| ไปเลือกตั้งและเลือก ปชป (2 คน) |
| ไปเลือกตั้งและเลือก พรรคเล็ก (6 คน) |
| ไปเลือกตั้งและกาโนโหวต (20 คน) |
| ไปเลือกตั้งและฉีกบัตรหรือเขียนด่า (1 คน) |
| ไม่ไปเลือกตั้งอีกพอกันที (7 คน) |
| ออกไปประท้วงแน่นอน ไม่ทนอีกแล้ว (34 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 70 คน |
กัญจนาแฉ ใบสั่งจากผู้ใหญ่ ให้ยุบพรรคชาติไทย ปูทางยุบพรรคพลังประชาชน ต่อ[21 มี.ค. 51 - 04:06]
สืบเนื่องจากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ที่ปรึกษากฎหมายไปพิจารณามาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 103 วรรคสอง ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ในกรณีที่กรรมการบริหารพรรคไปกระทำการซื้อเสียง โดยที่กรรมการบริหารหรือหัวหน้าพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น จะนำไปสู่การยุบพรรคได้หรือไม่ ก่อนนำกลับมาเสนอต่อที่ประชุม กกต.ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ เพื่อชี้ขาดว่าจะต้องเสนอตุลาการรัฐธรรมนูญ ยุบพรรคพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยหรือไม่
เสธ.หนั่น ปลงหากชาติไทยถูกยุบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 20 มี.ค. พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านการมีส่วนร่วม ออกมาระบุว่ากฎหมายเขียนเอาไว้ชัดเจน ไม่มีทางเลี่ยงเป็นอย่างอื่น ต้องยุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตยว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ กกต.ใหญ่ทั้ง 5 คนจะพิจารณาอย่างรอบคอบ นายสุเมธเองก็บอกว่าเป็นเพียงความคิดเห็นของท่าน และต้องส่งเรื่องให้คณะที่ปรึกษากฎหมายได้พิจารณาก่อน เมื่อถามว่าการที่นายสุเมธระบุว่ากฎหมายเขียนมัดไว้ชัดแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคจริงๆ พล.ต.สนั่นตอบว่า การมองกฎหมายก็มองได้หลายด้าน เช่น อนุกรรมการสอบสวนเขาก็มองอีกด้านหนึ่งและพิจารณามาแล้วว่าถือว่าพรรคไม่ได้ไปทำอะไร ตัวบุคคลซึ่งไปกระทำความผิด ก็ควรจะเป็นเรื่องของตัวบุคคล ที่ฝ่าฝืนคำสั่งหรือนโยบายของพรรคไป
คนฝืนคำสั่งพรรคเป็นเรื่องสุดวิสัย
เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่ามีความพยายามเทียบเคียงกับกรณีของพรรคไทยรักไทยเดิมที่โยงว่าแม้จะเป็นตัวบุคคลกระทำเพื่อให้ได้ ส.ส. แต่พรรคเป็นผู้ได้รับประโยชน์ พล.ต.สนั่นตอบว่า มองอย่างไรก็ต่างกัน การปฏิบัติของพรรคไทยรักไทยเดิมเรามองชัดเจนเลยว่าพยายามที่จะให้การเลือกตั้งคราวนั้นผ่านไปให้ได้ เช่น ไม่ถึง 20% ก็ไปจ้างนอมินีพรรคต่างๆ มาลงสมัคร แต่ของพรรคชาติไทยนั้นได้มีหนังสือกำชับสั่งห้าม หัวหน้าพรรคชาติไทยไปปราศรัยทุกแห่ง ก็กำชับห้ามการซื้อเสียงโดยเด็ดขาด ทางพรรคมั่นใจว่ามีเอกสารหลักฐานที่จะต่อสู้ได้ เพราะทางพรรคได้กำชับแล้วกำชับอีก ถ้ายังไปฝ่าฝืนเองก็เป็นเรื่องสุดวิสัย ทุกพรรคการเมืองแม้แต่พรรคพลังประชาชน ก็ได้ออกคำสั่งกำชับห้ามสมาชิกทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเหมือนกัน เมื่อถามว่ามองว่าการเมืองจะยิ่งตึงเครียดหรือไม่ เพราะมีการมองว่ามีการนำกรณีของพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย เป็นตัวเทียบเคียงเพื่อจะนำไปสู่การยุบพรรคพลังประชาชน พล.ต.สนั่นตอบว่า ถ้าโดนพรรคหนึ่ง มันก็โดนหมด
กัญจนา ขอความเป็นธรรมยุบ ชท.
น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา รองหัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวว่า การที่นายสุเมธระบุว่า กกต.ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคชาติไทยและมัฌชิมาธิปไตย เป็นเรื่องที่พรรคชาติไทยต้องขอความเป็นธรรม เคยได้ยินกระแสข่าวว่ามีใบสั่งให้มีการยุบพรรคทั้งสองมาบ้างเหมือนกัน เรื่องนี้จึงขอให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรม เพื่อให้ประเทศชาติดำเนินต่อไปได้ เพราะทุกอย่างเกิดจากมนุษย์ และก็กำหนดโดยมนุษย์เช่นเดียวกันไม่รู้จะว่าอย่างไร รู้สึกท้อใจไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ดิฉันพูดได้คำเดียวว่า ขอความเป็นธรรมด้วย น.ส.กัญจนากล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคชาติไทยได้วิเคราะห์กรณีดังกล่าวว่า กกต.ชี้นำกระบวนการพิจารณากฎหมาย อย่างที่ไม่สมควรเกิดขึ้น เพราะสร้างความหนักใจกับผลการตัดสินของ กกต. และมีความกังวลว่า พรรคชาติไทยจะถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรค ตามกฎหมายที่เขียนมัดไว้ในหลายมาตรา
เชื่อมีใบสั่งจากผู้ใหญ่ให้ยุบสองพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคชาติไทยได้วิเคราะห์กรณีดังกล่าวว่ากรณีนี้จะเป็นการอ้างเหตุความชอบธรรม เพื่อโยงไปถึงการยุบพรรคพลังประชาชนต่อไป ถือว่าไม่เป็นธรรมกับพรรค แม้ก่อนหน้านี้จะมีการวิเคราะห์ว่าพรรคชาติไทยจะสู้คดียุบพรรคหลุดในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ แต่การถูกสั่งยุบโดย กกต.จะสร้างผลกระทบตามมา และโยงถึงการยุบพรรคพลังประชาชนด้วยเกมนี้ดูไม่ยาก เพราะเป็นการล้างบางพรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เชื่อว่าการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯก็เพื่อจะบอกว่าต้องมีการยุบพรรค พลังประชาชนด้วย ส่วนการโยนเรื่องให้ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.เป็นผู้ตัดสิน กลับคำให้ความเห็นของชุดอนุกรรมการฯของ กกต.นั้น ก็เพื่อให้คำตัดสินมีความชอบธรรม ได้ยินข่าวมาด้วยว่าจะมีการยุบทั้ง 3 พรรคการเมืองแน่นอน เพราะกลุ่มผู้มีอำนาจทางทหารไม่ยอมรับการกลับมาของพรรคพลังประชาชน และต้องการล้มเกมเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้การที่พรรคเราไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล ทำให้รัฐบาลมีเสียงแข็งแกร่งขึ้น แกนนำของพรรคจึงเชื่อว่ามีใบสั่งจากผู้ใหญ่ที่กองทัพเกรงใจ เพื่อให้มีการยุบพรรคชาติไทย แกนนำพรรครายหนึ่งกล่าว
สุนัย แขวะ กกต.ตั้งท่ายุบชาติไทย
บ่ายวันเดียวกัน ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณากระทู้ถาม โดยก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ได้ขอหารือที่ประชุมว่า ขณะนี้ดูเหมือนจะมีการมองเรื่องการยุบพรรคเป็นเรื่องสนุก กกต.เองก็มีอาการเหมือนจะยุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาฯโดยที่ไม่เคยดูที่มาของพรรค การเมือง ก่อตั้งมานานกว่า 20 ปีว่าพรรคการเมืองเหล่านั้นมีความผูกพันกับประชาชน ขณะที่ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญเองไม่มีอะไรที่ผูกพันกับประชาชนเลย ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วงที่มีบุคคล 2 คน ที่เป็นอดีตผู้พิพากษาและอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหาร มาสมัครเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายสุนัยพูดถึงช่วงนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์หลายคน อาทิ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. และนายสมบูรณ์ อุทัยเวียงกุล ส.ส.ตรัง ได้ประท้วงว่าไม่ควรกล่าวถึงบุคคลภายนอกที่ไม่มีโอกาสได้ ชี้แจง ที่สำคัญการเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญควรปล่อย ให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการสรรหา ประพันธ์ ไม่หลงประเด็นยุบพรรค
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงการพิจารณาสำนวนการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยว่า ขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้หารือ โดยมอบให้ที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้พิจารณาปัญหาด้านข้อกฎหมายเพื่อให้เกิดความชัดเจน เกี่ยวกับบทบัญญัติตามมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง และมาตรา 95 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ยังต้องรอให้ที่ปรึกษากฎหมายสรุปส่งความเห็นมา อย่างไรก็ตาม กกต. แต่ละคนยังไม่สรุปความเห็นของแต่ละคน จึงยังไม่มีข้อยุติ เมื่อถามว่า นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ระบุว่ากฎหมายล็อกให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญ นายประพันธ์ตอบว่า ยังไม่ได้พิจารณา ขณะนี้ขอดูเรื่องปัญหาการตีความข้อกฎหมายก่อนว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคที่ถูกใบแดงจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคโดยอัตโนมัติเลยหรือไม่ เพราะผลของการพิจารณาจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับกรณีอื่นด้วย และขอยืนยันว่า กกต.ดำเนินการอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ได้หลงประเด็นตามที่นักวิชาการหลายคนออกความเห็น
คำพูด สุเมธ เป็นความเห็นส่วนตัว
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ระบุว่า กกต.ส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นสวนทางกับคณะกรรมการสอบสวนการยุบพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่อาจจะเป็นการกดดันที่ปรึกษาด้านกฎหมายว่า นายสุเมธให้สัมภาษณ์เป็นเพียงความเห็นส่วนตัว แต่มติตรงกันว่า สำนวนนี้มีปัญหาด้านกฎหมายเท่านั้น ยืนยันว่า กกต.ไม่ได้หลงทาง หลงประเด็นในการพิจารณา ส่วนที่นายสุเมธระบุว่า กฎหมายล็อกคอให้ยื่นสำนวนสู่ศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็ไม่คิดว่าเป็นการสร้างแรงกดดันการทำงานของคณะที่ปรึกษากฎหมาย ถือเป็นความบริสุทธิ์ใจในการยืนความเห็นของนายสุเมธ และความเห็นดังกล่าวก็ไม่ใช่มติของ กกต. เพราะหาก กกต.มีมติแล้ว ก็คงไม่ต้องส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งแต่ละท่านก็จะมีดุลพินิจของตัวเอง อย่างไรก็ดี เมื่อได้ข้อสรุปมาแล้ว ก็จะส่งเรื่องกลับมายัง กกต. แต่ กกต.ไม่จำเป็นต้องเห็นคล้อยตามคณะที่ปรึกษากฎหมาย หรือคณะกรรมการสอบฯก็ได้ เชื่อว่า กกต.จะนำข้อมูลและเหตุผลทุกอย่างมาประกอบการพิจารณา
คณะที่ปรึกษา ก.ม.ยังไม่เรียกประชุม
บ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องประชุม กกต. ได้มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ที่มีนายสุพล ยุติธาดา อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา กรุงเทพใต้ เป็นประธาน โดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคลและกฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายในวันนี้ ยังไม่มีการบรรจุเรื่องการตีความข้อกฎหมายในมาตรา 103 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ในเรื่องการยุบพรรคชาติไทยและมัชฌิมาธิปไตย แต่ที่วาระที่มีอยู่มีเพียงเรื่องกฎหมายท้องถิ่นเท่านั้น อาจเป็นไปได้ที่จะมีการนำมาหารือเป็นวาระจร เรื่องกฎหมายที่เกี่ยวกับการยุบพรรคที่ กกต.ขอให้พิจารณา จะเสร็จเร็วหรือช้าขึ้นอยู่ กับคณะที่ปรึกษาจะเห็นตรงกันหรือไม่ หากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันก็ใช้เวลานาน เท่าที่ผ่านมาการพิจารณาของคณะที่ปรึกษาไม่เคยมีการลงมติ เป็นเพียงการเสนอความเห็นกลับขึ้นไปว่า ฝ่ายเสียงข้างมากและข้างน้อยเห็นอย่างไร
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว กรณีการพิจารณายุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาฯ โดยกล่าวว่า ถือเป็นการเผาบ้านเมือง ซึ่งมีบุคคลที่คนไทยทั่วประเทศรู้กันดีว่าเป็นใคร ต้องการให้ประเทศชาติเสียหาย ถือเป็นการทำลายประเทศชาติโดยวางยาผ่านรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนท้อใจแต่ไม่ถอดใจ อย่างไรก็ตามม ยืนยันไม่เคยมีแนวคิดการยุบสภา และถือเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส่วนการพิจารณาใบแดงของ นายยงยุทธ
ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนฯและอดีตรองหัวหน้าพรรคนั้น พรรคจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่ปล่อยปละละเลย
นอกจากนี้ นายกฯ ยังระบุปัญหาการพิจารณาเรื่องวุฒิการศึกษาของรัฐมนตรีฯพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยเชื่อว่าจะไม่กระทบการทำงานของรัฐบาล