คู่มือประชาชน มาตรการ 3 ต. ประชาชนเปลี่ยนจุดยืน เลือกข้างที่ถูกต้อง
ตาสว่าง : สร้างความรู้ เปิดโปงพฤติกรรม
ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (ปัญหาปากท้อง) ไม่ใช่ความผิดพลาดในการได้พรรคพลังประชาชนมาเป็นรัฐบาล หรือการมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่านายสมัคร สุนทรเวช ตามที่พาลธมิตรกล่าวอ้างแต่อย่างไร แต่มีปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกต่างๆ อาทิเช่น
1. ทางเศรษฐกิจ (รายจ่ายเพิ่ม รายได้ลด)
ปัญหาราคาน้ำมันที่ผันผวนไปตามราคาตลาดโลก เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ และส่งผลทำให้ต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ สูงขึ้นตามมา
ทางด้านภาครัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยการพยายามลดภาระทางด้านต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งเราจะเห็นได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลดภาษี อัดฉีดเงินทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ควบคุมกลไกตลาดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ผลิต(ผู้ให้บริการ)ไปจนถึงผู้บริโภค(ประชาชน)
ภาคธุรกิจเองก็ต้องปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมธุรกิจ ลดต้นทุนแต่ยังควบคุมคุณภาพ พัฒนาสินค้าใหม่ หาพันธมิตรเพื่อความร่วมมือทางธุรกิจ (ไม่ใช่พาลธมิตรปอชอปอเพื่อป๋าธิปไตย) เสาะหาตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่โดยมีภาครัฐให้ความช่วยเหลือในมาตรการต่างๆ ก็จะสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ (ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้)
ทางด้านประชาชนเองก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย และการดำเนินชีวิตประจำวัน ลดความฟุ่มเฟือย รู้จักอดออม หรือเงินออมมาลงทุนเพื่อเพิ่มรายได้ สร้างอาชีพสำรองก็จะสามารถดำรงชีพอยู่อย่างปรกติสุข (ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้)
2. ทางสังคมและการปกครอง
พาลธมิตรไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ หรือหน่วยงานใดๆ และไม่ใช่ตัวแทนภาคประชาชน ที่จะมาชี้นำตัดสินพิพากษาทางสังคมหรือการดำเนินการใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามสิ่งที่กลุ่มตนเองต้องการ พาลธมิตรเป็นเพียงเครื่องมือของกลุ่มอำมาตยาธิปไตยในระบบอุปภัมถ์
พาลธมิตรเป็นกลุ่มที่ใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองสร้างกระแสความกดดันทั้งในและนอกสภาทุกรูปแบบ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่จะนำพามาซึ่งความเดือดร้อนของประชาชน หรือการสร้างความแตกแยกแก่พี่น้องประชาชนเพื่อให้เกิดความแข็งกระด้างเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชนผ่านการเลือกตั้งตามครรลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พาลธมิตรหวังผลเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจในทางการเมือง เป็นการเปลี่ยนเพื่อให้กลุ่มอำนาจตกอยู่กับกลุ่มอำมาตยาธิปไตย (ไล่เรียงไปตั้งแต่พรรคการเมือง องค์กรอิสระ ข้าราชการพลเรือน ทหารตำรวจ สื่อสารมวลชน นักธุรกิจ นักเรียนนักศึกษา พระสงฆ์องค์เจ้า และประชาชน) ที่ทำการอุปภัมถ์(สนับสนุน)เงินทุนในการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งตอบแทนแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน และทำให้กลุ่มอำมาตยาธิปไตยสามารถคงอยู่รอดได้ด้วยการรวมตัวกันเกาะกลุ่มกันร่วมมือกันเกาะกุมรักษาอำนาจและความมั่นคงเพื่อความมั่งคั่ง
ในที่นี่ประชาชนจะต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังรอบคอบในการหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มพาลธมิตร ที่อาจจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อดึงหรือขยายมวลชน ที่มีนัยยะแอบแฝง โดยประชาชนสามารถศึกษาภูมิหลัง ท่าที พฤติกรรม แนวทาง ความคิด ความเคลื่อนไหวทางการเมือง
ขอให้ประชาชนศึกษาติดตามย้อนอดีตเพียงเล็กน้อยไปในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา ไล่เรียงมาจนถึงการยึดอำนาจและบริหารงานภายใต้รัฐบาลเผด็จการทหาร ที่มีคมช.เป็นผู้จัดการแต่งตั้ง และก่อตั้งขึ้น ว่าผู้ใด ฝ่าย คณะใด เป็นผู้ร่วมการบวนการไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม
ประชาชนก็จะสามารถรู้ได้ในทันทีว่าใครเป็นใคร ไม่หลงเป็นเหยื่อตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กลุ่มการเมืองแอบแฝงในคราบเหลือบนักศึกษา นักวิชาการใดๆ
3. ทางการเมือง
เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าต้นตอวิกฤตแห่งการทำรัฐประหารส่วนหนึ่งมาจากการที่พรรคการเมืองไม่ยอมทำหน้าที่ในรัฐสภา ไม่เล่นตามกติกา ไม่ยอมลงเลือกตั้ง สนับสนุนวิธีการให้ได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยไม่ใช้กระบวนการการเลือกตั้งตามครรลองการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มองผ่านอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นของปวงชนชาวไทย และหันไปสนับสนุนการเมืองข้างถนน(พาลธมิตร) เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจในการบริหาร จนนำมาสู่วิกฤตสยาม รัฐประหาร 19 กันยา
มาบัดนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคใด ที่สนับสนุนกลุ่มการเมืองท้องถนน เปิดโอกาสให้พวกการเมืองข้างถนนเข้ามาในสภา และให้ใช้พรรคของตนเองสังกัดเพื่อลงเลือกตั้ง แต่มีบางคนที่ต้องผิดหวัง (หลายคน) หลังจากไม่มีอำนาจคมช.และรัฐบาลเผด็จการทหารมาช่วย ประชาชนที่รู้ทัน รู้เช่นเห็นชาติจึงไม่ทำการเลือกเข้ามา
ในปัจจุบันทั้งพวกที่สมหวังและไม่สมหวังในการเมืองระดับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระดับชาติและระดับท้องถิ่นต่างล้วนปรากฎกายที่เวทีพาลธมิตร ร่วมมือกับพรรคการเมืองหนึ่ง ใช้วิธีการข้างถนนนอกสภา
ตอกย้ำ
เพราะต้นตอปัญหาที่แท้จริงที่ต้องตอกย้ำคือ พาลธมิตร และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนพาลธมิตร ซึ่งถือเป็นกลุ่มอำมาตยาธิปไตยในระบบอุปภัมถ์ที่เป็นรากเหง้าของปัญาความแตกแยก ความเดือดร้อนของประชาชน และเป็นอุปสรรคขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตย
ตัดสินใจ
ขอให้พี่น้องประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ตลอดจนสื่อสารมวลชน ที่รักประชาธิปไตย และรักความถูกต้องช่วยกันตีแผ่เปิดเผยความจริง ป่าวประกาศชี้นำให้แก่พี่น้องที่ยังหลงผิด หลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อของพาลธมิตร และตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคการเมืองที่ว่า ถอยห่างออกมา อย่าไปให้ความร่วมมือหรือสนับสนุนใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
แม้ความคิดทางการเมืองจะเห็นไม่ตรงกัน ไม่ได้สนับสนุนพรรคพลังประชาชน ก็ขอให้ใช้วิธีการแสดงออกตามกรอบกฎหมายที่ถูกต้อง พึงจะใช้สิทธิ เสรีภาพ ที่ไม่นำพาการสร้างความเดือดร้อน หรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น และที่สำคัญคือไม่ยอมรับความคิดเห็นหรือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งขัดกับหลักการประชาธิปไตย
สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรมขอให้ใช้กระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ตรวจสอบ
สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรมขอให้ใช้วิธีการรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นตรวจสอบ ถอดถอน
สิ่งใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง และยังไม่ถูกใจขอให้ใช้วิธีการการเลือกตั้ง เลือกคนที่ท่านรัก พรรคที่ท่านชอบ เป็นตัวแทนของท่านเข้ามาทำหน้าที่แทน
.
.
แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 12:53:57
จากคุณ :
นักกวนเมือง
- [
5 มิ.ย. 51 12:52:53
A:58.8.184.72 X:
]