PANTIP.COM : P6320543 สถานีโทรทัศน์ของกองทัพบก ขอเน้นที่ ช่อง 7 กรณีต่อสัปทาน 25 ปี []

ความคิดเห็นที่ 32

10 กันยายน 2543
กองบรรณาธิการ
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=tabloid&post_date=10/Sep/2543&news_id=19230&cat_id=220100

มาตรา 40 คืออะไร
คำตอบง่าย ๆ ก็คือบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่ช่อง 7 สี กลัวลนลานจนแอบชิงต่อสัมปทานกับกองทัพบกล่วงหน้า 25 ปี (แบบที่มีชายชาติทหาร ยอมอนุมัติให้อย่างไม่อายชื่อเสียงวงศ์ตระกูล)
เพราะถ้ารอให้มีองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ก็อาจต้องจ่ายแพงกว่านี้ 10 เท่า

มาตรา 40 คือ การยึดเอาคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงและ โทรทัศน์ที่ปัจจุบันอยู่ในมือหน่วยงานรัฐ หรือพูดให้ถูก คืออยู่ในอำเภอใจของข้าราชการบางหน่วยงาน กลับมาเป็นของรัฐ โดยมีองค์กรอิสระเป็นผู้จัดสรรให้สัมปทาน โดยเน้นเก็บผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย (แทนที่จะตกหายใต้โต๊ะ) กับคลื่นความถี่ที่นำไปใช้ทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็จัดสรรคลื่นให้เป็นประโยชน์เชิงสังคม เช่น รายการเพื่อการศึกษาศาสนา หรือสาระบันเทิงที่หลากหลาย แทนที่จะมีเพียงเสียงเพลงแมวน้ำจากค่ายเทปกรอกหูคนฟัง

ผลประโยชน์จากคลื่นวิทยุและโทรทัศน์นั้นมากขนาดไหน
ก็มากขนาดที่ฆ่า ผอ.แสงชัย สุนทรวัฒน์ มาแล้ว เพียงเพราะคลื่นวิทยุภูธร
ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้ที่ครอบครองผลประโยชน์อยู่ จะดิ้นรนขัดขวางสุดตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ยึดสัมปทานอยู่ พ่อค้าคนกลางที่รับเหมาคลื่นวิทยุไปเซ้งลี้ หรือหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหาร ซึ่งเป็นเจ้าของคลื่นส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

ทหาร-ไม่ใช่กองทัพ เพราะจริง ๆ แล้วกองทัพได้ผลประโยชน์เพียงน้อยนิดเท่านั้น ผลประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นที่รู้กันว่าตกหายไปเบี้ยบ้ายรายทาง (ไม่เช่นนั้นคงไม่มีกรณี “ทัวร์คุนมิง” ที่โด่งดัง)

ในขั้นตอนร่างรัฐธรรมนูญและร่างกฎหมาย คนเหล่านี้คัดค้านไม่ทัน ทานกระแสไม่อยู่ แต่เมื่อถึงเวลาที่ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฯ มีผลบังคับใช้ ซึ่งตามกฎหมายจะต้องมีการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) จำนวน 17 คน คณะกรรมการชุดนี้จะไปสรรหาบุคคล 14 คนส่งให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือ 7 คน เป็น “7 อรหันต์” ที่จะมาดูแลองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ

คณะกรรมการสรรหามีที่มาจาก 4 ส่วนคือ
ตัวแทนส่วนราชการ 5 คน ได้แก่ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
นักวิชาการนิเทศศาสตร์ 4 คน
องค์กรเอกชนด้านการใช้สื่อคุ้มครองผู้บริโภค 4 คน และ
ตัวแทนสมาคมวิชาชีพด้านกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ 4 คน

ใน 3 ส่วนแรกไม่มีปัญหา เพราะมีสัดส่วนแน่นอนอยู่แล้ว แม้จะร่ำลือกันว่าในการคัดเลือกตัวแทนองค์กรเอกชนนั้น วันสุดท้ายมีคนสีเขียวสวมชุดพลเรือนไปยื่นเรื่องกับ สมช. ขอจัดตั้งองค์กรเอกชนนับร้อยองค์กร หมายเข้ามามีเอี่ยวโหวตเลือกตัวแทนด้วย แต่องค์กรเอกชนก็กลั่นกรองกันเอง จนองค์กรเถื่อนเหล่านั้นตกไป

ปัญหามาเกิดในการเลือกตั้งตัวแทนสมาคมวิชาชีพด้านกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ซึ่งเลือกกันเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ปรากฏว่ามีสมาคมที่มีสิทธิ์ออกเสียง 47 สมาคม ในจำนวนนี้มีมากกว่า 20 สมาคมที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อมา “บล็อกโหวต” โดยเฉพาะ (ดูตารางประกอบ-นี่เป็นเพียง ส่วนหนึ่งที่มีหลักฐานชัดเจนเท่านั้น) ระหว่างการเลือกตั้ง สมาคมวิชาชีพ 11 สมาคมที่เป็นผู้สื่อข่าวผู้จัดรายการจึงวอล์กเอาต์

ผลการเลือกตั้งออกมาตามคาด
โดยผู้ได้คะแนนสูงสุด 2 รายได้ 26 คะแนนเท่ากันเป๊ะ ผู้ได้รับเลือกล้วนเป็นเจ้าของเดิม หรือเจ้าของสัมปทาน ซึ่งได้แก่ พล.ต.สุนทร โสภณศิริ ผอ.ททบ.5 นางจำนรรค์ ศิริตัน กรรมการผู้จัดการเจเอสแอล นายกิตติพัฒน์ รุ่งธนเกียรติ หรือ “เสี่ยติ่ง” พี่ชายเกษม รุ่งธนเกียรติ ส.ว.สุรินทร์ เจ้าพ่อคลื่นวิทยุภาคอีสาน นายสมมาตร สถิตย์เสถียร เจ้าพ่อคลื่นวิทยุทหาร ซึ่งว่ากันว่ามีคลื่นวิทยุในมือกว่า 50 คลื่น
อย่างไรก็ดี ผลการ “บล็อกโหวต” ไม่เป็นไปตามคาด เมื่อสมาคมนักร้องของสุเทพ วงศ์กำแหง ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า บางสมาคมไม่น่าจะถือเป็นสมาคมวิชาชีพ ผลการตีความปรากฏว่า สมาคมของจำนรรค์ ศิริตัน และสมาคมของ “เสี่ยติ่ง” ถูกตีความว่าไม่เป็นสมาคมวิชาชีพ

เมื่อเทวดาตกสวรรค์ นั่นเองจึงเกิด “สมัชชาคนรวย” ขนม็อบดารากันเมื่อวันอังคาร ซึ่งจะเห็นการสมัครสมานร่วมใจกันพร้อม เพรียงออกหน้าออกตาชัดเจน

นับแต่เจ้าแม่ทีวี 7 สี สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ที่ขนลูกน้องมา 5 คันรถบัส
ช่อง 3 มีประวิทย์ มาลีนนท์ เป็นหัวขบวนนำพนักงานและดารามากว่า 800 คน
ช่อง 5 พล.ต.สุนทรคงจะเขิน ๆ อยู่บ้าง จึงให้ พล.ต.เลิศฤทธิ์ เวชสวรรค์ นำทัพมารบแทน
แกรมมี่ฯ มีไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม มาเอง ขนลูกน้องมาแทบหมดตึกซีมิค ด้วยรถบัส 20 คัน
อาร์เอสไม่ปรากฏผู้บริหารระดับบิ๊กอย่างสุรเชษฐ์ หรือเกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ แต่ส่งนักร้องแมวน้ำในเครือมากันครบ
เจเอสแอล จำนรรค์ ศิริตัน ขนพนักงานมา 5 คันรถบัส
กันตนาของจาฤก กัลย์จาฤก ก็ขนกันมากว่า 300 คน

เรื่องนี้ยังไม่มีจุดจบ เพราะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะต้องเลือกตั้งกันใหม่ทั้ง 4 คน หรือเฉพาะ 2 คน
โดยคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ส่งตีความก่อนทั้ง 47 สมาคม

อย่างไรก็ดี ตัวแทนของฝ่ายสมาคมนักข่าวฯ เองก็เห็นว่า การตีความของกฤษฎีกาไม่ได้แก้ปัญหาทั้งหมด เพราะกฤษฎีกาเพียงตีความตามตัวอักษรเท่านั้นเอง (เช่น ตีความว่า สมาคมของจำนรรค์ไม่เป็นสมาคมวิชาชีพ เพราะใช้ชื่อว่าสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจโทรทัศน์ มีคำว่า “ธุรกิจ” อยู่ด้วย) สมาคมนักข่าวฯ ยืนยันว่ากรรมการสรรหาควรจะมาจากตัวแทนวิชาชีพที่แท้จริง ไม่ใช่เจ้าของสัมปทาน ผู้รับสัมปทาน หรือผู้ประกอบธุรกิจ ที่มีส่วนได้เสียโดยตรง ซึ่งนั่นก็หมายรวมถึงตัวแทน “บล็อกโหวต” ทั้ง 4

จากคุณ : Luciata - [ 11 ก.พ. 51 03:53:34 A:210.246.64.13 X: ]