เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
คำบรรยายที่เกิดขึ้นมานานถึง 10 เดือนก่อนที่จะได้รับพระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเป็นรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นจึงอยากเรียนในประเด็นแรกว่า ผมจะต่อสู้ในคดีนี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั่ง โดยไม่ได้หวังเพียงความเป็นธรรมและความยุติธรรมสำหรับตนเองเท่านั้นแต่หวังไปถึงว่าผมจะมีส่วนไม่มากก็น้อย ในการวางบรรทัดฐานบางอย่างเพื่อให้สังคมนี้ฉ้อฉลน้อยลง ทำลายกันด้วยวิชามารได้ยากขึ้น และหวังว่าจะทำให้เกิดแสงสว่างทางปัญญามากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นลำพังตัวผมคนเดียว ผมไม่ถอยแน่ เพราะผมไม่อาจปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ ทำตัวเป็นพระเจ้าที่ชี้นำประเทศนี้ได้
แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่างกลับไปตกหนักอยู่ที่ท่านนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นธรรมในที่สุดก็เกิดกระแสข่าวไม่เป็นมงคลขึ้นมากมาย และความมุ่งหมายที่จะโคนล่มทั้งในรัฐสภาและนอกรัฐสภา เสียงร่ำลือในเรื่องการยึดอำนาจรัฐประหารและการไล่ลุกขึ้นมาเรื่อยๆของผู้เล่นต่างๆ ตามแผนที่วางไว้แล้วของคนภายนอก ในกระบวนการวิชามารทั้งหมดนี้อยากจะเรียนว่าผมเป็นเพียงเหยื่อรายเดียว ในทั้งหมดเท่านั้นแต่ก็มีความร้อนแรงมากเพราะเรื่องที่เขาจับนั้นไปโยงกับสถาบันระดับสูง
ผมจึงสรุปในใจว่าผมมีความจำเป็นต้องรักษาขุนไว้ให้รอดเพื่อประชาธิปไตยจะได้ชัยชนะในบั้นปลาย จะสังเกตุว่าในช่วง 3 วันนี้มีข่าวออกมาทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งข่าวว่าผมเสี้ยมผู้ใหญ่ในฝากรัฐบาลให้ชนกันตัวจะได้อยู่รอด ข่าวว่ามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องก็เลยไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ ข่าวเหล่านี้เป็นความสามารถที่คนกุข่าวจะต้องใช้บาปกรรมของตัวเองในไม่ช้านี้ แต่ก็เป็นตัวอย่างว่าคนในฝากรัฐบาลเราเองบ้างคน บ้างครั้งก็เผลอสายตาสั้นไปร่วมแห่กับฝ่ายตรงกันข้ามเขาด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นบทเรียนสำหรับเรื่องคราวนี้คือ พุทธสุภาษิทที่ว่า วินาศกาเล วิปริตพุทธิ เมื่อถึงคราววินาศ ปัญญาย่อมวิปลาสไปนั้น ต้องไม่พยายามให้เกิดขึ้น เมื่อเรื่องนี้ไม่เป็นไปตามเหตุผล แต่เป็นเกมอำนาจล้วนๆ ท่านนายกรัฐมนตรีก็เป็นผู้ที่ได้รับผลดังกล่าวนั้น
ผมจึงต้องตัดสินใจถอดตัวเอง ออกจากเกมอำนาจนี้เพื่อรักษาเรือลำใหญ่ไว้ให้รอด ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ และจะได้ยื่นใบลาออกในวันนี้ โดยให้มีผลในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อที่จะได้สะสางงานและเตรียมส่งไม้ให้กับผู้ที่รับผิดชอบต่อจากผมด้วยความราบรื่น การลาออกในครั้งนี้น่าจะส่งผล ให้คนหยุดพูดเรื่องการรัฐประหารกันเสียที และน่าจะมีผลยุติความเคลื่อนไหวของกลุ่มใดๆ ที่อ้างเหตุผลทางการเมืองมาเคลื่อนไหว ถ้าหากเกมนี้ยังดำเนินต่อไป โดยมุ่งตีเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ ผมก็หวังว่ารัฐบาลจะตัดสินใจอย่างชัดเจนในการพิทักษ์บ้านเมืองให้พ้นจากมือของผู้ที่ไม่ปรารถนาดีเหล่านี้ผมขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ท่านมีความเป็นสุภาพบุรุษตั้งแต่ต้นจนนาทีสุดท้าย ผมมีความศรัทธาและมีความเคารพในวิถีทางทางการเมืองของท่านนายกรัฐมนตรีและจะยึดหลายอย่างในตัวท่านเป็นแบบอย่างในทางการเมืองต่อไป
ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ใหญ่ให้แนวทางที่เป็นสติปัญญาและทางสว่างกับนักการเมืองรุ่นหลัง จะเรียกว่ารุ่นลูกรุ่นหลานก็ไม่ผิดความจริง ให้ได้รู้แนวทางที่จะเดินต่อไป ท่านนายกรัฐมนตรีมีความหมายและความสำคัญในเหตุการณ์บ้านเมืองในระยะนี้เพราะฉะนั้นเหตุใดก็ตามที่จะนำไปสู่ตัวท่านโดยตรง ผมจะยอมไม่ได้ นี้คือเหตุผลที่วันจันทร์ (26 พฤษภาคม) ผมได้แถลงข่าวที่นี่ว่าผมจะสู้ต่อไป แต่มาวันนี้ถึงได้กลับเป็นการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
เหตุผมก็สั้นนิดเดียวครับเราต้องรักษานายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้อยู่รอดต่อไปในระยะนี้ เพื่อประชาธิปไตยจะได้รอดในระยะยาว และสุดท้ายผมต้องขอกล่าวคำนี้ครับ ผมขอโทษผู้ที่สนับสนุนตัวผมเอง ซึ่งผมคงจะทำให้ท่านผิดหวัง ที่มีวันนี้เกิดขึ้น หวังว่าเมื่อฟังเหตุผลตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้แล้ว ท่านก็คงเข้าใจว่า ผมไม่มีความคิดจะลาออก ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจะพิสูจน์ตังเองในทางกฎหมายต่อไปและจะวางบรรทัดฐานไม่ให้คนมาใช้เรื่องแบบนี้มาทำร้ายกันได้ง่ายๆ เหมือนที่เกิดกับตัวผมเอง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอเรียนให้ผู้สนับสนุนทุกท่านทราบว่า ไม่ใช่ความอ่อนแอ ทดท้อ ไม่ใช้การถอย เพื่อที่จะถอดใจทั้งสิ้น นี้เป็นเพียงขั้นตอนทางการเมือง ซึ่งเราต้องรักษาส่วนรวมไว้เท่านั้น ขอโทษท่านผู้สนับสนุน ถ้าหากทำให้ท่านผิดหวัง แต่ในระยะยาวท่านจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ขอบคุณมากครับ
**********************************
เปิดคำต่อคำ จักรภพ ลาเก้าอี้ รมต. ทิ้งระเบิด คนในรัฐบาลปันใจ แห่ไปกับฝ่ายตรงข้าม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้วางอนาคตทางการเมืองต่อจากนี้อย่างไร
นายจักรภพ - ผมให้ความสำคัญกับการสู้คดี เป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากเราได้ดำเนินการไปแล้วในกระบวนการยุติธรรม ถ้าหากกระบวนการนี้ต้องเป็นไปถึงขึ้นนั้น ผมยังไม่มองไปไกลถึงอนาคตการเมือง ผมมองการแก้ปัญหาในระยะนี้ แล้วเอาประชาธิปไตยเป็นเป้าหมายต่อไป นี่คือสิ่งที่จะทำต่อไป ในระยะนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ย้อนกลับไปตอนที่ท่านพูดว่าจะถอนตัวเองออกจากเกมอำนาจนั้น หมายความว่าอย่างไร
นายจักรภพ - คงได้เห็นกันอยู่แล้ว ผมคิดว่าเราเห็นข่าวกันทุกวัน เพียงแต่เอาภาพตัวละครมาต่อภาพกันแล้วเขียนเชื่อมโยงแบบ Mind Mapping หรือแผนที่ความคิด ก็จะเห็นเองว่าหลายแฉก หลายมิติขนาดไหน แต่มันยังไม่มีความสำคัญในตอนนี้ อย่าลืมว่า พี่น้องประชาชนยังไม่รู้ว่าเขาเล่นเกมกันอย่างไรบ้าง ท่านเองเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ และเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องง่าย สั้น ตรง เห็นว่าคือใครได้รับเลือกตั้ง ต้องได้รับโอกาสบริหารประเทศ ถ้าหากมีคนที่ดีกว่า และได้รับโอกาสในการบริหารประเทศ พี่น้องประชาชนก็เลือกเข้ามา พี่น้องประชาชนก็มองกันง่าย สั้น ตรงแบบนี้เพราะฉะนั้นใครจะมาอ้างเหตุผลใครจะมาทำลายประชาธิปไตย พี่น้องประชาชนก็ไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่เราใช้เวลาในช่วงนี้ ทำให้คนได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ว่าเขาเข้ามายึดประชาธิปไตยอย่างไร นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ยังมีรายละเอียดอีกมาก
เมื่อถามว่าการถอนตัวออกจากตรงนี้เพื่อเดินหน้าในงานของนปก.หรือไม่
นายจักรภพ - ไม่จำเป็นเนื่องจากว่าเราเคารพในกระบวนกการยุติธรรม จะเป็นผู้ให้คำตอบสุดท้าย การใช้กลวิธีทางมวลชนไม่เกี่ยวยข้องไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ของผมเลย
ต่อข้อถามว่าเป็นส่วนหนึ่งในการนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่
นายจักรภพ - คงไม่ใช่ ผมพูดว่ามีข่าวร่ำลือระยะนี้ เป็นความกดดันของนายกฯ และเป็นเหตุให้ผมถอดชนวนตัวเอง
เมื่อถามว่านอกจากการลาออกเพื่อปกป้องนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีแล้ว กับมติของตำรวจที่ระบุว่าผิดตามมาตรา 112 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจลาออกด้วยหรือไม่
นายจักรภพ - การที่ตำรวจสรุปสำนวนอย่างรวดเร็วเบื้องต้น ไม่มีผลการสรุปคดีเป็นไปตามวิธีพิธีจารณาความอาญา คดีไหนก็ต้องทำแบบนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำถูกต้องแล้ว เป็นการทำอย่างโปร่งใสตั้งแต่นาทีแรกถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าจะเป็นอย่างนี้ในอนาคต ประเด็นคือว่าเรายอมรับกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนนั้น ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ ผมได้ตัดสินใจอย่างที่ได้แถลงไปแล้ว
ที่ถามว่ากองทัพไม่เอาเรื่องนี้ และคณะรัฐมนตรีก็ลอยแพ ถ้าเป็นข้อสงสัยแบบนั้นก็ขอให้เป็นสื่อมวลชน และประชาชนสงสัยแทนผม ตัวผมมีหน้าที่นำตัวเองไปสู่กระบวนการให้ดำเนินไปอย่างโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรมเท่านั้น
เมื่อถามว่าการลาออกครั้งนี้ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนแล้วหรือไม่
นายจักรภพ - คำถามที่ว่าเกิดแรงกดดันและคำแนะนำของผู้ใหญ่ให้ลาออกนั้น ทั้งหมดมีหลายประเด็นพิจารณา แต่อย่างที่ได้บอกแล้วว่าง่าย สั้น ตรงเมื่อความกดดันไปผิดที่ แทนที่จะไปสู่คนที่ก่อเรื่องขึ้นมา ท่านนายกฯต้องมารับผลอันหนักหนาเช่นนี้ ผมยอมรับไม่ได้ ผมมีความเคารพท่านอย่างสูง ท่านเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง เมื่อมาถึงขั้นนี้ ผมต้องยกภาระออกจากท่าน ซึ่งไม่เคยพูดเรื่องนี้
และไม่เกี่ยวข้องกับใคร (หมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) อยู่แล้วเรื่องแบบนี้ ยกเว้นตัวผมเองที่ต้องตัดสินใจจะเอาอย่างไรทางการเมือง เหตุการณ์นี้เล็กๆ ของรัฐมนตรีเพียงหนึ่งคน และเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่มีความสำคัญอย่างไร แต่เหตุการณ์นี้จะบอกอะไรเยอะ เกี่ยวกับใครจะเป็นอย่างไร เป็นเนื้อหาสำคัญต่อยุทธศาสตร์ในการรักษาความสำคัญของการรักษาประชาธิปไตยในปัจจุบันและในอนาคต
เรื่องนี้ ท่านนายกฯได้แสดงตัวเป็นคนพิเศษ ท่านได้แสดงความมั่นคงทางจิตใจและจุดยืนทางการเมือง ท่านไม่เคยปกป้องผมเป็นการส่วนตัว ไม่เคยสัญญา ไม่เคยส่งสัญญาณแบบนั้นเลย เพียงแต่ถามว่าพร้อมพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรมไหม ย้อนกลับไปตอนต้นของเรื่อง ท่านก็เลยไปแนวนั้น ผมก็ยืนไปตามนั้น ทั้งนายกฯและผมก็ยืนในแนวเดียวกันนั้น ความเห็นอื่นๆ จึงประกอบเข้ามา ไม่ใช่ความเห็นหลักที่ทำให้ผมตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมไม่ต้องการการปกป้องจากใคร ยกเว้นต้องการกระบวนการยุติธรรมที่สามารถคุ้มครองผู้ที่ถูกกล่าวหา ไม่ว่าตัวผมเองหรือพี่น้องประชาชน 64 ล้านคนได้ การปกป้องทางการเมืองทำไมได้หรอก ถ้าทำผิด ถ้าเราช่วยกันจับตามองกระบวนการยุติธรรมเป็นไปอย่างที่ควรเป็นหรือไม่ เรื่องแบบที่ถามมาเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ไม่มีผลต่อผมสักเท่าไร
เมื่อถามว่าทางพรรคพลังประชาชนตัดสินใจตัดเนื้อร้าย เพื่อรักษาชีวิตเอาไว้หรือไม่
นายจักรภพ - ผมไม่ใช่เนื้อร้าย ถ้าเอาคำพูดของแต่ละคนมาบอกว่าคนนี้กลายเป็นเนื้อร้าย เพราะเขาพูดอย่างนั้น นั่นไม่ใช่ประเทศแล้ว เป็นกลุ่ม ก๊วนการเมืองแล้ว
ต่อข้อถามว่าจะข้อโต้แย้งไปชี้ข้อกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายจักรภพ - ทุกอย่างตามที่ตำรวจกล่าวขอ เช่น ประวัติผลงาน ซึ่งเคยทำงานถวายราชวงศ์มาอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่าหากกระบวนการยุติธรรมชี้ว่าผิดจริงจะทำอย่างไร
นายจักรภพ - ต้องรอดูต่อไป แต่วันนี้ยังไม่ผิด ยังต้องรับผิดชอบเลย แต่เป็นการรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่ความรับผิดชอบทางกฎหมาย
เมื่อถามว่านปก.เคยเปรียบว่าถ้านายจักรภพลาออกไปจะเป็นการเสียแขน และต่อไปอาจถึงขั้นเสียหัว แต่วันนี้ทำไมเหตุการณ์ถึงเปลี่ยนแปลงไป
นายจักรภพ - สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในอนาคตจะกลับมาเล่าให้ฟังว่า 3 วันที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้หารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่
นายจักรภพ - ไม่ได้หารือ ต่อข้อถามว่ากรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส่งผลให้เกิดเรื่องนี้หรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เพราะตนเพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้า
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ ที่แถลงว่ามีคนในรัฐบาลเผลอไปเข้าข้างฝ่ายตรงข้ามนั้นหมายถึงฝ่ายใด
นายจักรภพ - ไม่เจาะจง แต่รู้ว่าทำให้บ้านเมืองอยู่รอด ไม่เพียงแต่ฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น มีคนจากทุกฝ่ายอยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย จึงแสดงความคิดทางประชาธิปไตยออกมา
ต่อข้อถามว่าแม้ว่าจะได้ลาออกแล้ว แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังคงชุมนุมต่อไป
นายจักรภพ - ใครทำหน้าที่อะไรก็ทำไป เราจะเอาพฤติกรรมของคนอื่นมาบอกไม่ได้ การบรรลุธรรมะเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา ส่วนใครจะตกนรกก็เป็นเรื่องของเขา
เมื่อถามว่าถ้าย้อนเวลาได้จะไปบรรยายที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศอีกหรือไม่
นายจักรภพ - จะไปทุกที่ที่จะสามารถเล่าเหตุการณ์ได้ เพื่อสร้างความคิดให้แก่สังคม ต่อข้อถามว่ายังอยากจะเป็นนักการเมืองอีกหรือไม่ นายจักรภพ ตอบทันทีว่า อยาก
เมื่อถามว่าทัศนคติที่เกิดขึ้น เหมาะจะเป็นนักวิชการหรือนักการเมืองมากกว่ากัน
นายจักรภพ - ต้องให้สังคมตัดสิน ต่อข้อถามว่า ตอนนี้ถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองหรือไม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ไม่ เพราะมีประชาชนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คนไม่รู้ก็ได้รู้ คนรู้แล้วก็ได้รู้ลึกขึ้น
จากคุณ :
เอื้องอัยราวัณ 
- [
30 พ.ค. 51 22:12:24
A:24.222.191.131 X:
]
จักรภพ เพ็ญแขประกาศลาออกจากรมต.พร้อมระบุไม่โดดเดี่ยวเพราะปชช.เฝ้ามองอยู่คนไม่รู้ก็ได้รู้ คนรู้แล้วก็ได้รู้ลึกขึ้น
