ความคิดเห็นที่ 1 เอาเข้าไป หนูมาร์ค เอ๋ย จากคุณ : kiamour - [ 9 มิ.ย. 51 12:24:20 A:58.9.77.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอามาลงก็ดี จะได้เกลียดอภิshit และ พรรคแมงสาบ มากขึ้น จากคุณ : เฮ้อจัง - [ 9 มิ.ย. 51 12:24:50 A:58.136.75.190 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 อารยะขัดขืน บ้าบอดิ ดูสัมภาษณ์สุริยะใส นี่ออกไปทางกบฎแล้ว ล้มล้างอำนาจรัฐ  ปลุกระดมให้ต่อต้านรัฐอย่างโจ่งแจ้ง   แต่ตำรวจทำอะไรกันอยู่ ไม่กล้าทำอะไรเลย....แล้วจะมีกฎหมายไว้ทำไม จากคุณ : ^-^ball - [ 9 มิ.ย. 51 12:26:28 A:124.121.57.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะไปยากอะไร มันจะขัดขืนก็ให้มันขัดขืนไป ไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟก็ตัดเสียก็เท่านั้น ไม่เสียภาษี ก็คิดภาษีย้อนหลังเสียก็จบ ดูสิว่าหน่วยงานที่ว่าจ้างเขายังจะว่าจ้างอยู่หรือไม่ เวลามีหมายศาลไปที่ ๆ ทำงาน  ถ้าทำธุรกิจก็ไม่มีเครดิตเหลือหลอ คนไม่เสียภาษีใครเขาจะค้าขายด้วย มันอยากขัดขืนให้มันขัดขืนไป เหอ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : Uncle-Dave - [ 9 มิ.ย. 51 12:37:21 A:58.9.69.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 เยี่ยม!!!! ชัดเจน เฉียบคมขึ้นทุกวันๆแล้วล่ะิ์ ค่อยเห็นความหวังของลูกหลานเราซํกที ขอฝากด้วยนะ ขอบคุณ unclewooddyนะที่เอามาลงให้อ่าน ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปอ่านรายละเอียดมากนักมาแปะที่นี่ดีมากๆเลย ชัดและตรงกับสถานการณ์ที่สุดเลยที่บอกว่า "เพราะเป็นอย่างนี้ คือมีชวนคนทะเลาะอยู่ตลอด ประชาชนจึงได้เบื่อหน่าย แต่วันนี้ตนไม่ขอทะเลาะกับใคร มีแต่เสนอทางออกโดยพยายามที่จะใช้กลไกของรัฐสภาให้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน ตนต้องยืนยันสิทธิของการเมืองภาคประชาชนที่จะเคลื่อนไหว " กับ "่เป็นความไม่เข้าใจของฝ่ายรัฐบาลเองว่าจริงๆ แล้วประชาธิปไตยประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะพวกตนสนับสนุนประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะเอาประชาธิปไตยบังหน้าเพียงเพื่อที่จะแสวงหาประโยชน์ของตัวเอง" เอ้า..ใครไม่เห็นด้วยก็เอาว่ามาแต่ขอแบบอารยะชนนะ รู้จักหรือเปล่า ประเภทรับเงินมาโพสท์กับกะด่าลูกเดียว ไม่ต้องมานะ ขอร้อง รำคาญ เราไม่ได้เป็นพันธมิตร ไม่ได้หลงปชป แต่ชอบว่าที่นายกอภิสิทธิ์ขึ้นทุกทีๆ คงไม่มีปัญหานะ ไม่ต้องมาถามหาความเป็นกลางจากเราด้วย เพราะเราเลือกข้างแล้ว จากคุณ : stand with a fist - [ 9 มิ.ย. 51 12:45:11 A:58.9.175.221 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาร์คตีสองหน้าได้เก่งจริงๆครับ จากคุณ : นึกแนะ - [ 9 มิ.ย. 51 12:49:08 A:124.121.251.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่ะ มีคนชวน ก็เลยอยากจะมาถกด้วยหน่อย แล้วผมไม่เคยค่อยด่าใครอยู่แล้ว (ถ้าไม่ถูกด่าก่อน เหอ ๆ ๆ ) ผมชอบอยู่แล้วพูดกันด้วยเหตุผลเนี๊ยะ เพราะพูดแล้วมันมีทางออก มีหลักเกณฑ์ตัดสินได้ ก่อนที่จะถก ผมขอเอาบทความ ของ ดร.โกร่งซึ่งเป็นมุมมองอีกด้านหนึ่งที่มีต่อประชาธิปัตย์มาให้อ่านนะครับ แล้วเดี๋ยวเราค่อยว่ากัน ******************************************** วิเคราะห์ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ดร.โกร่งวิจารร์พรรค ปชป. ให้ปรับปรุงตัวเป็นทางเลือกของประชาชนอีกทางหนึ่ง เสาร์ ที่ 24 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2551 ----------- คนเดินตรอก วีรพงษ์ รามางกูร ประชาธิปัตย์ต้องการปฏิรูป การเลือกตั้งทั่วไปหลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นเครื่องชี้อย่างดีว่าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุดของบ้านเรา ต้องการการปฏิรูป  อย่างรุนแรงและขนานใหญ่ มิฉะนั้นประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มี ระบอบการปกครองโดยพรรคใหญ่   พรรคเดียว ซึ่งไม่เหมาะกับบ้านเราและ  เราก็ไม่ต้องการอย่างนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็เหมือนกับพรรคการเมืองอื่นที่ต้องถือว่าเป็นของประชาชน มิใช่พรรคของกรรมการบริหารพรรค หรือสมาชิกพรรคเท่านั้น เพราะได้รับเงินจากภาษีอากรที่เก็บจากประชาชนทั่วประเทศไปทำกิจกรรมของพรรค  พรรคต้องฟังความคิดเห็นของประชาชน    ผู้เสียภาษีด้วย ถ้าการวิพากษ์วิจารณ์มีเหตุผล ควรฟังว่าเขาวิพากษ์วิจารณ์อะไร อย่ามัวแต่ค้นหาว่าทำไมเขาจึงวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องแรก พรรคต้องเปลี่ยนทัศนคติ เสียใหม่ว่า การเอาแต่คิดโค่นล้มคู่ต่อสู้   ทุกวิถีทางนั้นต้องเปลี่ยนใหม่ แม้ว่าตอนที่ก่อตั้งพรรคเมื่อปี 2489 พรรคประสบ  ความสำเร็จในการโค่นล้มพรรคแนวรัฐธรรมนูญและพรรคสหชีพ โดยการ  ร่วมมือกับทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจอมพลผิน ชุณหะวัณ และจอมพลป. พิบูลสงคราม ลงเลือกตั้งโดยการ   ช่วยเหลือของทหารในเดือนมกราคม 2491 เป็นรัฐบาลอยู่ได้ 4 เดือน ก็ถูกทหารหักหลังจี้ให้ลาออก หลังจากนั้นก็ไม่ได้อะไร จนเกิดกรณี 14 ตุลาคม 2516 เพราะทหารแตกคอกันเองไม่ใช่ฝีมือของพรรค ทรรศนะที่ถูกต้องก็คือ ต้องสร้างผลงานในทางสร้างสรรค์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการต่างประเทศ ในด้านการต่างประเทศ ประเทศเราใหญ่พอที่ผู้นำของเราสามารถจะเป็นผู้นำของภูมิภาคอย่าง ดร.โมฮัมเหม็ด มหาเธร์ ได้ น่าเห็นใจผู้นำพรรคประชาธิปัตย์   ส่วนมากเป็นทนายความ เป็นครู เป็นข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จน้อย หัวหน้าพรรคแม้ว่าจะมีอายุพอสมควรแล้ว มีการศึกษาจากสถาบันชั้นนำของโลก แต่ไม่เคยทำงานรับผิดชอบจริงๆ ข้อสำคัญอยู่ไปๆ ถูกพรรคล้างสมองลืมหลักการทางปรัชญากฎหมาย รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ เสียสิ้น ค้านทุกเรื่องที่ฝ่ายตรงกันข้ามทำ หรือฝ่ายตรงกันข้ามคิด ผลจึงออกมาในสายตาประชาชนว่าที่คิดที่พูดนั้น ตนเอง         ก็ไม่ได้เชื่ออย่างนั้นเลย แต่พูดไปตามมติพรรคซึ่งล้าสมัยแล้ว เรื่องที่สอง เหตุที่พรรคมีทัศนคติในทางลบและไม่สร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา ก็เพราะพรรคถูกครอบงำด้วยผู้นำรุ่นเก่าที่เคยประสบความสำเร็จโดยการทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้ามที่เป็นรัฐบาลทหาร ขณะนั้นโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลไม่มี เพราะทหารกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเอาไว้ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านที่ดีที่สุด ผู้นำพรรค  ซึ่งบัดนี้อายุอยู่ระหว่าง 65-75 ปี จึงติดยึดอยู่กับยุทธวิธีแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อมีพรรคใหม่ที่ผู้นำพรรคเกือบ100 คน มาจากคนที่มีประสบการณ์ทั้งทางธุรกิจและทางราชการ มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ในยุคโลกาภิวัตน์ ทำการบ้านว่าคนชั้นล่างซึ่งมีสัดส่วนที่สูงต้องการอะไร และสามารถทำอย่างที่ตนสัญญาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งได้ พรรคประชาธิปัตย์จึงพ่ายแพ้อย่างยับเยินครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้นำพรรคก็ไม่ยอมรับความบกพร่องของตน แต่หลอกตนเองว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้ง เพราะฝ่ายตรงกันข้ามซื้อเสียง  แต่ในกรณีที่ทหารและข้าราชการถูกสั่งให้มาช่วยอย่างเต็มที่ทั้งกำลังคน กำลังอำนาจ และกำลังเงินซื้อเสียงให้ แล้วยังแพ้อย่าง ยับเยิน ตนกลับไม่คำนึงถึง หลายคนบอกว่าแม้ฝ่ายตรงกันข้ามไม่ซื้อเสียงเลยก็ยังชนะพรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่พิสูจน์ได้ก็คือ ผู้ที่ออกจากพรรคไทยรักไทยไปอยู่พรรคอื่น กลับสอบตกเป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่มีกระสุนจากทหารมาช่วยจำนวนมาก เรื่องที่สาม ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ อาจแบ่งเป็นสองพวก พวกนักกฎหมายกับพวกครู จะไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง กฎหมายระเบียบแบบแผนเป็นอย่างไรก็ถือเป็นคัมภีร์ ให้ข้าราชการเป็นผู้แนะนำและชี้นำนโยบายในการทำงาน อีกพวกหนึ่ง เป็นพวกที่มีผลประโยชน์ จึงไม่ยอมให้   คนรุ่นใหม่เข้าไปรับผิดชอบพรรคจริงๆยังกุมอำนาจพรรคไว้ด้วยผลประโยชน์ ส่วนฝ่ายตรงกันข้ามพูดเสมอว่า กฎหมายระเบียบแบบแผนเป็นเครื่องมือที่จะทำให้งานสำเร็จ ประชาชนได้ประโยชน์ ถ้ากฎหมายข้อบังคับเป็นอุปสรรคก็ต้องแก้ไข เพราะกฎหมายข้อบังคับระเบียบแบบแผนสร้างมาโดยมนุษย์ มนุษย์ย่อมสามารถแก้ไขได้ มนุษย์ต้องเป็นนายกฎหมาย ไม่ใช่ให้กฎหมายมาเป็นนายมนุษย์ ข้าราชการไม่ใช่ผู้กำหนดนโยบายแต่เป็นผู้นำนโยบายของฝ่ายการเมืองไปปฏิบัติ กลับกันกับวิธีคิดของประชาธิปัตย์ ผลงานของประชาธิปัตย์ในฐานะเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ในฐานะของฝ่ายค้านจึงไม่ค่อยมีเป็นรูปธรรม ทั้งๆ ที่เคยร่วมรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัยเป็นเวลากว่า 15 ปี เคยถามเพื่อนฝูงชาวปักษ์ใต้ที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ฯ ว่าชอบผลงานของรัฐบาลพรรคไหน ไม่มีใครบอกว่าผลงานของประชาธิปัตย์ดีกว่าคู่ต่อสู้ ทุกคนบอกว่าผลงานของรัฐบาลคู่ต่อสู้ดีกว่า แต่ที่เลือกประชาธิปัตย์เพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายเลือกประชาธิปัตย์ หรือที่เลือกก็เพราะผู้นำพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายหัวเป็นคนใต้เคยถามต่อว่าถ้านายหัวไม่อยู่แล้วจะเลือกอย่างไร ผู้ตอบก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันเอาไว้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยคิด พฤติกรรมการเลือก ส.ส.ของคนใต้  จึงต่างกับคนอีสานและคนเหนือ ที่เน้นว่า ส.ส.คนนั้นเคยทำประโยชน์ให้กับตนหรือชุมชนของตนแค่ไหน ส่วนในกรุงเทพฯเลือกไปตามกระแสที่สื่อมวลชนยัดเยียด ให้ เพราะตนก็ไม่เคยได้ประโยชน์อะไร  เป็นชิ้นเป็นอันจาก ส.ส.ของตนอยู่แล้ว เพราะตนเองก็มีเส้นสายโยงใยเองอยู่แล้ว ไม่เดือดร้อนเหมือนคนในต่างจังหวัด เรื่องที่สี่ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถเข้าถึงหรือไม่พยายามเข้าถึงคนระดับล่าง ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสานภาคเหนือ ภาคกลาง และแม้แต่ในกรุงเทพฯ พรรคไม่เน้นที่จะสร้างผลงาน แต่เน้นในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม   ทุกวิถีทาง พรรคจึงกลายเป็นทาร์ซาน พยายามจะช่วยเจนนี่โดยการโหนเถาวัลย์ โหนกระแส และโหนทหาร แล้วให้เจนนี่คอยกอดเอว พอเจนนี่จับพลาดในที่สุดทาร์ซานก็ต้องป้องปากโห่อย่างโหยหวนลั่นป่า การทำตัวเป็นทาร์ซานจะไปถึงที่หมายโดยวิธีโหน จึงต้องละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย อุดมการณ์ทางกฎหมาย ความถูกต้อง จารีต ประเพณี ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ร่วมมือ  กับทหารสร้างทางตันเพื่อเชื้อเชิญให้ทหารปฏิวัติ ทำลายรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พรรคฝ่ายตรงกันข้ามถูกยุบ ให้นักการเมือง  ฝ่ายตรงกันข้ามถูกตัดสิทธิทางการเมือง และสนับสนุนรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติ  จะตอนพรรคการเมืองไม่ให้โต สร้างองค์กรอิสระที่ไม่มีใครตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นผลเสียกับตัวเองด้วยในระยะยาวแต่ก็ยอมทำ ทำให้พรรคเสียคะแนนจากผู้คนที่หัวก้าวหน้าและคนรุ่นใหม่อย่างน่าเสียดาย การที่พรรคประณามนโยบายและโครงการที่เป็นประโยชน์กับคนระดับล่าง ทั้งๆ ที่อยู่ในกรอบที่การเงินการคลังของประเทศรับได้ เพราะมีทุนสำรองระหว่างประเทศเหลือเฟือจนธนาคารแห่งประเทศไทยไม่อยากจะได้ ว่าเป็นโครงการ ''ประชานิยม'' เท่ากับการทำลายเสียงของตนเองกับคนระดับล่างทั่วประเทศและจำกัดตัวเอง เพราะถ้าตนเองเป็นรัฐบาล   ก็คงต้องทำ หรืออาจจะทำมากกว่า เพราะที่ใช้หาเสียงสัญญาว่าจะทำมากกว่า เรื่องที่ห้า พรรคประชาธิปัตย์เป็น พรรคปิด มีระบบอาวุโสที่เหนียวแน่น สมาชิกใหม่ให้อยู่ระดับล่าง หรือในสภาก็อยู่แถวหลังหรือที่อังกฤษเรียกว่า  ''Back Benchers'' แต่อังกฤษผู้นำพรรคที่นำ พรรคไปแพ้เลือกตั้งจะลาออกเกือบหมด เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่มาแทน แต่ของเราไม่มีประเพณีอย่างนั้น สมาชิกรุ่นใหม่จึงไม่มีโอกาสมานำพรรค ผู้นำพรรค ไม่มุ่งจะทำพรรคให้ชนะการเลือกตั้ง   เพียงแต่ได้ ส.ส.มากเพิ่มขึ้นก็พอใจจะอยู่ในตำแหน่ง ต่อไปแล้ว ส่วนฝ่ายตรงกันข้าม เน้นในเรื่องผลงานทางเศรษฐกิจของผู้ออกเสียง เน้นคะแนนนิยมในตัว ส.ส. เน้นการเมืองที่มีผลสำเร็จของการเลือกตั้ง เน้นทางด้านการหาเงินช่วยพรรค ซึ่งไม่ต้องบอกก็คงเข้าใจ ดังนั้นจึงมีการสับเปลี่ยนตัวผู้นำพรรคระดับรองๆ ลงไปอยู่ตลอดเวลา พรรคฝ่ายตรงกันข้ามจึงสามารถ ''ดูด'' นักการเมืองให้เข้าพรรคได้มากขึ้นเสมอ เพราะมาอยู่แล้วโอกาสชนะการเลือกตั้งมีสูง ไม่ใช่เพราะเงินอย่างเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจ เรื่องที่หก พรรคไม่เคยหวังว่าจะชนะการเลือกตั้งและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียว หวังแต่เพียงเป็นแกนนำของรัฐบาลผสม เมื่อหวังเพียงเท่านี้ก็ทำให้มีทัศนคติว่า ถ้าสามารถทำลายพรรคคู่แข่งไม่ให้ลงมาแข่งในการเลือกตั้งก็พอแล้ว ถ้าพรรครู้จุดอ่อนความสามารถในการสร้างนโยบายใหม่ๆ ไว้ขายกับประชาชน ถ้าคิดไม่ออกก็ขวนขวายหาบริษัทที่ปรึกษาที่ชำนาญการ แต่ก็ไม่มีความพยายามแต่ใช้วิธีสะกดจิตตนเองว่า ตนเองเป็นฝ่ายเทพ ฝ่ายตรงกันข้ามเป็นฝ่ายมาร แท้จริงในงานการเมืองไม่มีใครเป็นเทพ ไม่มีใครเป็นมาร มีแต่ผู้ชนะกับผู้แพ้การเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นจุดอ่อนของพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เสียภาษีอย่างพวกเราน่าจะมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์และเสนอแนะให้แก้ไขปฏิรูปตนเอง เพราะผลการดำเนินงานของพรรคไม่คุ้มกับเงินภาษีที่รับไป จะโกรธจะเคืองอย่างไรก็ไม่ว่าเพราะไม่อยากเห็นเมืองไทยเป็นระบบการเมืองแบบพรรคเดียว ถ้าเมืองไทยเป็นการเมืองพรรคเดียวก็ต้องโทษประชาธิปัตย์ อย่าไปโทษใคร คิดแล้วอ่อนใจ http://www.matichon.co.th/prachachat/news_title.php?id=3308 จากคุณ : Uncle-Dave - [ 9 มิ.ย. 51 12:57:16 A:58.9.69.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 นายมาร์ค..ไม่เคยมองดูตนเองเลยนะ... นายเอง มีส่วนมาก ๆ ที่เป็นต้นเหตุ ให้บ้านเมืองวุ่นวาย...ทำให้รัฐบาลคุณสมัครทำงานได้ไม่คล่องตัว... ชาวบ้านเขาเอือมนายมาร์คมาก ๆ ..... ...เบื่อ  เครียด เกลียดมาร์ค..! จากคุณ : meditation - [ 9 มิ.ย. 51 13:32:23 A:58.9.79.35 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของคุณ stand with a fist ดีเดียวที่รักใครชอบพรรคไหน แต่เมื่อคุณต้องการพูดด้วยเหตุผลแบบอารยชน เราจึงต้องเอาเหตุผลมาคุยกัน stand with a fist  (คห.มาร์ค) ----- "เพราะเป็นอย่างนี้ คือมีชวนคนทะเลาะอยู่ตลอด ประชาชนจึงได้เบื่อหน่าย แต่วันนี้ตนไม่ขอทะเลาะกับใคร มีแต่เสนอทางออกโดยพยายามที่จะใช้กลไกของรัฐสภาให้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกัน ตนต้องยืนยันสิทธิของการเมืองภาคประชาชนที่จะเคลื่อนไหว " //////**** -- เรื่องแรกเรื่องการทะเลาะกัน อันนั้นเป็นเรื่องของนักการเมืองเขานะครับ เพราะไม่มีใครชวนใครทะเลาะหรอก มันซัดกันนัวไปหมด บางที ปปช.ก็เปิดเกมส์ก่อน ซัดเขาก่อน เขาก็ซัดกลับเข้าให้บ้าง จะว่าใครหาเรื่องคงพูดไม่ถนัดปากหรอก  เพราะตัวเองไปด่าเขาก่อนก็มาก -- เป็นบุญของประเทศจริง ๆ ที่คุณมาร์คคิดถึงเรื่องทางออกในระบบรัฐสภาบ้าง นอกเหนือจากการขอ นายกฯ พระราชทาน ,  การไม่ยอมลงเลือกตั้ง (ซึ่งเป็นหัวใจของระบบรัฐสภาเลยทีเดียว) หรือ การเห็นด้วยกับการปฏิวัติ (ซึ่งไม่รู้ว่าระบบรัฐสภาแบบไหนเหมือนกัน คงจะสภาของโซมาเลียหล่ะมั๊ง) และในเรื่องการชุมนุมของประชาชน นั่นก็เป็นสิทธิซึ่งสามารถทำได้ แต่ที่สังคมเรียกร้องในเวลานี้ก็คือ ขอให้การเรียกร้องอยู่ในขอบเขตของกฏหมาย อย่าลุกล้ำสิทธิของผู้อื่น ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการห้ามชุมนุม เพราะถ้าเรื่องที่คุณยกขึ้นมามีเหตุผล ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเดี๋ยวคนก็เข้าไปร่วมด้วยเอง ไม่จำเป็นต้องออกมาสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความเดือดร้อน หรือ การปะทะเช่นทุกวันนี้ stand with a fist  (คห.มาร์ค)----"่เป็นความไม่เข้าใจของฝ่ายรัฐบาลเองว่าจริงๆ แล้วประชาธิปไตยประกอบไปด้วยอะไรบ้าง เพราะพวกตนสนับสนุนประชาธิปไตยจริงๆ ไม่ได้คิดที่จะเอาประชาธิปไตยบังหน้าเพียงเพื่อที่จะแสวงหาประโยชน์ของตัวเอง" ///**** แล้วทำไมคุณมาร์คถึงไม่พูดให้หมดว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศนี้หรือ อยากให้คุณมาร์คอธิบายทัศนะคติของคุณมาร์คออกมาด้วยเพื่อให้สามารถวิพากษ์ได้ ดีกว่าพูดค้าง ๆ ไว้ให้เท่ห์ ๆ แบบนี้ ถ้าเราไม่มีกฏเกณฑ์ในเรื่องประชาธิปไตยที่ชัดเจน ประเทศมันจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าฝ่ายพันธมิตรล้มล้างสำเร็จไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม แล้วประชาชนอีกฝ่ายออกมาบ้าง บอกว่าต้องล้มล้างเพราะเป็นการเมืองภาคประชาชน แล้วอย่างนี้มันจะเป็นประเทศได้อย่างไร .... หายนะรออยู่เบื้องหน้าเห็น ๆ คุณจะอ้างว่า ทำไมไม่ฟังเสียงส่วนน้อยบ้าง ถามกลับว่า แล้วคุณเอาเสียงส่วนใหญ่ไปไว้เสียที่ไหน คุณจะทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนในโลกนี้หรือ ทั้ง ๆ ที่เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน และเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย การเมืองภาคประชาชน เป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับเหตุผลและความชอบธรรมของข้อเรียกร้องนั้น ๆ ด้วย ถ้าเสียงส่วนน้อย เรียกร้องอย่างมีเหตุผล เรียกร้องการตรวจสอบ การพิจารณ์สาธารณะ หรือการเรียกร้องเชิงสร้างสรรในแง่ของการเสนอนโยบายและวิธีในการแก้ไขปัญหาประเทศ อันนั้นเป็นสิ่งที่ชอบด้วยเหตุผล และเชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมจะยอมรับฟัง แต่นี่ไม่ใช่เลย เสียงส่วนน้อย จะล้มล้าง จะขับไล่ ไม่ให้โอกาสแม้แต่การประนีประนอม... แล้วเราจะเรียกขบวนการเหล่านี้ว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร... ไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ตาม ***ผมแย้งไปด้วยเหตุผล หวังว่าจะได้รับการตอบกลับด้วยเหตุผลที่เหมาะสมจากคุณเช่นกันครับ จากคุณ : Uncle-Dave - [ 9 มิ.ย. 51 13:35:19 A:58.9.69.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องขออภัยที่สำนวนอาจไม่กลมกลืนลุ่มลึกสักเท่าไหร่ เพราะรีบพิมพ์เนื่องจากต้องรีบไปธุระ แต่ก็คงพอเป็นที่เข้าใจได้นะครับ จากคุณ : Uncle-Dave - [ 9 มิ.ย. 51 13:38:21 A:58.9.69.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดีจังคุณUncle-Dave อย่างน้อยเราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดีๆที่หายๆกันไปในห้องนี้นะ บทความของดร.โกร่งนี้ได้ดูมานานแล้วเหมือนกัน อยากบอกว่า เห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่เลย วิเคราะห์ได้ละเอียด แถมอ่านเข้าใจง่าย โดยเฉพาะเรื่องจุดอ่อนที่ควรปรับปรุงอย่างแรง แต่หลังอ่านบทความนี้จบ ก็แอบดีใจว่า เท่าที่ท่านวิเคราะห์มาให้นี้ มันมีแค่นี้เองหรอกเหรอ เพราะเราค่อนข้างเชื่อสายตาท่านนะ ที่แอบดีใจเพราะพบว่าจุดอ่อนทั้งหลายทั้งมวลก็ยังยืนอยู่บนรากฐานของพรรคที่มีคุณธรรมจริยธรรมในหลักการระดับหนึ่ง โดยส่วนตัวเรา หลักการน่ะสำคัญที่สุด  เพราะแม้จะอยู่ในสถานการณ์แตกต่างกันๆไป จะเป็นเบี้ยล่างหรือเบี้ยบน แต่ถ้ามีหลักการที่มาจากรากฐานคุณธรรมจริยธรรมที่มากพอ(หมายถึงระดับได้มาตรฐานในสามัญสำนึกนะ)ความสามารถเรามองว่าเป็นเรื่องที่ทันกัน หากมีความน่าเชื่อถือว่าดีแล้ว คนเก่งๆมีความสามารถก็อยากมาช่วยเป็นมือเป็นเท้าเป็นมันสมองให้ทั้งนั้นแหละ คนเก่งจริงๆที่ไหนจะไม่อยากใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อชาติ เราว่าน้อยนะ สำหรับเรานะ ไม่จำเป็นที่หัวหน้าพรรคต้องเป็นคนเก่ง แต่ขอมีความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธาในความดี อาจเป็นเพราะเวลานี้ประเทศเรายังไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ก็เป็นได้ ตอนนี้ขอตัวไปทำงานส่วนตัวก่อน ไว้จะมาแลกเปลี่ยนกันอีก ขอบคุณทั้งสองuncleเลยค่ะ จากคุณ : stand with a fist - [ 9 มิ.ย. 51 13:52:58 A:58.9.175.221 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 :-)ยยยยย... จากคุณ : KamoOldman - [ 9 มิ.ย. 51 14:02:26 A:118.172.64.20 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้ว ปชป จะ อ้างอย่างไร กับ ข้อความด้านล่างนี้ หัวหน้าพรรค ปชป. จะตอบคำถามอย่างไรดี คะ หาก เป็นจริง ว่า ปชป. สนับสนุน พันธมิตร เพราะฉนั้น การที่ หัวหน้าพรรค หนุน พันธมิตร อารยะขัดขืน แสดงว่า สนับสนุน ตัวเองให้ ทำอารยะขัดขืน เช่นเดียวกัน ค่ะ ตกลง ไม่ใช้เวทีรัฐสภา ในการแก้ปัญหาแล้ว ใช่หรือไม่ จึงออกไปสนับสนุนเกมส์ ล้มรัฐบาล นอกสภา  หรือว่า หัวหน้าเปลี่ยน อุดมการณ์ก็เปลี่ยน คะ -------------------------------------------- พรรคประชาธิปัตย์ อยู่เบื้องหลัง ม็อบ ASTV โดยส่ง สส. ปชป. ที่ขึ้น เวที ASTV และดำเนินการอภิปราย ปลุกระดม ปชช. ไทยทั่วประเทศ มีดังนี้   1. สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สส.สัดส่วน โซน5   2. สำราญ รอดเพชร (สนช. และ สสต) 3. พิเชษ พัฒนโชติ (สสต) 4. ประพันธฺ คูณมี (สสต) 5. กัลยา โสภณพาณิช (สส เขต และ รมต. เงา วิทยาศาสตร์) 6.อลงกรณ์ พลบุตร (สส เขต และ รอง นายกเงา)   7. ไพศาล พืชมงคล (สนช) 8. วัชระ เพชรทอง (สสต) 9. สมเกียรติ รอดเจริญ (สสร50) 10.อัมรินทร์ คอมันต์ (มฌ) 11. เทอดภูมิ ใจดี (สสต) 12. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง(สนช) 13 มนูญกฤษ รูปขจร (ท่อน้ำเลี้ยง) 14 สุเทพ เทือก (ท่อน้ำเลี้ยง) 15 วีระ สมความคิด (แนวร่วม ปชป) 16. สมบูรณ์ ทองบุราณ (สว เพชรบูรณ์) 17. เสกสรร แสนภูมิ (สสต) 18. ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ (สสต)   19. อัลชลี ไพรีรัก (สสต)   นี่หรือ ปชป. ที่บอกว่า " ผมเชื่อมั่น ในระบบรัฐสภา" ของนายหัว ชวน หลีกภัย สสต. คือ สส. สอบตก ที่มา จาก เว็บฟ้าใหม่ จากคุณ : คุณหมวย - [ 9 มิ.ย. 51 14:05:34 A:58.9.84.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยินดีครับคุณ stand with a fist หวังว่าคงจะได้แลกเปลี่ยนด้วยอีกนะครับ แต่ขอเสริมคุณนิดหนึ่งตรงที่ว่า "หลักการที่มาจากรากฐานคุณธรรมจริยธรรมที่มากพอ(หมายถึงระดับได้มาตรฐานในสามัญสำนึกนะ)" คำว่าจริยธรรม ในแบบที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ก็คือ การกระทำและวิธีการจัดการกับปัญหาและเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนี้เราจึงจะสามารถชี้ได้ว่า สิ่งนั้นดีหรือไม่ดี ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่มีตัวชี้วัด เพราะในเวลานี้ทุกฝ่ายก็อ้างจริยธรรมกันทั้งนั้น อ้างสามัญสำนึก และมโนสำนึกที่ถูกต้องกันทุกคน เรื่องมันเลยไม่จบ เพราะมันเป็นนามธรรม ค่อนข้างเลื่อนลอย แต่ละฝ่ายก็คิดว่าตนเองถูก ดังนั้นเราจึงต้องเอ าหลักการเหตุผล  หลักเกณฑ์ ระบบ กฏกติกา รวมถึง ขบวนการยุติธรรม ฯลฯ เข้าจับ (ถ้าหากทุกฝ่ายเปิดใจยอมรับ) เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างบิดเอาคำว่าจริธรรมความถูกต้อง เข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของตน เช่นนี้เราถึงจะมีทางออกครับ... เพราะผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็หวังดีต่อประเทศชาติด้วยกันทั้งสิ้น ยินดีอีกครั้งที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วย ต้องไปเหมือนกันครับ บาย.... แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 14:11:06 จากคุณ : Uncle-Dave - [ 9 มิ.ย. 51 14:08:34 A:58.9.69.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 จริงค่ะ ที่จริยธรรม เป็นนามธรรมและ ี้ทุกฝ่ายก็อ้างจริยธรรมกันทั้งนั้น อ้างสามัญสำนึก และมโนสำนึกที่ถูกต้องกันทุกคน และก็จริงอีกที่สิ่งที่พอจะชี้วัดออกมาได้ว่ามีหรือไม่มีจะได้จากการดู การกระทำและวิธีการจัดการกับปัญหาและเหตุการณ์ต่าง ๆ หากถูกต้อง มีจริยธรรมที่ได้มาตรฐานพอเพียงแล้ว คนหลายๆกลุ่มจะลำบากออกมาต่อต้านเพื่ออะไร     ลองย้อนไปดูสาเหตุจริงๆหลักๆที่มีคนมาต่อต้านกันนะ เอาแบบsimpleๆไม่ต้องซับซ้อนเลยว่า การที่คุณสมัคร่ปล่อยให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาพรรคถูกยุบ(ท่านพูดทำนองนี้เอง อันนี้ขอชมว่าท่านน่ารักที่พูดได้จริงใจดี น่ารักกว่านอมินีของท่านเยอะ) หรือเพื่อแก้ปัญหาคุณทักษิณต้องถูกศาลพิจารณาคดีและตัดสิน (อันนี้ไม่ค่อยมีใครยอมรับตรงๆชัดๆ) จะบอกว่าการแก้ไขทำเพื่อปรับปรุงรัฐธรรมนูญ วัตถุประสงค์นี้เรายอมรับได้ แต่ ขอเหตุผลแบบมีจริยธรรมหน่อยว่า ทำไมต้องรีบทำในเวลานี้  ทำไม การปล่อยให้เกิดการกระทำหลายๆอย่างที่ไม่ดีงามจากลูกพรรค เราเชื่อว่าคุณเองก็คงมีเก็บข้อมูลอยู่ในใจบ้าง  ผู้นำพรรคที่(หวังว่าจะมีจริยธรรม)มีการกระทำและวิธีการจัดการกับปัญหา อย่างไรบ้างที่ทำให้ประชาชนเชื่อได้ว่า ท่านมีจริยธรรมมากพอ ทำให้ประชาชนเชื่อใจ ไว้วางใจมอบประเทศให้ท่านดูแล ที่เรามีความเห็นแบบนี้ไม่ใช่เราเห็นทางออกของปัญหาแล้วหรอกนะ ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน เพราะรัฐบาลชนะเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง คงไม่มีอะไรทำได้ดีไปกว่า ขอส่งเสียงดังๆว่า รัฐบาลช่วยเปลี่ยนทัศนคติทีเถอะ พวกเราจะทนไม่ได้อยู่แล้ว จากคุณ : stand with a fist - [ 9 มิ.ย. 51 19:20:27 A:58.9.175.221 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^^^ ก็ผมถึงบอกไงครับ ว่าเราต้องเอาหลักการกฏเกณฑ์เข้ามาจับ เพราะถ้าจะอ้างจำนวนคนที่คัดค้าน ก็จะมีอีกฝ่ายอ้างจำนวนคนที่สนับสนุนซึ่งก็มีมากเหมือนกัน ... มันก็หาจุดจบไม่ได้สักที เพราะอะไรหน่ะหรือ .... เพราะความคิด ความเชื่อของคนเรามันผิดกันได้ครับ จะอ้างว่านักวิชาการจำนวนมากสนับสนุนพันธมิตร อย่างนั้นนักวิชาการอีกจำนวนมากไม่สนับสนุนก็มี.... แต่สาระไม่ได้อยู่ตรงนั้น สาระควรอยู่ที่ว่าเรามาวิเคราะห์ตามหลักการประชาธิปไตย ตามกฏหมาย ดีหรือไม่ว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด สำหรับเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ นะครับ อันนี้ต้องพูดอีกหัวข้อเลย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ในความคิดเห็นของผม มีข้อเสียมากมาย ทำให้การเมืองอ่อนแอ ถ้าการเมืองอ่อนแอ มันก็จะส่งผลกระทบไปถึงทุกอย่าง (ถ้าคุณอยากจะทราบเรื่องรัฐธรรมนูญปี 50 ในมุมมองของผมจริง ๆ หล่ะก็ผมจะเขียนให้ทราบก็ได้ แต่มันจะยาวมากนะครับ) คราวนี้มาถึงเรื่องสำคัญ เรื่องแก้รัฐธรรมนูญให้ทักษิณพ้นผิด ผมยังมองไม่เห็นว่า แก้แล้วทักษิณจะพ้นผิดไปได้อย่างไร เพราะคดีต่าง ๆ เข้าสู่ขบวนการยุติธรรมไปแล้ว เรื่องอยู่ที่ศาลแล้ว รัฐธรรมนูญจะทำอะไรได้ ใครจะแทรกแซงศาลท่านได้ ผมมองไม่เห็นความเกี่ยวข้องแต่อย่างใดเลย แต่ที่ถามว่า... ทำไมต้องรีบแก้กันตอนนี้... อันนี้ตามความคิดผมเห็นว่า เพราะตอนแรกรัฐบาลมองว่า เป็นกับดักกลเกมส์ของ คมช. ที่วางไว้เพื่อให้มีการยุบพรรค โดยผ่านทางคดีของคุณยงยุทธ ติยะไพรัช เพราะรัฐธรรมนูญบอกไว้ว่า ถ้าพิสูจน์ได้ว่า กรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นในความผิด ก็จะส่งผลให้ยุบพรรคได้ ซึ่งในตอนแรกทั้งชาติไทย และมัชฌิมา ต่างก็อยากแก้กันทั้งนั้น เพราะโดนด้วย และเห็นว่าไม่เป็นธรรมเลย ความผิดคน ๆ เดียว จะทำให้ถึงกับยุบพรรคได้อย่างไร แต่เมื่อรูปการณ์มันออกมาว่า กกต. ไม่โยงใยเรื่อง ความผิดของกรรมการพรรค ไปถึงเรื่องยุบพรรค ทุกฝ่ายก็ยอมถอย รวมทั้งพลังประชาชนด้วย ซึ่งก็ยอมถอนญัตติออกไป โดยยังไม่แก้รัฐธรรมนูญในเร็ว ๆ นี้  ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราเห็นกันอยู่..... เมื่อเงื่อนไขนี้หมดไปแล้ว ผมก็ไม่ทราบว่ายังจะล้มล้างอะไรกันอีก สำหรับความคิดของผมเรื่องรัฐธรรมนูญ ผมก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีการรีบแก้ไข การแก้ไขควรเป็นอย่างสุขุมรอบคอบ และประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ควรมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงมี สสร. (สมาชิกสภาร่าง) ที่เป็นบุคคลที่เป็นกลาง และสังคมให้การยอมรับ  เมื่อได้รัฐธรรมนูญออกมาแล้ว ก็ต้องทำประชามติถามคนทั้งประเทศว่าเขาจะรับหรือไม่...อันนั้นจึงเป็นวิธีการที่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย จากคุณ : Uncle-Dave - [ 10 มิ.ย. 51 09:08:18 A:118.173.250.114 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอตอบคุณUncle-Dave ประเด็นหลักนะคะ ที่ทำไมยังต้องมีการต่อต้านรัฐบาลกันต่อ  เรื่องที่ว่ายอมถอนญัตติออกไป ยังไม่มีการแก้ตอนนี้ ข้อมูลนี้แน่ใจได้หรือเปล่าคะ รบกวนขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ไหมคะ  เราเองอาจตกข่าวค่ะ แต่ที่ว่าเกี่ยวกันอย่างไรกับคุณทักษิณอยากให้อ่านตรงนี้น่ะค่ะ ขออนุญาตเจ้าของบทความนะคะ " ฝ่ายพันธมิตร(และคตส.)กังวลในประเด็นที่ว่า รธน.2550 ที่ใช้บังคับมาตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2550 บัญญัติไว้ว่า มีองค์กรเพียง 2 องค์กรที่สามารถไต่สวนคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือ ปปช.และผู้ไต่สวนอิสสระ ที่แต่งตั้งโดยที่ประชุมศาลฏีกา และมีเพียง 3 องค์กรที่สามารถฟ้องศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองได้ คือ อัยการสูงสุด,ปปช.(เมื่อเห็นไม่ตรงกับอัยการสูงสุด),และผู้ไต่สวนอิสสระ(เมื่อเห็นไม่ตรงกับอัยการสูงสุด) คตส.ถูกต่ออายุโดยพรบ.จากสนช.เมื่อ 30 กันยายน 2550 หลังจากที่รธน.2550 มีผลใช้บังคับแล้ว จึงมีความ กริ่งเกรงว่าการต่ออายุคตส.ในเวลานั้นอาจขัดกับรธน.2550 หรือไม่ เพราะในรธน.2550 ไม่ได้บัญญัติเรื่องคตส. และอำนาจการไต่สวนคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการฟ้องต่อศาล คล้ายคลึงกับกรณีที่ศาลยุติธรรมยกฟ้องคำสั่งอายัดทรัพย์ของคตส.(สมัย รสช.) ด้วยเหตุผลที่ว่า ขณะที่คตส (ของรสช)สั่งยึดทรัพย์นั้น เป็นเวลาที่รธน.2534 ใช้บังคับแล้ว และในรธน.2534 ระบุว่าองค์กรที่มีอำนาจใน การไต่สวนคดีเช่นศาลนั้น มีแต่ศาลยุติธรรมเท่านั้น(ตามที่บัญญัติไว้ในรธน.2534) ดังนั้นในเวลาที่รธน.2534 ใช้บังคับ คตส.จึงไม่มีอำนาจกระทำการเช่นศาลได้คำสั่งในการยึดทรัพย์ซึ่งเป็นอำนาจทางศาลจึงขัดต่อ รธน.2534 และไม่มีผลใช้บังคับได้ ฝ่ายพันธมิตรและคตส.ก็หวังว่ามาตรา309 น่าจะช่วยแก้ปัญหาการตีความนี้ได้ โดยถือว่าการแต่งตั้งคตส.โดย ประกาศคปค ฉบับที่ 30 ได้รับการรับรองโดยรธน.ชั่วคราว 2549และโดยนัยของมาตรา 309 ของรธน.2550 ที่บัญญัติไว้ว่า การใดที่รธน.249ได้รับรองว่าเป็นการชอบด้วยกฏหมายรธน.2549 ก็ให้ถือว่าการนั้นได้รับการ รับรองด้วยรธน.2550 เช่นกัน " จากคุณ : stand with a fist - [ 10 มิ.ย. 51 12:26:04 A:203.146.207.185 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 จากลิ้งค์นะครับ http://www.matichon.co.th/prachachat/news_title.php?id=3428 http://www.tnewsonline.net/overview.php?c=1&id=23802 http://thaiinsider.info/portal/content/view/8595/12/ http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=241159 http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0101290551&day=2008-05-29&sectionid=0101 เมื่อมีการถอนญัตติ ทำให้ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ทั้ง ไม่มีการพยายามรวบรวมรายชื่อ ส.ส จากพลังประชาชน เพิ่มเพื่อยื่นญัตติเข้าไปใหม่ ก็หมายความว่า จะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้ รวมถึงท่าทีล่าสุดจากนายกฯ สมัคร ก็บอกว่า ยังไม่เร่งรีบแก้รัฐธรรมนูญ จนกว่าจะมีการสำรวจประชามติ (หลังจากที่เบาใจไปแล้วในเรื่องยุบพรรค) ดังนั้นประชาชนมากมาย จึง งง กันว่า เมื่อรัฐบาลถอยสุดซอยแล้ว อยากให้จักรภพ ออกก็ออกแล้ว ยังไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่แก้แล้ว ทำไมพันธมิตรจึงมีความพยายามล้มล้างรัฐบาล โดยยกระดับการชุมนุม จากคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการขับไล่รัฐบาล ... เป็นคำถามของสังคมที่มีต่อพันธมิตรนะครับ แล้วพี่น้องพันธมิตรบางคนที่เข้ามาเล่นในราชดำเนินที่ผมคุยด้วย ก็บอกว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องปัจจุบันที่ให้รัฐบาลต้องลาออก เพราะเขาเห็นว่ามันเกินเลยไป ... อันนี้เป็นความสัตย์ ถ้าอยากได้ลิ้งค์เดียวจะทำให้นะครับ (ผมไม่อยากเอาชื่อเจ้าตัวเขามาโดยที่เขายังไม่รับรู้ครับ) ***อันนี้เป็นลิ้งค์เรื่องที่พันธมิตรยืนยัน ที่จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาลถึงแม้จะมีการถอนญัตติไปแล้วก็ตาม http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01p0102310551&day=2008-05-31&sectionid=0101 ส่วนในเรื่องที่คุณ stand with a fist ยกมา ผมก็ยังมองไม่ค่อยออกว่า รัฐธรรมนูญจะมาช่วยให้คุณทักษิณไม่ต้องถูกลงโทษได้อย่างไร เพราะถึงแม้จะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คตส.ก็ต้องหมดอายุภายในไม่กี่วันนี้แล้ว (ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 50) และคดีส่วนใหญ่ คตส.ก็สรุปสำนวนส่งศาลไปแล้ว ในกรณีที่รวบรวมหลักฐานไม่เสร็จ ก็สามารถส่งต่อให้ ปปช. ไปดำเนินการได้ (ซึ่งกรรมการ ปปช. บางท่าน ก็เป็นกรรมการ คตส.อยู่ และคงไม่ต้องห่วงว่า ปปช. จะเข้าข้างทักษิณ เพราะ ปปช.ชุดนี้มาจากการแต่งตั้ง ของ คมช. ล้วน ๆ) แต่ที่เนื้อ ๆ คือ คตส.ใช้ระยะเวลาปีกว่า ภายใต้รัฐบาลของ คมช. รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อส่งฟ้องศาลไปเกือบหมดแล้ว และเมื่อเรื่องอยู่ในศาล เราก็วางใจได้ว่า คงไม่มีใครไปแทรกแซงได้ ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ ถ้าเห็นว่าผมยังไม่เข้าใจตรงไหนก็ชี้แจงมาได้ ยินดีรับฟัง ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 51 14:05:16 จากคุณ : Uncle-Dave - [ 10 มิ.ย. 51 13:37:40 A:58.9.230.190 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณคุณUncle Daveค่ะ ที่บอกว่าอาจตกข่าวไม่ใช่ข่าวทั่วไปค่ะ  หมายถึงข่าววงในน่ะค่ะ ข่าวพวกนี้ตามอยู่เรื่อยๆและทราบแล้วค่ะ แต่ประเด็นที่ว่าการที่ทำให้การยื่นญัตตินี้ตกไป มันยังไม่สามารถคอนเฟิร์ม หรือมีหลักประกันได้ค่ะว่ามันจะไม่ถูกนำเสนอขึ้นมาอีกในเร็วๆนี้ี้น่ะค่ะ อย่างที่พวกชุมนุมเค้าระแวงกันอยู่ คือตามที่เราเห็นนะ ที่ชุมนุมเค้าคงระแวงว่า มันจะเหมือนการอ่อยเหยื่อน่ะค่ะ เพราะเค้ารู้กันดีว่าการที่จะให้เกิดการรวมตัวกันเป็นการชุมนุมใหญ่ๆแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากมีการสลายไปก่อน แล้วจำเป็นต้องชุมนุมกันใหม่มันยากขึ้นมากๆค่ะ  ก่อนจะสลายกันจึงต้องการคำมั่นจากรัฐบาลน่ะค่ะ ว่าจะไม่แก้ในเวลาเร็วๆนี้ และจะไม่เข้าแทรกแซงด้วยวิธีใดก็ตาม เห็นด้วยค่ะ ว่าแรกๆที่รัฐบาลยอมให้มีการถอนชื่อแล้วตกไป ที่ชุมนุมคงยังตื่นๆอยู่ ยังตั้งตัวไม่ติด อาจหาจุดยืนได้ไม่ชัดเจน สะเปะสะปะไปบ้าง(ความเห็นส่วนตัวนะคะ)แต่เพราะความหวาดระแวงไม่มั่นใจที่เกิดขึ้น พร้อมๆกับหาสาเหตุไปด้วยว่าเพราะอะไร ประชาชนอย่างเราๆถึงไม่สามารถมอบความไว้วางรัฐบาลชุดนี้ได้ บวกกับประสบการณ์ในการชุมนุมครั้งที่แล้วๆมา จึงคิดว่าสาเหตุใหญ่มาจากต้นตอคือรัฐบาลทั้งชุดค่ะที่ยอมเป็นเครื่องมือให้คุณทักษิณ จึงนำไปสู่การยกระดับข้อเรียกร้องน่ะค่ะ แต่หลังๆมานี้ ข้อเรียกร้องเริ่มชัดเจนและมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นแล้วไม่ใช่หรือคะ คือเน้นเรื่องการให้รัฐบาลออกมายืนยันให้ความมั่นใจในเรื่องเงื่อนเวลาและกระบวนการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่ะค่ะว่าจะไม่เอื้อในเรื่องคดีความน่ะค่ะี่ หากคุณUncle Daveลองค่อยๆอ่านที่เราเอามาแปะให้(ขออนุญาตแล้วค่ะ)จะเข้าใจถึงว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง ทำไมถึงต้องระวังกันน่ะค่ะ ท่าทีของรัฐบาลนอกจากจะไม่มีสาเหตุที่จะไม่ออกมายืนยันกับพวกชุมนุมแล้ว ยังมีท่าทีที่เฉยเมยจนเกินไปด้วยค่ะ  อย่าลืมนะคะ ว่านี่เป็นกรณีระหว่างพวกชุมนุม กับรัฐบาลนะคะ  ไม่ใช่ ไม่ใช่กรณีระหว่างพวกชุมนุมด้วยกัน  หรือรัฐบาลด้วยกัน ใครอยู่ในฐานะที่เป็นใหญ่กว่า มีกลไกมีอำนาจเหนือกว่า คุณUncle Daveคิดว่าใครควรมีความระแวงระวังมากกว่าคะ นี่ก็พยายามวิเคราะห์ค่ะว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่รับประกันให้ควา่มมั่นใจออกไปเลย ง่ายนิดเดัยว แค่นี้ที่ชุมนุมก็คงหมดความชอบธรรมไปได้หลายส่วนค่ะ จากคุณ : stand with a fist - [ 11 มิ.ย. 51 14:28:27 A:58.9.180.138 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 อืมม์.... ที่ฝ่ายม๊อบยกเหตุผลที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมาในเวลานี้ ก็เพราะอ้างว่า ไม่สบายใจ ไม่อยากรัฐธรรมนูญไปช่วยให้ทักษิณพ้นผิด ซึ่งรัฐบาลก็ยอมถอย ยอมพักเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไประยะหนึ่งเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย สำหรับความเป็นห่วงในเรื่องกฏหมาย เกี่ยวกับ คตส.ที่ยกขึ้นมานั้น  ก็สามารถส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ  ซึ่งก็จะสามารถทราบได้ในเวลาไม่นานอยู่แล้ว และสถานะของ คตส. ก็ขึ้นอยู่กับการตีความของรัฐธรรมนูญปี 50 ล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับอื่นเลย ถ้าศาลฯ ตัดสินว่า คตส.ไม่มีอำนาจ ก็เป็นเพราะรัฐธรรมนูญปี 50 เองไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง แต่ถ้าศาลตัดสินว่า คตส.มีอำนาจโดยถูกต้องชอบธรรม เรื่องก็เป็นไปตามแนวทางที่มีแต่เดิมคือ คตส.สรุปเรื่องส่งฟ้องศาลยุติธรรม   แต่ว่าถ้าหากศาลตัดสิน คตส.มีอำนาจเพราะมาตรา 309 (เพราะถ้าคงได้  ด้วยมาตรานี้จะเป็นการตีความที่ซับซ้อนมาก) อันนี้ก็ต้องมาคุยกันอีกทีว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยกเลิกมาตรานี้หรือไม่ .. มีเหตุผลอะไร.. ต้องนำมาสู่การพิจารณ์สาธารณะ และถ้าจะยกเลิกจะคงบทเฉพาะกาลอะไรไว้เพื่อให้อำนาจ คตส. ผมว่าเป็นเด็นร้อนแรงอย่างนี้เมื่อมีการนำเข้าสู่การพิจารณา รัฐบาลคงไม่สามารถเพิกเฉยได้ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้... แน่นอนว่ารัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นข้อกังวลนี้เป็นข้อกังวลที่หวั่นวิตกไปเอง เราคงต้องดูคำตัดสินของศาลเสียก่อนถึงจะรู้ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมันสามารถไปเกี่ยวข้องกับการทำให้พ้นผิดหรือไม่ ซึ่งเชื่อแน่ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ตัดสินเข้าข้างทักษิณแน่นอน แต่ตอนนี้เรายังไม่ทราบคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับ คตส. เลย รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จก่อนการตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญคงเป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีกระบวนการอีกมากอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการญัตติเสนอแก้ไขเข้าไปใหม่ , การศึกษาหาแนวทางจากทุกพรรค , การสรรหาตัวแทนในการร่าง , การฟังเสียงประชาชน , การลงประชามติ , จนไปถึงการบังคับใช้ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้แต่ละขั้นตอนกว่าจะแล้วเสร็จคงต้องใช้เวลา  เพราะเป็นที่จับตาของประชาชนทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่รัฐธรรมนูญจากการทำปฏิวัติที่จะทำทุกอย่างได้ดังใจ ที่สำคัญการไม่ใช่เวลาเร็ว ๆ นี้แน่นอน โดยเฉพาะปัจจุบัน เมื่อมีกระแสต่อต้านขนาดนี้ รัฐบาลไม่สามารถฝืนกระแสได้หรอกครับ อันนี้เป็นการตอบโจทย์ความไม่สบายใจในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้พ้นผิด แล้วประชาชนในภาคส่วนอื่นนอกเหนือจากพันธมิตร ไม่ได้เรียกร้องให้ยกเลิกการชุมนุมนะครับ เพียงแต่ขอให้.... ---- ขอให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่สร้างความกดดันให้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ---- ขอให้ข้อเรียกร้องของพันธมิตรมีเหตุผลที่รับฟังได้ ที่คุณบอกว่าตอนนี้พันธมิตรยังเปะปะ ไม่รู้ว่าควรจะเรียกร้องอะไร อันนี้ผมขอแย้งอย่างสิ้นเชิงครับ ... เพราะผมฟังการชุมนุม เป็นประจำ เห็นความเป็นยูนิตี้ของแกนนำเป็นอย่างยิ่ง ว่าทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกัน และผ่านการวางแผนวิเคราะห์กลั่นกรองมาอย่างดี มีความเห็นร่วมกันว่าเป้าหมายคือการขับไล่รัฐบาล ซึ่งความสำเร็จขึ้นอยู่กับประชาชนส่วนใหญ่ จะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ดูจากสภาพการณ์ในปัจจุบัน เห็นว่าคงยากที่คนทั่วไปจะเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้ ทั้งนี้ขอย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่พันธมิตรต้องการ จากการประเมินที่ผ่าน ๆ มาคงไม่ใช่แค่สัญญาจากรัฐบาลว่าจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญในระยะนี้ .... แต่สิ่งที่แกนนำต้องการก็คือ การต้องการไล่รัฐบาลออกให้ได้  (ซึ่งเรื่องนี้สังคมมองว่าเป็นเรื่องหลัก เหตุผลอื่นนั้นเป็นแต่เพียงยกขึ้นมาประกอบเพื่อสนับสนุนเรื่องนี้เท่านั้น เพราะมีการเปลี่ยนธงไปเรื่อย ๆ เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การไล่รัฐบาล ซึ่งตามรูปการณ์แล้วไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะขาดเหตุผล ความชอบธรรม ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ  นอกเสียจากจะมีการปะทะกันจนบ้านเมืองพัง หรือไม่ก็มีทหารออกมาปฏิวัติอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นพูดไปพูดมาก็วนมากลับมาที่เดิมที่ ซึ่งผมก็คงสรุปเหมือนที่คุณ stand with a fist ได้กล่าวไว้ว่า " ที่เรามีความเห็นแบบนี้ไม่ใช่เราเห็นทางออกของปัญหาแล้วหรอกนะ ยังนึกไม่ออกเหมือนกัน เพราะรัฐบาลชนะเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง คงไม่มีอะไรทำได้ดีไปกว่า ขอส่งเสียงดังๆว่า รัฐบาลช่วยเปลี่ยนทัศนคติทีเถอะ พวกเราจะทนไม่ได้อยู่แล้ว" เพียงแต่ประชาชนอีกส่วนก็คอยอยู่ว่าเมื่อไหร่พันธมิตรจะมีความคิดที่มีเหตุผลเหมือนคุณ stand with a fist เสียที เพราะเมื่อรัฐบาลแสดงท่าทียอมถอยแล้ว เมื่อไหร่พันธมิตรจะยอมถอยเพื่อเปิดให้มีทางสำหรับการแก้ไขปัญหา... แต่ถึงอย่างไรโดยความเชื่อส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าพันธมิตรยังยืนยันท่าทีนี้ต่อไป พันธมิตรจะขาดแรงสนับสนุนจากสังคมส่วนใหญ่ไปเอง แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 18:32:40 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 18:23:20 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 18:11:24 จากคุณ : Uncle-Dave - [ 11 มิ.ย. 51 17:45:39 A:58.9.71.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอเสริมอีกนิดเดียวที่คุณบอกว่า "นี่ก็พยายามวิเคราะห์ค่ะว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่รับประกันให้ควา่มมั่นใจออกไปเลย ง่ายนิดเดัยว แค่นี้ที่ชุมนุมก็คงหมดความชอบธรรมไปได้หลายส่วนค่ะ" ตอนนี้สังคมส่วนใหญ่ก็อนุโมทนาสาธุ กับการที่รัฐบาลถอยมาสุด ๆ ขนาดนี้แล้ว และคนในรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นคุณสมัคร หรือ คุณจตุพร ก็แสดงท่าทีว่าจะยังไม่ยื่นเรื่องขอแก้ไขเข้าไปในระยะเวลานี้ อย่างน้อยก็ต้องลงประชามติเสียก่อน ซึ่งสังคมก็ค่อนข้างพอใจที่รัฐบาลจะไม่แตะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ขั้นตอนเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือ การศึกษาแนวทางการแก้ไขซึ่งก็มาจากทุกพรรค .. ตอนนี้ยังไม่มีการเริ่มเลยเสียด้วยซ้ำ ถือเป็นกระบวนการที่อีกยาวววววว นานมาก) แต่สภาพที่พันธมิตรเผชิญอยู่ในตอนนี้คือ  ก็คือสภาพที่คุณบอกว่า "ที่ชุมนุมก็คงหมดความชอบธรรมไปได้หลายส่วน"  นั่นแหละครับ จากคุณ : Uncle-Dave - [ 11 มิ.ย. 51 18:52:29 A:118.173.250.227 X: ]