กระทู้นี้ทีแรกตั้งใจจะลงในเวปแห่งหนึ่งเป็นประเดิม เขียนขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม ก่อนที่คุณจักรภพแถลงชี้แจงถึงความชัดเจนต่างๆ ในวันที่ 26 ก.พ. 2551 และประกาศจะลาออกในวันพรุ่งนี้ 30 พ.ค. (ครบรอบหนึ่งปียุบพรรคไทยรักไทย) ขอนำมาลงก่อนซะแล้วกัน
---
จากโชติศักดิ์ ถึงจักรภพ วิกฤตหรือโอกาส ความเหมือนที่แตกต่าง
ผมจะไม่ขอกล่าวถึงผู้พัฒนาชาติไทยรวมถึงลูกหลานทั้งในอดีตและปัจจุบันที่เคยได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆในบ้านเมืองในการบริหารปกครองประเทศในระดับต่างๆ ซึ่งแต่ก่อนพวกเขาเหล่านี้ไม่ได้มีแค่ทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่พวกเขามีพฤติกรรมอันเป็นแน่ชัดว่าเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครอง แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน รัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีทัศนคติและพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อการปกครองกลับมาร่วมเป็นผู้พัฒนาชาติไทย ลูกหลานบางคนได้เป็นใหญ่เป็นโตมาแล้ว
การตั้งครม. ตอนแรกที่มีข่าวคุณจักรภพติดโผ ได้สร้างความแปลกประหลาดใจพอสมควร ในช่วงตลอดเวลาการต่อสู้กับเผด็จการยุครัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ ระหว่าง "นปก." ฝ่ายประชาชนและประชาธิปไตย กับ "คมช." ผู้นำกองทัพในการทำรัฐประหารและกลุ่มอำมาตยาธิปไตย แกนนำนปก.ณ เวทีปราศรัยบนท้องสนามหลวงถ้าจำไม่ผิดมีเพียงคุณจักรภพเพียงคนเดียวที่กล้าปราศรัยแสดงทัศนคติที่เฉียบคมต่อการส่งเสริมประชาธิปไตยให้ก้าวหน้า แต่ก็ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงในการถูกฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง นำมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเมื่อถึงเวลา เช่นในขณะนี้เป็นต้น ที่ใบสั่งจากใครบางคนกำลังแผลงฤทธิ์
ถ้าเทียบระหว่างคุณจักรภพ กับ คุณโชติศักดิ์ กรณีของโชติศักดิ์เป็นการแสดงออกด้วยความกล้าอย่างเปิดเผย ที่หมิ่นหม่ต่อการการถูกสังคมประฌาม จะถูกจะผิด จะสมควรหรือไม่ ถ้าการกระทำนั้นไม่ขัดต่อกฎหมายที่บัญญัติไว้ รวมถึงรัฐธรรมนูญ อีกทั้งขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี กระบวนการยุติธรรมอันมีศาลสถิตย์ยุติธรรมจะเป็นผู้พิพากษาโดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ ไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมาย กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ถ้าคุณจักรภพผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด
ทางเลือกที่แย่ที่สุด การลาออกของคุณจักรภพจะต้องเป็นทางออกที่ดีที่สุดของฝ่ายประชาธิปไตย (พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส) ถือเป็นการดับเพื่อเกิด คุณจักรภพจะต้องไม่หยุดอยู่ที่การลาออก ที่ถูกกดดันและถูกพิพากษาจากสังคมฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ หรือถูกลงโทษทางกระบวนการยุติธรรมถ้าผิดจริง และปิดฉากเส้นทางการเมืองไว้ก่อนวัยอันควร
ทางออกในการพิสูจน์ตนเองด้วยวิถีทางแห่งประชาธิปไตย ให้ประชาชนในสังคมผู้เลือกพรรคพลังประชาชนเข้าไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ร่วมเป็นผู้ตัดสินชี้ชะตาทางการเมืองของคุณจักรภพ ประชาชนผู้ซึ่งมีสิทธิในการกำหนดวิถีชีวิตตนเอง หรือสิทธิกำหนดเอง (right of self-determination) ได้มีส่วนร่วมในการชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองของคุณจักรภพ และอาจเป็นการร่วมกันกำหนดทิศทางความเจริญเติบโตของประชาธิปไตยในประเทศว่า ต้องการที่จะพัฒนาประชาธิปไตยให้ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามที่คุณจักรภพวาดฝันไว้ หรือจะถอยหลังลงคลอง
ถ้าคุณจักรภพจะต้องลาออก ก็ขอให้ลาออกมาพิสูจน์ตนเองในสนามผู้ว่ากทมฯ. (เป็นความตั้งใจเดิมของคุณจักรภพอยู่แล้ว) จะในนามพรรคหรือในนามอิสระก็ว่ากันไป (ถ้าพรรคไม่ส่ง) แพ้ก็เท่าทุน คุณจักรภพต้องทำใจ ยอมรับ และต้องเข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่เลือกอย่างไร แต่ก็สามารถทำให้รู้ว่าประชาชนหนุนหลังและเห็นด้วยมีเท่าไร ชนะคือกำไร กับการเติบโตของประชาธิปไตยแบบไทยๆ จะออกหัวออกก้อย ประชาชนส่วนใหญ่จะต้องเป็นคนกำหนดเอง
คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
ปล. ขอละไว้กับพฤติกรรมของพาลธมิตรฯ และการทำรัฐประหารทุกยุคทุกสมัยที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ
จากคุณ :
นักกวนเมือง
- [
29 พ.ค. 51 23:59:56
A:58.8.190.110 X:
]