กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
ถ้าอยากจะรู้ว่า ทำไม นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงถูกย้ายพ้นจากตำแหน่งอย่างฉับพลัน
อย่าได้ไปให้น้ำหนักกับคำอธิบายของนักการเมืองให้มากนัก
แต่ควรจะต้องไปดูว่า ที่ผ่านมานั้น นายสุนัยทำอะไร กระทบกับใคร
ถ้านายสุนัยไม่อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ใครจะได้ประโยชน์ และถ้าเอาคนที่ใกล้ชิดนักการเมืองเข้ามาอยุ่ในตำแหน่งนี้แทน ใครจะได้ประโยชน์ ?
แล้วจะเห็นว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาอยู่ทนโท่ !
ทวนความจำสักนิด ...
ก่อนหน้านี้ เมื่อเกิดข้อครหาในยุคทักษิณ เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณและพวก แต่ระบบตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญกลับไม่ทำงาน องค์ตามรัฐธรรมนูญถูกครอบงำ แทรกแซง มีสภาพเป็นเหมือนรัฐตำรวจ กลไกของกระบวนการยุติธรรมติดขัด ถูกตัดตอนตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะตำรวจหรือแม้แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการสอบสวนเอาผิดกับข้อครหาหลายๆ กรณีที่พัวพันกับคนในระบอบทักษิณ
ข้อครหาต่างๆ ไม่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ชาวบ้านต้องออกไปประท้วง ตั้งเวทีวิพากษ์วิจารณ์ แสวงหาทางออกนอกสภา นอกกระบวนการยุติธรรม
หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 จึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารดีเอสไอ โดยแต่งตั้งนายสุนัย มโนมัยอุดม ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ เข้ามาเป็นอธิบดีดีเอสไอ
นายสุนัย เป็นคนตรงไปตรงมา ตามแบบผู้พิพากษาที่ดีทั่วไป
ขณะนั้น นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มองว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังเป็นเหมือนสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบ่งภาคมาลง ซึ่งไม่ตรงกับเจตนารมณ์ขององค์กร ดีเอสไอต้องเป็นหน่วยสอบสวนพิเศษเหมือนเอฟบีไอของสหรัฐ เป็นหน่วยงานที่คานกับตำรวจ ไม่ใช่เป็นเนื้อเดียวกัน
พูดง่ายๆ ว่า ถูกครอบโดยตำรวจ สภาพภายในสำนักงานดีเอสไอแทบจะไม่ต่างไปจากกองปราบปรามสาขา 2 หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติขนาดย่อมๆ
ตำรวจเข้าไปยึดตำแหน่งสำคัญๆ หมด ตำแหน่งระดับบริหารของ 10 สำนักคดี ตั้งแต่ผู้อำนวยการส่วนคดีระดับ 8 ไปจนถึงผู้บัญชาการสำนักคดีระดับ 9 ล้วนแต่มียศนายตำรวจนำหน้าทั้งสิ้น
นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ในยุคทักษิณ ได้ชื่อว่า รัฐตำรวจ เมื่อตำรวจถูกครอบงำแทรกแซงจนไม่สามารถทำหน้าที่อย่างเป็นอิสระจากการเมือง ดีเอสไอจึงติดเชื้อมาด้วยเช่นกัน
เมื่อนายสุนัย เข้ามาบริหารดีเอสไอ จึงทำการปรับเปลี่ยนภายใน พยายามเปลี่ยนแปลงภายใน มิให้มีการผูกขาดตำแหน่งและอำนาจเฉพาะตำรวจกลุ่มเดิมๆ ที่ยกโขยงตามนายเข้ามาเสวยสุขในยุคทักษิณเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษในยุคของนายสุนัย ยังได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ดำเนินการในข้อหาเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวหลายคดี จนถึงขั้นที่ศาลอนุมัติหมายจับ
คดีที่โดดเด่น คือ กรณีการสอบสวนคดี บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือบริษัท ชินคอร์ป ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปกปิดข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ หรือคดีซุกหุ้นภาค 2
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคดีที่ดีเอสไอกำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อาทิ คดีฟอกเงินโครงการบ้านเอื้ออาทร คดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้กับบริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งเกี่ยวพันกับลูกชายนักการเมืองใหญ่ คดีสินบนที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท. ) คดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ คดีฆาตกรรมในนโยบายสงครามยาเสพติดยุค พ.ต.ท.ทักษิณ คดีบุกรุกป่าสบกก จ.เชียงราย ซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญในพรรครัฐบาล เป็นต้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายสุนัยขนาดไหน ดูได้จากการยื่นฟ้องร้องนายสุนัย พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหาย 1,500 ล้านบาท แต่เมื่อเร็วๆ นี้เอง ศาลเพิ่งพิจารณายกฟ้อง
หลังจากนั้น อำนาจการเมืองในรัฐบาลสมัคร สั่งย้ายนายสุนัยอย่างเฉียบพลัน
กรณีนี้ จึงสะท้อนว่า กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา
ชี้เจตนาที่ว่า รัฐบาลชุดนี้ ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชน เพื่อผลประโยชน์และความต้องการของใคร ?
บทความจาก สารส้ม หนังสือพิมพ์แนวหน้า
-------------------------------------------------
ทำอะไรไว้ ก็รอรับแรงเสียดทานจากสังคมก็แล้วกัน
ไม่นานเกินรอ
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 51 07:34:36
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 51 07:33:54
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 51 07:32:49
แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 51 07:30:45
จากคุณ :
ปรมาจารย์เจได
- [
26 ก.พ. 51 07:28:48
A:161.246.13.225 X:161.246.1.36
]