คุ้มหรือไม่ครับ กับที่จะต้องเสี่ยงกับสินค้ามุลค่า4000ล้านเหรียญ(คิดเงินไทย33คูณเอาครับ) ...
และเมื่อเราไปซื้อวัตถุดิบจากอินเดีย(ซึ่งตามข่าวว่าคุณภาพไม่ได้มาตราฐาน)..เมื่อหักจากเงนที่เราต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แล้ว เราประหยัดเงินได้แค่ 15ล้าน/ปี เท่านั้น คุ้มไหมครับ..
ข่าวจากไทยรัฐครับ
การใช้ซีแอลกับโรคระบาด หรือโรคอันตรายรุนแรง อย่างเอดส์ ก็เห็นด้วย แต่หากใช้กับโรคที่ไม่เรื้อรัง หรือไม่ใช่โรคเฉพาะ รัฐบาลจำเป็นต้องดูที่ความจำเป็นก่อน เพราะเจ้าของสิทธิบัตรล้วนแต่เป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย และอาจทำให้ รัฐบาลประเทศเหล่านั้นใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้า เช่น การตัดจีเอสพี ที่แต่ละปีไทยใช้สิทธิ์ประมาณ 20% ของมูลค่าการค้ารวมไทยและสหรัฐฯ (ประมาณ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ก็จะกระทบการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่การใช้ซีแอลยามะเร็ง จะทำให้รัฐประหยัดเงินที่จะซื้อยาจากเจ้าของสิทธิบัตรได้ปีละ 2,000-4,000 ล้านบาท นายประมนต์กล่าว
ด้านนายธีระ ฉกาจนโรดม นายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีมา) กล่าวว่า หากรัฐบาลมีแผนทบทวนการใช้ซีแอล พรีมาก็พร้อมหารือกับภาครัฐเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงยามากขึ้น นโยบายซีแอลควรเป็นวิธีการสุดท้ายที่รัฐบาลดำเนินการ เพราะยังมีแนวทางที่ให้ประชาชนเข้าถึงยาโดยไม่ถูกผลกระทบทางการค้า เช่น รัฐควรเพิ่มงบประมาณด้านสุขภาพให้ประชาชนในโรคที่รักษาได้ยาก และที่ผ่านมาก็พบแล้วว่า ยาต่อต้านไวรัสเอดส์ที่รัฐบาลชุดก่อนประกาศใช้ซีแอล และนำเข้าจากอินเดียประหยัดงบประมาณได้แค่ 15 ล้านบาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่จะสูญเสียไป.
จากคุณ :
มร.หมายเลข10
- [
15 ก.พ. 51 11:00:14
A:125.25.91.220 X:
]