ใช่แน่นอน ทหารส่วนบนซึ่งเป็นส่วนน้อย ต้องการเป็นคนเหนือคนและมีวิตกจริตหวาดกลัวว่าประชาชนจะเข้าใกล้ตนเองทหารหวาดกลัวต่อการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองจึงพยายามสร้างเกราะป้องกันตัว จึงพยายามออกกฏหมายอภิสิทธิ์ชนให้แก่ตนเอง (11 คน)
	ไม่ใช่ ......(คิดเห็นผลไม่ออก) (0 คน)
	แบะ...แบะ..แบะ... (3 คน)
	จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 14 คน

	78.57%
	0.00%
	21.43%

พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ซึ่งเพิ่มประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา อาจกลายเป็นปมขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช กับบรรดาผู้นำเหล่าทัพที่เคยเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)ที่เคยนำกำลังเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันายน 2549

เมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้สร้างระบบป้องกันมิให้ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูกหรือแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลขึ้นไปเกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้าผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ยอมสวามิภักดิ์หรือเข้ากับกับฝ่ายการเมือง

เพราะมาตรา 25 วรรคสามของ พ.ร.บ.ดังกล่าวบัญญัติ 'ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการหทารอากาศ เป็นกรรมการ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้เจ้ากรมเสมียนตรา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารชั้นนายพลของส่วนราชการตามวรรคสองและระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวง และส่วนราชการในกองทัพไทย'

พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยอมรับว่า การออกกฎหมายฉบับนี้ตั้งใจว่า ไม่ต้องการให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการทหาร และที่ผ่านมาก็มีปัญหาการเมืองเข้ามาแทรกแซงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการโยกย้ายนายทหาร หรือการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์

'คณะกรรมการในการพิจารณา จะมีปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.แต่ละเหล่าทัพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และเมื่อมีการพิจารณาร่วมกันแล้วมีมติจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แม้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่นั่งเป็นประธานก็ยังไปทุบโต๊ะหรือเปลี่ยนโผไม่ได้ เพราะที่ผ่านมามักจะมีการเปลี่ยนโผมาตลอด แต่คราวนี้รับประกันได้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนโผ เพราะถือว่า เป็นกฎหมายแล้ว และปกติหากออกเป็นระเบียบอะไรมา เขาก็ไม่ฟังกันแต่เมื่ออกเป็กฎหมายแล้ว ทุกคนต้องปฏิบัติตาม' พล.อ.บุญรอดกล่าว

ขณะที่ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกล่าวว่า เมื่อเขียนไว้ชัดเจนในกฎหมาย การโยกย้ายก็ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน หากไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่าทำผิดกฎหมายทันที

อย่างไรก็ตาม คำถามที่เกิดขึ้นคือ ถ้าฝ่ายการเมืองคือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังคงฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้จะสามารถดำเนินการกับนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้อย่างไร

ประการแรก ผู้ที่ได้รับความเสียหาย อาทิ นายทหารที่ได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนเสียหายจากการแทรกแซงล้วงลูก เช่น มีการปรับเปลี่ยนบัญชีรายรายชื่อหรือโผที่คณะกรรมการ 7 คนมีมติแล้ว สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้

นอกจากนั้น การปรับเปลี่ยนรายชื่อโยกย้ายนายทหารผิดไปจากมติคณะกรรมการยังเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 การปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบซึ่งนายหทารที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายสามารถยื่นฟ้องต่อศาลอาญาหรือร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันแลัปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

ประการที่สอง ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 266และ มาตรา 268 มีบทบัญญัติห้ามมิให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงในการโยกย้ายข้าราชการประจำและเจ้าหน้าที่รัฐที่มิให้ข้าราชการการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม  เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ

ถ้านายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีฝ่าฝืนด้วยการแทรกแซงหรือก้าวก่ายการโยกย้ายนายทหารโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายก็จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯหรือรัฐมนตรีทันทีตามมาตรา 182(7)ที่บัญญัติว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อกระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 267 มาตรา 268และมาตรา 269

แต่ถ้านายกฯหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่ยอมรับว่า ได้ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งนายทหาร

ถ้าพรรคฝ่ายค้านมีหลักฐานหรือมีมูลพอที่จะพิสูจน์ได้ว่า บุคคลทั้งสองแทรกแซงการโกยย้ายแต่งตั้งกล่าว ส.ส.ฝ่ายค้านหรือ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาขิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา(สำหรับ ส.ส.มีทั้ง 480 เสียง จึงใช้เสียง ส.ส.เพียง 48 คน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.ถึง 164 คน) มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาที่ตนเป็นสนมาชิกเพื่อให้ประธานสภาส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูยเพื่อให้วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ (มาตรา 182 วรรคสามประกอบมาตรา 91)

ประการที่สาม นอกจาก ส.ส.จะเข้าชื่อกัน 1 ใน 10 ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพ้นจากตำแหน่งหรือไม่แล้ว  ถ้ามีการก้าวก่ายแทรกแซงจริง ส.ส.พรรคฝ่ายค้านยังเข้าชื่อร้องจำนวน 1 ใน 4 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด( 120 คน) ต่อ ป.ป.ช.ให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งและดำเนินคดีอาญากับนายกฯและรัฐมนตรีได้ตามมาตรา 270 และ 271 อีกด้วย

จากเงื่อนไของกฎหมายและรัฐธรรมนูญดังกล่าว ถ้านายสมัคร สุนทรเวช ไม่ว่าจะในฐานะนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะรับใบสั่งจากนายโรงละคร(รัฐบาล)หุ่นมาดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องทำอย่างแนบเนียนในรูปแบบต่างๆโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้มิเช่นนั้น อาจถูกสอยให้ร่วงง่ายๆ

การประกาศใช้ พ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหมในช่วงนี้ ถ้าจะว่าไปแล้วเหมือนกับการวางกลไกป้องกันล้วงลูกถึง 2 ชั้น

เพราะถ้ามีการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการโยกย้ายแต่งตั้งแล้ว ไม่เพียงเป็นการผิดกฎหมายที่จะทำให้คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายอาจถูกเพิกถอนโดยศาลปกครองเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีและติดคุกอีกด้วย
---------------------------------------

รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550


มาตรา 266 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองไมว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ............................
(2) การบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่งและเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำและมิใช่ข้าราชการการเมือง พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
(3) ..........................
(4) .............................
มาตรา 268 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระทำการใดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 266 มิได้ เว้นแต่เป็นก่ารกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ

-------------------------------------------------------