คำชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีจัดซื้อรถดับเพลิงฯกทม. ของ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน
การดำเนินการตามสัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงฯ นั้น ได้มีการดำเนินการกันโดยไม่เปิดเผยรายละเอียด ให้ข้าพเจ้า ป.กทม. ทราบโดยครบถ้วน ดังนั้นในช่วงแรก ป.กทม จึงไม่ทราบรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงเกิดความสงสัยว่าได้มีการดำเนินการโดยถูกต้องหรือไม่ เพราะว่า การดำเนินการโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงนี้ ณ เวลานั้นข้าพเจ้าทราบเพียงว่า เป็นการดำเนินการกัน ระหว่างกระทรวง มหาดไทย กับ ผู้ว่าฯกทม.(สมัคร สุนทรเวช) โดยตรง แต่จะมีเพียงบางส่วนที่จำเป็น ผ่านป กทม เท่านั้น รวมทั้ง งานในโครงการนี้ ส่วนใหญ่จะออกจากสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯกทม. ไปยังกระทรวงมหาดไทย ระหว่างสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯกทม. กับ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย ทั้งๆที่ในขณะนั้นสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็น หน่วยงานภายใต้บังคับบัญชาของป.กทม.แต่ก็ไม่ได้มีการเสนอเรื่องผ่านป กทม ฉะนั้น ป กทม จึงทราบเรื่องบ้างไม่ทราบบ้าง ประกอบกับมีภาระหน้าที่ด้านอื่นที่ต้องรับผิดชอบอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อถูกปกปิดไม่ให้ทราบเรื่อง จึงไม่อาจที่จะทราบรายละเอียดทุกขั้นตอนได้
เมื่อผว สมัคร พ้นจากตำแหน่งและ ผว อภิรักษ์มารับหน้าที่ ป.กทม. มีหน้าที่ที่จะต้องรายงานเกี่ยวกับข้อราชการและโครงการต่างๆที่ดำเนินการอยู่ ให้ผว.กทม.คนใหม่ได้ทราบ(อภิรักษ์) ประกอบกับเวลานั้น สื่อมวลชนได้มีการเสนอข่าวว่า ผว สมัครเปิดแอลซีรถดับเพลิงทิ้งทวน ผว อภิรักษ์จึงเกิดความสนใจในเรื่องนี้และได้สอบถามรายละเอียดกับข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจึงได้รายงานสรุปตามที่เรียนมาข้างต้น แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าในฐานะป.กทม. ณ เวลานั้น ได้นำเรียนให้ผว อภิรักษ์ทราบถึงโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงนี้ว่า เป็นโครงการที่จะต้องดำเนินการตามมติครม.และจะต้อง ถือปฏิบัติตามมติของ ครม.แต่ข้าพเจ้าไม่ทราบรายละเอียดของโครงการดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง ข้าพเจ้าจึงได้เสนอความเห็นต่อ ผว อภิรักษ์ ดังนี้
1. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดำเนินการตรวจสอบและทบทวนโครงการให้รอบคอบเสียก่อน
2. เนื่องจากในเวลานั้น แอลซีที่ กทม ได้ทำเรื่องขออนุมัติจาก ธนาคารกรุงไทยในการดำเนินการเปิดแอลซี ชำระเงินตามสัญญาให้แก่บริษัท สไตเออร์ ผู้ขายรถดับเพลิงฯและคู่สัญญาของกทม. กำลังจะถึงกำหนดให้ชำระเงินตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ข้าพเจ้าจึงได้แนะนำให้ ผว อภิรักษ์ มีคำสั่งให้ผู้รับมอบอำนาจจากกทม ซึ่งคือ พลต.ต อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้แจ้งระงับแอลซีไป ยังธนาคารกรุงไทย ไว้ชั่วคราวก่อน เพื่อรอผลของการพิจารณาทบทวนโครงการ
จากข้อเสนอแนะของข้าพเจ้า ทั้ง 2 ประการ มีผลให้
1 ผว.อภิรักษ์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการทบทวนโครงการขึ้น โดยมีนายสามารถ ราชพลสิทธ์ เป็นประธานทบทวนโครงการฯ
2. ได้เสนอให้ผู้ว่า อภิรักษ์ สั่งการระงับแอลซีไปยังธนาคารกรุงไทย แต่ ผว อภิรักษ์ไม่กล้ารับผิดชอบต่อผลที่จะเกิดจากการสั่งระงับแอลซี แต่ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้สั่งการเรื่องนี้แทน ข้าพเจ้าจึงได้ทำบันทึกราชการมีคำสั่งให้ผู้รับมอบอำนาจจากกทม.(พลต.ต. อธิลักษณ์ ตันชูเกรียติ ผอ.สปภ) ไปดำเนินการระงับแอลซีกับธนาคารกรุงไทย
การที่ข้าพเจ้าสั่งให้ระงับแอลซีดังกล่าว ได้ถูกโต้แย้งคัดค้านจาก ผอ.สปภ.ผู้รับมอบอำนาจจาก กทม ว่า ข้าพเจ้ากระทำการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี อันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความสัมพันธ์อันดี ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรีย และข้าพเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างใหญ่หลวง ผู้รับมอบอำนาจจาก กทม ไม่ยอม ดำเนินการยกเลิกแอลซี จนข้าพเจ้าต้องเป็นผู้ดำเนินการยกเลิกแอลซีด้วยตนเอง อย่างนี้
ขอให้ท่านได้พิจารณากัน ว่า ข้าพเจ้าควรที่จะต้องกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหากับเค้าด้วยหรือไม่ เพราะ ข้าพเจ้าถือว่าข้าพเจ้าได้ปกป้องผลประโยชน์ของกทม และของประเทศชาติอย่างดีที่สุดแล้ว และได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังและความสามารถเพื่อให้สมกับที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยและได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์ให้เป็น คุณหญิง อันเป็นเกียรติยศชื่อเสียงสูงสุดของข้าพเจ้าและตระกูล อีกทั้ง ข้าพเจ้าทำงานด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดมาโดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนหรือผลประโยชน์จากผู้ใดทั้งสิ้น
ถ้าป.กทม คนนี้ได้รับผลประโยชน์ ข้าพเจ้าจะเสนอสั่งให้ระงับแอลซีไปเช่นนี้หรือไม่ และจะกล้าที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับความสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และความเสียหายอีกมากมายที่จะได้รับหรือไม่
ข้าพเจ้าเชื่อว่า คณะกรรมการคตส ไม่ได้พิเคราะห์ให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้และเจตนาบริสุทธ์ที่แท้จริงของข้าพเจ้าเลย ทั้งๆที่สามารถที่จะพิเคราะห์ได้จากพยานเอกสาร ซึ่งเป็นเอกสารราชการที่ข้าพเจ้าทำการรวบรวมด้วยความยากลำบาก และได้นำเสนอเพื่อขอความเป็นธรรมต่อคตส .มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
คงจะสงสัยกันว่า เหตุใด ข้าพเจ้าซึ่งเป็นป.กทมในสมัยนั้น จึงกล่าวว่า รวบรวมเอกสารได้ด้วยความยากลำบาก ทั้งนี้ เนื่องมาจาก
1. การดำเนินการจัดซื้อรถดับเพลิงนี้ ได้กระทำกันโดยปกปิดซ่อนเร้นไม่ให้ข้าพเจ้าทราบรายละเอียดของโครงการฯ ดังนั้นข้าพเจ้า จึงได้มีข้อเสนอให้ทบทวนโครงการ เพราะถ้าข้าพเจ้าทราบรายละเอียดของโครงการฯดังกล่าว ก็สามารถจะอธิบายต่อผว อภิรักษ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการทบทวนโครงการนี้
2. ข้าพเจ้าทำงานด้วยความสุจริตตรงไปตรงมาตลอดชีวิตการรับราชการ จึงไม่ได้เก็บหรือรวบรวมเอกสารไว้ เพราะไม่เคยคิดว่า จะต้องเป็นผู้ถูกกล่าวหาและจะต้องแก้ตัวกับใครจึงไม่ได้เก็บเอกสารไว้
3. ข้าพเจ้าถูกกล่าวหาและ ถูกชี้แจง ถูกสอบสวนหลังจากเกษียณอายุราชการมาเป็นระยะเวลาถึงสองปีแล้ว จึงเป็นการยากที่จะติดตามหาเอกสารมาเสนอต่อคณะกรรมการคตส.ได้ครบถ้วนและไม่ได้มีการเตรียมเอกสารไว้เพื่อแก้ตัว เพราะ ถือเอาความสุจริตเป็นที่ตั้ง
บัดนี้ เมื่อพิจารณาจากการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และได้ตรวจสอบย้อนหลังไปเท่าที่ทำได้นั้น จะเห็นได้ว่า หากท่านผว อภิรักษ์ ไม่ดำเนินการเปิดแอลซีใหม่ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าได้ดำเนินการให้ระงับแอลซีไว้ชั่วคราว ดังที่กล่าวนั้น ปัญหาที่เกิดอยู่ในวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น และทางกทม.ก็จะไม่เกิดเสียหายขึ้น เพราะไม่ต้องชำระเงินตามที่ได้กำหนดไว้ในแอลซี ซึ่งหากบริษัทสไตเออร์จะฟ้องร้องเเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญามา ท่านคณะกก คตส. ก็บอกอยู่แล้วว่าสัญญาเป็นโมฆะ กทม.ก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดใดๆทั้งสิ้น และ เมื่อข้าพเจ้าได้แจ้งระงับการเปิดแอลซีดังกล่าวไว้ ข้าพเจ้าเองก็มิได้มีอำนาจใดที่จะขอเปิดแอลซีใหม่ อันนำมาซึ่งความเสียหายของกทม เช่นนี้ อีกทั้งข้าพเจ้าได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมยื่นต่อคตส.สี่ครั้ง พร้อมทั้งหลักฐานชี้แจงต่างๆ ทางคตส.กลับบอกสื่อว่าข้าพเจ้าส่งไปเพียงหนึ่งครั้ง รวมทั้งอ้างว่าข้าพเจ้าได้เสนอรายชื่อพยานบุคคลให้การด้วย ทั้งๆที่ข้าพเจ้าไม่เคยยื่นเสนอแม้แต่น้อย เพราะ เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางเอกสารราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็สามารถยืนยันความสุจริตของข้าพเจ้าได้
ข้าพเจ้าจึงเห็นด้วยความสุจริตด้วยเหตุด้วยผลว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ได้ถูกกล่าวหาจากมติ คณะกรรมการคตส. แต่อย่างใด
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 51 23:00:41
แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 51 22:50:28
จากคุณ :
Zseven
- [
13 มี.ค. 51 22:48:49
A:203.144.187.18 X:
]