| สนับสนุน (9 คน) |
| ไม่สนับสนุน (3 คน) |
| จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 12 คน |
เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ประสบความล้มเหลวอย่างยิ่งในการสร้างกติกาทางการเมืองขึ้นใหม่ภายหลังการล้มล้างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ไป ไม่เพียงเท่านั้น รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังนำมาซึ่งความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่เกิดขึ้นและสืบเนื่องมาจนกระทั่งปัจจุบัน รวมทั้งมีแนวโน้มที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงหรือการใช้อำนาจนอกระบบเข้ามาภายใต้ข้ออ้างเพื่อยุติความรุนแรง
ขณะที่พรรคพลังประชาชนพยายามที่จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น แต่การดำเนินการดังกล่าวก็อาจกลายเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากข้อเสนอในการแก้ไขของพรรคพลังประชา ชนมุ่งให้ความสำคัญกับปัญหาความยุ่งยากที่พรรคของตนกำลังประสบอยู่และไม่รับฟังข้อท้วงติงจากฝ่ายอื่นๆ
แม้ข้อเสนอของพรรคพลังประชาชนจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในรัฐธรรมนูญที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่ถ้าหากการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงจำกัดประเด็นเอาเฉพาะที่เอื้อประโยชน์ต่อเพียงพรรคการเมือง และโดยอาศัยขั้นตอนที่อยู่ในอำนาจของนักการเมืองแต่เพียงอย่างเดียว การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ก็จะขาดการสนับสนุนและการมีส่วนร่วมจากสังคมที่กว้างขวางเพียงพอต่อการสร้างความชอบธรรมและการสร้างบทบัญญัติที่ดีให้กับรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญในลักษณะเช่นนี้ย่อมง่ายต่อการที่จะถูกแก้ไขหรือฉีกทิ้งไปได้อีก ที่สำคัญก็คือจะไม่ได้เป็นกระบวนการที่ช่วยแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ในห้วงเวลาปัจจุบันของสังคมไทยแต่อย่างใด
ท่ามกลางสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายต่างๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งและเป็นหนทางไปสู่การสร้างกติกาซึ่งได้รับการยอมรับ จะบังเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาจากการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของทั้งสังคมในการแสดงความคิดเห็น ถกเถียง แลกเปลี่ยนกันอย่างเสรี ซึ่งต้องเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างไร ก็สามารถที่จะเข้ามีส่วนร่วมในกระบวนการนี้ ดังที่ได้เคยปรากฏขึ้นในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540
นักวิชาการ 137 คน ขอเสนอหลักการสำคัญ 4 ประการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ดังต่อไปนี้
ประการแรก การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเป็นการนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ทั้งฉบับ มิใช่เป็นเพียงการแก้ไขในมาตราหนึ่งมาตราใดเท่านั้น
ประการที่สอง ต้องมีการตั้งคณะทำงานหรือสภาร่างรัฐธรรมนูญอิสระที่ประกอบไปด้วยตัวแทนจากกลุ่ม องค์กรต่างๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบ สภาร่างรัฐธรรมนูญต้องมิใช่เป็นองค์กรของข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจ นักการเมือง หากต้องประกอบไปด้วยกลุ่มคนอันหลากหลายทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เพศและชาติพันธุ์ที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย
ประการที่สาม ในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญต้องเปิดให้กับการมีส่วนร่วมจากประชาชนในการแสดงความคิดเห็น ผลักดัน แลกเปลี่ยน ข้อมูลและความต้องการของแต่ละกลุ่มให้เป็นไปอย่างเสรีและกว้างขวางที่สุด เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นจากฐานของสังคมอย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ด้วยบรรยากาศของสังคมที่เป็นประชาธิปไตยและการเปิดพื้นที่ให้กับทุกฝ่ายให้สามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อมวลชนทุกประเภท
ประการที่สี่ หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เสร็จสิ้นลงต้องเปิดให้มีการลงประชามติโดยไม่มีการแทรกแซงจากทุกฝ่ายเช่นครั้งที่ผ่านมา
ดูรายละเอียดได้ที่นี่
http://www.midnightuniv.org/
จากคุณ :
<_Eminem_>
- [
5 มิ.ย. 51 09:10:17
A:67.19.202.178 X:
]