ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องมันนานมาแล้ว จำได้เล่าๆ เอาเป็นว่าเล่าสู่กันฟัง ยังไม่ยืนยันในขณะนี้ ในสมัยที่พล.อ.เปรม เป็นนายกฯสมัยที่สอง ในช่วงระหว่าง 30 เมษายน พ.ศ. 2526 - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ในสมัยนั้น ชวนไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาลพล.อ.เปรม แต่ อยู่ในฐานะฝ่ายค้านในสภา รู้สึกจะมีการอภิปรายพาดพิงถึงที่มาของพล.อ.เปรม ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งในเวลา นั้น กระแสการเรียกร้องให้นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งแรงมากขึ้นเป็นลำดับ ชวนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงความ เห็นว่านายกฯควรจะมาจากการเลือกตั้ง และได้มีการอภิปรายพาดพิงไปถึงกัน ข้อมูลนี้รอสมาชิกท่านอื่นที่ค้นเจอมาแลกเปลี่ยนอีกที อาจไม่ตรงตามนี้ก็เป็นได้ เพราะเรื่องมันนานมาแล้ว จากคุณ : thyrocyte - [ 18 เม.ย. 51 20:37:00 A:124.121.32.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 สมัยหนึ่ง พรรค ปชป.ได้เสียงข้างมาก คาดกันว่านายพิชัย รัตตกุล จะได้เป็นนายก แต่ปรากฎสิ่งที่ เรียกกันว่า ข้อมูลใหม่ ทำให้นายพิชัย ไม่ได้เป็นายก แต่เป็นพลเอกเปรม พรรค ปชป.ไม่ค่อยพอใจ หาว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ เพราะนายกไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จากคุณ : NiyomC - [ 18 เม.ย. 51 21:33:21 A:61.19.66.119 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 การเมืองก็อย่างนี้แหละ  ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร   " แมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูได้ก็ดีทั้งนั้น "  มันก็เห็นแก่ประโยชน์ตัวเองทั้งนั้นไม่ว่าฝ่ายไหน จากคุณ : candleman - [ 18 เม.ย. 51 21:38:23 A:125.24.132.124 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 คห 1 อย่าลืมเพิ่มข้อมูลนะครับ ผมอยากรู้ข้อมูลเหมือนกัน เพราะเพิ่งมาสนใจการเมืองจริงจังก็หลัง  19 กันยา เอง  ขอบคุณ คห 1 ล่วงหน้า แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 21:55:30 จากคุณ : อดุลยภาคย์ - [ 18 เม.ย. 51 21:55:10 A:117.47.9.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่แน่ใจนะครับ เพราะความจำมันเลือนรางเต็มที แต่ก็ไม่น่าใช่นะครับ เพราะหลังจากเลือกตั้งเสร็จ บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลได้พากันไปเชิญ พลเอก เปรม มาเป็นนายก แต่ได้รับการปฏิเสธว่าพอแล้ว (แต่เหตุผลจริง เพราะถูกคนด่ากันกระหึ่มเมือง โดยโต้โผใหญ่คือ มรว.คึกฤทธิ์ และ คุณเฉลิมนี่แหละครับ) แต่นายชวนได้ชื่อว่า เป็นลูกป๋าคนหนึ่งนะครับ ในรัฐบาลป๋าเขาไม่เคยพลาดตำแหน่งใหญ่ ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น ประธานสภา รมต.ศึกษาฯ รมต.เกษตรฯ เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 22:23:04 จากคุณ : Uncle-Dave - [ 18 เม.ย. 51 22:22:33 A:117.47.228.100 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 สมัยปี 2529 ประชาธิปัตย์ ชนะเลือกตั้งได้ 100 เสียงมั้ง อันดับหนึ่งเลย หัวหน้าพรรคคือ คุณพิชัย รัตตกุล  แล้วตอนนั้น คุณพิชัย เขาได้ใจคนกรุงเทพ ฯ แต่ทีนี้ ประชาธิปัตย์สายใต้ ก็นำโดยคุณชวน กับคุณไตรรงค์นั่นแหละ คัดค้าน กลับชูให้คุณเปรม เป็นนายก ฯ แทนคุณพิชัย ทั้ง ๆ ที่ตอนหาเสียง ก็ชูให้คุณพิชัย เป็นนายก ฯ สมัยนั้น ประชาธิปไตย ไม่เต็มใบ นายก ฯ ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคการเมือง คุณเปรมเขามีทหารสนับสนุนเยอะ (บิ๊กจิ๋ว เป็น ผบ.ทบ) ก็เลยได้เป็น เพราะมีเสียงสนับสนุนจากพรรคชาติไทย (พล.ต.ชาติชาย หัวหน้าพรรค) พรรคราษฏร พรรคกิจสังคม (พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา) เขาสนับสนุน ประชาธิปัตย์ ก็เลยต้องยกให้คุณเปรมเป็นนายก ฯ แทนคุณพิชัย ลูกชายคุณพิชัย ดร.โจ ตอนแรกก็อยู่ประชาธิปัตย์ แต่ลาออก สมัคร ผู้ว่า กทม. ในนามผู้สมัครอิสระ ก็ได้รับเลือกตั้งไป ที่ว่า คุณชวน เคยออกมาไล่คุณเปรมนั้น ก็ถือว่า "ไม่เชิง" ทีเดียว เพราะอะไรรู้มั้ยครับ แทงกั๊ก... แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 22:30:25 จากคุณ : ขนมต้ม - [ 18 เม.ย. 51 22:24:37 A:222.123.84.92 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปชป.กำลังจะสูญพันธุ์ เพราะประชาชนทราบแล้วว่า อิงมารหัวขาว มุขชวนเคยออกมาขับไล่พลเอกเปรม เป็นข่าวสร้าง หลอกให้สาวกและประชาชนเข้าใจผิดว่า ชวนก็เคยขับไล่เผด็จการมาก่อน จากคุณ : เต่า (เต่าทันสมัย2550) - [ 18 เม.ย. 51 22:38:47 A:125.24.4.28 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ชวนจะเคยไล่เปรมหรือไม่ตอบไม่ได้   รู้แต่ว่า รัฐบาลเปรม 1 ถึง เปรม 5  รวมเวลา  8  ปี มี ปชป ร่วมเป็นรัฐบาลด้วยตลอด  จนคิดเอาเองว่า เปรมคือหัวหน้าพรรค ปชป. ตัวจริงไม่ใช่ชวนหรืออภิสิทธิ์  ปชป มีเวลาบริหารประเทศทั้งที่เป็นแกนนำเองและร่วมรัฐบาล รวมเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี  ยังทำให้ภาคใต้เจริญไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นฐานเสียงของตัวเอง  สู้บรรหารที่ทำให้สุพรรณ    เจริญไม่ได้  ยิ่งไม่เข้าใจว่าชาวใต้คิดอย่างไรกับพรรคนี้ยังคงเลือกแล้วเลือกเล่ามิรู้เบื่อเหมือนยาเสพติด   สมองรับรู้แต่คำพูดโกหกที่แนบเนียนจนไม่พิจารณาว่าพรรคนี้พูดโกหกเก่ง จากคุณ : หญิงแก่ (น้านพ) - [ 19 เม.ย. 51 01:34:11 A:58.9.205.86 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนหนึ่งท่ ปชป ครองความนิยมภาคใต้ได้เพราะเปรมเป็นนายกฯมา 8 ปี ในช่วงนั้นพรรค ปชปและรัฐบาลเปรมทุ่มงบประมาณพัฒนาทางภาคใต้มาตลอด  คนปักษ์ใต้ท่เป็นนักการเมือง ข้าราชการประจำต่างได้ดิบได้ดี ได้ตำแหน่งสูง ๆ (เล่นพวก)  คงอีกนานท่ประชาชนชาวใต้ทั่วไปจะเสื่อมความนิยมพรรค ปชป     ท่น่าแปลกใจคือ เปรมไปมีบุญคุณอะไรนักหนากับชาวโคราช(ในช่วงท่เป็นแม่ทัพภาค 2) ทั้ง ๆ ท่เปรมเป็นคนใต้  ชาวโคราชมีคำตอบหรือเปล่า จากคุณ : strike (enpee) - [ 19 เม.ย. 51 04:34:18 A:118.172.133.111 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ย้อนอดีต..........การเมืองไทย จาก:- http://www.sentangonline.com/sentangonline/007/textthai007@23.html การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.ต.ชาติชาย  ชุณหะวัณ            รัฐบาลผสมหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 เป็นรัฐบาลอยู่ได้จนถึงวันที่  29  มิถุนายน พ.ศ. 2531 พล.อ.เปรมฯ  ก็ได้ประกาศยุบสภา                                  ทั้งนี้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นต้นเหตุ  กล่าวคือ “กลุ่ม 10 มกรา”  ซึ่งไม่พอใจกลุ่มของนายพิชัย  รัตตกุล และ พ.ท.สนั่น  ขจรประศาสน์  ได้ลงมติในร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์  ขัดกับฝ่ายรัฐบาล กล่าวคือ รัฐบาลสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และได้นำเสนอสภาฯ  เพื่อลงมติเมื่อวันที่         28  เมษายน พ.ศ. 2531 แต่กลุ่ม 10 มกราคม จำนวน 32 คน  ได้ยกมือคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินี้ และอีก 6 คนงดออกเสียง พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์  เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  ยอมรับว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาภายในพรรคได้ รัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลของพรรค  ประชาธิปัตย์ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.เปรม  จึงได้ตัดสินใจยุบสภาเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2531 และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 “กลุ่ม 10 มกรา”  ในพรรคประชาธิปัตย์ได้แยกออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ชื่อพรรคประชาชน  โดยมีนายเฉลิมพันธ์  ศรีวิกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค            ในการเลือกตั้งคราวนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งลดจาก 100 คนจากการเลือกตั้งครั้งก่อนมาเหลือเพียง 48 คน ในขณะที่กลุ่มผู้แยกตัวออกไปตั้งพรรคประชาชนได้เลือก 19 คน            ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง  ก็เริ่มมีกระแสคัดค้านการกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของ พล.อ.เปรมฯ  อยู่หลายกระแส  เช่น  มีอาจารย์มหาวิทยาลัย 99 คน เข้าชื่อแสดงท่าทีคัดค้าน ความไม่เป็นกลางของนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นคือ พล.อ.เปรมฯ  ในขณะเดียวกันก็มีการเรียกร้องของกลุ่มนิสิตนักศึกษาบางกลุ่ม ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.ด้วย เช่น นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกาศว่า  เมื่อเลือกตั้งแล้วพวกเขาจะจัดชุมนุมที่ท้องสนามหลวง เพื่อคัดค้านบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง            สำหรับตัว พล.อ.ชวลิต  ยงใจยุทธ  ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารสูงสุด นั้น  แม้จะยังแสดงท่าทีสนับสนุน พล.อ.เปรมฯ แต่ก็ไม่ชัดเจนเช่นก่อนการเลือกตั้ง  เมื่อเวลาไปตรวจเยี่ยมทหารหรือการประชุมนายทหาร หรือกล่าวกับนิสิตนักศึกษาที่เข้า      พบ พล.อ.ชวลิตฯ มักจะย้ำอยู่เสมอว่า “พล.อ.เปรมฯ เป็นสุภาพบุรุษ  เป็นนักประชาธิปไตย และผมมีความกตัญญูต่อท่าน”  ซึ่งก็ไม่ได้บ่งชัดเจนว่าอยากให้ พล.อ.เปรมฯ กลับมาเป็นนายกฯ อีกหลังการเลือกตั้ง และ 2 วันหลังการเลือกตั้งคือ วันที่ 26 กรกฎาคม นักศึกษาได้ขอเข้าพบเพื่อให้ทหารวางตัวเป็นกลาง  ในการจัดตั้งรัฐบาล  เมื่อถูกถามตรงๆ ว่า จะหนุน พล.อ.เปรมฯ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ พล.อ.ชวลิต  ตอบว่า โดยความเห็นส่วนตัวนั้นสนับสนุนแน่  แต่ส่วนตัวของตน  เมื่อผูกพันกับส่วนรวม  ก็ต้องพิจารณาอีกต่อไป            ในส่วนของพรรคการเมืองต่างๆ  นั้น  ต่างก็ไม่แน่ใจว่า พล.อ.เปรมฯ  จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่  ทุกคนจำได้ดีว่า ในการเลือกตั้ง  เมื่อ พ.ศ. 2526 พล.อ.เปรมฯ  แสดงท่าทีไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีอีก   และพล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร  หัวหน้าพรรคชาติไทย  แสดงตนว่า พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี  เมื่อ พล.อ.เปรมฯ ได้ตั้งรัฐบาลในเวลาต่อมาก็ไม่เชิญพรรคชาติไทยเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วยก่อนการเลือกตั้ง  พรรคต่างๆ  จึงไม่กล้าแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนผู้ที่ไม่เป็น ส.ส. ให้เป็นนายกรัฐมนตรี  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้กล่าวเสมอว่า พรรคชาติไทยสนับสนุนให้ พล.อ.เปรมฯ  กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก  เมื่อถูกถามว่าตัว พล.อ.      ชาติชายฯ  จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือ  พล.ต.ชาติชายฯ  จะตอบว่าท่านไม่พร้อมจะเป็น และท่านอยากให้ พล.อ.เปรมฯ  เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป  (แต่ใจจริงอาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้น  ใจจริงท่านอาจจะคิดว่า “ผมเป็นได้ตั้งนานแล้ว  เป็นได้ดีเสียด้วย  แต่ผมพูดไม่ได้ เพราะถ้าพูดไปเกิด พล.อ.เปรมฯ  จะเป็นนายกฯ ต่อ  พรรคชาติไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลแน่”)            แม้แต่ พล.อ.อ.สิทธิ  เศวตศิลา  หัวหน้าพรรคกิจสังคม  ซึ่งมี ส.ส. ได้รับเลือกเข้ามามากเป็นที่ 2 (54 คน) ก็บอกว่า ต้องการเป็นเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น             หัวหน้าพรรคการเมืองที่กล่าวไว้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งว่า ไม่ต้อง  การ พล.อ.เปรมฯ  เป็นนายกรัฐมนตรี คือ นายณรงค์  วงษ์วรรณ  หัวหน้าพรรครวมไทย  ซึ่งกล่าวก่อนการเลือกตั้ง 3 วันว่า  พรรครวมไทยจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่มี พล.อ.เปรมฯ  เป็นนายกรัฐมนตรี            อย่างไรก็ดี กระแสความคิดของหัวหน้าพรรคการเมืองเมื่อถึงวันเลือกตั้ง  ก็เริ่มเปลี่ยน เพราะเห็นแล้วว่า นิสิต นักศึกษา ปัญญาชนคัดค้านนายกฯ  ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมากขึ้น  ฝ่ายทหารก็ไม่ได้หนุน  พล.อ.เปรมฯ หนักแน่นเหมือนกับการเลือกตั้งก่อนหน้านั้น  และยังมีนักการเมือง เช่น นายณรงค์  วงษ์วรรณ  ประกาศชัดเจนว่า จะไม่ร่วมกับ พล.อ. เปรมฯ  นายฉลาด  วรฉัตร  ซึ่งเคยคัดค้านการให้ พล.อ.เปรมฯ เป็นนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้ง พ.ศ. 2529 ก็ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน นายกฯ  ผู้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ หัวหน้าพรรคการเมืองบางคนจึงเริ่มแสดงจุดยืนว่า จะให้หัวหน้าพรรค การเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี  นายพิชัย รัตตกุล  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ได้ประกาศกับผู้สื่อข่าวว่า  เขาจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง  ซึ่งได้รับเสียงมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ และ ในวันเดียวกันนั้นเอง  หัวหน้าพรรคกิจสังคม คือ พล.อ.อ.สิทธ เศวตศิลา  ก็แสดงความเห็นว่า ยินดีจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง             หัวหน้าพรรคที่กล่าวหลังการเลือกตั้งแสดงท่าทีชัดเจนไม่รับ พล.อ. เปรมฯ ก็คือ นายสมัคร  สุนทรเวช  หัวหน้าพรรคประชากรไทย  ซึ่งกล่าวเมื่อประมาณ 22.10 น. ของวันเลือกตั้งว่า  การตั้งรัฐบาลควรเป็นเรื่องของ ส.ส. ทั้ง 357 คน พล.อ.เปรมฯ ต้องยุติบทบาท  ขบวนการที่พยายามหนุนให้ พล.อ.เปรมฯ เป็นนายกฯ ก็ควรยุติบทบาทและย้ำในตอนท้ายว่า  ประชาชนและพรรคการเมือง  ควรเลิกหวาดกลัวผู้คนที่ห้อมล้อม พล.อ.เปรมฯ  อยู่ (พรรคประชากรไทยเคยร่วมรัฐบาล  พล.อ.เปรมฯ  ช่วงระหว่าง พ.ศ. 2526 - 2529 แต่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลระหว่าง พ.ศ. 2529 - 2531)            คืนวันที่ 27 กรกฎาคม พล.อ.เปรมฯ ได้แจ้งแก่ตัวแทนพรรค         การ เมือง 5 พรรค  ซึ่งร่วมอยู่ในรัฐบาลก่อนมีการเลือกตั้งว่า  ได้ช่วยประคับประคองประชาธิปไตยมากว่า 8 ปีแล้ว  ขอวางมือจากตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล        ให้พรรคการเมืองต่างๆ ช่วยดูแลประชาธิปไตยกันต่อไป            วันที่ 28 กรกฎาคม มีการประชุมกันของผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลเก่า 5 พรรค คือ            พรรคชาติไทย  (ส.ส. 87 คน)            พรรคกิจสังคม  (ส.ส. 54 คน)            พรรคประชาธิปัตย์ (ส.ส.48 คน)            พรรคราษฎร (ส.ส. 21 คน)            พรรคสหประชาธิปไตย (ส.ส. 5 คน)            ตัวแทนพรรคทั้ง 5 ได้ร่วมกันลงนามหนังสือเสนอให้ พล.ต.ชาติชายฯ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วก็ให้เลขาธิการพรรคชาติไทย คือนายบรรหาร ศิลปอาชา นำหนังสือดังกล่าวไปมอบให้ ดร.อุกฤษ  มงคลนาวิน ประธานรัฐสภา  ก็ได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยในพระบรมราชโองการแต่งตั้ง  พล.ต.ชาติชาย  ชุณหะวัณ  เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พล.อ.เปรมฯ            จะเห็นว่า เมื่อ พล.อ.เปรมฯ ได้แจ้งแก่ตัวแทนพรรคทั้ง 5 พรรคว่า ไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้น  พล.ต.ชาติชายฯ  ซึ่งพูดหลายครั้งก่อนหน้านั้นว่า ไม่พร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี กลับยอมรับที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี            4 สิงหาคม 2531 พลตรีชาติชายได้รับโปรดเกล้าฯ  แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี การรักษาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี            หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ในการรักษาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี คือ กองรักษาความปลอดภัย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี            อย่างไรก็ดี  เนื่องจากงานราชการ และงานจารกรรม ก่อวินาศกรรม  การก่อการร้าย ได้ก้าวหน้าไปมาก ทั้งทางพฤติกรรมของมนุษย์และเครื่องมือเทคโนโลยี  ฉะนั้น  ระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ซึ่งมีมา  ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จึงนับว่าไม่ทันสมัย และควรปรับปรุง            ความจริงเรื่องการรักษาความปลอดภัยนี่   ข้าราชการทุกคนต้องปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2517 อยู่แล้ว  ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยบุคคล เอกสาร สถานที่ และการประชุมลับ มีหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือเป็นองค์การรักษาความปลอดภัย  คือ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในส่วนราชการฝ่ายพลเรือน และศูนย์รักษาความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม ในส่วนราชการฝ่ายทหาร  สำหรับระเบียบหรือกฎเกณฑ์ที่ได้กำหนดขึ้นดังกล่าวนั้น  เป็นการเน้นเสริมเพิ่มเติมเข้าไปอีกเท่านั้น            การรักษาความปลอดภัยให้กับนายกรัฐมนตรี  ยึดหลักการปรัญชา หรือแนวคิดในการปฏิบัติงาน มีหลักเกณฑ์ง่ายๆ คือ            หนึ่ง ต้องมีข่าวกรองที่ดีที่สุดเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนปฏิบัติงาน            สอง แผนปฏิบัติงานต้องเป็นความลับที่สุด            สาม การปฏิบัติต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ สภาพแวดล้อม  หรือสภาพปกติของพื้นที่ และวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง            สี่  ต้องมีการเฝ้าตรวจพื้นที่เป้าหมายตลอดเวลา  และรายงานความผิดปกติที่น่าสงสัยทันที  เพื่อให้มีการตรวจสอบโดยฉับพลัน            ห้า ต้องมีเอกภาพในการบังคับบัญชา  มีการติดต่อสื่อสารที่ดีที่สุด  และมีความรวดเร็วในการพิจารณาสั่งการ            หก  บุคลากรหรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญและฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี  มีประสบการณ์            เจ็ด  งานต้องต่อเนื่องไม่มีการหยุด            การที่จะรักษาความปลอดภัยให้นายกรัฐมนตรีได้ดีที่สุด  จำต้องทราบความเคลื่อนไหว กำหนดการ หรือวาระงานล่วงหน้า  ก่อนเวลามากเท่าใดยิ่งดี เพื่อการวางแผนรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมที่สุด จากคุณ : ลุง 'บุรีราช' - [ 19 เม.ย. 51 14:02:21 A:125.26.38.162 X: ]