การสร้างเงื่อนไขเพื่อลากทหารไทยออกมาปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ทำให้ประเทศไทยต้องหยุดชะงักในเกือบทุกภาคส่วนนั้น
ส่วนหนึ่งมาจากการที่คนไทย บางกลุ่ม บางส่วน ได้พยายามสร้างกระแสต่าง ๆ นา ๆ อย่างเป็นกระบวนการเพื่อใส่ร้าย ป้ายสี บิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตยในทุกรูปแบบเพียงเพื่อต้องการเข้ามาแสวงผลประโยชน์ในกลุ่มก้อนของพวกตนเอง
ตัวอย่าง
แต่งตั้งพวกพ้องกลุ่มก้อนที่สุ่มหัวกันไล่รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งเข้าไปเป็น
สนช.
คตส.
ปปช.
กกต.
อื่น ๆ เช่น
ยุบทีวี คัดสรรคนของพวกตนเข้ามา
เข้าไปเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ
เป็นต้น
การปฏิวัติในครั้งล่าสุดจะมีผลดีก็คือว่า บรรดาพวกชนชั้นสูง ที่พยายามสร้างค่า สร้างราคา ให้มีคุณค่าทางสังคมแบบจอมปลอมมาแต่ต้น
ได้ถูกกระชากหน้ากากมาโชว์กลางแจ้ง ว่าพวกเหล่านี้แท้ที่จริงก็คือพวกทำนาบนหลังคนไทยส่วนใหญ่จนเคยชินเท่านั้นเอง
การมีรัฐบาลสมัคร 1 ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ต้องบอกว่ากระบวนการพวกนี้ยังไม่สิ้นฤทธิ์ที่ผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามแผนการที่วางไว้
ต้องบอกว่า เชื้อร้ายที่แฝงกายอยู่ในสังคมไทยยังไม่หมด
ต้องบอกว่า เหล่าคนพวกนี้ยังรอโอกาสที่จะกลับมาล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของคนส่วนใหญ่
เพราะกลุ่มชนพวกนี้ ทำใจรับไม่ได้หากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะยอมรับผลงานที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามนานาอารยประเทศอื่น ๆ เขาทำกัน
เพราะกลุ่มชนพวกนี้ ไม่พร้อมที่จะให้โอกาสประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
เพราะกลุ่มชนพวกนี้ มีความคิดแต่ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ต้องอยู่ภายใต้การบ่งการของกลุ่มชนพวกตนเท่านั้น
ดังนั้น นับต่อจากนี้ไปจะได้เห็นกลุ่มคนพวกนี้จะใช้กลยุทธของแต่ละคนตามที่ถนัดออกมาแสดงความคิดเห็น
ค่อย ๆ เคลื่อนไหว
ค่อย ๆ ตอกลิ้ม
ค่อย ๆ สร้างความแตกแยก
กระบวนการพวกนี้จะอาศัยพวกที่มีต้นทุนทางสังคมสูง คือ คนที่มีความน่าเชื่อถือ
เช่น นักวิชาการบางคน,นักเอ็นจีโอ,ผู้นำชุมชน,สื่อสารฯ ฯลฯ
จะทะยอยออกมาแสดงผ่านสื่อในกลุ่มพวกเดียวกัน และ กระจายออกไปให้หลากหลายตามกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะกลุ่มหรือภาคที่ไม่นิยมฝ่ายตรงข้าม
ส่วนตัวการใหญ่ ๆ จะอยู่เบื้องหลังเป็นทัพเสริม
ตัวอย่างที่ผ่านมา
นายสนธิ ลิ้มฯ ได้พูดที่สหรัฐฯ ว่า พลเอกสุรยุทร ฯ นายกฯ ที่มากล้นด้วยคุณธรร จริยธรรม ให้สัญญาว่า
"หากการนี้สำเร็จ จะยกทีวีให้หนึ่งช่อง"
เท็จจริงประการใดไม่ทราบ แต่ผู้ถูกพาดพิงไม่ออกมาปฏิเสธ
ในทำนองเดียวกันกับการต่อจากนี้ไป อยากจะบอกว่าคนไทยว่า
จะเป็นบทพิสูจน์ว่า คนไทย ให้รับบทเรียนอะไรมากน้อยเพียงใด
จากเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย. 49 ที่ผ่านมา
และนับต่อจากนี้ไป คนไทยจะรู้เท่าทันกระบวนการและเล่ห์เหลี่ยมของกลุ่มก้อนของคนพวกนี้แล้วหรือยัง
หากคนไทยรู้เท่าทัน ก็คงจะไม่มีวันที่กลุ่มก้อนคนพวกนี้จะจุดกระแสได้ง่ายและติดจนรัฐบาลต้องล้มไปเหมือนกับทักษิณฯ
หากคนไทยยังเป็นคนที่ทำอะไรตามใจคือไทยแท้
แน่นอนว่า
การปฏิวัติรัฐประหาร คงไม่หมดไปจากประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
ผมอยากเห็นคนไทย เจ็บแล้วจำ
ผมอยากเห็นคนไทย มีวิจารณญาณในการวิเคราะห์
ผมอยากเห็นคนไทย รู้จักแยกแยะและรู้ว่า อะไรใช่ ไม่ใช่
ผมไม่อยากเห็นคนไทย ขาดการพินิจ พิจารณา ถึงเหตุ ถึงผล
เหมือนกับที่เขาบอกให้รับล่างรัฐธรรมนูญปี 50 ไปก่อนแล้วค่อยไปแก้ไขที่หลัง
แต่ในขณะเดียวกันคนไทย(ส่วนใหญ่)ไม่เคยที่จะอ่านผลดีผลเสียของมันแม้แต่บรรทัดเดียว
ม.309 มันหมายความว่าอย่างไร ส่วนใหญ่ไม่มีใครทราบ
นี่แหละคนไทยที่แท้จริง
หากไม่ใช่ นับต่อจากนี้ไปประเทศไทยคงไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของคนกลุ่มก้อนพวกนี้อีกต่อไปนะครับ
จากคุณ :
ตต
- [
14 ก.พ. 51 11:35:08
A:61.90.184.250 X:
]