ความคิดเห็นที่ 3
สปป.มีมติรับร่างรธน.หวั่น'ทักษิณ'คืนชีพ พร้อมล่าชื่อให้เร่งแก้ทันทีหลังตั้งรัฐบาล 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 17:46:00 "สมศักดิ์ โกศัยสุข" แถลงในนามสมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง หนุนรับร่างรธน. ชี้ถ้าไม่รับเท่ากับให้"ระบอบทักษิณ" คืนชีพ แต่มีเงื่อนไขจะเร่งล่าชื่อ 5หมื่นชื่อแก้ไขรธน.ทันที
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ที่อนุสรณ์สถานณ์ 14 ตุลา เวลา 14.30 น. มีการประชุมของกลุ่มสมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมือง (สปป.) สมาชิกประกอบด้วย 18 องค์กร คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์(สรส.) ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตยเครือข่ายสลัม 4 ภาค เครือข่ายศิลปินเพื่อชีวิต เครือข่ายสมานฉันท์แรงงานไทยสภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย (สค.ปท.)
เครือข่ายประชาชนภาคอีสานเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคเหนือ สมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิรูปการเมืองภาคใต้ พันธมิตรสงขลาเพื่อประชาธิปไตย สภาประชาชนอีสาน (สอส.) คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ศูนย์ประสานงานนักเรียนนิสิตนักศึกษา (ศนศ.) สมัชชาประชาชนภาคตะวันออก และกองทัพธรรมมูลนิธิ เครือข่ายประชาชน จ.เพชรบุรี เป็นต้น
โดยภายหลังการประชุมร่วมแกนนำของ สปป. เช่น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ในฐานะผู้อำนวยการ สปป. นายพิภพ ธงไชย นายสมเกีรติ พงษ์ไพบูลย์ กรรมการสปป. และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงาน สปป.เป็นผู้ร่วมในการแถลงข่าว
นายสมศักดิ์ เป็นตัวแทนอ่านคำประกาศจุดยืนว่า สปป.ได้ระดมความคิดเห็นจากเครือข่ายทั่วประเทศ ใช้เวลาในการพิจารณารัฐธรรมนูญภายใน 6 เดือน แม้กระบวนการลงประชามติครั้งนี้ แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ สปป.เห็นว่า สังคมไทยได้ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติหลายมิติ มีปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าด้านการเมือง ด้านความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ด้านความแตกแยกในสังคม ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ทำให้สังคมได้พยายามทำความเข้าใจบนเงื่อนไขวิกฤติการณ์สังคมการเมืองที่ไร้ทางออก
ดังนั้น กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 จึงถูกตั้งคำถาม ตั้งแต่เริ่มกระบวนการว่า มีความชอบธรรมหรือไม่ เนื้อหาของรัฐธรรมนูญจะเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจของคมช.หรือไม่ โดยบทบัญญัติจะมีความก้าวหน้ากว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 กระทั่งถูกคาดหวังจากสังคมหลายส่วนว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 จะนำพาสังคมไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยให้กลับไปสู่สถานการณ์ปกติได้หรือไม่ ในเรื่องเหล่านี้ สปป.เห็นความจำเป็นที่ภาคประชาชนทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างและผลักดันทางเลือกที่ 3 มากกว่าจะหยุดนิ่ง แค่การลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับ คมช. หรือระบอบทักษิณ
ดังนั้น ภารกิจสำคัญต่อจากนี้ ประชาชนทุกภาคส่วนจำเป็นยิ่งที่จะต้องร่วมกันขับเคลื่อนการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ทำให้การเมืองแบบใหม่หรือการเมืองภาคประชาชนได้มีบทบาทเพิ่มขึ้นชัดเจนกว่าที่ผ่านมา
"สปป.จึงมีมติให้รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ไปก่อน แต่ให้มีเงื่อนไขผูกพัน โดยขณะเดียวกันสปป.จะรณรงค์ผลักดันให้มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 เป็นการเร่งด่วน เช่น มาตรา 111 ที่มาของ ส.ว. มาตรา 93 ระบบเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 229 242 246 และ 252 ที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระ มาตรา 309 การนิรโทษกรรม คมช.เหล่านี้เป็นต้น" นายสมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สปป.จะรณรงค์รวบรวมรายชื่อประชาชน 50,000 รายชื่อตามมาตรา 291 (1) เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง รวมทั้งทำข้อเสนอเพื่อเป็นสัญญาประชาคมจากทุกพรรคการเมือง โดยขอย้ำจุดยืนว่า ขอสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายในปีนี้ และสนับสนุนการทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม คตส. และปปช. ในการตรวจสอบการทุจริต ฉ้อราษฎร์บังหลวงของ ระบอบทักษิณและเครือข่าย
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ถ้าไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เปรียบกับการยอมรับ"ระบอบทักษิณ" เนื่องจากการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว เหมือนเป็นสงครามการเดิมพันระหว่างระบอบทักษิณ และ คมช. ถ้ามีการล้มรัฐธรรมนูญไม่รับรัฐธรรมนูญ ย่อมจะทำให้ระบอบทักษิณฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง ในทางกลับกันกระบวนการตรวจสอบของ คตส. หรือคมช.จะขาดความชอบธรรม ซึ่งหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการรับประชามติจริงแล้ว จะเกิดกระบวนการต่อสู้ของทั้ง 2 ฝ่ายขึ้นแน่นอน และความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
"คมช.อาจจะนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน โดยมาตราสำคัญในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2540 เกี่ยวกับประเด็นการที่ ส.ส. หากจะลงรับเลือกตั้งจะต้องสังกัดพรรคการเมืองเป็นระยะเวลา 180 วัน ตรงนี้จะทำให้ ส.ส. ไทยรักไทยเกิดการตายหมู่ ไม่ใช่แค่ กรรมการบริหารพรรค 111 คน" นายสมเกียรติ
หากเกิดกรณีการไม่รับรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 เห็นว่า จะเกิดอันตรายใหม่ต่อประเทศชาติ โดยกลุ่มอำนาจเก่า และคมช.จะเกิดการฟาดฟันกันจนหมดสิ้น จะทำให้ทุกสิ่งเลวร้ายลง อย่างไรก็ตามขณะนี้คมช.ไม่มีความฉลาดที่แสดงตัวเองทำตัวเป็น 2 หน้า ประการแรกแสร้งทำรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่ไปดำเนินการจัดทำพ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ ประการที่สอง การที่พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ที่ไม่มีความชัดเจนว่า จะลงเล่นการเมืองหรือไม่ ซึ่ง 2เรื่องนี้ต้องมีความชัดเจน ทำให้กระบวนการลงประชามติของประชาชนเกิดความสับสนอยากต่อการตัดสินใจของประชาชน
นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องการพิจารณารับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ อยากให้ทุกฝ่ายได้มองไปข้างหน้า หากทำให้รัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านการลงประชามติ จะทำให้ประเทศไทยได้เดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย หากสิ่งใดที่ไม่ดีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสามารถที่จะทำการแก้ไขได้ การลงประชามติรับร่างจะทำให้ลดการเผชิญหน้าของ 2 ฝ่าย ทำให้การปฏิรูปการเมืองเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ทางการเมืองมากขึ้น ส่วนไหนที่ไม่มี รัฐบาลที่มาจากการเมือกตั้งก็สามารถเข้าไปแก้ไขได้
อย่างไรก็ดี อยากให้ พล.อ.สนธิได้คิดถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ สรุปบทเรียนของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในยุค รสช. ในที่สุดแล้วจุดจบลงเอยเป็นอย่างไร เราไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกันของกลุ่มอำนาจเก่ากับทาง คมช.การรับรัฐธรรมนูญจะทำให้บรรยากาศทางการเมืองคลี่คลายนำไปสู่กระบวนการในระบอบประชาธิปไตย .......................
แต่..วันนี้...พวกมัน.....................
จากคุณ :
รักแดนไทย
- [
27 พ.ค. 51 10:45:56
A:58.136.49.57 X:
]
|
|
|