รศ.ดร. ฐิตินันท์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้กลุ่มพลังเงียบ ถ้ายังเงียบอยู่ก็จะโดนคนกลุ่มน้อยยึดระบอบประชาธิปไตยนี้ไป ทำไมกลุ่มพันธมิตรฯต้องมากำหนดชะตากรรมของประเทศไทย ตนไม่เข้าใจเหมือนกัน อนาคตของไทยมันเป็นของคนทั้งประเทศ เราต้องดูด้วย ถ้าเป็นสมัยนายกฯทักษิณ ตนเห็นด้วยเอาด้วยที่จะขับไล่ เพราะการเมืองครรลองต่างๆมันโดนครอบงำผูกขาดจริง เป็นง่อยถูกบิดเบือน ทำให้เกิดการปู้ยี้ปู้ยำ ทับซ้อนผลประโยชน์แอบแฝง ตอนนี้รัฐบาลสมัครยังไม่เป็นถึงสมัยรัฐบาลทักษิณ ยังมีการคานอำนาจกันอยู่ เพราะรัฐธรรมนูญปี 40 กับรธน.ปี 50 มันต่างกัน
ผมคิดว่าตอนนี้มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วย คือไม่ได้ชอบรัฐบาลสมัคร แต่ก็ไม่ชอบที่กลุ่มพันธมิตรมาขับไล่ แต่กลุ่มพลังเงียบนี้บางคนก็ไม่อยากจะเปลืองตัว เจ็บตัว หากออกมาคัดค้านแล้วก็ถูกโจมตี ผมเชื่อว่าหากมีคนออกมาเพียง 2 คน มันเจ็บตัว แต่ถ้าเป็นพันเป็นหมื่นคนที่แสดงความคิดเห็นว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ เขาก็จะทำอะไรเราไมได้ มันถึงเวลาที่พลังเงียบต้องออกมาได้แล้ว โดยอาจใช้ริบบิ้นสีขาว หรือสวมเสื้อเหลืองผูกริบบิ้นสีขาว หรือให้มีการทำวิจัยเรื่องนี้ให้ชัดเจน " รศ.ดร.ฐิตินันท์ กล่าว
รศ.ดร.ฐิตินันท์ กล่าวต่อว่า รู้สึกเสียดายที่พรรคประชาธิปปัตย์ ไม่ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เสนอทางออก การชูวาระประชาชนก็เป็นเพียงคำโฆษณาผิวเผินและฉาบฉวยเพื่อชนะการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ปชป.ยังทำตัวเหมือนเป็นพันธมิตรฯในสภาฯ คือ มีการเอื้อกัน ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพันธมิตรฯ ขอถามว่าเขายังได้รับเงืนเดือนส.ส.อยู่หรือไม่ ถ้าได้รับเงินตรงนี้แล้วทำไมต้องไปทำหน้าที่นอกสภาฯ ถ้าอ้างสิทธิ์ก็อ้างได้ แต่ถ้ามีสิทธิ์แล้วก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ไม่เช่นนั้นสังคมเราจะมึนเมากับเรื่องสิทธิเสรีภาพอย่างเดียวโดยที่ไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
พรรคนี้คว่ำบาตรการเลือกตั้งมาครั้งหนึ่ง และการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็แพ้ เขาบอกว่าเขาได้ส.ส.มากสุดในประวัติการณ์ คุณจะมองยังไงละ กรรมการก็อยู่ข้างคุณ กติกาก็อยู่ข้างคุณ คู่ต่อสู้ก็ถูกมัดมืออยู่ข้างหลัง แต่คุณก็ยังแพ้ขนาดนี้ แล้วหากยังคิดว่าเป็นชัยชนะก็อาจจะเข้าข้างตัวเองมากไปนิดหนึ่ง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วต้องพิจารณาเปลี่ยนหัวหน้าพรรค ไม่งั้นเราก็จะเป็นได้แค่นี้ ไม่มีทางออก เราต้องการให้ปชป.ช่วยเราหาทางออก เขาเป็นพรรคฝ่ายค้านในสภาฯ เราต้องการหาคำตอบจากในสภาฯ
รศ.ดร.ฐิตินันท์ ยังกล่าวถึงการสลับขั้วเปลี่ยนรัฐบาลโดยชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายก ว่า มีความเป็นไปได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสมเพชเวทนา น่าอับอาย และน่าละอายใจมากที่สุด อยากเป็นแกนนำรัฐบาลแต่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ ต้องมาอาศัยกระบวนการนอกสภาเอื้อกันระหว่างประชาธิปัตย์กับกลุ่พันธมิตรฯ ท้ายสุดได้มาเป็นนายกฯโดยเข้าทางประตูหลัง มันเป็นนิมิตรหมายที่ไม่ดีในระบอบประชาธิปไตย เป็นผมคงละอายมาก ที่เล่นตุกติกทางการเมืองแล้วมาสวมรอยยึดอำนาจแทนกัน รศ.ดร.ฐิตินันท์
ไปอ่านเต็มๆ ที่
http://www.prachatouch.com/content.php?id=6144
จากคุณ :
รบ พารากอน
- [
22 มิ.ย. 51 18:19:37
A:58.8.91.208 X:
]