PANTIP.COM : P6347191 เชิญชมภาพที่>>ชาวราชดำเดินหลายคน<< ไม่รับรู้หรือพยายามปฏิเสธมัน (ดูเสร็จแล้วกรุณาถามตัวเองด้วยว่า ตูแกล้งโง่เพื่อใคร?) [การเมือง]

ความคิดเห็นที่ 19

ใครที่เกิดไม่ทันฟังทางนี้ ไม่ต้องดูข้อมูลใครเพราะต่างฝ่ายต่างเขียนเข้าข้างตัว
เหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ประชาชนแซ่ซ้องสนับสนุนในการปราบปราม
แม้แต่ลูกเสือชาวบ้านที่ได้รับพระราชทานผ้าผูกคอก็ยังต้องออกมาร่วมด้วย
เพื่อปกป้องสถาบันเบื้องสูงที่คอมมิวนิสต์หวังล้มล้างหวังให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
ซึ่งมีรัสเซียและจีนแดงให้การสนับสนุนทั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์
ในเหตุการณ์คนที่ถูกแขวนคอและถูกเผายาง
เกิดจากน้ำมือของประชาชนซึ่งเคียดแค้นชิงชัง เพราะเหตุใดอ่านไปก็จะรู้
แม้เมื่อคนพวกนั้นตายไปแล้วก็ยังไม่วายมีประชาชนรุมตีรุมกระทืบศพกันอย่างเมามัน
ที่รู้เพราะอยุ่ในเหตุการณ์และยังจำได้ดีจนบัดนี้

คุณสมัครพูดตามที่ได้รับรายงานมาจากฝ่ายข่าวกรองของทหาร
ว่าพวกญวนแอบแฝงซ่อนเร้นปะปนเข้ามา
ใครไม่เชื่อ..แต่ผมเชื่อ ใครช่วยตอบทีได้ไหม ถามมาหลายครั้งแล้วว่า
หลังเหตุการณ์พวกที่หนีเข้าป่าไปฝึกอาวุธไปเป์นคอมมิวนิสต์
เขาทั้งหลายไปถูกที่ถูกทางได้อย่างไรทั้งๆที่ป่าดงพงไพรกว้างใหญ่ไพศาลมากมายทั่วประเทศ
ถามทุกครั้งที่มีการยกประเด็น 6 ต.ค. 19 มาโจมตีแต่ก็หาคำตอบไม่ได้สักครั้ง
แต่ผมตอบได้เพราะญาติที่เข้าป่าเล่าให้ฟังหลังจากที่ออกมาว่า
มีคนชักชวนแล้วพาออกจากกรุงเทพฯไปครั้งนั้นนับสิบคน
และผู้ที่พาไปเป็นคอมมิวนิสต์ที่แปลกปลอมเข้ามาตรงตามที่คุณสมัครพูดไว้
หาใช่ว่าต่างคนต่างกระเสือกกระสนดิ้นรนออกจากกทม.อย่างไร้จุดหมายปลายทาง
สะเปะสะปะขึ้นเขาเข้าป่าแล้วไปฟลุคเจอฐานของพวกคอมมิวนิสต์โดยบังเอิญ
ถ้าง่ายอย่างนั้นฐานที่มั่นของพวกที่คิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูง
เปลี่ยนแปลงการปกครองก็คงถูกทหารที่มีกระจายมากมายทั่วภูมิภาคเข้าไปปราบราบคาบตั้งแต่ยุคนั้น
ดังนั้นตามข่าวกรองที่กล่าวกันว่า
นักศึกษาบางกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกคอมมิวนิสต์จึงไม่ผิดความจริงแต่ประการใด

-----------------------------------------------------------------------

คำว่า "ขวาพิฆาตซ้าย" เกิดจากเหตุการณ์ปราบปราม 6 ตค.19 นี่เองและเป็นคำพูดที่เกิดจากการยกย่อง
ฝ่ายขวาคือผู้ปกปักษ์รักษาแผ่นดินและสถาบันเบื้องสูง ฝ่ายซ้ายคือผู้เทิดทูนระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์
ฝักใฝ่ในตัวประธานเมาเซตุง เหตุการณ์ที่เกิดได้รับการแซ่ซ้องสนับสนุนจากประชาชน
แต่ปัจจุบันได้ถูกนำมาพลิกเป็นคนละเรื่องเพื่อทำลายคุณสมัคร
ผู้ที่ได้ชื่อว่าจงรักภักดีในสถาบันเบื้องสูงเป็นที่สุด จนมีกลุ่มอภิรักษ์จักรีบังเกิดขึ้น

คำว่าเผด็จการ ถูกนำมาเหมารวมกับเหตุการณ์ 6 ตค 19 ถูกนำมาพลิกแพลงให้การปราบปรามเป็นสิ่งชั่วร้ายไม่ถูกต้อง
การจงรักภักดีปกป้องสถาบันเบื้องสูง ปกป้องประเทศชาติที่กำลังถูกบ่อนทำลาย
โดยระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ที่ขณะนั้นแทรกซึมไปทั่วทุกภาค
ทั้งรัฐบาล ทั้งลูกเสือชาวบ้านที่พันคอด้วยผ้าจากเบื้องสูง
ทั้งกลุ่มกระทิงแดง กลุ่มนวพล รวมทั้งประชาชนแทบทั้งประเทศที่
สนับสนุนถูกคนบางกลุ่มผลักให้กลายเป็นเผด็จการในปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อ

วันเวลาเปลี่ยนไป จิตใจย่อมเปลี่ยนแปลง อย่าเที่ยวอ้างอุดมการณ์ว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนฝ่ายซ้าย
อยู่ฝ่ายซ้ายทำไมถึงมาร่วมกับฝ่ายขวา ถ้าอ้างเช่นนี้ก็อยากจะถามว่า
ในประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์แท้ๆเช่นประเทศจีน ทำไมถึงยอมละทิ้งอุดมการณ์สังคมนิยมสุดขั้ว
แล้วเปิดประเทศต้อนรับระบบทุนนิยม จนเดี๋ยวนี้เจริญรุ่งเรืองกว่าประเทศไทยชนิดไม่เห็นฝุ่น
จากเสื้อผ้าชุดสีน้ำเงินซอมซ่อถือหนังสือปกแดงร้องแต่เพลงสรรเสริญประธานเหมา
เปลี่ยนมาเป็นชุดแฟชั่นหรูเริดถือกระเป๋าหลุยส์ร้องเพลงฝาหรั่ง
เมื่อก่อนคนฝ่ายซ้ายก็คงร้องเพลงสรรเสิรญประธานเมาเซตุงเหมือนกัน
แต่ตอนนี้แน่นอน..ทุกคนร้องเพลงสรรเสิรญพระบารมีกันหมดแล้ว
ฮี่โธ่เอ๊ย..เอาแต่เรื่องเก่าๆมาฉายซ้ำซาก
หาที่ใหม่ๆหน่อยไม่ได้หรือไง

---------------------------------------------------------------------------

เรื่อง 6 ต.ค. 19 ฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้เบื่อหรือไร เอาอย่างนี้ดีกว่า
ถ้าใครคิดว่าคุณสมัครไม่ดีไม่งามกับเรื่องนี้ก็ขอให้กล้าๆเหมือน อ.ใจ อึ้งภากรณ์
คือทำเอกสารด่าคุณสมัครไปยืนแจกตามถนนดูหน่อย
แล้วปรึกษาอ.ใจดูว่า
การน็อคคาศาลจนต้องตีพิมพ์ข้อความขอขมาในหนังสือพิมพ์หลายฉบับทำกันยังไง

หากจะว่าไปแล้วเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 คนส่วนใหญ่เห็นชอบในการปราบปราม
ไม่เหมือนกรณี 14 ตุลา 16 แน่นอนที่ประชาชนทุกๆคนมีความรู้สึกตรงกันในการขับไล่เผด็จการ
ในยุคนั้นในประเทศไทยไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคอมมิวนิสต์แทรกซึม
ซ่อนตัวในป่าในเขาและในเมือง หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 16
นักศึกษาซึ่งเป็นแกนหลักในการต่อสู้ แยกกันเป็นกลุ่มต่างๆ
แล้วแก่งแย่งชิงดีกันเอง ขณะนั้นนักศึกษามีบทบาทจนดูเหมือนเข้าใจตัวเองว่าใหญ่คับฟ้า
ประชาชนทั่วไปเริ่มมีความรู้สึกหมั่นไส้จนทนไม่ไหวเกิดความชิงชังไปทุกหย่อมหญ้า
มีการสอบถามเงินบริจาคตั้งแต่ 14 ตค 16 ก็ไม่มีใครตอบได้ว่าสูญหายไปไหน

----------------------------------------------------------------------------

ผมอยากจะเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
เพราะขณะนั้นน้องชายซึ่งเรียนอยู่นิเทศศาสตร์จุฬา ก็ไปร่วมอยู่ในขบวนการด้วย
ทั้งพ่อทั้งแม่และพี่ๆห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง
อ้างแต่อุดมการณ์ อ้างแต่ความไม่เท่าเทียมในสังคม
เดชะบุญวันที่เกิดเรื่องต้องข่มขู่บังคับให้อยู่บ้าน แต่ก็มีเหตุที่คาดไม่ถึง
เพราะญาติคนหนึ่งดั้นด้นไปกับเขาด้วย
ญาติคนนี้ไม่ใช่นักศึกษา แต่ทำงานเป็นช่างอ๊อก จากวันนั้นก็หายสาบสูญไปไร้ข่าวคราว
พ่อแม่พี่น้องเขาร้องไห้กันอยู่หลายวันจึงทำใจได้
แต่ก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีประการใด

สองปีต่อมาญาติคนนี้กลับมาที่บ้าน พ่อแม่พี่น้องดีใจเพราะเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
กลับมาแรกๆจิตใจก็ไม่ปกติ เหม่อลอยไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครเหมือนถูกล้างสมอง
ใช้เวลาอยู่เป็นเดือนถึงค่อยปรับตัวได้เป็นปกติ
เราถามเขาว่าไปอยู่ที่ไหนมา
เขาตอบว่าไปฝึกอาวุธในป่าเขาแถบร่องกล้า
แล้วได้รายละเอียดว่าเมื่อเกิดเรื่องก็มีคนชวนให้หนีไปด้วยกันเป็นสิบ
เราถามว่าทำไมถึงรู้ว่าต้องไปที่ไหน
เขาตอบว่ามีผู้พาไป จนเมื่อไปถึงที่หมายก็มีคนออกมารับพาเข้าป่า
เราถามว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ใช่ไหม เขาตอบว่าใช่
เราจึงถึงบางอ้อที่เคยคิดว่า พวกที่หนีเข้าป่าไปร่วมกับคอมมิวนิสต์
เขารู้ได้อย่างไรว่าจะต้องหนีไปที่ไหนถึงไปได้ถูกทาง
ถ้าไม่ใช่มีผู้นำพาออกไปจากกรุงเทพ ทำยังไงก็ไปไม่ถึงที่หมาย

-----------------------------------------------------------------------------

ญาติคนนี้ปัจจุบันค้าขายมีฐานะดี คุยกันทีไรถึงเรื่องนี้ก็จะบอกแต่ว่า
ตอนนั้นกุบ้าไปหรือเปล่าที่หลงไปกับเขาได้
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงซึ่งเขาให้ข้อมูลกับใครก็ได้ถ้าไม่เชื่อ
6 ตค 19 คือการปราบปรามที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นชอบ
ทำไมถึงได้ถูกพลิกแพลงหยิบยกมาเป็นประเด็นดิสเครดิตผู้อื่นในปัจจุบันซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ
น่าสมเพชเวทนาที่ได้แต่เห่าหอนโหยหวนกวนประสาท นั่งยองๆทำตาปริบๆเพราะกัดคุณสมัครไม่ได้ซักกะที
มันแปลกจริงนะ!! 6 ตุลา 19 ที่คนบางกลุ่มในขณะนี้พยายามยีดเยียดให้คุณสมัครเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด

แต่ขณะนั้นแค่ 3 ปี คล้อยหลัง คนกรุงเทพฯยังไม่ลืมว่าเป็นผลงานที่เข้าตาเข้าไปในใจ
เลือกตั้งปี 2522 คุณสมัครนำประชากรไทยปราศรัยที่ท้องสนามหลวง
ผู้คนลงโทษแห่กันมาฟังแน่นขนัดเต็มพื้นที่ตั้งแต่ด้านปิ่นเกล้ายันด้านวัดพระแก้ว
ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่ว่าครั้งใดไม่ว่าพรรคไหน
คุณสมัครหน้าแตกเป็นริ้วๆที่กวาด ส.ส.ในกทม.ทุกเขต
เหลือคุณถนัด คอมันตร์ ไว้ให้พรรคแมลงสาป แ ค่ ค น เ ดี ย ว เ ท่ า นั้ น

จากคุณ : ป่าป๊ามาเอง - [ 19 ก.พ. 51 14:48:06 A:58.9.153.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45

ผมยอมรับว่าความโหดร้ายของเหตุการณ์ 6 ตค. 19 นั้น ฝังอยู่ในใจของใครๆ หลายคน
แต่ ...
ต่างคนก็ต่างมุมมอง ถ้าคุณมองในฐานะนักศึกษาในธรรมศาสตร์ คุณจะเห็นอีกมุมหนึ่ง มุมเล็กๆ ที่ไม่เคยมีใครสนใจ (ไม่ว่าจะเป็นมาร์ค หรือ สมัคร) ในธรรมศาสตร์ตอนนั้น ทุกคนมองเห็นว่า การแหกกฎระเบียบและความไม่พึงพอใจในการปกครองประเทศของผู้ปกครองประเทศนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะนักศึกษาเหล่านี้ ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือของมาร์กซ์และเลนิน ได้ศึกษาถึงผลดีของระบอบสังคมนิยม และมีความเข้าใจว่าระบอบนี้เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งยังมีผู้คนยากจนอยู่อีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเชื่อว่าหลังจากเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว ระบอบสังคมนิยมจะกลายเป็นระบอบสากลของโลก เพื่อให้ทุกคนเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง การที่จะให้ได้มาซึ่งระบอบการปกครองแบบใหม่นี้ จำเป็นจะต้องต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และมีศรัทธาอย่างแรงกล้าเท่านั้น แต่ความคิดนี้ต้องนับว่ายังใหม่มากเกินไปสำหรับเมืองไทย อันเป็นช่องทางให้เกิดการวางแผนตัดวงจรการต่อสู้นี้ มิให้ยืดเยื้อต่อไปอีก โดยการปลุกระดมมวลชน เข้าทำการจลาจลต่างๆ ให้สถานการณ์ไม่สงบ เพื่อยึดอำนาจได้โดยง่าย
ในอีกมุมหนึ่งนั้น ผู้คนที่เริ่มเบื่อหน่ายนักศึกษาที่ไม่ยอมอยู่ในกฎระเบียบของบ้านเมือง เมื่อได้รับการกระตุ้นจากสื่อต่างๆ ก็เริ่มเก็บความเคียดแค้นคุกรุ่นเป็นทุนอยู่ในใจ จนถึงวันที่ละครล้อการเมืองของธรรมศาสตร์ นำคนไปแขวนคอไว้บนต้นไม้ให้หนังสือพิมพ์่ถ่ายรูป ใจจริงของคนจัดทำละครนั้น ไม่ได้หวังจะให้เกิดกระแสต่อต้านมากมายเพียงนั้น แต่ทำไปเพื่อแสดง ให้เห็นว่า ไม่สนใจต่อกฎระเบียบของบ้านเมือง เก่งกว่ารุ่นพี่ยุคสิบสี่ตุลา แต่พอหนังสือพิมพ์เอาไปลง ผลสะท้อนกลับก็คือจุดชนวนในใจของผู้คนทั่วไป ที่หมั่นไส้นักศึกษาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ให้มีข้ออ้าง ที่จะเข้าไปสั่งสอนเหล่านักศึกษาในธรรมศาสตร์ แต่กระแสเหตุการณ์กลับลุกลามรุนแรง จนถึงขั้นเอาชีวิต ก็ด้วยผู้วางแผนก่อการ ต้องการให้เป็นความชอบธรรมของตนที่จะเข้ายึดอำนาจ
...
เหล่านี้นี่เองที่ทำให้ผู้คนในบ้านเมืองแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายนักศึกษา กับ ฝ่ายประชาชน ในฐานะนักศึกษา มีความเย่อหยิ่งทะนงตนว่า มีความรู้ เข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองดีกว่าคนทั่วไป จนถึงขั้นเรียกตัวเองว่า "ปัญญาชน" และดูถูกเหล่าประชาชนทั่วไปว่าเป็น "ทาสเผด็จการ" ทำให้ความแตกแยกเกิดขึ้น เหล่าปัญญาชนเหล่านี้ มีจำนวนน้อยกว่า เมื่อทาสเผด็จการบุกธรรมศาสตร์ น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ คนที่ประมาทก็ถูกรุมประชาทัณฑ์ ส่วนที่เห็นท่าไม่ดี รีบหนีลงน้ำข้ามฟากไปศิริราช ก็โชคดีได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติในป่า ได้เห็นครกตำข้าวพลังน้ำตก ได้มีโอกาสออกไปลาดตระเวน ลอบโจมตีทหารตำรวจฝ่ายรัฐบาลให้หายแค้น แต่เมื่อถูกฝ่ายรัฐบาลตอบโต้จนมีหลายคนเสียชีวิต เหล่าปัญญาชน ซึ่งเป็นเพียงนักคิด มิใช่นักปฏิบัติ ก็เริ่มทนไม่ไหว ต้องหนีออกมาจากป่า กระเซอะกระเซิงมาขอมอบตัวกับทางการ ซึ่งก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่โ่ชคไม่ดี เพราะการเข้าป่าก็เหมือนการ "ขี่หลังเสือ" เมื่อพยายามหลบหนีออกจากป่า เหล่าทหารป่าก็ตามมาสังหารกลางทางอย่างเหี้ยมโหด ยิ่งกว่าเหตุการณ์หกตุลาหลายเท่า
...
ทุกวันนี้ ที่พวกเราแตกแยกความคิดกันออกไป เป็นเพราะคนสมัยนี้ ไม่รู้จัก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" อีกแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่พากันใช้ตัวเองเป็นมาตรฐาน ใครเห็นต่างก็เป็นศัตรูกันไปหมด ความเท่าเทียมกันที่เคยเป็นที่ต้องการของเหล่านักศึกษาสมัยนั้น ไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว คำว่า "เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ" กลายเป็นวลีที่จับต้องไม่ได้อีกต่อไป เพราะไม่มีใครต้องการความเท่าเทียมกัน
...
ว่าตามประเด็นของเจ้าของกระทู้ ผมก็ได้ดูรูปเหล่านี้มาก่อน ดูด้วยความสะใจ คิดอยู่ในใจว่า "สมควรแล้ว" เมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วนี่เอง ที่ผมเริ่มมองย้อนกลับไป และพบว่ายังมีสายสนกลในอีกมาก ที่เราไม่เคยคิดถึง ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น เรื่องพวกนี้ ต้องมองในลักษณะมหภาค ถ้ามุ่งมองแต่ละจุด ก็จะเห็นโลกทัศน์เพียงแคบๆ เฉพาะจุดนั้นจุดเดียว ซึ่งไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ เป็นเพียงส่วนประกอบ เป็น factor หนึ่งของ Conspiracy Theory เท่านั้นครับ
...
ด้วยความเคารพ และขอความกรุณา อย่าตกเป็น "เหยื่อ" ของเหตุการณ์เหล่านี้เลยครับ

จากคุณ : VirtualSyS - [ 23 ก.พ. 51 02:33:21 A:125.24.4.150 X: ]