ในที่สุดนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็ออกมายืนยันด้วยตัวเองในรายการ"สนทนาประสาสมัคร"ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ว่า รัฐบาลปิดประตูบอกปัดข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้านในอันที่จะอาศัยอำนาจนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายทั่วไปของรัฐสภาโดยไม่มีการลงมติ
มาตรา 179 บัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่คณะรัฐมนตรีเห็นสมควรจะฟังความคิดเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร(ส.ส.)และสมาชิกวุฒิสภา(สว.) นายกรัฐมนตรีจะแจ้งไปยังประธานรัฐสภาชขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้รัฐสภาจะลงมติในปัญหาที่อภิปรายมิได้
เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญตามมาตรานี้ก็เพื่อเปิดช่องทางให้มีเวทีสำหรับสมาชิกรัฐสภาในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ติติงตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเชิงสร้างสรรค์ โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนั่นคือไม่มีการลงมติ
นายสมัคร ใช้เวลาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดกล่าวในรายการ"สนทนาประชาสมัคร" ยืนยันว่าไม่ได้กลัวจะถูกอภิปรายซักฟอก แต่จะไม่มีการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 179 อย่างแน่นอนด้วยเหตุผลที่ว่า การเปิดสภาสมัยวิสามัญครั้งนี้ก็เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี และกฏหมายสำคัญเร่งด่วนอีก 3 ฉบับเท่านั้น จึงไม่มีเวลาที่จะพิจารณาเรื่องอื่นๆ
ส่วนเหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือ รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้แค่ 4 เดือน แต่กลับมีขบวนการที่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะเอาเป็นเอาตายรัฐบาลให้ได้
ฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีนอมินีแล้ว สาธารณชนต่างพากันตั้งข้อสงสัยเพราะไหนบรรดาคนในรัฐบาลประกาศอยู่เสมอว่า ไม่อยากให้การเมืองไปเล่นกันตามท้องถนน ซึ่งหมายถึงการชุมนุมกดดันของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยต้องการให้ไปเล่นกันในเวทีสภาแทน ซึ่งที่ผ่านมาพรรคฝ่ายค้านคือประชาธิปัตย์ก็มีจุดยืนชัดเจนและสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมที่ต้องการให้ใช้เวทีสภาเพื่อคลี่คลายวิกฤติการเผชิญหน้าทางการเมืองที่เกิดขึ้น
โดยที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ได้ผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านเพื่อศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีตัวแทนภาคประชาชนเข้ามีมีส่วนร่วมด้วย เพื่อขจัดเงื่อนไขอันจะนำไปสู่ความขัดแย้ง และล่าสุดพรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้ขอนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 179 เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป แต่ใช้เวทีสภาสลายบรรยกาศความตึงเครียดทางการเมืองและเป็นทางออกให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาล แต่ในที่สุดรัฐบาลก็บอกปัดเมินการใช้เวทีรัฐสภาอย่างน่าเสียดาย
การที่ นายสมัคร อ้างว่าเปิดสภาสมัยวิสามัญครั้งนี้เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีโดยเฉพาะก็จริงอยู่ แต่ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ปกติขณะนี้ หากรัฐบาลไม่ใจแคบก็น่าจะยืดหยุ่นและใช้โอกาสนี้อาศัยเวทีรัฐสภาเป็นทางออกผ่อนคลายความอัดอั้นผ่านการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลโดยพรรคฝ่ายค้านและสว. เพราะหากประชาชนไม่มีทางออกและรัฐสภาพึ่งไม่ได้ในฐานะตัวแทนปวงชน ประชาชนก็จะหันไปแสดงออกนอกสภานั่นคือร่วมการชุมนุม
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ารัฐบาลเพิ่งทำงานมาแค่ 4 เดือนประเด็นนี้ไม่ควรจะนำมาเป็นข้ออ้าง แค่แม้รัฐบาลทำงานเข้ามาทำงานแค่วันเดียวแต่สร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอย่างร้ายแรงก็สมควรถูกตรวจสอบซักฟอก
นอกจากนี้การที่อ้างว่า ฝ่ายค้านสามารถอภิปรายชำแหละรัฐบาลได้อยู่แล้วในการอภิปรายงบประมาณถือเป็นการตะแบงไปแบบน้ำขุ่นๆ และเป็นการสร้างวัฒนธรรมแบบศรีธนญชัย ทั้งนี้การอภิปรายทั่วไปซึ่งหมายถึงอภิปรายครอบคลุมการทำงานของรัฐบาลในทุกเรื่องกับการอภิปรายงบประมาณมันคนละเรื่องกัน
จากท่าทีของรัฐบาลที่ปิดประตูการใช้เวทีเป็นช่องทางระบายความอึดอัดทางการเมืองทำให้เชื่อว่าแนวโน้มสถานการณ์จะมีความเข้มข้นร้อนแรงมากขึ้นแน่นอน ขณะเดียวกันก็อาจเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลหุ่นเชิดสันหลังหวะกลัวถูกเปิดโปงและออกอาการปากกล้าขาสั่นผวาแม้กระทั่งเงาของตัวเอง
ขอบคุณ...ทีมข่าวการเมือง แนวหน้า
จากคุณ :
l.glnvd 
- [
16 มิ.ย. 51 13:31:22
A:222.123.211.6 X:
]
.....รัฐบาลหุ่นเชิดปากกล้าขาสั่น หนีถูกขึ้นเขียงสับคาสภา.....????
