PANTIP.COM : P6317120 รูปนี้ใช่ ดารา หรือเปล่าครับ [เก็บตกกู้ชาติ] []

ความคิดเห็นที่ 27

วิพากษ์การเมือง "ตั้ว" เอียนนายกฯ อ้าง 19 ล้านเสียง!

ในขณะที่คนบันเทิงหลายต่อคนทำท่าไม่สนใจ

ในขณะที่หลายคนทำท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว

และในขณะที่อีกต่อหลายคนให้สัมภาษณ์เป็นเรื่องตลกต่อสภาวะ "การเมืองไทย" ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงตลอดเวลาอยู่ในตอนนี้...

ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ถูกกำหนดให้เป็นวัน "กู้ชาติ" โดยการนำของ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้ดำเนินรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ได้มีนักแสดงชายมากฝีมือคนหนึ่งไปปรากฏตัวอยู่ที่นั่นร่วมกับคนหลายหมื่น

"ตั้ว ศรัณยู วงศ์กระจ่าง" คือดาราคนนั้น

เป็นการมาที่เปิดเผยตัว เป็นการด้วยใจที่รู้สึกว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นมีความผิดปกติ และเป็นการมาที่เจ้าตัวบอกอย่างไม่อายว่าตนเองยืนอยู่ฝั่งไหน

"ตรงนี้มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ผมทำงานมาปูนนี้แล้ว ผมไม่อายที่จะบอกว่าพผมสนับสนุนใคร ไม่อายที่แสดงความคิดเห็นถึงใคร ผมคิดว่าการที่ผมไม่ชอบรัฐบาล ออกมาชุมนุมอย่างสันติมันจะผิดยังไง ไม่กลัวที่ใครจะมาจับ เพราะสิ่งที่เราคิด เราก็คิดต่างไป เราไม่ได้เบียดเบียนใคร จะอายทำไม เป็นเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้”

“ที่ไปก็คิดว่ามันเป็นสิทธิ์อย่างหนึ่ง อยากไปใช้สิทธิ์ในการเป็นคนไทยคนหนึ่ง เมื่อมันมีเวทีสงบที่ทำให้เราไปแสดงความคิดเห็นได้ ผมถือว่าผมไปใช้ตามสิทธิ์คนไทยคนหนึ่งนะ เพราะปกติเราก็คุยกันในกลุ่มวงเล็กๆใช่ไหมว่าเราคิดยังไง กับรัฐบาลชุดนี้ แต่พอมีช่องทางที่เราจะแสดงความเห็นที่มีต่อรัฐบาลโดยสันติวิธีแบบนี้ มันไม่ได้ทำให้เกิดความแตกแยก ผมก็เลยไป เอาชีวิต เอาวิญญาณไปร่วมตรงนั้นด้วย เพื่อให้รู้ว่าคนจำนวนนี้แหละที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายที่เค้าทำ ผมก็อยากเป็นแรงหนึ่งตอนนั้น”

ตั้วเล่าว่าตนเองสนใจเรื่องการเมืองมานานแล้ว เพราะรู้สึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผืนแผ่นดินไทยที่ตนเองยืนอยู่
“เรื่องการเมืองผมสนใจมาตั้งนานแล้ว แล้วผมก็สนใจมาตลอด เพราะคิดอยู่ตลอดว่านี่มันแผ่นดินไทย แผ่นดินของเรา บ้านเมืองที่เราอยู่มาตั้งแต่เกิด มันต่างกันก็ตรงที่ว่าใครจะมีวิถีชีวิต มีอาชีพอย่างไรเท่านั้นเอง ผมอยู่ในวงการแสดง มีภาระหน้าที่จริงคนทุกอาชีพก็ต้องสนใจการเมือง ยิ่งเมื่อมีวาระแบบนี้ เราก็ควรออกมาแสดงความคิดเห็น”

“วันนั้นพอผมเสร็จถ่ายรายการสดของบิ๊กบราเธอร์ผมก็มาเลยนะ มาถึงเกือบ 4 ทุ่ม แล้วพี่ก็อยู่จนถึง ตี 1 กว่าๆ จุดเทียนก็อยู่นะ ยังเดินดูม็อบรอบๆ เจอรุ่นน้อง เจอเพื่อนเยอะแยะมากเลย”

วอนนายกฯ เลิกอ้าง 19 ล้านเสียง เพราะมั่นใจเหลือไม่ถึงแน่นอน ส่วนการพูดการจาของนายกฯ ที่ค่อนข้างจะก้าวร้าวและรุนแรงในระยะหลังๆ นักแสดงหนุ่มบอกว่าไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ย้ำคนที่พูดแบบนั้นได้แม้จะถือได้ว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำประเทศอย่างแน่นอน
“19 ล้านเสียงที่ว่าเนี่ยผมก็ไม่เคยเห็นด้วยเลย ณ วินาทีนั้นวันที่คนเลือกเค้าเข้าไปเนี่ย ใช่มีอยู่ 19 ล้านเสียง จากนั้นก็จับเค้าใส่กุญแจมือ ล็อกไปเลย ไม่ได้ให้พูดอะไร ผมไม่เคยรู้สึกชอบเลยกับสิ่งที่เค้าชอบอ้าง 19 ล้านเสียง มาตอนนี้มันอาจจะลดลงก็ได้ เค้าเคยถามไหมล่ะว่า 19 ล้านเสียงมันเหลืออยู่เท่าไหร่ ตรงนี้ผมกล้าพูดเพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยชื่นชม เคยเชียร์มาก่อน มั่นใจเหลือเกินว่าเค้าจะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ แต่สุดท้ายผมก็เปลี่ยนใจ แล้วก็เชื่อว่า 19 ล้านเสียงที่ว่ามันลดลงแล้ว”

“เรื่องการพูดก็คงจะขอวิจารณ์ในแง่ที่ผมก็อยู่ในวงการแสดงนะ ใครก็ตามที่พูดจาด้วยสำนวนแบบท่าน ด้วยลีลาการพูดแบบนี้ถือว่าเค้ามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก จริงๆ แล้วการพูดนินทา การพูดส่อเสียด พูดทะลึ่งน่ะพูดได้ครับ แต่ว่ามันควรจะพูดกับคน 2 คนหรือในกลุ่มเพื่อน แต่หลายครั้งหลายคำที่ผู้บริหารประเทศพูดออกไปนั้น ต้องรู้จักระวัง ผมไม่ค่อยสบายใจที่เห็นนายกฯพูดแบบนั้น ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ มันไม่สง่างาม"

" ไม่ใช่ว่าเค้าทักเรื่องขายหุ้น คุณก็ใช้สำนวนตอบว่าเค้าอิจฉาคุณ ถูกผิดยังไงคุณก็ตอบไปซิว่าคุณคิดยังไง ไม่ต้องไปประชดประชัน หรือพูดแบบนั้นออกมา เครื่องบินตกที่สุพรรณฯ ก็ไม่น่าจะพูดออกอากาศ หรือต่อหน้าคนเยอะๆ ทั้งที่รู้ว่ามีกล้องจับอยู่แต่ก็พูดเรื่องตลก บอกว่ามัวหลงหอ ดูหอคอยอะไรทำนองนั้น ผมว่ามันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ล่ะน่ะ ในสถานการณ์แบบนั้น คนแบบนี้แปลว่าเค้ามั่นใจในตัวเองจนเหลิง”

“ส่วนเรื่องนโยบายเนี่ย โดยรวมแล้วคงไม่ต่างไปจากกลุ่มคนย่อยๆ ที่เค้าคุยกัน ภาพรวมที่ไม่ชอบคงเป็นเรื่องการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ อย่างเรื่องหายหุ้นชินฯ การจาบจ้วงด้วยวาจาที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การแก้ปัญหาความยากจนด้วยวิธีประชานิยม การไปออกเรียลิตี้แก้จนอะไรนั่นก็ไม่เคยเห็นด้วย รวมไปถึงคอรัปชั่นที่มันหยุมหยิมอีกมากมายที่ผมเองก็กังวลใจอยู่ การรวมตัวกันแบบนี้มันทำให้รู้ว่าสังคมบ้านเรายังมีคนสนใจเรื่องบ้านเมือง ไม่งั้นเราก็จะได้คุยกันแต่วงเล็กๆ”

นักแสดงชื่อดังกล่าวต่ออีกว่าที่ไปชุมนุมเมื่อวันที่ 4 ไม่เคยคาดหวังให้รัฐบาลลาออกแต่อย่างใด เพียงแต่ไปใช้สิทธิ์แสดงความเห็นโดยสันติ และหากมีการจัดชุมนุมแบบนี้ก็พร้อมจะไปร่วมในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นได้
“มันไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ชอบทักษิณจะต้องมาเชียร์คุณสนธินะ แต่มันเป็นความยุติธรรมที่ใครก็มาได้ ในแง่ของความรู้สึกและการแสดงความคิดเห็น หลายๆ อย่างที่คุณสนธิพูดต่างหากที่ทำให้ผมมา เอาร่างกาย เอาวิญญาณมาร่วมด้วย มันไม่อาจคาดหวังอะไรได้เลย แล้วก็ไม่ได้คิดด้วยว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรรัฐบาลชุดนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เค้าอาจจะอยู่ครบเทอม 4 ปีต่อไปอีกก็ได้ ซึ่งเวทีเมื่อวันที่ 4 มันทำให้รู้ว่าเออ ...เราไม่ได้มาเชียร์ใคร แต่เรามาแสดงพลังร่วมกันในการที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานของรัฐบาลเท่านั้นเอง”

ยืนยันหากมีการจัดเวทีการเมืองในรูปแบบนี้อีกตนเองก็คงจะเข้าไปร่วมด้วยอย่างแน่นอน
“แน่นอน และยินดีที่จะไป ต้องบอกว่าม็อบที่ผ่านมาวันที่ 4 เป็นม็อบที่น่ารักมาก ไม่มีความรุนแรง เป็นภาพที่แปลกตาในบรรดาม็อบทั้งหลาย ภาพเหตุการณ์ที่สวนลุมที่มันมีปะทะอะไรต่ออะไร แต่มันไม่เกิดขึ้นที่ลานพระรูปฯ เลยนะ ว่างจากการปราศรัย คนก็จับกลุ่มพูดคุย แสดงความคิดเห็นกัน มันเป็นภาพที่สันติ ไม่มีใครลุกมาโวยวาย เราไม่ได้เคลื่อนไหว แบบแรงเลย

"ที่ชอบมากที่สุดคือวันนั้นที่มีการชุมนุมคือเราไม่ยืดเยื้อ หมดเวลาที่เราบอกเราก็สลายตัว มันทำให้รู้ว่าเรามีความชัดเจนที่จะไม่มีวัตถุประสงค์เบี่ยงเบนเป็นอย่างอื่น”

mgronline

จากคุณ : นักกวนเมือง - [ 9 ก.พ. 51 18:08:11 A:58.8.197.151 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43

อาจารย์ นักวิชาการ ดารา นักร้องนักแสดงเป็นบุคคลที่มีต้นทุนทางสังคมที่สูง
เช่นเดียวกันก็คงไม่โง่พอที่จะหูเบาให้ใครจูงจมูกง่ายๆ คงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองทำอะไรลงไป

http://www.komchadluek.com/2006/09/20/f001_49268.php?news_id=49268

หลากหลายทัศนะดารา กับเหตุการณ์ปฏิวัติ

ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นแกนนำ ได้นำกำลังเข้ายึดอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี

ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 กันยายน 2549 จนเป็นผลสำเร็จ กลายเป็นที่สนใจอย่างมากของผู้คนทุกชนชั้น ไม่เว้นแม้แต่วงการบันเทิง ซึ่งทีมงาม "คม ชัด ลึก" ได้ประมวลความคิดเห็นหลากหลายของคนบันเทิง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาให้อ่านกัน

เริ่มต้นที่ "ตั้ว" ศรัณยู วงษ์กระจ่าง แสดงความรู้สึกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นชัดเจน ว่าได้อะไรบ้าง สำหรับตัวเองสิ่งที่ได้อันดับแรก คือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่ง และไม่มีอำนาจใดๆ อีก ถือเป็นความพอใจในระดับสูง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คือสิ่งที่หลายคนมองว่า เป็นสิ่งที่เป็นปัญหาที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น การพ้นจากตำแหน่งไป จะทำให้ความรุนแรงลดลง คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นปะรมุข ทำให้ความขัดแย้งหมดไป ซึ่งในฐานะผู้ที่คัดค้าน พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอดจึงพอใจอย่างชัดเจน

"ความพอใจส่วนตัวเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าหากให้มองเนื้อแท้ โดยวิธีการ คือการปฏิวัติคงทำให้ประชาชนทั่วไปไม่ค่อยสบายใจเท่าไร เพราะหากมีการยึดอำนาจ สังคม ประเทศชาติ ต้องหยุดชะงักอย่างแน่นอน โชคดีที่การยึดอำนาจครั้งนี้ไม่ถูกขัดขวางนองเลือด ซึ่งมองอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นนัยบางอย่าง การที่เสียงส่วนใหญ่คล้อยตาม ยินยอมเพื่ออะไรบางอย่าง ทำให้อย่างน้อยความกังวลใจของประชาชนน้อยลง ยิ่งเมื่อ พล.อ.สนธิ ออกมาแถลงว่า ไม่ได้ต้องการอำนาจ และจะคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว ทำให้เย็นใจได้มากยิ่งขึ้น"

นักแสดงชื่อดัง กล่าวต่อถึงความหวังในอนาคตการเมืองไทยด้วยว่า หวังให้การล้างไพ่ครั้งนี้ ทำให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ขึ้น จากบทเรียนที่ผ่านมา

"ความคาดหวัง สิ่งหนึ่งที่ผมได้ยินในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งเชิญชวนให้นิสิต นักศึกษา ร่วมแสดงความเห็นในการปฏิรูปการเมืองที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี

หากถามว่า ผมต้องการรัฐบาลแบบไหน หากในหลักการทุกคนก็อยากให้ทุกอย่างดี มีผู้นำดี ที่มีการบริหารที่ดี มีประชาธิไปไตยที่ดี แต่ว่าโดยรายละเอียดจริงๆ แล้ว ความบอบช้ำที่ผ่านมา ทำให้เรียนรู้ได้ว่า ความซื่อสัตย์ รักประเทศชาติ เข้าใจประชาชน เป็นแกนสำคัญหลัก ผู้นำไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่าง ขอแค่ซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เข้าใจประชาชนก็พอแล้ว หากจะทำให้กิจการในบ้านเมืองบางอย่างช้าไปบ้าง แต่ก็เป็นภาวะความเป็นจริงของสังคม บ้านเมืองต้องโตไปตามสังคม เพราะการก้าวกระกระโดดไม่ใช่เป้าหมายของความเป็นประเทศชาติ แค่ประชาชนอยู่ดี และเป็นสุขก็เพียงพอแล้ว" ผู้กำกับชื่อดังแจกแจง

ด้าน "หน่อย" บุษกร พรวรรณะสิริเวช กล่าวว่า ดีใจที่ทุกอย่างจบด้วยสันติวิธี ไม่มีใครเสียชีวิต เพราะอยากให้บ้านเมืองสงบสุขมานานแล้ว

"ก็ดีใจกับการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะจบโดยสงบ โดยไม่มีใครเสียชีวิต ไม่มีการปะทะกัน นับว่าเป็นการปฏิรูปการเมืองที่สงบมาก ตอนที่เกิดเหตุการณ์หน่อยถ่ายละครอยู่ ทราบข่าวก็ตกใจนึกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง ก็เลยรีบกลับบ้าน แต่พอดูสถานการณ์ในทีวีแล้วก็ยังอยู่ในความสงบ" นางเอกวิกพระราม 4 อธิบาย

ทั้งนี้ที่คณะปฏิรูปการเมืองออกมาแถลงว่าที่ทำไป เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยก แบ่งเป็นฝักฝ่าย มันไม่มีความสามัคคีกัน และมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ในการปกครองประเทศ ทั้งเรื่องการบริหารบ้านเมือง ซึ่งเข้าข่ายเอาพวกพ้องตัวเอง เอาผลประโยชน์เข้าตัว ซึ่งเธอก็เห็นด้วยทั้งหมด ประเทศจะได้กลับมาสู่ความสงบ เพราะมันมีเรื่องราวมาตลอด เดี๋ยวระเบิด เดี๋ยวประชาชนโดนทำร้าย

"บางคนบอกว่าเศรษฐกิจจะเป็นยังไง ซึ่งก่อนหน้านี้เศรษฐกิจไม่ใช่ว่าจะดีอยู่แล้ว ประชาชนแตกแยกขนาดนี้ เศรษฐกิจก็ชะลอตัวแล้ว นี่มันจะทรุดลงไปอีก เราก็มาตั้งต้นใหม่มันจะดีกว่า มาเริ่มใหม่เราจะได้อยู่กันอย่างสงบ" หน่อย กล่าว

ด้าน "อ๊อฟ" พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ที่เหตุการณ์บ้านเมืองจบด้วยดี เชื่อว่าใครที่โกงกินบ้านเมืองย่อมได้รับผลกรรม

"ขอบคุณทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ช่วยเหลือประชาชน และขอบคุณพระสยามเทวาธิราช นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่คดโกงแผ่นดิน คิดไม่ดีกับแผ่นดิน ซึ่งตัวอย่างมีให้เห็นมากี่รุ่นกี่สมัยแล้ว ก็ยังทำกันอีก ประวัติศาสตร์มันก็มี การต่อสู้ของประชาชนมันไม่มีเสียเปล่าหรอก ครั้งนี้ถือว่าดีมากที่ไม่เสียเลือดเนื้อ

การเมืองต่อไปจะเป็นอย่างไรนั้น นี่คือจุดเริ่มต้นแค่นั้นเอง หลังจากนี้คือการชี้แจงเรื่องราวความเป็นจริงทั้งหมดให้ประชาชนทราบ น่าจะเป็นขั้นตอนต่อไปของคณะปฏิรูปการปกครองให้เห็นเป็นรูปธรรม ให้เห็นในสิ่งที่ทักษิณทำเอาไว้ เอาออกมาให้ประชาชนเห็น เพราะมีบางกลุ่มในระดับรากหญ้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผมไม่ได้มองว่าเขาโง่นะ แต่เขาไม่รู้จริงๆ คณะปฏิรูปน่าจะสานต่อ เพื่อให้ชาวบ้านรู้" อ๊อฟ กล่าว

ปิดท้ายกันที่ "แดง" ธัญญา วชิรบรรจง กล่าวว่า รู้สึกโล่งอกกับการเมืองไทยในตอนนี้ และถือว่าเป็นการปฏิวัติและปฏิรูปทางการเมืองที่ไม่เสียเลือดเสียเนื้อ

"ตามข่าวมาหลายเดือนแล้ว เหมือนคนกดดัน วันนี้เหมือนเรารู้สึกโล่ง หายใจเต็มปอด จากที่เคยแน่นหน้าอก พอวันนี้สิ่งที่เราหวังไว้เป็นจริง มันก็เลยรู้สึกดีมากๆ ยิ่งตอนได้เห็นพระราชกรณียกิจในหลวงถ่ายทอดออกมา เราเลยรู้สึกอบอุ่นที่เราเห็นในหลวง

ดูข่าวไม่ได้หลับได้นอนเลย จะติดตามข่าวตลอด ในอดีตจากที่เราเห็นการปฏิวัติ หรือปฏิรูปทั้งหลาย ส่วนใหญ่มักจะเสียเลือดเสียเนื้อ แต่ครั้งนี้เป็นโดยละมุนละม่อม เรารู้สึกดีมากกับการวางแผน หรือทำโดยประนีประนอม ดูแฟร์กับทุกฝ่าย รู้สึกสบายใจ เหมือนกับที่ผ่านมาเราโดนจองจำ ด้วยอะไรที่บีบรัดแผ่นดินมาก แล้วตอนนี้มันคลาย แล้วเมื่อคืนฝนตกก็เหมือนเป็นการถูกชำระล้างแล้ว มันต้องดีแล้วล่ะ เราคิดว่ามันเข้มข้น ถึงจุดสูงสุดแล้ว

ส่วนเรื่องทักษิณไม่ขอวิจารณ์ มันเป็นเรื่องของหนทางของแต่ละคน ว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจตั้งแต่แรก เลยกลายเป็นว่าทุกอย่างแน่นตึง ส่วนสถานการณ์การเมืองต่อไปจะเป็นยังไงนั้น ตอบยากนะ ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ แต่คิดว่าน่าจะเป็นบวกมากกว่าเดิม เพราะเดิมไม่มีอะไรที่เป็นบวกเลย ลบมากๆ ถ้ามุมของเราไม่ได้ชอบความเจริญที่รวดเร็ว หรือเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เจริญรุ่งเรืองขนาดว่าประชาชนตามแทบไม่ทัน สร้างความหายนะมาเรื่อยๆ เราห่วงในรุ่นลูกเรา พอตรงนี้หลุดไปก็ดีใจ เราอยากได้รัฐบาลช้าๆ แต่ชัวร์ๆ ดีกว่า ไม่ชอบอะไรที่โตเร็วแล้วดูกลวง เราชอบวิธีธรรมชาติแบบติดดินแน่นอนกว่า ตามพระราชดำรัสของในหลวง" แดง กล่าว

จากคุณ : สิงห์สนามหลวง - [ 9 ก.พ. 51 21:02:55 A:202.91.18.206 X: ]