PANTIP.COM : P6583280 เห็นด้วยไหม? : อยากให้ระบุในรัฐธรรมนูญเลยว่า ประชาชนคนไทยทุกคนมีหน้าที่ต่อต้านการทำรัฐประหาร []

ความคิดเห็นที่ 8

การต่อต้านรัฐประหารนั้นมันต้องเกิดด้วยสำนึกในใจเองค่ะ การเขียนกฏหมายมาบังคับให้คนต่อต้านรัฐประหารนั้นไม่มีทางได้ผลในทางปฏิบัติหรอกเหมือนที่เราเขียนบทลงโทษผู้ที่ทำปฏิวัติรัฐประหารไว้ในรัฐธรรมนูญนั่นแหละ ทหารมันกลัวเสียเมื่อไหร่ หากเงื่อนไขการทำรัฐประหารสุกงอมมันก็ลากรถถังออกมาปฎิวัติรัฐประหารทุกที หากทหารกลัวบทลงโทษประเทศไทยคงไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นเฉลี่ยแล้ว 4 ปีครั้งหรอก

ที่สำคัญเลยคือ ตลอดประวัติศาสตร์ประเทศไทยเราไม่เคยจับผู้ที่กระทำการรัฐประหารมาลงโทษให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างได้เลย อย่างคณะ รสช. ได้รับโทษอะไรบ้าง สุจินดา ก็ยังเป็นคนมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมปกติ แถมการเมืองวุ่นทียังอุตส่าห์มีนักข่าวไทยให้ความสำคัญไปถามความเห็นทุกครั้ง

หรือล่าสุด คมช. ผู้ก่อรัฐประหาร 19 กันยาฯ มีใครนำตัวคนเหล่านี้ไปลงโทษบ้าง แม้เราได้รัฐบาลพลังประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งแต่ พลังประชาชนก็ยังไม่ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์เพราะกลัวจะถูกมองว่าเข้ามาแก้แค้นเลยเล่นบทประณีประนอมกันเป็นอย่างนั้นไป ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่การแก้แค้นแต่มันคือการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฏหมายบ้านเมือง ซึ่งในหลายประเทศที่มีการรัฐประหาร หลังได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลจะลงโทษคนที่ก่อรัฐประหารและลดอำนาจกองทัพด้วยกันทั้งนั้นดูอย่างเกาหลีใต้เป็นต้น แต่ประเทศไทยยังปล่อยให้กลุ่มคนที่ก่อรัฐประหารล้มล้างอำนาจประชาชนอยู่เป็นหอกข้างแคร่กับประชาธิปไตยต่อไป

นายกฯสมัคร สุนทรเวช นายกที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนแท้ๆที่ดูเหมือนจะเป็นความหวังให้กับประชาชนที่ต้องการเห็นผู้ที่ฉีกกฎหมายบ้านเมืองถูกนำตัวมาลงโทษ ยังไม่กล้าไปแตะทหารเลยได้แต่บอกว่า “ เราไม่จำเป็นต้องไปแก้แค้น ต้องไปเอาคืนพวกเขาหรอก พวกเขาต้องรู้สึกละอายใจด้วยตัวพวกเขาเอง นั่นมันมากเพียงพอแล้ว” จนบัดนี้ยังไม่เห็นคณะรัฐประหารคนไหนออกมาแสดงความเสียใจ สำนึกผิดต่อประชาชนอย่างที่ท่านนายกฯสมัครพูดไว้เลย

แถมเดินทางไปต่างประเทศทียังต้องหนีบ ผบทบ. คนปัจจุบันไปด้วยเพราะเดี๋ยวเผลอท่านนายกฯสมัครอาจกลายเป็นแบบที่อดีตนายกฯทักษิณพูดถึงตัวเองอย่างติดตลกไว้ก็คือ ตอนไปเป็นนายกฯแต่ตอนขากลับเข้าประเทศกลายเป็น "คนตกงานไป"

ยิ่งมีคนไทยบอกว่า “จะไปทำอะไรพวกมันได้ เพราะพวกคมช. มันเขียน มาตรา 309 ไว้เป็นเกราะป้องกันตัวไว้แล้ว เขียนไว้นิรโทษกรรมตัวเอง” มากเท่าไหร่ ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถทำอะไรกับผู้ที่ก่อรัฐประหารได้เลย แล้วหากกระบวนการประชาธิปไตย รัฐบาลประชาธิปไตยไม่สามารถเอาผิดกับผู้ที่ก่อรัฐประหารได้ ไม่สามารถนำตัวผู้ที่ฉีกกฏหมายสูงสุดของประเทศมาลงโทษได้

ประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะได้อย่างไร?

บทลงโทษที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้”

“ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลา การ แห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3)แบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร

ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”
จะสร้างความเกรงกลัวให้กับทหารได้อย่างไร ในเมื่อกฏหมายข้อนี้ไม่เคยถูกนำมาใช้ในทางปฏิบัติเลย

ที่สำคัญดูเหมือนแทบไม่มีใครพูดถึงเรื่องการนำตัวคณะรัฐประหารมาลงโทษแล้วหลังประเทศไทยได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจบสิ้นไป

การสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องของการสร้างรัฐธรรมนูญเพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งและก็มีประวัติการทำรัฐประหารมากที่สุดประเทศหนึ่งแต่ความเป็นประชาธิปไตยยังแค่ระดับตั้งไข่

ตัวแปรสำคัญที่ทำให้การพัฒนาระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยประสพความสำเร็จ นั้นขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปไตยและการมีวัฒนธรรมการเมืองแบบประชาธิปไตยในหมู่ผู้นำและประชาชน คือยึดมั่นในกระบวนการต่างๆ ที่จะต้องดำเนินไปตามครรลองของระบบประชาธิปไตยมีการปฏิบัติการภายใต้กลไกและกติกาของระบบ แม้จะไม่สมบูรณ์อย่างเต็มที่ก็ตาม ทั้งสองสิ่งนี้มีส่วนช่วยทำให้ระบบประชาธิปไตยประสบความสำเร็จมาแล้ว อย่างในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยากจนเช่น อินเดีย ก็ไม่เคยมีการปฏิวัติโดยทหารเลย

หากประชาชนชาวไทยถือหลักว่าประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองที่ต้องช่วยกันจรรโลงรักษา เส้นทางมุ่งสู่ประชาธิปไตยแบบเต็มใบคงไม่ไกลเกินเอื้อมนัก แต่ตราบใดที่คนไทยยังมีความคิดว่าการทำรัฐประหารเป็นเรื่องสมควรกระทำแล้ว ตราบใดที่คนไทยยังแสดงความรักประชาธิปไตยแบบ “เฉพาะกิจ” ประชาธิปไตยของไทยย่อมก้าวเดินไปได้ยาก รัฐประหารก็จะอยู่คู่กับประชาธิปไตยต่อไป และอมาตยาธิปไตยก็ยังคงเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกหลายชั่วอายุคน
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 51 06:35:33

จากคุณ : เอื้องอัยราวัณ - [ 7 พ.ค. 51 06:32:55 A:24.222.191.131 X: ]