สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ผู้ที่มักเอ่ยอ้างเสมอถึงการ "เอาธรรมนำหน้า" ในการต่อสู้ทางการเมืองระยะเวลา 2-3 ปีมานี้ แต่ทว่าจากพฤติกรรมของเขาทำให้คนจำนวนมากเกิดคำถามว่า บุคคลผู้นี้คู่ควรกับคำว่า "ธรรมะ" หรือไม่
การที่จะวิเคราะห์ว่าบุคคลใดมี "ธรรมนำหน้า" จริงหรือไม่ เราคงไม่ต้องดูไปไกลถึงธรรมะขั้นโลกุตระ คงไม่ต้องถึงกับเชิญเทพองค์นั้นองค์นี้มาคุยด้วย หรือคงไม่ต้องยกแม่น้ำทั้ง 5 มาสนับสนุนความดีงามแห่งตน เราเพียงดูได้จากคุณธรรมพื้นฐานง่าย ๆ คือ กายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ... ทีนี้เราลองมาดูกัน
วจีกรรม + มโนกรรม + กายกรรม ของสนธิ ลิ้มทองกุล
----- ในด้านหนึ่ง สนธิ มีภาพพจน์เป็นผู้ทรงภูมิ เป็นบุรุษผู้มีอาวุโสน่าเชื่อถือ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาไม่สบอารมณ์ใคร เขาก็พร้อมจะใช้วาทะเข้าทำลายล้างอย่างไร้คุณธรรม
อาทิเช่น หมวดเจี๊ยบที่เพียงแต่เขียนถึงทักษิณเท่านั้น แต่สนธิถึงกับโกรธเกรี้ยวลากโยงเรื่องบนเตียงให้ร้ายป้ายสีเธออย่างน่าละอาย ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายในสายเลือด โดยพยายามพูดให้คนเข้าใจว่า หมวดเจี๊ยบมีอะไรกับอดีตนายกฯ เรื่องแค่นี้คนที่เป็นลูกผู้ชายจริง แม้แต่คนจนข้างถนน เขาก็ไม่ทำกัน แต่คนมีธรรมะอย่างสนธิ ทำได้อย่างไร้ยางอาย
ยังไม่นับบรรดาคอลัมนิสต์มือเท้าของเขาในผู้จัดการ ที่พร้อมละเลงคราบ น้ำ G า.ม ใส่ใครก็ตามที่เขาไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็น ลีเดีย คุณหญิงสุดารัตน์ คุณชบา อุ๋งอิ๋ง ผู้หญิงเหล่านี้ล้วนแต่เคยโดนเล่นงานด้วยเรื่องสกปรกหรือเรื่องส่วนตัวมาแล้วทั้งนั้น เรื่องแบบนี้คนที่มีคุณธรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็แยกแยะได้ว่า เป็นการชกใต้เข็มขัด เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะเรื่องที่โจมตีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ในทางการเมืองเลย
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สื่อของสนธิจะมีเศษมนุษย์จิตวิปริต อย่างซ้อ 7 เพราะลึก ๆ แล้ว สนธิและลิ่วล้อในสังกัดก็เป็นสัดสปี่ชี่เดียวกันกับซ้อ 7 นั่นเอง
ความ บั ก ซบของสนธิและลิ่วล้อ ในการให้ร้ายคน มีอย่างทั่วถึงไม่เลือกหน้า ไม่ว่าจะเป็น บรรชิต นักวิชาการ ดารานักร้อง หรือ ประชาชนทั่วไป หากผู้ใดไม่คล้อยตาม หรือเกิดไม่สบอารมณ์เขาขึ้นมา สื่อสามานย์กลุ่มนี้จะบิดปากกาเข้าทิ่มแทงเยี่ยงอมนุษย์
มิหนำซ้ำ ยังมีขบวนการเปิดเผย ชื่อ-ที่อยู่ ของบุคคลนั้น เพื่อให้ฝูง ม๋ า คลั่งที่ถูกล้างสมอง ตามไปรังควานอย่างไร้สติ ... แม้กระทั่งการให้ร้ายคนรอบข้างหรือคนในครอบครัวของเหยื่อ เพียงเพื่อสร้างความบอบช้ำให้เหยื่อได้มากที่สุด โดยไม่สนใจคน ๆ นั้นว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นับเป็นวิถีของซาตานโดยแท้ (พฤติกรรมเหล่านี้เราเห็นจนชาชินจากเหล่าคอลัมนิสต์ของผู้จัดการ รวมไปถึงการเปิดอ้าซ่าให้โพส บรรดาสิ่งชั่วช้าที่กล่าวมาแบบรู้เห็นเป็นใจ)
เรื่องพวกนี้คนดีเขาทำกันหรือ ??? ..... เอาล่ะ มาดูเรื่องอื่นกันบ้าง
---- เราลองนับจำนวนคนที่สนธิเคยยกย่องแล้วพลิกกลับมาด่า หรือคนที่สนธิด่าแล้วพลิกลิ้นมายกย่อง เท่าที่พอนับได้ อาทิเช่น สนธิบัง สุรยุทธ์ สพรั่ง ทักษิณ เฉลิม บิ๊กจิ๋ว ชวน โพสทูเดย์ ประชาธิปัตย์ เซ็นทรัล
จะอ้างว่า เพราะคนเหล่านี้ทำชั่ว สนธิเลยต่อต้านก็ไม่น่าใช่ ยก ตย. ความผิดของทักษิณเรื่องไอทีวีก็ดี , ค่าเงินก็ดี ฯลฯ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วและก่อนหน้านี้สนธิเองเป็นผู้ออกมาปกป้องในเรื่องเหล่านี้เสียด้วยซ้ำ ทำไมสนธิจึงพลิกลิ้นกลับภายในเวลาชั่วข้ามคืน ซึ่งอาการเดียวกันนี้เองเกิดขึ้นกับหลายคนที่เขาเคยกระดกยกก้นให้ เช่น เฉลิม (ครั้งหนึ่งเคยถูกยกย่องจากสนธิว่า เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี) หรือ สพรั่ง ผู้ที่เคยถูกยกว่าเป็นวีรบุรุษ
เรื่องการผิดใจหรือแว้งกลับมาทำร้ายผู้ที่เคยคบหากันนี้ ได้เป็นยี่ห้อประจำตัวของสนธิไปเสียแล้ว
---- การแบล๊คเมย์กลางอากาศ ที่เขามักใช้บ่อย ๆ เช่นกรณีของคุณหญิงทิพาวดีที่ถูกขู่ว่าจะเอาเรื่องคอรัปชั่นมาแฉ เมื่อไม่สบอารมณ์กรณีไอทีวี , การด่าเมื่อไม่ได้ดังใจ เช่น กรณีของเบียร์ช้าง หรือ ซีพี (ซึ่งเลิกด่าไปเฉย ๆ เมื่อมีโฆษณาเข้า)
---- อนันตริยกรรม (บาปที่ให้อภัยไม่ได้) ที่สนธิ ลิ้ม ทำต่อประเทศและระบอบประชาธิปไตยไทย คือการปูทางและเรียกร้องให้ทหารปฏิวัติ ซึ่งก่อให้เกิด ผลเสียหาย การถดถอย และ การเสียโอกาส ของชาติมากเพียงใดเป็นเรื่องที่ไม่ต้องบรรยาย
แต่คนผู้นี้ไม่เคยคิดเลิก ไม่เคยแม้แต่จะสำนึก ประดุจว่าการได้มาซึ่งชัยชนะโดยไม่เลือกวิธีใช้ ได้ฝังลึกเข้าไปในสานดานของเขาเสียแล้ว
วิธีการไม่ชนะไม่เลิกของเขานั้น ล่าสุดได้บานปลายจนถึงขั้นเป่านกหวีดเรียกประชาชนออกมาแตกหัก เมื่อเห็นว่าทหารคงไม่ออกมาปฏิวัติตามคำเรียกร้อง ... ซึ่งวิธีการนี้ลึก ๆ แล้วก็คือการสร้างเงื่อนไขความวุ่นวาย เปิดทางให้ทหารเข้ามามีส่วนในการเปลี่ยนแปลง เพื่อตอบสนองตัณหาของเขานั่นเอง
---- สนธิ ย้ำเสมอว่าเทิดทูนแนวคิด ทฤษฏีเศรษฐกิจ "พอเพียง" ทั้ง ๆ ที่สนธินั้นเป็นทุนนิยมตัวจริง ดูได้จากแนวคิดและวิธีดำเนินธุรกิจของเขา รวมไปถึงการใช้ชีวิตที่เป็นนักบริโภคนิยมแบบอเมริกันชน ซึ่งสังคมประจักษ์มาตลอด นี่ยังไม่รวมถึงความฟุ้งเฟ้อของเครือผู้จัดการก่อนการล่มสลายทางเศรษฐกิจ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดเรื่อง "ความพอเพียง" อย่างสิ้นเชิง
อันที่จริง เรื่องการใช้เงินไม่ใช้เรื่องผิด เพราะเป็นเงินของเขาเอง แต่เขาก็ไม่ควรตลบแตลงลวงโลกว่า เทิดทูดปรัชญาพอเพียงเสียเต็มประดา
จากข้อนี้ จึงมีอีกคำถามหนึ่งเกิดขึ้นสำหรับสนธิ ลิ้ม และเครือผู้จัดการ ก็คือ...
การต่อต้านทุนนิยมสามานย์ที่สนธิมักอ้างถึง เป็นเพียงความพยายามล้มล้างกลุ่มทุนฝ่ายตรงข้าม เพื่อผลักดันกลุ่มทุนและพรรคการเมืองที่สนับสนุนกิจการของเขา ให้ขึ้นมามีอำนาจแทนที่ใช่หรือไม่ ?????
----- แบ่งแยกประชาชน โหมไฟให้มีการเลือกข้าง สนธิใช้ทุกยุทธวิธีตั้งแต่เริ่มแรก สร้างให้เกิดการแบ่งแยก ความเกลียดชังและการเผชิญหน้าในหมู่ประชาชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
คำพูดปลุกระดมเช่น ถึงเวลาติดดาบปลายปืน เราต้องเลือกข้าง หรือการเดินสายปลุกระดมแบ่งเหนือแบ่งใต้ การบีบคั้นให้คนคิดต่างไม่มีที่ยืนในสังคม การผลักดันคนที่คิดไม่เหมือนตนให้เป็นศัตรู ฯลฯ สิ่งเหล่านี้คือ "ทำหินแตกแยกแผ่นดิน"
ไม่ว่าประเทศจะเกิดความร้าวฉาน บอบช้ำสักเพียงใด สนธิไม่เคยเก็บมาคิด เขาเดินหน้าเพื่อชัยชนะเท่านั้น.... ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ ห นั ก แผ่นดินเกิด จริง ๆ
*** เราจะไม่ถามว่าสนธิเป็นใครเมื่อในอดีต และในอดีตสนธิเคยทำอะไรไว้ เพราะเป็นเรื่องยากแก่การพิสูจน์ เราเพียงเรียบเรียงการกระทำของสนธิ ที่ทุกคนได้เห็นในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ว่า...
แท้จริงแล้ว สนธิ ได้ใช้ "ธรรมนำหน้า" จริงหรือไม่ ? หรือธรรมะ ที่เขาคลุกคลีและพร่ำบ่นนั้นมิได้ซึมซาบเข้าสู่ตัวตนของเขา เฉกเช่นเดียวกับ ส่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูป ที่หาได้ซาบซึ้งกับพุทธรรมไม่
แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 51 13:54:29
จากคุณ :
Uncle-Dave
- [
19 มิ.ย. 51 13:52:10
A:58.9.71.182 X:
]