 |
"ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน" มันแค่คำพูดเท่ๆ{แตกประเด็นจาก P6357136}
อรุณวนา สนิกะวาที นักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่ม โดมแสบ ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำตานองหน้า สุดทนพฤติกรรมอาจารย์ในธรรมศาสตร์รับใช้เผด็จการ ผุดยุทธการ รมควันให้หนูนาออกมา กระชากหน้ากากอาจารย์-นักศึกษา มธ. ใช้ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์ตัวเอง โอ้...ลูกโดมรุ่นใหม่ ไม่รู้จักแก่นแท้การต่อสู้ของท่านปรีดี พนมยงค์ หรือ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
** ความเป็นมาของข้อเรียกร้องกลุ่มโดมแสบคืออะไร จริงๆ หนูไม่ได้เพิ่งเรียกร้องในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้เลิกสนับสนุนกลุ่มเผด็จการ ซึ่งมันผ่านมา 9 เดือนแล้ว ข้อเรียกร้องเรามีมาตั้งแต่แรกๆ ซึ่งมันกึ่งๆ สิ้นหวัง แต่เราก็ไม่สิ้นหวัง เราจะประณามและตอกย้ำว่าคุณเลือกข้างไปแล้วนะ และประกาศว่าฉันจะทำอย่างนี้อย่างชัดเจน คือมาประกาศให้เห็นว่ามีข้างอยู่ชัดเจน แต่ว่าหนูไม่คิดว่าเขาจะกลับใจ
**คำกล่าวที่ว่า ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน มันสื่อถึงอะไรในยุคนี้ ทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมืองหรือไม่
หนูว่าในยุคหนูมันก็ชินๆ กับมัน และถ้าเราอ่านในประวัติศาสตร์มันก็จริงของมัน ส่วนยุคของหนู เราอาจจะชินกับมันตอนที่เราอยู่ปี 1 เรารู้สึกไปฝั่งโน้น บางคนอาจจะรู้สึกว่าการทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือทำเพื่อประชาชนมันดูเท่ แต่หนูไม่ได้มองว่ามันเสียหายนะ ถ้าแม้ว่าคำๆ นี้จะทำให้เขาเริ่มทำกิจกรรมเพราะเขาดูเท่ แต่สิ่งที่เขาเรียนรู้จากนั้นมันจะซึมซับไปเอง แต่ทีนี้มันไม่มีพัฒนาการของมันเอง พอปี 1 ปุ๊บ คำนี้มันเท่ ท่องติดปาก พอปี 2 ปี 3 มันก็ ฉันก็คือ การศึกษาของฉันคือทำให้ฉันมีบันไดที่สูงกว่าคนอื่น ไปกอบโกยอะไร หมายถึงว่ายืนอยู่ในที่สูงกว่าคนอื่น แม้จะเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเหมือนกัน แต่ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ ปุ๊บ คุณสูงกว่าคนอื่นทันที มันไม่ใช่ประชาชนนะ มันสูงกว่าประชาชน ไม่ได้ออกไปรับใช้ประชาชนนะ แบ่งแยกเลย ฉันเป็นนักศึกษา คุณคือประชาชน ทั้งที่นักศึกษาก็คือประชาชน แต่นักศึกษาธรรมศาสตร์คือเทวดา คำๆ นี้ ถ้าในยุคสมัยของหนู คิดว่ามันไม่มีอยู่จริงๆ นะ มันแค่คำพูดเท่ๆ
**คำว่ารัฐประหารกลายเป็นสิ่งถูกต้องตามที่หลายฝ่ายตีความเข้าข้างตัวเอง หงุดหงิด เวลาอ่าน เอาสายที่เห็นด้วย ที่พยายามใช้วิชาความรู้ที่มีอยู่จริง และวิทยฐานะของตนเองมาอธิบายในเรื่องความรู้ หนูอาจจะไม่เถียงว่าจะใช้แง่มุมกฎหมายไหนมาอธิบาย เพราะบางทีเราไม่เห็นข้อด้อยจริงๆ แม้จะรู้สึกตะหงิดๆ แต่ที่หนูยอมไม่ได้เพราะพวกนี้ใช้ตำแหน่งตัวเองมาพูดด้วย และคนที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ คนส่วนมากแค่เห็นชื่อก็เชื่อแล้ว กลุ่ม 19 กันยาฯ มีใครบ้าง มีนักศึกษาเท่านั้น กับอีกคนมีอาจารย์เท่านี้ เป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ สอนกฎหมายระดับประเทศ คนก็ตะหงิด เอ...พวกหนูถูกจริงหรือ รัฐประหารมันน่าจะดี คุณพูดในสิ่งแบบนี้ หนูเชื่อว่าเขารู้อะไรผิดอะไรถูก ถ้าไปดูในคำพูดเขาจริงๆ บางทีเหตุผลมันอ่อนๆ หรือถ้ามันไม่มีข้อโต้แย้ง แต่มันก็มีที่เป็นอาจารย์น้ำดีที่ออกมาแย้ง เลยโกรธคนพวกนี้ไง เหมือนกับที่ตะหงิดๆ กับพวกเพื่อนนักศึกษาว่า คุณสวมชุดนี้ คุณใส่เข็มนี้ แต่ว่าคุณใช้สร้างเครดิตเพื่อตัวเอง คือหนูไม่เคยมีปัญหากับคนที่บอกว่าฮึกเหิมกับคนที่เป็นธรรมศาสตร์นะ หรือถือชื่อธรรมศาสตร์เพื่อทำประโยชน์ หนูก็เคย เมื่อก่อนทำกิจกรรม ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนในต่างจังหวัด เอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยไป มันมีเครดิตส่วนหนึ่งอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่อีกหลายๆ คนใช้ชื่อเสียงนี้ไปไต่เต้าทางอื่น เคยมีอยู่ในปี 2543 มีการถ่ายแบบชุดนักศึกษา จะโชว์ว่าฉันนักศึกษาจริงๆ แล้วถ่ายแบบเซ็กซี่ นั่นคือใช้มหาวิทยาลัยหากินเหมือนกัน คือมันเป็นปัญหาว่า คนพวกนี้เขาใช้เครดิตในอดีตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่การต่อสู้ของพวกเขาด้วยนะ เอามาเป็นเครดิตของเขาในการนำสู่สาธารณะ หรือในการเข้าไปรับใช้ คมช. ซึ่งไม่คิดว่าตัวเองได้ทำลายหลักการ เช่น ตัวเองสอนนักศึกษา เป็นอาจารย์กฎหมาย มีหน้าที่ต้องพูดถึงหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ แต่ไปฉีกกฎพวกนี้ แล้วไปสนับสนุนคนที่ฉีกกฎหมายหลักของประเทศ ไหนสอนนักสอนหนา การปกครองที่ดีที่สุดของประเทศคือระบอบประชาธิปไตย แต่ตัวเองกับสวนทาง ทำลายหลักการ สนับสนุนทหารทำลายระบอบประชาธิปไตย ปัญหาคนพวกนี้คือ ใช้เครดิตในความเป็นธรรมศาสตร์ เวลาเขาอ้างนี่เขาจะอ้างว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน ฉันรู้เรื่องกฎหมาย เรื่องรัฐศาสตร์ดีกว่าทุกคนในประเทศนี้ แต่กลับบิดเบือน ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่ ไม่รู้ แต่ตัวเองบิดเบือนหลักการแบบนี้ หรือหลอกคนอื่นด้วยหลักการแบบนี้ เพื่อไปสนับสนุน คมช. สิ่งที่ได้จาก คมช. คือ ได้เงินค่าตอบแทนเพิ่มมากขึ้น และได้เกียรติและได้กล่อง เช่น อธิการบดี ก็มีชื่อไปแล้วว่าจะเล่นการเมืองในพรรคการเมือง ที่อาจจะเป็นพรรคสามัคคีธรรมก็ได้ อะไรคือจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ที่คนพวกนี้ยึดถือ หรือยึดเพียงอย่างเดียวในจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ คือว่า อะไรก็ได้ที่ขายได้ อะไรก็ได้ที่ขายตัวได้ หลอกคนอื่นได้ว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แล้วทำหน้าที่เหมือนซักฟอกเผด็จการทหารจากสีดำให้เป็นสีเทาลง เพื่อหลอกคนอื่นในสังคมว่า เชื่อเถอะ มันไม่ใช่เผด็จการที่เป็นเผด็จการ แต่มันเป็นเผด็จการที่เป็นประชาธิปไตย ปัญญาชนกับพวกผมยังเข้าไปทำงานกับเผด็จการ กับ คมช. ยังได้เลย เราจะเห็นได้อย่าง ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ (คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ยังออกมาบอกว่า คมช. ชุดนี้ดูเหมือนจะเป็นเผด็จการ แต่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง คุณออกมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร คุณทำวิทยานิพนธ์เรื่องอะไร ทำเรื่อง 2475 การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบบรัฐสภา แล้วออกมาพูดแบบนี้ได้อย่างไร คือสิ่งที่พวกนี้ทำอาจจะถูกพิสูจน์แล้วว่า อดีตที่ผ่านมาของพวกเขาเป็นอดีตที่เขาไม่ยึดถือ ไม่เคยมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนหรืออย่างไร ปัจจุบันได้ท้าทายกับพวกเขาแล้ว และประวัติศาสตร์ได้จารึกแล้วว่า คือพวกที่อุ้มสม สมสู่กับเผด็จการใช่หรือไม่ ต่อไปข้างหน้าคุณไม่มีเครดิตอีกแล้วทางสังคมที่จะมาพูดกับเรา ในฐานะที่เราเป็นประชาคมธรรมศาสตร์ เป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ เรารู้สึกเลยว่าพวกคุณไม่มีเครดิต เราไม่เรียกร้องจากพวกคุณหรอก แต่สิ่งที่เราทำคือว่า ประจานและประณามในฐานะที่เราเป็นประชาคมธรรมศาสตร์
**นักวิชาการบอกว่า รัฐประหารไปแล้วก็มาตั้งหลักกันใหม่
อย่างตอนรัฐบาลทักษิณ ที่เลือก ส.ว. ชุดใหม่ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ บอกว่า เห็นหน้าตาแล้วหมดหวังท้อแท้ แต่เข้าใจ หวังระบบตรวจสอบ เห็นแบบนี้แกผิดหวัง อันนี้คือความผิดหวัง แต่ 5 เดือนหลังรัฐประหารนั่นคือความผิดหวังของหนู หนูคิดว่าคนควรจะเรียนรู้จากประชาธิปไตยด้วยตัวเอง พูดง่ายๆ คือ มันเละเทะขนาดไหน มันจะพาประเทศไปสู่จุดตกต่ำขนาดไหน คือสิ่งที่พวกเราต้องยอมรับ เพราะเสียงส่วนใหญ่เลือกมา ถ้ามันเกิดอะไรที่เป็นความซวย คนทั้งประเทศก็ต้องร่วมรับผิดชอบ แต่เกิดมีคนมาคิดแทน พวกอัศวินที่มาคิดแทน คณะรัฐประหารมาคิดแทน ระบบที่ทำกันอยู่ พอแล้ว ล้างไพ่ใหม่ นั่นแหละคือความผิดหวังของหนู คือผิดหวังว่าเราไม่เคยได้เรียนรู้ประชาธิปไตยแบบสุดๆ และเราก็ไปประณามเขา รากหญ้าโง่เง่า เลือกใครก็ไม่รู้ แล้วคุณเคยเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้ไหมว่าเขาจะได้อะไรบ้างจากการที่เขาเลือกใครไป เหมือนประชานิยมทักษิณใช่ไหม จะนำไปสู่ความหายนะ มีหลักฐานมาบอก แต่สิ่งที่ทำมันน่าจะปล่อยให้ประชานิยมไหลไปเรื่อยๆ หากมันจะล่มจม หนูยอมเสียยังดีกว่าที่จะให้มันมาสู่วงจรเดิมแบบนี้ หนูไม่ได้บอกว่านโยบายประชานิยมมันไม่มีข้อผิดพลาด หรือไม่นำไปสู่การล่มสลาย จะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง คนที่รับผิดชอบก็คือประชาชน ที่เสียงส่วนใหญ่เขาเลือก มอบอำนาจให้ไปทำงานไง และพร้อมชดใช้ด้วย เพราะมันเป็นการเรียนรู้ประชาธิปไตย อีก 75 ปีข้างหน้า ถ้าไม่มีรัฐประหาร และเราล้มจริงจากนโยบายประชานิยม ประชาชนจะเรียนรู้เอง ฉลาดขึ้นเอง ตื่นตัว นโยบายที่แล้วมันทำให้เจ๊งไปเกือบสิบปี แต่นี่เราไม่รู้ พอทำท่าจะง่อนแง่น ดูโอ๊ย...น่ากลัว เปลี่ยนไพ่ใหม่อีกแล้ว จัดการกันเองตลอด คนไม่เคยรู้เลยว่าปลายทางคืออะไร
จากคุณ :
นักกวนเมือง
- [
23 ก.พ. 51 12:53:45
A:58.8.189.169 X:
]
|
|
|
|
|