ความคิดเห็นที่ 1 ว้าวคุณจขกท นี่ต้องอยู่ในแวดวงการเงิน แน่  คนธรรมดาไม่มีทางรู้เรื่องนี้เลย เยี่ยมมากๆๆ  ผมก็ไม่ได้อยู่แต่อ่านแล้วก็พอจะเข้าใจบ้าง แต่ต้องไปค้นคว้าเพิ่มเติมกับคำว่า Forfaiting จากคุณ : SPFC - [ 3 ก.พ. 51 17:26:30 A:124.120.133.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 จากช้อ 1 นั้น  ไม่ทราบว่า รัฐบาลได้เปิดประมูลหรือยัง  การที่ยังไม่มีสัญญาก่อสร้าง ไม่เข้าใจเช่นกันว่า สามารถทำการจ่ายก่อน (ADVANCE PAYMENT) และผู้ขายจะออก Standby L/C ได้อย่างไร  โดยที่ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้วัสดุอะไรบ้างเงิน เท่าใดหรือไม่        ขออภัยครับ     ไม่รู้จริงๆเรื่องเงินเรื่องทองนี่   ต้องการทราบเพื่อความรู้ด้วยครับ จากคุณ : วอน (วอน) - [ 3 ก.พ. 51 17:32:09 A:125.26.74.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ครับ Forfaiting ก็คล้ายกับ Discount คือขายลดตั๋วเงินด้วยกันทั้งนั้น แต่ อันแรกตลาดเงินจะรับซื้อขาดไปจากผู้ส่งออก หรือธนาคารของผู้ส่งออกเลย และจะใช้กับระยะเวลายาวตั้งแต่ หนึ่งปี ถึงเจ็ดปี โดยที่ตั๋วเงินจะระบุว่า at 420 days after sight เป็นต้น  ส่วน Discount ก็ขายลดในไทย ให้แก่ธนาคารของผู้ส่งออกอย่างเดียว หรือจะให้ acceptance ให้เป็น B/A BANKER ACCEPTANCE  ก็ไปขายตลาด s'pore or london etc.ได้ครับ อ้อ ผมอยู่ทุกวงการนะครับ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 17:40:00 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากข้อหนึ่ง เช่น รพไฟฟ้า หรือ รถ airport rail link ที่ต้้งใจจะจ่ายเป็น terms ก็เจรจาขอจ่ายล่วงหน้า ทำอย่างไรก็ได้ จะมีกฎมีระเบียบอย่างไรก็หาทางให้ม่มติออกมา ส่วนเอกชน ก็ให้ทำการ revised proforma invoice แล้วระยะให้ terms of payment เสียใหม่ว่า payable in advance at 360 days before shipment หรือคำอื่นที่คล้ายกัน ส่วน standby L/C เป็น L/C เพื่อการค้ำประกัน เอามาใช้ประโยชน์ได้หลายสิบอย่าง เช่น เพื่อค้ำประกันซองประกวดราคาขาย (bid bond) รถไฟฟ้าให้เรา หรือค้้ำประกันสัญญารับรองปะิสิทธิภาพสินค้ารพไฟฟ้า (performance bond) หรือ เอามาทำเป็น หนังสือค้ำประกันเงินที่จะรับจากเราไปล่วงหน้า (advance payment bond)ตามที่ผมแจ้งไว้ในกระทู้ L/C แบบนี้ ฝ่ายผู้ขายจะเป็นผู้ออก  ไม่ใช่ผู้ซื้อเป็นผู้ขอให้ออกเหมือน Commercial L/C ที่ผู้ซื้อรถดับเพลิงเป็นผู้ขอให้ออก..อิอิ (มีบางแบบผู้ซื้อขอออกได้เหมือนกัน ถ้าสนใจก็ถามมา) ส่วนจะให้ผู้ขายเขาขอออกมาเป็นรูปอะไรต่อมิอะไรก็บอกเขาตามที่เราต้องการคุ้มครองความเสี่ยง อนึ่งอเมริกาจะใช้มาก เพราะเขาไม่นิยมใช้ LETTER OF GUARANTEE ทั้งหมดผู้ใช้ต้องกำหนดใหอยู่ภายใต้กฎระเยียบ UCP 600 หรือ ISP 98 ของสภาหอการคเ้าระหว่างประเทศ หรือ INTERNATIONAL CHAMBER OF COMMERCE : ICC จะเป็นการดีสุด แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 18:02:27 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 17:53:12 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทันโทษ  สิงคโปมันกำเงินบาท(ตอนมีoff shore)ไว้หมดแล้ว  เราดิ้นลำบาก  มีอีกทางต้องพิมพ์เงินบาทมากมาก  แต่ประเทศเราต้องมีทองหรือสินทรัพย์ค้ำ   แต่อเมริกันเวลานี้ต้องการค่าเงินอ่อนมาก  จึงพิมพ์ออกมามากมาย(ไม่ต้องค้ำเพราะมีนิวเคลียร์)และต้องการให้คนบริโภคลดลงเพราะของแพงขึ้น  แต่ระวังถ้าค่าเงินมันแข็งมันจะรวยเป็นสองสามเท่าอีก  เพราะเงินดอลล์กองในประเทศเยอะแยะ  และที่พิมพ์ตอนนี้อีกแยอะแยะตอนนี้ เงินบาทอยู่ที่สิงคโปร์  จะทำอย่างไรให้ไหลกลับประเทศไทย(แบงใหญ่ๆตัวต่อท่อออกไป  ลองสืบดู)   จนปัญญาง่ะ จากคุณ : ศาล (เย็นยิ่ง) - [ 3 ก.พ. 51 18:06:33 A:125.25.49.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 บริหารจากเิงินบาทที่เรามีอยู่ในไทยนี่แหละก่อนตามที่ว่า เมื่อไม่มีเงินตรา USD ไหลเข้ามาก เพราะถูก delay ไว้ ก็ไม่ต้องทำการแลกเปลี่ยน เพราะหมุนใช้กันเอง position ไม่เปลี่ยน พอเงินเริ่มอ่อน off shore จะค่อยอ่อนลงมาอยู่ที่ใกล้เคียงกัน เราค่อยตลบหลังเอา USD ที่เรามีอยู่มากมายนี้่ออกไปกว้านกลับมา คงเริ่มสู้ได้แล้วคอนนั้น ขอบคุณท่ีีมาช่วยกันคิดนะครับ  พวกเราไม่ไ่ช่เงา พวกเราอาจเป็น spot light คอยส่องโน่นนี่ให้เห็น หลาย ๆ ทางครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 18:22:50 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 18:14:27 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 จบ  ป.4  มึนตึ๊บ จากคุณ : บ่าวภูธรเงา (บ่าวภูธร) - [ 3 ก.พ. 51 18:36:57 A:124.157.151.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณบ่าวภูธร ก็ว่าไป...อิอิ สวัสดีด้วยนะ  ขอแว้บไปกินข้าวก่อน จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 19:01:14 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 มึนด้วยคน จากคุณ : ^B^O^N^ - [ 3 ก.พ. 51 19:28:42 A:124.121.57.165 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 USD คืออะไรครับ   Standby L/C ? AT SIGHT BILATERAL PAYMENT ARANGEMENT B/E TERMS subsidize เนี่ย อ่ะครับ  รบกวนอธิบายศัพท์เฉพาะให้ผมหน่อยดิ  ไม่ก็เอาภาษาที่เข้าใจง่ายๆ อ่ะ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 19:54:40 A:124.157.151.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีตัวอย่างเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินด้วยวิธีนี้เพิ่มเติมไหม? และ ขอให้ช่วยขยายเรื่องAccount Tradeหน่อยได้ไหม จากคุณ : เซ็ง (นารุ) - [ 3 ก.พ. 51 20:07:12 A:124.121.5.248 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ภาคส่งออกต้องเริ่มขยับตัวด้วยครับ เพราะเงิน USD ทะลักเข้ามาไม่ขาด ช่วงแม้แต่วินาทีเดียว ทางการส่งออกครับ  ควรหาทางเจรจากับคู่ค้าในประเทศเช่น ผู้ค้าวัตถุดิบให้ภาคอุตสาหกรรม ที่นำวัตถุดิบต่างประเทศเข้ามาแปรรูปส่งต่อ ควรรับเงิน สองสกุล คือ บาท กับ USD เพราะยังไงก็ต้องใช้ USD ชำระวัตุดิบนำเข้าอยู่แล้ว แทนที่จะรับ เป็น บาท  ทั้งหมด (ตอนนี้ผมเริ่มทำแล้ว ) จะได้ไม่ต้องเสีย Rate แลก เปลี่ยน เงินบาทก็จะถูกดึง ไป มา น้อยลง การแข็งค่า ไม่ได้หมายถึงเงินบาทออกไปเที่ยวข้างนอกอย่างเดียว แต่หมายถึง การเปลี่ยนที่อยู่  การเคลื่อนไหวเงินในระบบจากที่หนึ่ง ไปที่หนึ่งในประเทศด้วย ข้อนี้ก็ไม่น่ามองข้าม แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 20:22:18 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 20:18:37 จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 20:17:25 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 อาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสคุยกับคุณธาริษาเรื่องทำนองนี้ในงานเลี้ยง โดยมารยาทคงโค๊ดมาหมดไม่ได้ แต่หลายเรื่องคงไม่หมูแบบที่คุณว่า อย่างเมกะโปรเจกต์เกือบทั้งหมดจะเป็นเงินกู้ต่างประเทศ เช่น มาทำรถไฟฟ้า ผมเองยังพูดว่าโดยทฤษฎีน่าจะทำให้เงินแข็งขึ้นไปอีกเพราะมีเงินนอกไหลเข้ามาเพิ่ม เธอพูดว่าส่วนใหญ่คงบาลานส์เป็นศูนย์ เพราะเอาเข้ามาก็คาดว่าส่วนใหญ่จะเอาไปใช้ซื้อของจากต่างประเทศ เช่น รถไฟฟ้าและอุปกรณ์ ผมขี้เกียจเถียงว่าน่าจะมีส่วนหนึ่งเหลือไว้ใช้ในไทย ไม่บาลานส์เป็นศูนย์หรอก ที่เห็นตรงกันคือต้องเร่งการซื้อของที่จำเป็นจากต่างประเทศโดยภาคเอกชนที่มีกำลัง แต่พอดีเวลาหมดเลยไม่มีเวลาถกต่อถึงกลไกสนับสนุน ส่วนตรงที่คุณเสนอ ไม่ได้ถก เพราะคงยากที่จะกู้เยนมาจ่ายเป็นดอลล่าร์ล่วงหน้า ยากข้อที่หนึ่งเจบิคคงไม่ยอม ยากข้อที่สองรถไฟฟ้ายังไม่รู้ว่าใครจะได้แต่เดาว่าน่าจะจ่ายเป็นยูโรซึ่งค่าเงินก็ไม่ได้อ่อนเหมือนดอลล่าร์ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 20:27:23 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 20:25:00 จากคุณ : Pom.com - [ 3 ก.พ. 51 20:24:12 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรามีการนำวัตถุดิบเข้ามาแปรรูปและใช้กันภายในเพื่อส่งออกในปริมาณที่ ค่อนข้างมากเช่น อุตสาหกรรมอิเลคทรอนิค พวกอุตสาหกรรมไฮเท็คทั้งปวง ที่เข้ามาบ้านเราเพื่อเอาค่าแรงถูกแต่ทักษะดี ดังนั้นน่าจะซื้อขายระหว่างกันเป็น USD ครับ อาจจะออกกฎหมายช่วยใน เรื่องนี้ เพราะเราอาจจะมีจุดรั่วทางนี้ด้วย จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 20:26:37 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 โพส กราฟ ดุลบัญชีเดินสะพัด (ดุลการค้า ดุลบริการ) กับดุลบัญชีเงินทุน มาประกอบการถกเถียงครับ จากกราฟ รู้สึกว่ามาตรกันสำรองจะใช้ได้ผลเหมือนกันนะครับ สัดส่วนเงินทุนที่ไหลเข้าส่วนใหญ่กลายเป็นเงินจากการค้าไปแล้ว แต่ผมยังงงอยู่ว่าไทยได้เปรียบในการแข่งขันกับชาวบ้านขนาดนั้นเลยหรือ จากคุณ : ภัทรธ (pattaratorn) - [ 3 ก.พ. 51 20:39:36 A:58.136.94.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 เออ เอาต่อๆๆกำลังมันเลยแฮะ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 20:46:25 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 USD คืออะไรครับ   Standby L/C ? AT SIGHT BILATERAL PAYMENT ARANGEMENT B/E TERMS subsidize เนี่ย อ่ะครับ  รบกวนอธิบายศัพท์เฉพาะให้ผมหน่อยดิ  ไม่ก็เอาภาษาที่เข้าใจง่ายๆ อ่ะ ขอโทษ ไปคุยหน้าบ้านมา อิอิ กลับมาหาทางข้ากระทู้ตัดเองไม่ได้ อยากตอบใจจะขาด พันทิป ครับ USD คือ UNITED STATE DOLLARS เป็นระหัสสกุลเงินสหรัฐอเมริกา ทุกประเทศจะมีระหัส STANDBY L/C แปลว่า L/C เพื่อการค้ำประกัน  ไม่ใข่เพื่อการค้า แต่ปัจจุบันอาจดัดแปลงได้ AT SIGHT แปลว่าจ่ายทันทีเมื่อเห็นตั๋ว หรือเอกสาร ที่ส่งไปเรียกเก็บ BPA แปลว่า ข้อตกลงสองฝ่ายให้มีการชำระเงินพิเศษระหว่างกัน เช่นการค้าแบบหักบัญชี B/E TERMS คือ BILL OF EXCHANGE ที่ระบุ กำหนดระยะเวลาที่ไม่ใช่ AT SIGHT SUBSIDIZE แปลว่า มีการให้ความช่วยเหลือ ขอโทษนะ มันติดปาก จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 21:23:49 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่น่าสนใจนี้มากๆครับ  ได้ประโยชน์และประเทืองปัญญาแก่พวกง. งู  ( งี่เง่า )ทางการเงินเช่นผมมากทีเดียว       ขอบคุณอีกครั้งขอรับ จากคุณ : วอน (วอน) - [ 3 ก.พ. 51 21:28:02 A:203.113.67.167 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณเซรุ่มมากครับที่ให้ความรู้ แล้ว  L/C นี่คืออะไรอ่ะครับ คือผมยังไม่เข้าใจ  ตัวนี้อ่ะอยากรู้ รบกวนอีกครั้ง จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 21:35:59 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 โพส กราฟ ดุลบัญชีเดินสะพัด (ดุลการค้า ดุลบริการ) กับดุลบัญชีเงินทุน มาประกอบการถกเถียงครับ จากกราฟ รู้สึกว่ามาตรกันสำรองจะใช้ได้ผลเหมือนกันนะครับ สัดส่วนเงินทุนที่ไหลเข้าส่วนใหญ่กลายเป็นเงินจากการค้าไปแล้ว แต่ผมยังงงอยู่ว่าไทยได้เปรียบในการแข่งขันกับชาวบ้านขนาดนั้นเลยหรือ ************************************************  เราไม่ได้เปรียบอะไรมากมายครับ แต่การที่เราสดุดในช่วง 2540 หมายถึง ต้นทุนแรงงานเราหยุด หรือชลอไปด้วยสาเหตุ ที่บริษัท ไม่ขึ้นค่าจ้างให้ ไม่จ่าย โบนัสให้ ลดเงินเดือนลง 20-30% ทำกัน อยู่ สอง สาม ปี จึงเริ่มขยับค่าแรง  เราปรับตัวเองกันมาก ทั้งระบบบริหารต้นทุน บริหารธุรกิจ ดังนั้น เราเหมือนพลิกตัวเองอย่างมากครับ จะสังเกตุว่า ระบบ ISO ก็เริ่ม บูมหลังจากนั้น  และที่เราควรทราบในเวลานี้คือ จีน กำลังมีปัญหากับ ยุโรป และอเมริกา เรื่องสินค้าด้อยคุณภาพ ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน ล่าสุดก็ญี่ปุ่นท้องร่วงเพราะ กินเกี้ยวที่ทำจากจีน มียาฆ่าแมลงปน ลูกค้าเก่าเริ่มกลับเข้ามาหลังจากที่หันไปสั๋งสินค้าจากจีนอยู่พักกใหญ่ อีก ทั้งราคาเราไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นข้อมูลนี้ จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 21:37:24 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ ภัทรธ (pattaratorn) จะไปงงอะไรครับ จีดีพีปีที่แล้วคำนวณคร่าวๆ สูงถึง ๔.๘ มากกว่าสมัยนายกทักษิณปี ๔๘ เสียอีก ยอดการส่งออก ๑๕๒,๔๗๗ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๑๗.๕ เปอร์เซนต์ คิดเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ๖.๔ เปอร์เซนต์ ยอดนำเข้าก็ไม่ลดลงแบบที่ใครว่า ๑๔๐,๐๑๐ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๘.๗ เปอร์เซนต์ สรุปแล้วเกินดุล ๑๒,๔๖๗ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๑,๒๑๔.๙ เปอร์เซนต์ และที่สำคัญ ส่งออกข้าว ๑๒๑,๐๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้า ที่ตั้งไว้ ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ๑๑,๐๐๐ บาท ข้าวนาปรัง ๖,๐๐๐ ถึง ๗,๐๐๐ บาท โดยไม่ต้องไปใช้เงินเป็นหมื่นล้านไปแทรกแซง แถมปลดหนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ๙๐,๐๐๐ ล้านที่นายกทักษิณฝากไว้ให้ และปลดหนี้ที่เกิดจากประชานิยมต่างๆอีกนับหมื่นล้าน ส่วนใครที่ค้าขายแย่ ถามผมบ่อยๆในราชดำเนิน ผมก็ขอตอบแบบเดิม ลองห้างสรรพสินค้าเปิดเป็นดอกเห็ดก็ต้องทำใจครับ นี่ล่าสุดคริสตัลก็เปิดดูดคนแถบลาดพร้าว รามอินทรา อีกหมาดๆ ไปกินข้าวเมื่อวานรอเข้าคิวเกือบชั่วโมง จากคุณ : Pom.com - [ 3 ก.พ. 51 21:39:24 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห 11 ครับ มีตัวอย่างเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงินด้วยวิธีนี้เพิ่มเติมไหม? และ ขอให้ช่วยขยายเรื่องAccount Tradeหน่อยได้ไหม ตอบ ไม่มีตรง ๆหรอกครับ อันนี้เป็น แม่แบบที่เลียนมาจากหลาย เกณฑ์ มารวมเป็นของผมเองที่เรียกว่า "หน่วงรับ แต่เร่งจ่าย" ไม่บังคับแต่อยากให้ลองวิจัยดู ส่วนคำว่า Account Trade ก็คือ การค้าแบบ "หักบัญชี" ที่มีการนำมาใข้สมัยรัฐบาลคึุณทักษิณ แต่ปัญหากลับกันคือ การขาดแคลนเงิน USD รัฐบาลไทยออกหัวโดยเดินทางไปคุยรัฐบาลคู่ข้อตกลง เป็น สัญญาสองฝ่าย หรือ BILATERAL PAYMENT ARRANGEMENT ตกลงกันว่า หากเอกชนค้าขายเคยใช้ TERMS OF PAYMENT ๖ข้อตกลงในการชำระเงิน) อย่างไรก็ ให้ได้รับ หรือได้จ่ายไปอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็น L/C หรือ B/C หรือ OPEN ACCOUNT หรือ ADVANCE PAYMENT ดังนั้นหาก เอกชนมาเลเซีย ขายสินค้า  ก็ให้ไปติดต่อรับเงินจาก เอ๊กซิมแบ้งค์ ทางมาเลย์เซีย เป็นริงกิต MYR แต่มูลหนี้เป็น USD ให้ลงบัญชีไว้ก่อน เช่น USD100,000  ค่อมาเอกชนไทยไทยขายไปบ้าง USD99.100 ก็ไปเอาเงิน ไทย THB ที่เอ๊กซิมแบ้งคฺ์ พหลโยธิน ......ขายกันไปมาตลอดหกเดือน เมื่อหักกลบลบหนี้ หากไทยเสีบดุลย์ไป USD100 ก็จ่ายเงินเพียง USD 100 เท่านั้น จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 21:42:54 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 เริ่มมองออกแล้วแฮะ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 21:49:37 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 คห 19 บอกว่า ขอบคุณเซรุ่มมากครับที่ให้ความรู้ แล้ว  L/C นี่คืออะไรอ่ะครับ คือผมยังไม่เข้าใจ  ตัวนี้อ่ะอยากรู้ รบกวนอีกครั้ง เซรุ่มตอบว่า...อิอิ       L/C คือ LETTER OF CREDIT ตราสารที่ธนาคารออก ตามคำร้องขอขอลูกค้า (หรือบางครังก็ออกมันเองเพราะอยากจะซื้อของเอง เช่น เครื่องใช้ไม่สอย หรือค้ำประกันตัวเองก็มี) ทั้งนี้เพื่อจะรับรองต่อผู้รับประโยชน์ (BENEFICIARY) ว่า ถ้าทำถูกตามข้อตกลงและเงื่อนไข ทุกอย่างตามที่ระบุไว้ใน L/C ธนาคารก็จะจ่ายเงินให้ ที่เรียก LETTER มันไม่ต้องออกเป็น กระดาษอย่างเดียวเหมือนโบราณ ปัจจุบันออกโดยใช้ ระบบ SWIFT หรือ TELEX หรือ CABLE ก็ได้ รวมแล้วสื่อสารได้ สี่อย่างไปต่างประเทศ L/C มี 2 จำพวก คือ L/C ทางการค้า COMMERCIAL L/C และ L/C เพื่อการค้ำประกัน ที่ผมอธิบายไว้ข้างต้น ก็คือ STANDBY L/C นั่นเอง อย่าเกรงใจมีไร ถามมาเลยพี่น้อง....อิอิ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 21:57:55 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 จะไปงงอะไรครับ จีดีพีปีที่แล้วคำนวณคร่าวๆ สูงถึง ๔.๘ มากกว่าสมัยนายกทักษิณปี ๔๘ เสียอีก ยอดการส่งออก ๑๕๒,๔๗๗ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๑๗.๕ เปอร์เซนต์ คิดเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ๖.๔ เปอร์เซนต์ ยอดนำเข้าก็ไม่ลดลงแบบที่ใครว่า ๑๔๐,๐๑๐ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๘.๗ เปอร์เซนต์ สรุปแล้วเกินดุล ๑๒,๔๖๗ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๑,๒๑๔.๙ เปอร์เซนต์ และที่สำคัญ ส่งออกข้าว ๑๒๑,๐๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้า ที่ตั้งไว้ ๙๐,๐๐๐ ล้านบาท ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ๑๑,๐๐๐ บาท ข้าวนาปรัง ๖,๐๐๐ ถึง ๗,๐๐๐ บาท โดยไม่ต้องไปใช้เงินเป็นหมื่นล้านไปแทรกแซง ************************************************ มีคำถาม 1) ขอทราบแหล่งที่มาของข้อมูล 2) ยอดการส่งออก ๑๕๒,๔๗๗ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๑๗.๕ เปอร์เซนต์ คิด       เป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ๖.๔ เปอร์เซนต์   แล้วยอดขายในประเทศมันลดลงหรือไม่? 3) ยอดนำเข้าก็ไม่ลดลงแบบที่ใครว่า ๑๔๐,๐๑๐ ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น ๘.๗   เปอร์เซนต์   ยอดนำเข้าคือวัตถุดิบ สินค้าทุนใช่หรือไม่? 4) และที่สำคัญ ส่งออกข้าว ๑๒๑,๐๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้า ที่ตั้งไว้    ๙๐,๐๐๐ ล้านบา ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ๑๑,๐๐๐ บาท ข้าวนาปรัง    ๖,๐๐๐ ถึง ๗,๐๐๐ บาท โดยไม่ต้องไปใช้เงินเป็นหมื่นล้านไปแทรกแซง    ไม่ทราบว่าเป้าหมายใครเป็นคนตั้ง แต่เท่าที่จำได้ นาล่ม น้ำท่วมจนที่นา    เสียหายมากมาย รัฐไม่เข้าไปช่วย แม้แต่เงินชดเชย ไม่รู้ได้กันครบหรือ    ยัง ดูสันสวนทางกับข้อมูลของคุณนะ? จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 22:03:33 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วพันธบัตรรัฐบาลนี่มันจัดอยู่ในประเภทเดียวกับพวก L/C รึเปล่าครับ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 22:04:42 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 27 montecatini ครับ เฮีย ป้อม แกระดับ ไปงานเลี้ยงเดียวกะ ธาริษาเลยนะนั่น   ...........ฮา   เมื่อเฮียป้อมเจอของจริง   ไม่วายมีเหน็บเรื่องห้างต่างชาติวู้ๆๆๆๆ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 22:08:50 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนใครที่ค้าขายแย่ ถามผมบ่อยๆในราชดำเนิน ผมก็ขอตอบแบบเดิม ลองห้างสรรพสินค้าเปิดเป็นดอกเห็ดก็ต้องทำใจครับ นี่ล่าสุดคริสตัลก็เปิดดูดคนแถบลาดพร้าว รามอินทรา อีกหมาดๆ ไปกินข้าวเมื่อวานรอเข้าคิวเกือบชั่วโมง *********************************************** ไม่ได้ต้องการจะจับผิดนะ ตรรกะต้องลึกกว่านี้ 1) ของใหม่คนอยากเห็น แต่จะไปซื้ออะไรนอกจาก กินข้าว ไม่ต่างจาก    Singapore เขาเรียกว่า Window Shopping 2) ห้าง โลตัส บิ๊คซี ใช่ว่าจะอยู่ได้ดี มันสะดวกซื้อเท่านั้น คนยังออม ยังไม่    กล้าจ่ายมาก 3) ตัววัดอยู่ที่ กลุ่มอสังหา มากกว่า เพราะมันคือคลื่นลูกโต    ที่หมู่บ้านผม คนวางดาวแล้วไม่สามารถซื้อได้ เพราะกู้แบงค์ไม่ผ่าน   เพียบ ต้องประกาศขายต่อเป็นแถว เพราะรายได้ลดลง บางคนตกงาน   ระหว่างผ่อนดาวเสร็จ จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 22:15:44 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ภาคการส่งออกไม่ใช่ตัววัด ในเวลานี้ว่า ประเทศชาติเราศิวิลัยแล้ว และก็ไม่ใช่ผล งานในทางบวกของรัฐบาล มองอย่างธาริษา ถึงได้พังแล้วพังอีก คนไม่เคยลง ปฏิบัติหรือเปล่า อยู่กับตำรามากไป   เขาดิ้นรนเอาตัวรอดต่างหาก รู้ไหมว่าทำไมเขาถึงต้องมุ่งส่งออก ก็เพราะ ตลาดในประเทศมันไม่มี นี่คือสาเหตุ ที่ทำให้ ดอลลาห์ถึงเกลื่อนเมืองไป หมด แทบจะใช้เงิน ดอลซื้อช้าวแกงข้างถนนกินกันแล้วถ้าแม่ค้ารับนะ และจำนวนที่เพิ่มก็เพราะ ถ้าอัดให้เต้ม Cap ต้นทุนมันจะลง เพื่อชดเชย ค่าเงินที่หายไป เขาถึงต้องยอมขายในราคาต่ำกันเพื่อ เอาVolume และ ต้องการระบาย Cap ที่ผลิตให้ในประเทศออกไป แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 22:27:48 แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 22:26:07 จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 22:22:31 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตห 26 ครับ  สวัสดีครับ พันธบัตร น่ะออกและรับรองโดยรํบบาลว่าจะจ่ายเงินคืนให้พร้อมดอกเบี้ย ย่อมแน่นปึ๊ก ค่าธรรมเนียมในการเอามาถือครองไีม่ค่อยมี แต่ L/C ที่เป็น STANDBY L/C ออกโดยประสงค์ให้ใช้ชื่อเรียกเป็น DIRECT PAY BOND น่ะออกและถึงแม้จะช่วยกันเพิ่มคำรับรองว่าจะจ่ายเงิน (ADDING CONFIRMATION) โดยธนาคาร ที่มั่นคงอีกแห่งหนึ่งนอกเหนือจากธนาคารที่ออก ก็เป็นเพียงธนาคารพาณิชย์ หรือดีขึ้นหน่อยก็ EXIMBANK ที่ใกล้ ๆ รัฐ  แต่ตัวเองก็บริหารห่วย แบบมือขอเงิน subsidize จากรัฐกันทั้งนั้น จะออกตราสารให้ใครก็เก็บค่าที่ต้องออกและร่วมเสี่่ยง คิดขาเดียวธนาคารเดียวก็ 1 % ต่อปี (1/4 % ต่อ 3 เดือน)  สองธนาคารก็ฟาดไป 2 % .....แหล่มเลย คงไม่คุ้มถ้าเอามาทดแทนกัน   แต่ถ้าใช้ค้ำเรื่องเงิน ๆ ทองอย่างอื่นก็พอว่า เสี่ยงหน่อยนะพี่น้อง จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 22:26:43 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 พูดถึงเรื่องห้างต่างชาตินี่ มันช่วยกระตุ้นอสังหาได้เลยนะครับ ที่ทางราคาขึ้น เยอะเอาการ ใครมีที่ก็สบายไป  ไม่ต้องทำไรแต่ราคาพุ่ง หลังจากมีห้างไปตั้งใกล้ๆๆ จากคุณ : บ่าวภูธร - [ 3 ก.พ. 51 22:27:49 A:124.157.146.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 สิ่งที่เราต้องการคือ การทำให้ค่าเงินนิ่ง จะเท่าไร ก็ขอให้นิ่งไว้ก่อน ถ้าไม่นิ่ง ภาคธุรกิจวางแผนไม่ได้ว่าจะอยู่อย่างไร ยอดขายจะเป็น เท่าไร สัดส่วน ใน นอก จะเป้นเท่าไร จะขยายหรือหยุดนิ่ง ถ้าแบงค์ขาติ ไม่มีคำตอบตรงนี้ ผู้ประกอบการ เดินต่อลำบาก ถ้าต้องเดา โอกาสเจ้บตัวสูง เขาก็จะเลือกไม่ลงทุน หยุดนิ่งสนิท มันก้เท่ากับถดถอย  ดังนั้น ถ้ารัฐบาลใหม่ เน้นเรื่องนี้แล้วหารือกับแบ็งค์ชาติตามที่เคยพูดไว้ ก็จะไปต่อได้ แบงค์ชาติไม่เห็นทำงานเชิงรุกเลย เสียหายมาก จากคุณ : montecatini - [ 3 ก.พ. 51 22:39:11 A:124.121.187.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ montecatini ๑. ตัวเลขส่งออกนำเข้านี่ก็โค๊ดมาจากหนังสือพิมพ์ แต่ถ้าอยากเช็คเข้าไปในเวบแบงค์ชาติก็คงได้ ส่วนเลขจีดีพีเจอคุณธาริษาวันก่อน เธอบอกว่ายังคำนวณไม่เสร็จ แต่คาดว่าราว ๔.๘ ๒. คุณถามยอดขายในประเทศ ยอดอะไรละครับ ตัวเลขรวมๆหายาก แต่ถ้าเฉพาะเรื่องก็เห็นว่าอย่างรถยนต์ก็มาตีคืนเดือนสุดท้ายได้เกินเป้า ผมเองที่บ้านก็มาซื้อรถปลายปีเหมือนกัน ป้ายแดง ๓ คันจอดเรียงกัน เอสคลาส ๑ คัน อีคลาส ๒ คัน เบนซินคัน ดีเซลคัน ๓. ยอดนำเข้ามันก็มีสินค้าวัตถุดิบแน่นอน มีคนพูดแบบนี้มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ว่าปลายปีพอสินค้าทุนหมด ส่งออกจะลด แต่ก็ไม่เป็นตามนั้น ๔. เป้า ๙๐,๐๐๐ ล้าน ก็เป็นเป้าที่กระทรวงพาณิชย์เขาวางไว้ร่วมกับทุกฝ่าย ส่วนนาล่มปี๔๙เขาก็ให้เงินช่วยเหลือไปหมดแล้ว แต่นาล่มปี๕๐ก็ต้องไปร้องกับนายกคนใหม่ เออแต่เรื่องนี้คุณธาริษาเธอยังคุยกับผมว่ารัฐน่าจะจ่ายเงินประกันผลิตผลเกษตร แบบโครงการนำร่องในอินเดีย รัฐจ่ายงบประมาณคงที่ต่อปีให้บริษัทประกันเอกชน ไม่ต้องลุ้นว่าปีนี้ฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร ให้เป็นปัญหางบประมาณไม่นิ่ง ข้าวดีไม่ดี ดูง่ายๆ โฆษณาหนังสือพิมพ์ขายรถแทรกเตอร์เดี๋ยวนี้สูสีกับรถยนต์แล้ว ๕. คุณจะวัดด้วยอสังหา จะวัดด้วยคนทิ้งดาว์น เรื่องแบบนี้บางทีมันซับซ้อน บางคนตอนที่ซื้อบ้านไม่เข้าใจกลไกดอกเบี้ย ว่ามันมีขึ้นลง วางแผนส่งแบบตึงตัว เจอดอกเบี้ยขึ้นไปร่วม ๒ เปอร์เซนต์ ก็หมดปัญญาผ่อนแน่นอนอยู่แล้ว แบงค์ที่ไหนจะให้กู้ และสำคัญราคามันถูกปั่นเกินมูลค่า ตั้งแต่ราคาที่ดิน ค่าก่อสร้าง คนซื้อก็รู้แต่เสี่ยงซื้อเก็งกำไร กะว่าจะขายต่อ แต่ราคามันตกสู่ความจริงก่อนแผน ก็ช่วยไม่ได้ ผมเองนะเคยทิ้งดาว์นมาร่วมสามคอนโดแล้ว ยื่งบ้านเอื้ออาทรยิ่งมีรั่วไหล เรื่องที่จับไม่ได้ขอไม่พูด แต่ที่แน่ๆคนก่อสร้างจำนวนไม่น้อยต้องพาข้าราชการที่รับผิดชอบในโครงการของตัวเอง ไปดูงานต่างประเทศ เป็นต้นทุนที่คนซื้อบ้านต้องจ่ายทางอ้อม ไม่เชื่อลองเช็คดูได้ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 51 23:16:14 จากคุณ : Pom.com - [ 3 ก.พ. 51 23:01:43 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ montecatini ทุกวันนี้จะออกมาตรการเพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งเร็วเกินไป แบบมาตรการ ๓๐ เปอร์เซนต์ เพื่อกันการเอาเงินมาพักในตลาดหุ้นตลาดตราสาร ก็มีคนออกมาโวยวายว่าจะทำให้ต่างชาติหนีจากตลาดหุ้น แล้วสุดท้ายเป็นยังไง หุ้นขึ้นทำลายสถิติสิบปี ใครไม่เป็นกระต่ายตื่นตูมก็รวยไปตามๆกัน แต่ก็เห็นใจคนที่เล่นมาร์จินถูกบังคับขายถูกๆ แต่ที่สำคัญดอลล่าร์มันอ่อนจะไปฝืนไม่ได้หรอกครับ ได้แค่ชลอ ถ้าทำธุรกิจข้ามชาติไม่เข้าใจหลักการนี้ก็อยู่เฉยๆดีแล้วครับ จากคุณ : Pom.com - [ 3 ก.พ. 51 23:11:22 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 คห 31 คุณบ่าวภูธร ครับ ผมมีที่แถวคลอง 14 เส้นลำลูกกา แต่อยู่คนละฝั่งคลองกับถนน เลยไปอยู่ที่ฉะเชิงเทรา เนื่อที่ประมาณ 10 ไร่ ราคาไม่ค่อยขึ้นเลย 10 ปี แล้ว คุณบ่าวภูธร ว่ามันจะดีไหม ไม่มีห้างต่างชาติกระแซะเลย มีแค่คลอง 4 เท่านั้น ขายทิ้งไปดีไหมครับ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 3 ก.พ. 51 23:16:01 A:203.146.82.59 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 แล้วคุณเซรุ่มน้ำปลาหวาน   คิดว่า  จะลดค่าธรรมเนียมLC ได้รึเปล่า? และความเสี่ยงจะไปตกอยู่กับใคร? จากคุณ : เซ็ง (นารุ) - [ 3 ก.พ. 51 23:33:12 A:124.121.1.234 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณบ่าวภูธร ห้างคริสตัลนี่ไม่ใช่ห้างต่างชาตินะครับ ห้างลักษณะนี้เริ่มบูม เริ่มจากเจอเวนิวในซอยทองหล่อ แล้วก็มาล่าสุดคริสตัลที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เป็นห้างที่รองรับชุมชนใกล้เคียง แต่เกรดสูงกว่าพวกเทสโก้ ห้างแบบนี้ดูดคนที่เคยไปเซ็นทรัล เดอะมอลล์มาก แล้วก็คนที่ไปไม่ใช่มีแต่ไปวินโดว์ชอปปิ้งอะไรแบบที่เข้าใจ ส่วนใหญ่จะไปกินข้าว แต่สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยซื้อของที่จำเป็น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง จากคุณ : Pom.com - [ 3 ก.พ. 51 23:33:28 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 ที่โฆษณา ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการเกษตร มันบูม เพราะคนตกงาน จึงต้องหันกลับไปสู่ภาคการผลิตพื้นฐานอีกครั้ง พูดง่าย ๆ ว่ากลับไปทำนา ผลผลิตข้าวจึงมากเป็นธรรมดา จากคุณ : ธัชกร - [ 4 ก.พ. 51 00:54:00 A:116.58.239.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณธัชกร ปีที่แล้วมีคนต่างจังหวัดสักกี่คนกลับไปทำนาเพราะตกงานครับ รถแทรกเตอร์เกิดได้เพราะแรงงานการเกษตรขาดแคลนแน่นอน ล่าสุดได้ข่าวว่ามีโรงงานรถแทรกเตอร์คูโบต้าย้ายฐานมาผลิตในไทยลงทุนหลายพันล้าน เป็นครั้งแรกในโลกที่ตั้งโรงงานรถแทรกเตอร์นอกญี่ปุ่น จากคุณ : Pom.com - [ 4 ก.พ. 51 01:14:14 A:124.121.211.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 เป็น "ครั้งแรกในโลก" ที่ตั้งโรงงานรถแทรกเตอร์นอกญี่ปุ่น ไม่น่าจะละเลยจีนไปได้ งง... สาธารณูปโภค? กฏหมายระหว่างประเทศ? วัตถุดิบ? การขนส่ง? แรงงานคุณภาพ? ฯลฯ จากคุณ : มุมม่วง - [ 4 ก.พ. 51 08:35:57 A:58.64.101.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 แล้วคุณเซรุ่มน้ำปลาหวาน   คิดว่า  จะลดค่าธรรมเนียมLC ได้รึเปล่า? และความเสี่ยงจะไปตกอยู่กับใคร? จากคุณ : เซ็ง (นารุ) ----------------------------------------------------- ขอโทษ ขอมาอั๊ฟด้วยนะครับ...อิอิ  ตอบช้า  เพิ่งมาเปิดตอนหลังข้าวกลางวัน ตอบว่า  ค่าธรรมเนียมเปิด L/C ลดได้อยู่แล้ว เช่น เคยเก็บ 1/4 % หรือ 0.25 %      ก๋ลดเหลือ 1/16 % หรือ 0.07 % ต่ออายุ L/C 3 เดือน ถ้าปีหนึ่งก็คูณ 4      ถ้าไม่อยากให้เขาคูณ 4 periods ก็ต้องต่อรองโดยใช้คำว่า ขอเป็น flat      ด้วย คือไม่มี time frame ....... ห้ามต่อด้วยคำว่า town house นะ.....ฺิือิอิ  ประโยคนี้ล้อเล่น      ส่วนที่ถามว่าความเสี่ยงจะไปตกที่ใคร   การที่เราเป็นผู้รับประโยชน์ คือเป็นผู้ทรง L/C      เราก็ต้องได้ประโยชน์ได้เงินได้ทองมา Reimberse ภาระจากการที่เราเสียทรัพย์            หรือเสียสิทธิ์๖ขึ้นอยู่กับประเภท L/C ว่าเป็นเพื่อการค้า หรือเพื่อค้ำประกัน) การที่เราจะได้ประโยชน์เมื่อข้อตกลง หรือเงื่อนไขในการ draw เงินครบถ้วน  เมื่อไปยื่นที่ธนาคาร ในประเทศของเราขอเงินขอทองเขา เขาอาจจะไม่ให้ก็ได้ การไม่ให้ไม่จ่าย เพราะธนาคารในประเทศไทยคือประเทศของผู้รับประโยชน์เป็นแค่ Nominee ที่เรียกว่า Nominated Bank เป็นตัวแทนที่เขาแต่งตั้งให้กระทำการแทนตัวธนาคารที่ออก ธนาคารจึงไม่ใช่ตัวการ  ปฏิเสธการเข้าดำเนินการได้  "เราผู้รับประโยชน์จึงต้องเสี่ยงดวง" ไปขึ้นเงินกับประเทศโน้นนนนนนนนน ชื่อประเทศ กุ๊ก กุ๊ก นะลุกปุ๊ก แลนด์   เห็นชื่อระเทศ แล้วก็เสียวเพราะประเทศมีควาาเสี่ยง เราก็ต้องเป็นผู้เสี่ยง ว่าประเทศที่ออก L/C มามันจะยอมจ่ายออกมาไหม หรือบางครั้งมันเกิดสภาวะ Embargo คือห้ามเรื่องเงินทองออกและเข้าประเทศไหนบ้าง หรือทหารเอาปืนมาจี้รัฐบาลได้ง่ายไหม พวกนี้มี country risks ทั้งนั้น  ไอ้ลูกค้าในประเทศพวกนี้ ไม่่ค่อยมีใครต้อนรั้บ   หาก L/C ออกมาจากประเทศที่ดีเลิศประเสริธศรี เช่น ญี่ปุ่น แต่ธนาคารันห่วย ชื่อ แฮทซซะระแมต แบ้ง ค์ ทุนจดทำเบียน ไม่กี่ล้าน ก็ถือว่าธนาคารที่ออกมีความเสี่ยง (Bank Risks) ทำให้เราผู้รับประโยชน์เสี่ยงแหง ๆๆ วิธีป้องกัน L/C ไม่ให้เสี่ยง ก็ต้องระบุลงไปในสัญญาซึ้อขาย หรือ aou ว่าเมื่อเปิด L/C มาถึงประเทศไทยที่เราเป็นผู้รับประโยชน์ ก็ต้องให้เราสามารถขอให้ธนาคาร กรุงเทพ กสิกร หรือ ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารขั้นเยี่ยม (PRIME BANK) เป็นผู้เพิ่มการรับรองการชำระเงิน (ADDING CONFIRMATION) ถ้ากรณีนี้พอครบข้อตกลง และเงื่อนไข ก็ไม่ต้องสนธนาคารที่อออกในต่างประเทศ มาแบมือขอเงินที่ธนาคารชั้นหนึ่งในเมืองไทยได้เลย. เราไม่เสี่ยง แต่ธนาคารไทยรับความเสี่ยไป ก็อย่างว่าแหละพี่น้อง เขาก็ต้องเก็บค่าธรรมเนียมรับรอง L/C  ค่ารับรองควรผลักกลับให้ฝ่ายที่ออกรับภาราไปด้วย 2 เด้ง เพราะอยากง่อน แง่นเอง  ประเทศที่มีทหารถือปืนจึงมีต้นทุนเปิด L/C สูง เพราะไหนจะค่าเปิด L/C ไหนจะค่ารับรองเพิ่มอีกธนาคารหนึ่ง  ดัดสันดานให้เข็ด อยากไม่มั่นคง และมีประเชาธิปไตย์ เหมือนไทย.....ว่าง้าน จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 4 ก.พ. 51 13:45:44 A:203.113.36.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 .                   กระทู้นี้น่าสนใจครับ แต่ช่วงนี้ไม่ว่างพอที่จะมาถกด้วย                   แนวทางการแก้ปัญหาของท่านเซรุ่มน้ำปลาหวาน ถือว่าดีครับ แต่ยังเป็นการต่อยที่ยังไม่ตรงเป้า ดังนั้นมาตราการที่ว่า คงแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเงินของเราไม่ได้ .............. เพราะ ท่านเซรุ่มน้ำปลาหวาน ยังไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริงของเรื่องค่าเงิน จากคุณ : บุรุษหน้าเหล็ก - [ 4 ก.พ. 51 19:33:29 A:117.47.91.151 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 คห 42 ขอบคุณครับบุรุษหน้าเหล็ก โครงการ "หน่วงรับ และ เร่งจ่าย" เงินUSD เพื่อลดการไหลบ่าเข้าของมันตามที่ผมเสนอไว้ ผมก็ว่ามันตรงประเด็นแล้ว แต่เป็นการคิดนอกกรอบจากที่เขาคิด ๆ อยู่ ซึ่งก็ไม่มีอันไหนคลำได้ตรงเป้าเลย  เพราะการทำของฝ่ายรัฐที่ผ่านมาไม่ส่งผลให้ บาท อ่อนลง แต่แนวคิดที่ผมเสนอนี้ ต้องทำบนพื้นฐานที่ค้องช่วยกันทั้งฝ่ายบริหารภาตรัฐ ต้องจับมือกับฝ่ายปฏบัิติการ ของเอกชน แล้วเริ่มทำได้ทันที แต่เอ...ปัญหาที่แท้จริงมันไม่ใช่การที่มี USD มาก และ THB เหลือน้อยไปหรือครับ รู้อะไร ลึกซึ้งกว่าผมก็มาแนะนำ หรือเล่าให้ฟัง  สักนิดหนึ่งก็ยังดีนะครับ ุุ่ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 4 ก.พ. 51 20:45:06 A:203.113.37.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมนึกว่า ผมหลงเข้าห้อง สินทร ขอบคุณ จขกท และ ทุกๆท่าน ที่ให้ความรู้ เกี่ยวกับ การเงิน การคลัง Vote. จากคุณ : u5canoe - [ 4 ก.พ. 51 20:59:42 A:222.123.203.37 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณครับที่ชม ผมต้องขอโทษที่พิมพ์ผิดแยะ เพราะพิมพ์ไม่ค่อยเก่ง แต่เพื่อส่วนรวมก็พอได้ โดยมากก็ให้เด็ก ๆ เขาช่วยพิมพ์ให้ ขอบคุณทุกท่านเลยที่เข้ามาสอบถามเรื่องอื่น ๆ ถึงแม้เกี่ยวกับประเด็นนี้น้อย แต่ก็เป็นเรื่องของ การเงินในกระบวนการค้าระหว่างประเทศ ก็เลยตอบให้ไปแก่ทุกท่าน ใครอยากทราบการเงินทางการค้า(INTERNATIONAL TRADE FINANCE)ก็ถามเข้ามานะครับ จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 4 ก.พ. 51 22:16:58 A:203.113.37.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ทุกวันนี้จะออกมาตรการเพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งเร็วเกินไป แบบมาตรการ ๓๐ เปอร์เซนต์ เพื่อกันการเอาเงินมาพักในตลาดหุ้นตลาดตราสาร ก็มีคนออกมาโวยวายว่าจะทำให้ต่างชาติหนีจากตลาดหุ้น แล้วสุดท้ายเป็นยังไง หุ้นขึ้นทำลายสถิติสิบปี ใครไม่เป็นกระต่ายตื่นตูมก็รวยไปตามๆกัน แต่ก็เห็นใจคนที่เล่นมาร์จินถูกบังคับขายถูกๆ *********************************************** คุณไม่เข้าใจที่ผมกำลังสื่อ ผมต้องการนสื่อว่าแบ็งค์ชาติต้องกำหนดค่าให้ได้ และบริหารจัดการให้ได้ว่า มันควรจะจัดการให้นี่งที่ระดับ เท่าไร ไม่ใช่ผมอยากรู้เพียงคนเดียว ผู้ประกอบการเขาต้องการรู้ว่า จะ จัดการให้นิ่งหรือไม่ และจะนิ่งที่เท่าไร ที่คุณยกมาข้างต้น เป็นเพียง การแก้ไขเงินดอลไหลเข้ามาทางตลาดหุ้น เพื่อซื้อหุ้นถูกๆ แล้วขายออกไปได้บาทเอาไปแอบเก็บไว้ไม่ปล่อยออกมา  แต่ตลาดหุ้นมันไม่ใช่ Real Secter มันไม่ก่อให้เกิดธุรกิจที่ต่อเนื่อง มัน เป็นเรื่องของการเก็งกำไร แต่เงิน USDที่เข้ามา มันกลับไปส่งผลต่อ คนทำ ธุรกิจประเภทReal Secter แบ็งค์ชาติไม่มองจุดที่ดอล ทะลักเข้ามาทางนี้ กลับหันหน้าไปสู้เพียงด้าน เดียว การจัดการเหมือนไม่ทันพวกนักเก็งกำไร แล้วไม่ขอคำแนะนำใครเลย นี่คือ จุดอ่อนที่ทำให้เราสุญเงินไปถึง 1.5 ล้านๆบาท โดยสุญเปล่า นี่ยังไม่รวม ธุรกิจส่งออกที่เสียหายจากค่าเงินที่มีแต่แข็งขึ้นตลอด การไขปริศนาอันนี้ ต้องใช้คนที่เก่งทั้งธุรกิจและการเงิน ไม่ใช่ให้ธาริษาแก้ คนเดียวโดยลำพัง จะเอาอนาคตของชาติฝากไว้กับคนๆเดียวหรือ จากคุณ : montecatini - [ 4 ก.พ. 51 22:22:41 A:124.121.188.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่าผู้ประกอบการต้องการรู้เรื่องค่าเงินที่ต้องจัดการให้นิ่งนะว่า มันจะเป็น เท่าไร ประเทศเราไม่ได้อยู่ได้เพราะตลาดหุ้น แต่การดูแลมันต้องทำทั้งสอง ทาง จากคุณ : montecatini - [ 4 ก.พ. 51 22:26:41 A:124.121.188.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ montecatini คุณคิดคล้ายผม    ที่เราต้องหันมาพยายามแก้ทางด้าน INTERNATIONA TRADE OR EXP & IMPORT  ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มากและสำคัญ ปริมาณเงินทั้งสองขา มันมากมายพอกระตุกค่าเงินบาทให้ถอยลงมาได้ แก้ไขเมื่อ 04 ก.พ. 51 22:32:22 จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 4 ก.พ. 51 22:29:32 A:203.113.37.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 เราถูกปฎิวัติ 19 กันยายน 2549 มีรัฐบาลเผด็จการ และเริ่มงาน ไตรมาส 4 คุณ Pom.com คล้ายกำลังบอกว่า เศรฐกิจปี 49 เป็นฝีมือบริการของเผด็จ การล้วนๆ ตรรกะประมาณนี้ ผมว่า รัฐบาลจะเริ่มจริงจังก็ ปี 2550 งบยังไม่ ออก  ขอเชิญวิเคราะห์จากรายงานแบ็งค์ชาติได้ครับตามนี้ http://www.bot.or.th/BOTHomepage/DataBank/Econcond/econreport/annual/4-10-2007-Th-i/full.pdf  ไม่ต้องการฟันฝ่าเพื่อเอาชนะ แต่อยากจะบอกว่า ราชดำเนิน เน้นข้อมูล ไม่วัดจากความรู้สึก จากคุณ : montecatini - [ 4 ก.พ. 51 22:43:41 A:124.121.188.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 คำทำนายของ แบ้งค์ชาติ ปี 2550 '' แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2550 เศรษฐกิจไทยในปี 2550 มีแนวโน้มขยายตัว ใกล้เคียงกับปี 2549 โดยมีข้อสมมติสำคัญ คือ (1) เศรษฐกิจ โลกโดยรวมขยายตัวชะลอลงจากปีก่อนตามเศรษฐกิจของ ประเทศสหรัฐอเมริกา (2) ราคาน้ำมันโลกคาดว่าจะลดลง จากปี 2549 และ (3) สถานการณ์ในประเทศที่กระทบความ เชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนคลี่คลายลง ทั้งนี้ คาดว่า ภาคการส่งออกสุทธิยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สำคัญ โดยการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ยังคงขยายตัวแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ ดี สำหรับการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัว คาดว่า จะสามารถปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยมีแรง กระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐตามงบประมาณขาดดุล ส่วน การบริโภคภาคเอกชนน่าจะยังคงขยายตัวได้ใกล้เคียงกับใน ปี 2549 จากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้ม ลดลง สำหรับปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศต่อการขยายตัว ของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ยังคงเป็นเรื่องภาวะเศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้าซึ่งอาจจะชะลอลงต่ำกว่าที่คาดการณ์และความ ไม่แน่นอนของราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนความเสี่ยง ในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและ นักลงทุน จากปัญหาความไม่สงบในประเทศ" จากคุณ : montecatini - [ 4 ก.พ. 51 22:48:02 A:124.121.188.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ montecatini นี่มันปี ๕๑ แล้วนะครับ ปีที่แล้ว ปี ๕๐ มันก็ฝีมือนายกสุรยุทธเต็มๆ ที่ทำจีดีพีได้ ๔.๘ จากคุณ : Pom.com - [ 4 ก.พ. 51 23:26:36 A:124.120.231.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ montecatini ขืนแบงค์ชาติบอกค่าเป้าหมายว่าในแต่ละช่วงเวลาจะทำให้เงินบาทมีค่าเท่าไรก็พังซิครับ นักเก็งกำไรเขาพร้อมที่จะเล่นได้ทั้งสองทางอยู่แล้ว ไม่ว่าบาทจะมีเป้าหมายให้แข็งหรืออ่อนกว่าค่าที่เป็นอยู่ แต่ยังไงก็ตามบาทเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ก็ต้องไปในทิศทางที่เป็นจริง อเมริกามีปัญหาดอลล่าร์ก็ต้องอ่อนเมื่อเทียบกับทุกสกุล ความเสียหายของแบงค์ชาติคงไม่ถึงระดับที่คุณว่าหรอกครับ ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นค่าทางบัญชีเท่านั้น ต้องดูตอนจบครับ เมื่อขายดอลล่าร์ถึงรู้ผล และก็อย่าลืมว่าจะเอาการกำไรขาดทุนของแบงค์ชาติมาตัดสินอย่างเดียวไม่ได้ จำไม่ได้หรือครับ ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง แบงค์ชาติกำไรเป็นหมื่นล้าน ได้โบนัสพุงปลิ้น แต่ประเทศแทบพัง กลไกที่สำคัญที่จะทำให้เงินบาทอ่อน ก็คือต้องนำเข้าสินค้าทุนมากๆ แต่ในทางปฏิบัติมันไม่ง่าย ต้องใช้กลไกของรัฐสนับสนุน จากคุณ : Pom.com - [ 4 ก.พ. 51 23:44:58 A:124.120.231.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ มุมม่วง ในจีน มียุโรป กับ อเมริกา ไปลงทุนรถแทรกเตอร์งานไร่ แต่รถแทรกเตอร์งานนาต้องของญี่ปุ่น ส่วนที่ไม่ลงทุนในจีนคงเพราะตลาดยังไม่มากเท่าไทย จากคุณ : Pom.com - [ 4 ก.พ. 51 23:51:38 A:124.120.231.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 (เดี๋ยวมาต่อนะ) จากคุณ : เซ็ง (นารุ) - [ 5 ก.พ. 51 00:48:14 A:124.121.11.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณรัฐบาล ที่ได้ประกาศ การหน่วงรับ เมื่อไม่กี่ขั่วโมงทีแล้ว ข้อความจาก SET TRADE ความว่า แบงก์ชาติ ออกประกาศผ่อนคลายการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมแล้ว แบงก์ชาติ ออกประกาศผ่อนคลายการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมแล้ว นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ธปท. ได้ออกประกาศเรื่องการผ่อนคลายการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมแล้ว โดยขยายเวลาถือครองเงินดอลลาร์เพื่อให้ธุรกิจไทยมีความคล่องตัวมากขึ้น โดยจะขยายการถือครองจากเดิมไม่เกิน 120 วัน เป็น 360 วัน นอกจากนี้ขยายขอบเขตการลงทุนและให้กู้ยืมกิจการในเครือในต่างประเทศ โดยเพิ่มวงเงินไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และกรณีที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ สามารถลงทุนในต่างประเทศได้ไม่จำกัดจำนวน แต่หากเป็นการให้กู้ยืมต้องไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องเป็นบริษัทที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวกและไม่เข้าข่ายถูกเพิกถอน ทั้งนี้ ในส่วนของกรณีการโอนเงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ สามารถทำได้ไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี นอกจากนี้ ยังผ่อนเกณฑ์การฝากเงินตราต่างประเทศ โดยฝากได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยผู้มีเงินตราต่างประเทศอันมีแหล่งที่มาจากต่างประเทศ สามารถฝากเงินตราต่างประเทศกับนิติบุคคลรับอนุญาตได้ไม่จำกัดจำนวน ขอบคุณรัฐบาล ที่ได้ประกาศ การหน่วงรับ และเร่งจ่ายไปบ้าง เมื่อไม่กี่ขั่วโมงทีแล้ว  ถึงแม้จะคิดคล้ายกันกระทู้ผมเมื่อสองสามวันทีแล้วก็ ลองดูสักตั้ง  ความจริงแนวคิดนี้ดูเหมือนจะมีมาตั้งแต่ ตอนประกาศมาตรการก่อนนี้ แล้วนี่  แต่ไม่ได้เอาจริง เอาจังอะไร จากคุณ : เซรุ่มน้ำปลาหวาน - [ 5 ก.พ. 51 16:51:49 A:124.120.96.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 56 เขาต้องใช้เวลาในการดำเนินการหรือเปล่า? เพราะกฏระเบียบแบงค์ชาติก็ไม่ได้ยืดหยุ่นเท่าใดนัก คล้ายที่เขาเปลี่ยนอัตราสำรองเงินหรือเอาเงินสำรองไปใช้ลงทุนไม่ได้ง่ายๆ แต่เรื่องการถือครองดอลล่าร์  คงต้องดูความมั่นใจอีกที  เพราะถ้าอ่านไม่ผิดน่าจะเป็นกรอบในลักษณะความสมัครใจ   แต่ก็น่าจะกระตุ้นได้บ้าง ป.ล.ต้องขอกล่าวเสียดาย ที่ไม่ค่อยมีเวลามาคุยต่อ  จริงๆแล้วกระทู้อย่างนี้เป็นกระทู้ที่มีความรู้ดี   ถ้ากระทู้ส่วนใหญ่ของราชดำเนินเป็นอย่างนี้คงดี คงอีกซักสองสามวันคงพอมีเวลาบ้าง ยังไงก็ต้องขจออภัย จากคุณ : เซ็ง (นารุ) - [ 6 ก.พ. 51 00:27:19 A:124.121.11.132 X: ]