรานี้บัญญัติว่าอย่างไร


    "มาตรา ๑๐๐  ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดดำเนินกิจการดังต่อไปนี้

    (๑) เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี"



    จะเห็นว่าองค์ประกอบความผิดที่สำคัญนั้นอยู่ตรงที่เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นจะต้องมีอำนาจกำกับ ดูแล ตรวจสอบ ควบคุมหน่วยงานของรัฐ หรือดำเนินคดีแทนหน่วยงานของรัฐนั้นเสียก่อน   ถ้าไม่มีอำนาจตรงนี้ การกระทำก็ไม่เป็นความผิด



    กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและถูกจัดตั้งขึ้นตาม พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ซึ่งโดยหลักการแล้ว กฎหมายต้องการให้กองทุนฟื้นฟูฯ เป็นหน่วยงานที่เป็นอิสระจากรัฐบาล  กฎหมายจึงไม่บัญญัติให้กองทุนนี้อยู่ภายใต้อำนาจกำกับดูแลควบคุมจากรัฐบาล  ไม่เหมือนกับกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นๆ ที่จะมีมาตราที่บัญญัตไว้โดยเฉพาะว่าให้หน่วยงานแห่งนั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของใคร หรือกระทรวงไหน  เช่นกรุงเทพมหานครที่จัดตั้งขึ้นตามพรบ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ก็มีบทบัญญัตที่ว่าด้วยความสัมพันธ์กับรัฐบาลโดยกำหนดให้กรุงเทพมหานครอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น



    ฉะนั้น อำนาจการกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ และดำเนินคดีนั้น จึงต้องเป็นอำนาจที่เป็นไปตามกฎหมายบัญญัตไว้  ถ้ากฎหมายไม่ให้อำนาจไว้เช่นนั้น การกระทำก็ย่อมขาดองค์ประกอบความผิดทางอาญา



    ในเรื่องนี้   ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ในขณะที่เป็นผู้ว่าแบ๊งชาติสมัยรัฐบาลขิงแก่นี่แหละ  ได้ไปให้การต่อ คตส.โดยยืนยันไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า กองทุนฟื้นฟูฯ นั้นเป็นหน่วยงานที่เป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้การกำกับ ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ และดำเนินคดี ของนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด



    ฉะนั้น เมื่อ คตส. ได้ฟังคำตอบอย่างนี้ ก็ดิ้นพราดๆ เพราะไม่ได้อย่างใจที่จะเอาผิดทักษิณกับคุณหญิงอ้อให้ได้สมดั่งเจตนาที่เปี่ยมไปด้วยความอคติมาตั้งแต่แรก   คตส.จึงพยายามหาช่องทางที่จะเอาให้ได้ จนไปหยิบเอาเรื่องที่รัฐบาลเคยออกพระราชกำหนดที่ให้กระทรวงการคลังให้เงินกู้ช่วยเหลือแก่กองทุนฟื้นฟูฯ แล้วหยิบเอามาเป็นประเด็นว่าตรงนี้แหละ ที่แสดงถึงว่าทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟูแล้ว  ซึ่งฟังดูแล้ว ก็น่าขันดีกับความพยายามของคตส.ที่จะถูลู่ถูกังเอาให้ได้


    เรื่องนี้ ถ้าเราดูตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ก็จะเห็นว่าอำนาจในการกำกับดูแลตรวจสอบควบคุมฯ นั้น จะต้องเป็นอำนาจในระบบกระบวนการปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่ใช่ผ่านการออกพระราชกำหนด เพราะถ้าจะตีความกันอย่างนี้ ก็จะกลายเป็นว่านายกนั้นมีอำนาจกำกับดูแลได้ทุกองค์กรในประเทศไทยตั้งแต่องค์กรรัฐไปจนถึงองค์กรเอกชน บริษัทห้างร้านของเอกชน ฯลฯ เพราะการออกพระราชกำหนดนั้นสั่งได้ทุกองค์กรรวมไปจนถึงของเอกชน


    และถ้าเรามาดูเรื่องอำนาจในการออกพระราชกำหนด ก็จะเห็นว่าตามรัฐธรรมนูญนั้น การออกพระราชกำหนดนั้นเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่ของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวที่จะสั่งได้ตามอำเภอใจ แต่จะต้องเป็นความเห็นชอบจากครม.ทั้งคณะ  และที่สำคัญ พระราชกำหนดนั้นยังต้องเอามาผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอีก  ถ้าไม่ผ่าน พรก.ฉบับนั้นก็ตกไป



    ฉะนั้น ก็สรุปได้ว่านายกรัฐมนตรีนั้นไม่มีอำนาจกำกับดูแลตรวจสอบควบคุมหน่วยงานของรัฐ หรือดำเนินคดีแทนหน่วยงานของรัฐนั้น เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ผ่านทางกฎหมายที่จัดตั้งกองทุนฟื้นฟู และการออกพระราชกำหนดก็ไม่ใช่สิ่งที่แสดงว่านายกนั้นมีอำนาจกำกับดูแลกองทุนฟื้นฟู  เพราะไม่ใช่อำนาจของนายกแต่เพียงผุ้เดียวที่จะออกพระราชกำหนด



    เรื่องนี้ คุญหญิงอ้อทำอย่างตรงไปตรงมา  ซื้อที่ดินก็ซื้อในนามของคณหญิงอ้อ ไม่ได้ปกปิดอะไร  เพราะถ้าตั้งใจจะโกงจริงๆ ก็คงทำได้ไม่ยากด้วยการจดทะเบียนบริษัทขึ้นมาซักแห่ง  ให้ใครถือหุ้นแทนแล้วก็เอาบริษัทนี้เข้าประมูล  อันนี้ถึงจะเรียกว่าตั้งใจมาโกง  หรือถ้าเพีบงแต่คุณหญิงทำโดยให้ลูกชายหรือลูกสาวที่บรรลุนิติภาวะแล้วเข้าประมูลและซื้อหุ้นแทน  กฎหมายมาตรานี้ ก็ไม่สามารถที่จะเอาผิดแก่ทักษิณได้อย่างเด็ดขาดเลย  ฉะนั้น คนที่ตั้งใจจะโกง ทำไมจึงต้องใช้ชื่อของเมียตัวเองซื้อที่ดินอย่างโต้งๆ ถ้ารู้อยู่ว่ามันผิดกฎหมายแน่ๆ

    จากคุณ : ทนายที่รัก - [ 22 ธ.ค. 50 11:07:39 A:58.9.76.110 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom